“เกิดผลในพระคริสต์….เกิดความกล้าหาญ”
ไม่กล้า แปลว่า กลัว เรามักจะได้ยินคนทั่วไปพูดคำว่า ไม่กล้า เพราะ…..กลัวไม่มีความรู้บ้าง กลัวไม่มีเงินบ้าง กลัวไม่มีอำนาจบ้าง กลัวไม่เป็นที่รู้จัก กลัวไม่มีชื่อเสียง กลัวไม่มีประสบการณ์ กลัวเพราะเคยล้มเหลวมาก่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะสรรหามาเป็นเหตุผลของการไม่กล้าหรือกลัว…ในสถานการณ์ ในเวลา ในสถานที่นั้นๆ ความกลัว เป็นคำที่ตรงกันข้ามกับความกล้าหาญ คนไทยเรามีคำพูดติดปากเกี่ยวกับความกลัว ยิ่งกลัวอะไรยิ่งเจอสิ่งนั้น เลยมีการปลอบใจตัวเองว่า ไม่กลัว ไม่กลัว คือการสื่อความหมายว่า ต้องไม่มีความกลัว เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความกลัวและความกล้าหาญ เพราะว่า ความกล้าหาญไม่ได้หมายความว่าความกลัวจะหายไป ความจริงความกลัวยังอยู่ แต่ความกลัวไม่สามารถมีอิทธิพลในสถานการณ์ เวลา หรือสถานที่นั้นๆ นิยามคำว่า ความกล้าหาญ คือความสามารถในการเผชิญหน้ากับความกลัว ความเจ็บปวด อันตราย การเสี่ยงภัย ความไม่แน่นอน การข่มขู่ “ความกล้าหาญภายนอก” คือความกล้าหาญหรือความอดทนเมื่อต้องพบกับความเจ็บปวดทางกาย ความลำบาก ความตาย การคุกคามเอาชีวิต “ความกล้าหาญภายใน” คือความสามารถในการทำงานหรือกิจการต่างๆ อย่างถูกต้องเป็นธรรม ถึงแม้ว่าจะต้องพบกับการคัดค้านอย่างกว้าง ขวาง ถึงแม้ว่าจะต้องพบกับความอับอาย เรื่องอื้อฉาว และการบั่นทอนกำลังใจ หากคุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ใดที่ทำให้กลัว แต่ยังยืนหยัดดำรงอยู่ในสถานการณ์นั้นได้ คุณคือคนที่กล้าหาญ หากคุณกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดทางกาย ความลำบาก และคุณยังอยู่ได้ คุณคือคนที่กล้าหาญ หากเวลานี้คุณสึกท้อ รู้สึกแย่ รู้สึกกลัว และรู้สึกไม่ไหว นั่นคือ ภาวะของการประคับ ประคองความกล้าหาญที่กำลังแผ่วลง อย่าตกใจที่ความกล้าหาญกำลังแผ่วลง และความกลัวถาโถมเข้ามา นี่คือวงจรของชีวิตมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่า เราจะรู้จักวิธีที่จะสวิงกลับไปที่ความกล้าหาญได้อย่างไร และเอาชนะความรู้สึกกลัวได้อย่างไร ในพระคัมภีร์มีคำตอบสำหรับเราในวันนี้จากหนังสือกิจการซี่รี่ส์ ในหัวข้อวันนี้คือ เกิดผลในพระคริสต์…เกิดความกล้าหาญ ชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์…กลายเป็นแหล่งกำเนิดหรือที่ชาร์ทพลังแห่งความกล้าหาญได้กิจการ 4:13-31 13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู14 เมื่อเขาเห็นคนนั้นที่หายโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่มีข้อคัดค้านที่จะพูดขึ้นได้15 แต่เมื่อสั่งให้เปโตรกับยอห์นออกไปจากที่ประชุมแล้ว เขาจึงปรึกษากัน16 ว่า “เราจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้ เพราะการที่เขาได้กระทำหมายสำคัญอันเด่น คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้กันแล้วและเราปฏิเสธไม่ได้17 แต่ให้เราขู่เข็ญห้ามไม่ให้พูดอ้างชื่อนั้นกับผู้หนึ่งผู้ใดเลย เพื่อเรื่องนี้จะไม่ได้เลื่องลือแพร่หลายไปในหมู่คนทั้งปวง”18 เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมาแล้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่ให้พูด หรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีกเลย19 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นตอบเขาว่า “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้า ขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้”21 เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีก แล้วก็ปล่อยไป ไม่เห็นมีเหตุที่จะทำโทษท่านอย่างไรได้เพราะกลัวคน เหตุว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้า เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยหมายสำคัญนั้นมีอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้ว ท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน24 เมื่อเขาทั้งหลายได้ฟังจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์แผ่นดินโลก ทะเลและสรรพสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น25 พระองค์ตรัสไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเรา ผู้ รับใช้ของพระองค์ ว่า ‘เหตุใดชนต่างชาติจึงหยิ่งยโส และชนชาติทั้งหลายปองร้ายกันเปล่าๆ 26 บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตัวขึ้น และนักปกครองชุมนุมกัน ต่อสู้พระเจ้าและผู้รับการเจิมของพระองค์’ 27 ความจริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรดและปอนทัสปีลาตกับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล ได้ชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงเจิมไว้แล้ว28 ให้กระทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์ และพระดำริของพระองค์ได้กำหนด ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว ให้เกิดขึ้น29 บัดนี้พระองค์เจ้าข้า ขอโปรดทอดพระเนตรการขู่ของเขา และโปรดประทานให้ผู้รับใช้ของพระองค์ กล่าวถ้อยคำของพระองค์ด้วยใจกล้า30 ในเมื่อพระองค์ได้ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออกรักษาโรคให้หาย และได้โปรดให้หมายสำคัญกับการอัศจรรย์บังเกิดขึ้น โดยพระนามแห่งพระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์”31 เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ ก่อนหน้านี้ ในคืนที่พระเยซูถูกอายัด และถูกจับไปที่บ้านของมหาปุโรหิต เปโตรได้ติดตามไปสังเกตการณ์ห่างๆ แค่มีเด็กคนใช้ถามว่า เปโตรเคยอยู่กับพระเยซูใช่ไม๊ เปโตรปฏิเสธถึงสามครั้ง และก็หนีไปด้วยความกลัว แต่วันนี้ เปโตรกำลังเผชิญหน้ากับคายฟาสพร้อมทั้งผู้ใหญ่ในสังคมของคนยิว ที่มีหน้าที่ปกครองคนยิวภายใต้อาณาจักรโรมเวลานั้น เปโตรเป็นอีกคนที่พระคัมภีร์บันทึกว่า มีความกล้าหาญ เปโตรกลับมาอีกครั้งโดยการถูกจับมาติดคุกและต้องเผชิญหน้ากับคนเดิมและมากกว่าเดิม 5 ครั้นรุ่งขึ้นพวกผู้ครอบครองกับพวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ได้ประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม6 ทั้งอันนาสมหาปุโรหิตและคายาฟาส ยอห์นอเล็กซานเดอร์ กับคนอื่นๆ ที่เป็นญาติของมหาปุโรหิตนั้นด้วย 7 เมื่อเขาให้เปโตรและยอห์นยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาแล้ว จึงถามว่า “ท่านทั้งสองได้ทำการนี้โดยฤทธิ์หรือในนามของผู้ใด”คาดว่า นี่คือสภาซานเฮดดรินของสังคมยิวเวลานั้น ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ใหญ่ประมาณ 71คน พระคัมภีร์ได้บันทึกลักษณะความกล้าหาญของเปโตรดังนี้ 8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวแก่เขาว่า “ดูก่อน ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย9 ถ้าท่านทั้งหลายจะถามข้าพเจ้าในวันนี้ ถึงการกุศลซึ่งได้ทำแก่คนป่วยนี้ว่า เขาหายเป็นปกติโดยเหตุอันใดแล้ว10 ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่าน จึงได้หายโรคเป็นปกติ11 พระองค์เป็น ศิลา ที่ท่านทั้งหลายผู้เป็น ช่างก่อได้ทอดทิ้ง ซึ่งได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว คำพูดของเปโตรเป็นทั้งคำตอบที่พวกผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจ มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง ได้ถามเปโตรว่า เปโตรกระทำการต่างๆด้วยฤทธิ์หรือในนามของใคร นอกจากเปโตรตอบคำถามแล้ว เปโตรยังเสริมสิ่งที่ไม่ได้ถูกถาม คือ สิ่งที่คนเหล่า นี้ได้กระทำต่อพระเยซูด้วยการฆ่า ให้ตาย และเมื่อพระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายทำลายการโกหกหลอกลวงทั้งปวงที่เหล่าพวกมหาปุโรหิตกล่าวหาพระเยซูและยังปกปิดการฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซูอีก เป็นการทำให้ชนชาติอิสราเอลต้องพบกับความเสียหายจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้ เปโตรใช้สำนวนว่า 11 พระองค์เป็น ศิลา ที่ท่านทั้งหลายผู้เป็น ช่างก่อได้ทอดทิ้ง ซึ่งได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว คือการบอกว่า พวกผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ก่อ(ผู้นำชนชาติอิสราเอล) กลับกลายเป็นผู้ทำลาย ด้วยการทอดทิ้งศิลามุมเอก ที่จะทำให้ชนชาติอิสราเอลเข้มแข็งกล้าหาญแทนที่ความอ่อนแอและความกลัวที่ชนชาติอิสราเอลกำลังเผชิญในฐานะเชลยของอาณาจักรโรม ประโยคที่เปโตรกล่าวอ้างนี้มาจากพระคัมภีร์เดิมสดุดี 118:12 ซึ่งคล้องจองกับสถานการณ์ที่อิสรเอลเป็นอยู่ 13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู14 เมื่อเขาเห็นคนนั้นที่หายโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่มีข้อคัดค้านที่จะพูดขึ้นได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความกล้าหาญของเปโตรในการพูดถึงความจริงที่ไม่สามารถคัดค้านได้จากอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นมุมของชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์ที่ชัดเจน สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน และมีคำตอบที่ชัดเจนมากกว่าคำถาม นั่นคือการวิเคราะห์คนที่ถามไปด้วย ในขณะที่คนที่ถามได้ข่มคนตอบด้วยการจับติดคุกไปแล้วหนึ่งคืน (สำหรับคนที่กลัวติดคุกอีก ก็จะไม่กล้าวิเคราะห์ในเชิงลบต่อผู้ที่ถาม) มีแต่จะเอาใจ และเลี่ยงที่จะพูดความจริง นี่ไม่ใช่ลักษณะของคนที่เกิดผลในพระคริสต์ เปโตรเป็นแบบอย่างของคนที่เกิดผลในพระคริสต์ กุญแจสำคัญคือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวแก่เขาว่า “ดูก่อน ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งในกิจการตอนต้น ได้กล่าวถึงการรอคอยรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ และเปโตรก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ได้จบเพียงแค่ครั้งเดียว และพระคัมภีร์ตอนนี้ได้บันทึกถึงความต่อเนื่องของการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็คือ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ หมายถึงการยอมให้ลิ้นของเราที่ควบคุมยากที่สุด อยู่ภายใต้การกำกับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แทนที่จะเป็นจิตใจของตัวเราเอง ลักษณะการเต็มล้นของเปโตรเวลานี้คือการพูดภาษาที่คนยิวเข้าใจ มิใช่ภาษาที่คนไม่เข้าใจ เปโตรสามารถสื่อสารจนพวกผู้ใหญ่ในสภาซานเฮดรินประหลาดใจ 13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู คำว่า ขาดการศึกษา แปลว่า ไม่เคยเรียนหนังสือ อ่านก็ไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ ส่วนความหมายของคำว่า คนสามัญ รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า คนที่ถูกมองข้าม ไม่มีความสำคัญอะไรในสายตาของคนทั่วไป คนที่ขาดการศึกษาและไม่สำคัญ น่าจะมีความกลัว แต่ทำไมไม่กลัว คำตอบที่พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่พบก็คือ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู คำว่า สำนึก รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า ได้เห็นเครื่องหมายสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับที่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือความกล้าหาญในพระเยซูต่อหน้ามหาปุโรหิต หรือแม้กระทั่งปิลาต App. ความกล้าหาญแบบเปโตร อาจเลียน แบบได้ แต่สิ่งที่พิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ ก็คือ การกระทำ คำพูดและวิธีคิดของเราทำให้คนอื่น คิดถึงพระเยซู นี่คือเครื่อง หมายที่ติดตัวคริสเตียนทุกคน พระคัมภีร์วิวรณ์ได้กล่าวถึงวาระสุดท้ายผู้คนจะมีเครื่องหมายติดที่หน้าผากและข้อมือ วิวรณ์ 14:11-13 11 และควันแห่งการทรมานของเขาพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์ และคนทั้งหลายที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และที่รับเครื่องหมายชื่อของมัน จะไม่มีการพักผ่อนเลยทั้งกลางวันและกลางคืน” 12 นี่แหละความอดทนซึ่งพวกธรรมิกชนคือผู้ที่ประ พฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และดำเนินตามความเชื่อของพระเยซูจะต้องมี 13 และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป คนทั้งหลายที่ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข” และพระวิญญาณตรัสว่า “จริงอย่างนั้น เขาได้หยุดพักจากการงานของเขา เพราะการงานที่เขาได้กระทำนั้นจะติดตามเขาไป” พระคัมภีร์วิวรณ์กำลังบอกเราว่า สิ่งที่สร้างความแตกต่งคือเครื่องหมายในตัวคน ความกล้าหาญในการยอมตายเพื่อพระเยซูคริสต์ทำให้คริสเตียนไม่ยอมให้เครื่องหมายของสัตว์ร้ายอยู่ในตัวของเขา ก้าวแรกของความกล้าหาญในการตายเพื่อพระคริสต์ก็คือ การปฏิเสธวิถีชีวิตที่ยึดติดกับรูปเคารพต่างๆ เดี๋ยวนี้รูปเคารพในชีวิตคริสเตียนได้แปรรูปไปในลักษณะต่างๆ วิธีที่เราจะตรวจสอบตัวเราเองว่า เรากำลังมีรูปเคารพหรือเครื่องหมายของสัตว์ร้ายหรือไม่ ก็คือ เราขาดสิ่งนั้นไม่ได้ เราจะเป็นจะตาย จะชักดิ้นชักงอ มีสภาพเหมือนคนติดยา ต้องเสพมัน ไม่อย่างนั้นจะลงแดง อาการลงแดงคือ หงุดหงิดอารมณ์เสีย ตาขวาง เสียงดัง ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ใช้ถ้อยคำรุนแรง และแม้กระทั่งใช้กำลังทำลายข้าวของ จงรู้เถิดว่า คุณกำลังมีรูปเคารพหรือเครื่องหมายของสัตว์ร้ายในตัวคุณแล้ว วิธีแก้ไขคือ การหันกลับ 180 องศา คืออะไร กลับใจใหม่ ข้าพเจ้าเคยพาคนติดยาไปถานบำบัด คนดูแลพูดคำเดียว ต้องหักดิบ สามวันรู้ผล นั่นแปลว่า คุณจะอะลุ้มอะล่วย ขอนิดขอหน่อยไม่ได้ ต้องหักดิบ หันกลับตรงกันข้าม มิฉะนั้น เครื่องหมายของสัตว์ร้ายก็ยังอยู่ในตัวคุณ การหักดิบคือความกล้าหาญที่เป็นเครื่องหมายของพระเยซูในตัวคุณ และนี่คือสิ่งที่พวกมหาปุโรหิตทำอะไรเปโตรไม่ได้ พวก มหาปุโรหิตไม่สามารถจะโกหกหรือกล่าวหาอะไรที่เป็นเท็จต่อเปโตรได้ ทำได้อย่างเดียวคือขู่ให้กลัว และนี่คือภาพที่สอนเราทั้งหลายในการเผชิญกับความกลัวอย่างผู้ที่เกิดผลในพระคริสต์….เกิดความกล้าหาญได้อย่างต่อเนื่อง
1.เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากกลัวพระเจ้า กิจการ 4:18-22
18 เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมาแล้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่ให้พูด หรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีกเลย19 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นตอบเขาว่า “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้า ขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้”21 เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีก แล้วก็ปล่อยไป ไม่เห็นมีเหตุที่จะทำโทษท่านอย่างไรได้เพราะกลัวคน เหตุว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้า เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยหมายสำคัญนั้นมีอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว คนที่กลัวพระเจ้า ไม่ได้กลัวอย่างปีศาจกลัวพระเจ้า แต่คนที่กลัวพระเจ้าคือคนที่ยำเกรงพระเจ้า และรู้จักตัวเองคือใคร และรู้จักพระเจ้าว่าพระองค์คือผู้ใด แต่คนที่ไม่กลัวพระเจ้า เป็นคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง จึงดำเนินชีวิตอย่างคนที่ไม่กลัวพระเจ้า หรือสำนวนคนไทยคือ ช่างไม่รู้ว่าเงาหัวตัวเองจะไม่มีในวันหนึ่ง ดังนั้นความหมายของการกลัวพระเจ้า คือ การตระหนักว่าพระเจ้าเป็นผู้ใด และตัวเราเองเป็นใคร เราได้เห็นเปโตรกับยอห์นตอบคำขู่ให้กลัวด้วยการกลัวพระเจ้ามากกว่ากลัวผู้ที่ข่มขู่ “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้า เปโตรและยอห์นได้ใช้คำสอนของพระเยซูทรงในการเผชิญกับสิ่งที่ทำให้กลัว มัทธิว 10:28 28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ จุดเด่นของการบันทึกของหนังสือกิจการโดยหมอลูกา มักจะให้ผู้อ่านสังเกตอาการของคน ไม่ว่า จะเรื่องของอาการของร่างกาย หรือกลไกทางจิตใจ ในมุมมองของคนเป็นหมอ ที่นี่ เราจะเห็นการบันทึกถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจกลัว อันแรกคือคำห้ามปรามเด็ดขาด เป็นคำสั่ง (จากผู้ใหญ่) อันที่สอง ขู่สำทับ รากศัพท์ภาษากรีกตรงนี้ แปลว่า ใช้คำที่คุกคาม นิยามคำว่า คุกคาม หมายถึงการแสดงอำนาจด้วยกิริยาหรือวาจาให้หวาดกลัว, ทำให้หวาดกลัว (ทำให้เสียขวัญ) เราคงเคยได้ยินคนที่มักจะพูดให้คนกลัว ความจริง เกิดจากตนเองกลัว เพราะชีวิตของตนเองเต็มไปด้วยความกลัว วันนี้ข้าพเจ้าเขียนสูจิบัตรเรื่องบทสนทนาระหว่างนักศาสนศาสตร์กับองค์ดาไล ลามะ เกี่ยวกับศาสนาอะไรดีที่สุด พี่น้องไปอ่านเอาเอง แต่มีตอนหนึ่งกล่าวถึง การใส่ใจความคิด สะท้อนถึงคำพูด การใส่ใจคำพูดสะท้อนถึงการกระทำ การใส่ใจการกระทำสะท้อนถึงนิสัย การใส่ใจนิสัยสะท้อนถึงบุคลิก การใส่ใจบุคลิกสะท้อนถึงสิ่งที่กำหนดชีวิต และการใส่ใจสิ่งที่กำหนดชีวิตสะท้อนถึงชีวิตของคุณ ข้าพเจ้าอยากจะสรุปสาส์นศิษยาภิบาลในวันนี้คือ คำสอนของพระเยซูทำให้เราเข้าใกล้พระเจ้าได้มากที่สุด และทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ฉะนั้น ชีวิตของเราสะท้อนความคิดของเราว่า เรากำลังกลัวใคร….เปโตรและยอห์นได้สะท้อนความคิดของเขาออกมาเป็นชีวิต คำพูดและการกระทำ ว่า เขากลัวพระเจ้า และพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ได้เห็นสิ่งนี้เป็นความกล้าหาญอย่างน่าประหลาดใจ เป็นชีวิตที่เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากกลัวพระเจ้า ในทางตรงกันข้าม หากเรายังกลัวคน และไม่กลัวพระเจ้า ชีวิตของเราก็ยังห่างไกลจากชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์….และยากที่จะเกิดกล้าหาญ เพื่อจะเผชิญและเอาชนะสถานการณ์อื่นๆที่ประดังเข้ามาเพื่อทำให้เรากลัวอย่างมากมาย ซึ่งเราพบได้ทั้งสื่อต่างๆ ข้อมูลต่างๆ ทำให้คนมากมายขาดสติและเสียสติไปกับความกลัวสารพัด
2.เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากการพึ่งพาพระเจ้า กิจการ 4:23-29
23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้ว ท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน24 เมื่อเขาทั้งหลายได้ฟังจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์แผ่นดินโลก ทะเลและสรรพสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น25 พระองค์ตรัสไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเรา ผู้ รับใช้ของพระองค์ ว่า ‘เหตุใดชนต่างชาติจึงหยิ่งยโส และชนชาติทั้งหลายปองร้ายกันเปล่าๆ 26 บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตัวขึ้น และนักปกครองชุมนุมกัน ต่อสู้พระเจ้าและผู้รับการเจิมของพระองค์’ 27 ความจริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรดและปอนทัสปีลาตกับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล ได้ชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงเจิมไว้แล้ว28 ให้กระทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์ และพระดำริของพระองค์ได้กำหนด ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว ให้เกิดขึ้น29 บัดนี้พระองค์เจ้าข้า ขอโปรดทอดพระเนตรการขู่ของเขา และโปรดประทานให้ผู้รับใช้ของพระองค์ กล่าวถ้อยคำของพระองค์ด้วยใจกล้า ที่นี่ เราได้เห็นคำขู่ของพวกผู้ใหญ่มีผลต่อความรู้สึกของพวกสาวก 23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้ว ท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน ความจริงพวกสาวกรู้สึกกลัว พวกสาวกรู้ตัวว่า กำลังถูกต่อต้านอย่างหนัก 27 ความจริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรดและปอนทัสปีลาตกับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล ได้ชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงเจิมไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้ฟังคำพยานจากอ.ออง เซ็กเหลียง ศิษยาภิบาลชาวมาเลเซีย เป็นผู้รับใช้ที่มีของประทานในการเป็นผู้เผยพระวจนะ พี่น้องบางคนคงได้มีประสบการณ์กับท่าน ข้าพเจ้าเอง และการก่อตั้งคริสตจักรแห่งนี้ก็มาจากการเผยพระวจนะของท่านที่พระเจ้าใช้ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว อ.ออง เซ็กเหลียงกล่าวถึงประสบการณ์ของท่านว่า ท่านมีความทุกข์ และอธิษฐานกับพระเจ้าเพื่อรับการเปิดเผยถึงทางออกของคริสตจักร เพราะคริสตจักรกำลังเผชิญกับการต่อต้านในพื้นที่ที่คริสตจักรตั้งอยู่ท่ามกลางคนมุสลิม มีคนแนะนำท่านให้ย้ายคริสตจักร แต่ท่านยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม น่ากลัวไม๊ น่ากลัว เพราะการต่อต้านรุนแรงวันหนึ่งพระเจ้าตอบท่านเพียงว่า คริสตจักรของท่านจะได้ออกทีวีช่อง CNN และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ท่านก็แบ่งปันกับสมาชิกตามที่พระเจ้าบอกท่านว่า ทางออกของคริสตจักรคือ ได้ออกทีวี CNN ท่านไม่เข้าใจ แต่มาเข้าใจภายหลัง หนึ่งสัปดาห์ถัดมา คริสตจักรของท่านก็ถูกมุสลิมเผาวอดวายหมด นักข่าว CNN มาถ่ายสภาพที่คริสตจักรถูกเผาวอดวาย ออกอากาศไปทั่วโลก นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียต้องหาเงินมาให้ห้าแสนดอลล่าร์เพื่อสร้างคริสตจักรใหม่ให้แก่ท่าน เมื่อสร้างคริสตจักรเสร็จ นายกฯก็ถามว่า เรียบร้อยแล้วนะ อ.ออง เซ็กเหลียงตอบว่า ยังไม่เรียบร้อย ยังขาดออฟฟิต นายกฯก็ไปหาเงินอีกห้าแสนดอลล่าร์มาสร้างออฟฟิตให้กับอ.ออง เซ็กเหลียง ปัจจุบันคริสตจักรของอ.ออง เซ็กเหลียงจุคนได้ประมาณสามพันคน เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากการพึ่งพาพระเจ้า พี่น้อง วันนี้ คุณกำลังพึ่งพาพระเจ้าแบบไหน เกิดผล เกิดกล้าหาญ หรือ ด้วยความกลัว 2 ทิโมธี 1:7 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา คำว่า ประทาน คือคำเดียวกันกับที่พวกสาวกที่รับฟังคำบอกเล่าจากเปโตรและยอห์นกำลังใช้เพื่อขอการพึ่งพาจากพระเจ้าให้ประทานความกล้าเพื่อจะชนะความกลัวจากการรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นความจริงที่กำลังเผชิญ คือการต่อต้าน พวกสาวกไม่ปฏิเสธความจริงที่ตนเองกำลังเผชิญ แต่รับมือกับความจริงด้วยการพึ่งพาพระเจ้า และพวกสาวกตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาผ่านอุปสรรคปัญหาใหญ่ได้ คือการเอาชนะความกลัวด้วยการเกิดความกล้าหาญ และพวกเขารู้ว่า ต้องพึ่งพาพระเจ้าผู้ประทาน จิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเอง App. หากคุณกำลังเผชิญกับสิ่งที่ข่มขู่ให้กลัวไม่ว่าจะในรูปแบบใด จงขอพระเจ้าสามอย่างนี้ และเฝ้าสังเกตชีวิตตนเองในสามด้านนี้ มีคริสเตียนไม่น้อย ที่ขอความกล้าหาญ พึ่งพาพระเจ้า แต่ไม่ได้เฝ้าสังเกตมุมของชีวิตในสามด้านนี้ คำว่า ฤทธิ์ รากศัพท์ภาษากรีกคำว่าฤทธิ์แปลว่า พลัง ข้าพเจ้ามักจะแนะนำพวกเราให้อธิษฐานขอให้เรามีกำลังมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เจอแรงต้านหรือต้องออกแรงมาก ในสถานการณ์นั้น ความกลัวจะทำงานรบกวนจิตใจ เราต้องทูลขอและพึ่งพาพระเจ้าประทานกำลังเพื่อต้านกับความกลัว เพื่อให้เกิดความกล้าหาญ โคโลสี 1:9-11 9 เพราะเหตุนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้ยิน เราก็ไม่ได้หยุดในการที่จะอธิษฐานขอเพื่อท่าน ให้ท่านเพียบพร้อมด้วยความรู้ถึงพระทัยของพระองค์ ในสรรพปัญญาและในความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ10 เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า11 ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี อ.เปาโลรู้ว่า คริสเตียนต้องการกำลังมากขึ้นทุกอย่าง ทั้งกำลังฝ่ายร่างกาย สติปัญญา ความรู้ โดยเฉพาะความรู้ถึงพระเจ้า คำว่า รัก คืออากาเป้ เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข ทำไมต้องรักที่ไม่มีเงื่อนไข เพราะเงื่อนไขคือตัวบั่นทอนกำลังและพลังของจิตใจ คนที่ปล่อยให้ตนเองผิดหวังบ่อยๆ จะเสียกำลังใจ วิธีที่ไม่ผิดหวังบ่อยๆก็คือ อย่ามีเงื่อนไข คำว่า บังคับตนคืออะไร รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า วินัย คือการฝึกที่เราต้องไม่บ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธ บทเรียนชีวิตมากมายในเส้นทางชีวิตของเราคือสนามฝึก ที่เราต้องสอบให้ผ่าน นี่คือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้กับเรา หลายคนขอการรู้จักบังคับตน แต่ไม่ยอมอยู่ในสนามฝึก นั่นคือความเข้าใจผิดว่าจะได้การรู้จักบังคับตนที่ลอยมาเข้าในตัวเราแบบโปรแกรมสำเร็จรูปพร้อมใช้งานได้เลย การพึ่งพาพระเจ้าอย่างที่พวกสาวกในคริสตจักรยุคแรกเข้าใจและเกิดผล เกิดกล้าหาญในชีวิตของพวกเขา เป็นเหตุให้คริสตจักรขยายเติบโตผ่านการข่มเหง ข่มขู่ทุกกาลสมัยมาจนถึงยุคของเรา ขอให้เราถามตัวเราเองว่า เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในความกลัวอยู่หรือไม่ และถ้าใช่ อีกนานแค่ไหนที่จะจัดการกับความกลัวนั้นซักที จงดูพวกสาวกที่จัดการกับความกลัวของตัวเองทันทีโดยการพึ่งพาพระเจ้า
“เกิดผลในพระคริสต์….เกิดความกล้าหาญ”
1.เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากกลัวพระเจ้า
2.เกิดผล เกิดกล้าหาญ เกิดจากการพึ่งพาพระเจ้า