ข้อพระคัมภีร์ 4:10-13 10 ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เพราะว่าในที่สุดท่านก็ได้ฟื้นการระลึกถึงข้าพเจ้าอีก ท่านคิดถึงข้าพเจ้าจริงๆ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้11 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น12 ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน13 ข้าพ เจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
พระเจ้าสร้างเราเพื่ออะไร ในพระคัมภีร์ทั้งหมดอาจสรุปได้สั้นว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าจะเปิดเผยพระสิริของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างให้ได้เห็นสง่าราศรีของพระเจ้า สิ่งที่ทำให้พระสิริของพระเจ้าในชีวิตของเราดับวูบเมื่อเราเผชิญกับชีวิต เช่น อกหัก สง่าราศีของพระเจ้าหายไปไหน เวลาเมื่อวิกฤต เราไม่สำแดงพระสิริผ่านวิกฤต และเมื่อพระสิริดับวูบไป ไม่ต้องหวังชีวิตที่เกิดผลจะเกิดขึ้น ข้อ 10 ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เพราะว่าในที่สุดท่านก็ได้ฟื้นการระลึกถึงข้าพเจ้าอีก ท่านคิดถึงข้าพเจ้าจริงๆ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ มีความชื่นชมยินดีในพระเจ้าขณะอยู่ในคุก ท่าทีของอ.เปาโลมาจากความลึกซึ้งในพระเจ้า เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาได้ บทเรียนสำหรับเราในวันนี้ก็คือ
1.เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาที่จะเข้ามาในชีวิต ข้อ 12 ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน เมื่อใดก็ตามที่เราได้ยินคนที่พูดอย่างนี้ แสดงว่ากำลังเผชิญกับความตกต่ำ ,อดอยาก, ขัดสน สถานะของเราสบายกว่าอ.เปาโล แต่ข้อ 10ไม่ว่าจะมีอะไรเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำลายความชื่นชมยินดีในพระเจ้าได้ ไม่มีอะไรจะกดดันอ.เปาโล เพราะว่าท่านเรียนรู้ที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า ปัญหาเข้าไปทุกที่ แม้แต่คริสตจักร ถ้าคริสตจักรไม่มีปัญหา แสดงว่าซาตานเมิน ปัญหาสามารถถูกวิเคราะห์ได้หลายอย่าง ปัญหาอาจมาจากความบกพร่องของตัวเราเองที่ทำให้เกิดปัญหา และกระทบต่อคนรอบข้าง หรืออาจมาจากเพื่อนบ้านที่ตั้งใจสร้างปัญหาให้กับเรา และอาจมาจากมารซาตาน ไม่ใช่ปัญหาทุกเรื่องจะมาจากมารซาตาน และอีกปัญหาก็คือมาจากธรรมชาติที่วิปริต
2.อย่าตื่นตระหนก เมื่อเจอวิกฤต อย่าตื่นตระหนกเกินไป เรียกว่า วิตกจริต หากเก็บความวิตกด้วยจริตไว้นาน ก็อาจกลายเป็นวิกลจริตที่แปลว่า บ้าได้ ตัวอย่างหลังฟุตบอลโลกมีคนโดดน้ำตาย ข้อ 11 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น อย่าบ่น “ทำไมต้องเป็นเรา” สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือเสียงบ่น เสียงบ่นยังไปกล่าวโทษคนอื่น มีตัวอย่างของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ถูกฟ้องจ่ายค่าเสียหายเพราะว่าทะเลาะกันแล้วไปพาดพิงคนอื่น
3.เรียนรู้ ความจริงว่า วิกฤตที่มีอยู่ คือ ค่าเล่าเรียน คือโอกาส ก็จะทำให้ไม่เครียด ความเครียดทำให้เป็นมะเร็ง และเป็นเร็งชนิดที่ขยายตัวเร็วขึ้น อย่าให้อารมณ์มาครอบงำเรา มองเห็นคุณค่าของความยากลำบาก ใช้โอกาสนี้เรียนรู้มากที่สุดเป็นประโยชน์ดังนี้
3.1การรับมือกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
3.2 สำหรับสิ่งที่จะเข้ามาในอนาคต
3.3เพื่อถ่ายทอดให้แก่คนอื่น
สำหรับคริสเตียนก็จะคิดแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่คริสเตียนจะไม่กดปุ่มการเรียนรู้ แต่จะเรียกร้องความเห็นใจจากคนอื่น ในการเรียนรู้เกี่ยวข้องกับสติปัญญา ยากอบ 1:5-7 5ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย สติปัญญาเพื่อแก้ไข เผชิญกับปัญหา อยู่กับปัญหาที่อยู่กับชีวิตนั้น ปัญหาที่อยู่กับเรามีสองแบบ มีแบบที่อยู่ชั่วคราว และอยู่ตลอดไป ยากอบ 5:7-11 7 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว9 พี่น้องทั้งหลาย จงอย่าบ่นว่ากันและกัน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทรงพิพากษา จงดูองค์พระผู้พิพากษาทรงประทับยืนอยู่ที่ประตูแล้ว10 พี่น้องทั้งหลาย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และการอดทนของผู้เผยพระวจนะ ผู้ได้กล่าวความในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า11 จงดู เราถือว่าผู้ที่อดทนก็เป็นสุข ท่านได้รู้เรื่องความอดทนของโยบ และได้เห็นแล้วว่าในที่สุดปลายนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาสักเท่าใด จงใช้สติปัญญา อย่าใช้อารมณ์ จงขอสติปัญญาในการเรียนรู้ ปัญหาที่อยู่กับเราทำให้เราเติบโต ขัดเกลาชีวิตของเรา ยากอบ 1:2-4 2 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี 3 เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง4 และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย โรม 5:3-4 3 ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความอดทน4 และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ และปิดท้ายด้วย สดุดี 50:15 15 และจงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายพระสิริแก่เรา” ฟิลิปปี 4:13 13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า