“พื้นฐานชีวิตที่เกิดผล”
เรามีคำทักทายที่ดูเป็นเอกลักษณ์ว่า “ดีใจจังที่เห็นคุณวันนี้” แต่อยากให้เราพูดแบบมีอารมณ์ เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เราทักในวันนี้พรุ่งนี้เราจะได้เห็นเค้าหรือไม่ ให้เราดีใจจริง ๆ คนเราพอวัยเลข 6 จะเริ่มห่วงกังวลถึงคนโน้นคนนี้ ขอพระเจ้าอวยพรในสุขภาพของเรา มีอะไรที่เสี่ยงก็อย่าไปทำ เช้าวันนี้อยากให้เรารื้อฟื้นภายใต้ชีวิตที่เกิดผล ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 10:12-13 12 “ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำอย่างไร คือให้ยำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย13 และให้รักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ที่ได้ กล่าวถึงชีวิตที่เป็นพื้นฐานของคริสเตียน
1.เราต้องเรียนรู้น้ำพระทัยของพระเจ้า “ดูก่อนคนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ทรงประสงค์ให้ท่านกระทำอย่างไร” ในที่นี้กำลังพูดถึงคนของพระเจ้า เรารู้มั้ยว่าพระเจ้า ต้องการให้ท่านทำอะไร เราจะต้องเรียนรู้หัวใจที่จะนำไปถึงการเกิดผล และเราต้องรู้ว่า น้ำพระทัยพระเจ้าคือความมั่นคงของพระเจ้าในชีวิต เราได้พูดถึงการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์มากน้อยแค่ไหน สิ่งนี้สัมพันธ์กับน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิตของเรา เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา มี 2 ช่วงเวลา คือช่วงที่อยู่บนฟ้าที่มีพลังอำนาจพอให้ลอยขึ้นไปพบกับพระองค์บนฟ้าเฉพาะคนที่เป็นคริสเตียนเท่านั้น ที่นั่นจะมีการพบปะ มีการสรรเสริญพระเจ้า มีการพิพากษาแต่ไม่มีการลงโทษ และคนที่พบพระองค์จะได้รับบำเหน็จ ได้รับการเจิมเป็นพิเศษที่จะกลับมาอยู่บนโลก มัทธิว 7:21 21 “มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้น วันที่พระองค์เสด็จกลับมา และใครที่จะขึ้นไปพบกับพระองค์ได้ ไม่ใช่คนที่เทศนาอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวถ้าเราเทศนาไม่เป็น ไม่ใช่คนที่ วางมือขับผีออก ไม่ใช่คนที่ทำการอัศจรรย์วางมือรักษาโรค แต่คือคนที่ปฎิบัติตามพระทัยพระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ กลับมาที่เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12 พูดชัดเจนมาก ถ้าเรารู้น้ำพระทัยและเราตอบสนองเราไม่ต้องกลัว เมื่อถึงวันนั้นเราไม่ต้องกังวล เราไม่ต้องร้องเรียกพระเจ้าว่าเราอยู่นี่ ๆ ไม่ต้องกลัวว่าพระเจ้าจะเดินผ่านเราไป ไม่รู้จักเรา ดังนั้นพื้นฐานชีวิตที่เกิดผลเราต้องเรียนรู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า ถ้าเราอยากเอาใจพระเจ้าก็ทำสิ่งที่เป็นน้ำพระทัย ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง เอเฟซัส 5:15-17 พระธรรมนี้เตือนให้เราดำเนินชีวิตให้เป็นคนของพระเจ้าให้ดี อย่าเป็นคนโง่แต่ต้องเข้าใจน้ำพระทัย การดำเนินชีวิตในโลกนี้ ถ้าเราไม่คิดถึงน้ำพระทัยพระเจ้าเราจะหลุด เราอยู่ในอันตราย เราจะสูญเสียความมั่นคงของพระเจ้าในการดำเนินชีวิต
2.ให้เราเรียนรู้จักการยำเกรงพระเจ้า คนทั่วไปถ้าเขาไม่ยำเกรง พระเจ้าก็ไม่ถือสาอะไรมากนัก แต่เขาก็ยังต้องรับผิดชอบ แต่เราที่เป็นคนของพระเจ้าเราต้องยำเกรง ถ้าไม่มันสร้างความเสียหาย เราต้องเรียนรู้จักที่จะยำเกรงพระเจ้า เราต้องถามตัวเองว่าพระเจ้าเป็นของเรา หรือเราเป็นของพระเจ้า ถ้าพูดให้ชัดเจนคือ พระเจ้าเป็นสมบัติของเรา หรือเราเป็นสมบัติของพระเจ้า ถ้าเรารู้สึกว่า เราเป็นเจ้าของพระเจ้า พระเจ้าเป็นสมบัติของเรา พระเจ้าเป็นองค์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ฉนั้นความยำเกรงจะแตกต่างกันกับที่เรารู้สึกว่าเราเป็นสมบัติของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ นี่คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของคริสเตียน ถ้าเราอธิษฐานอดอาหาร 40 วัน และยังอดต่อเพราะแม่เราป่วยยังไม่หาย แต่จากนั้นแม่เราเสียเราจะรู้สึกทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะพระเจ้าเป็นสมบัติของเรา เราจะมีคำถามทำไมเราต้องจน ทำไม ทำไม เพราะเราคิดว่าพระเจ้าเป็นสมบัติของเรา เราไม่ได้ยำเกรงพระเจ้า เรากำลังออกนอกน้ำพระทัย เราคิดถึงแต่ชีวิตอนาคตความมั่นคง ฉะนั้นวันนี้เราดำเนินชีวิตอย่างไร การเข้ามานมัสการพระเจ้า การถวายสิบลด เราเป็นอย่างไร ถ้าการอธิษฐานเป็นหนึ่งในน้ำพระทัย เราก็ต้องทำสิ่งนั้น มีคน ๆ หนึ่งมีคำถามว่า เขามีอาชีพค้าขาย เขาไปเข้าร่วมนมัสการวันอาทิตย์ ร่วมกิจกรรมทุกอย่าง แต่รายได้ผมกลับลดลงทำไมพระเจ้าไม่อวยพร เรากำลังเข้าใจผิด การที่เราเลือกมานมัสการพระเจ้า คือเรากำลังรับสิทธิจากพระเจ้าเข้ามานมัสการ มาอธิษฐาน กับพระเจ้า นั่นเป็นราคาที่เราต้องจ่ายต่างหาก ชีวิตการเกิดผลของเรานั้นมันต้องลงทุน และอย่าคิดว่า เมื่อเราปิดร้านวันอาทิตย์ แล้ววันจันทร์เดี๋ยวพระเจ้าจะอวยพรเราเป็น 2 เท่า นั่นไม่ใช่ และตรงนี้กลับมาที่คำถามว่า ตกลงพระเจ้าเป็นสมบัติของเรา หรือเราเป็นสมบัติของพระเจ้า ถ้าเราเป็นสมบัติของพระเจ้า เราจะไม่เรียกร้องอะไรจากพระเจ้า และพระเจ้าต่างหากที่เรียกร้องจากเรา ถ้าเรายอมให้พระเจ้าเรียกร้อง และเราตอบสนองอะไรก็ตามที่จำเป็นสำหรับเรา พระเจ้าจะให้เราเอง พระเจ้าให้เราอยู่ที่ไหน ทำอะไรให้เราทำตามน้ำพระทัย แล้วเราจะได้รับพระพร เริ่มต้นที่น้ำพระทัยและต้องมี ความยำเกรง ไม่ใช่ความโลภ ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในน้ำพระทัยเพื่อเราจะได้นู่นนี่ ความยำเกรงจะสอนให้เราใช้พระพร ใช้ของประทานตามน้ำพระทัยพระเจ้า เวลาเรายำเกรงพระเจ้า เราจะต้องนึกถึง 4 อย่างคือ ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ต่อไปคือความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และสิทธิอำนาจของพระเจ้า สุดท้าย แผนการพระเจ้าในชีวิตของเรา ไม่ใช่ตอบรับน้ำพระทัยแต่ทำตามแผนการของเรา อพยพ 3 : 14-22 14 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” แล้วพระองค์ตรัสว่า “ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระองค์ผู้ทรงพระนามว่าเราเป็น ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย’ ”15 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสอีกว่า “เจ้าจงกล่าวแก่ประชากรอิสราเอลว่าดังนี้’พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาหาท่าน’ นี่แหละเป็นนามของเราตลอดไปเป็นนิตย์ นี่แหละเป็นอนุสรณ์ของเราตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์16 เจ้าจงไปรวบรวมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลให้มาประชุมพร้อมกัน แล้วกล่าวแก่เขาว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน พระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ตรัสว่า “เราสังเกตเห็นเจ้าทั้งหลายแล้ว และได้เห็นความทารุณ ซึ่งเขาได้กระทำแก่เจ้าในอียิปต์17 เราสัญญาไว้แล้วว่า เราจะพาเจ้าทั้งหลายไปให้พ้นจากความทุกข์ในประเทศอียิปต์ ไปยังแผ่นดินของชาวคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ไปยังแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งบริบูรณ์’ ”18 เขาจะเชื่อฟังคำของเจ้า แล้วเจ้ากับพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอล จงพากันไปเฝ้ากษัตริย์ของอียิปต์ทูลว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าของคนฮีบรู ทรงปรากฏแก่ข้าพระบาททั้งหลาย บัดนี้ ขอได้โปรดให้ข้าพระบาทเดินทางไปในถิ่นทุรกันดารสักสามวัน เพื่อจะถวายสัตวบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระบาท’19 เรารู้แล้วว่ากษัตริย์แห่งอียิปต์จะไม่ยอมให้พวกเจ้าไป แม้จะถูกประหารด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์20 เราจะเหยียดมือออกประหารอียิปต์ด้วยอัศจรรย์ต่างๆ ที่เราจะกระทำในท่ามกลางประเทศนั้น หลังจากนั้น กษัตริย์ก็จะทรงยอมปล่อยพวกเจ้าไป21 เราจะให้ประชากรเหล่านี้เป็นที่ชอบพอของชาวอียิปต์ เมื่อเจ้าทั้งหลายออกไปก็จะไม่ต้องไปมือเปล่า22 ให้ผู้หญิงทุกคนขอเครื่องเงินเครื่องทองและเสื้อผ้าจากเพื่อนบ้าน และจากหญิงที่อาศัยอยู่ในเรือนของเขา เอาเครื่องแต่งตัวนั้นไปแต่งให้บุตรีของเจ้า ด้วยวิธีนี้แหละ เจ้าจะได้ริบเอาสิ่งของของชาวอียิปต์” ตรงนี้แผนการละเอียด ชัดเจน ความยำเกรงพระเจ้า เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตอยู่ในแผนการของพระเจ้า และคนอิสราเอลประสบความสำเร็จเมื่อยำเกรง สุภาษิต 9:10 พระธรรมตอนนี้ให้ความผูกพันระหว่างความยำเกรงพระเจ้า ปัญญาความรู้ กับความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และเมื่อเรายำเกรงพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ เราก็จะไม่ไปทำบาป เราจะไม่ดำเนินชีวิตแบบยังไงก็ได้ คิดยังไงก็ได้ สุภาษิต 16:6 เราหลีกความชั่วร้ายได้โดยความยำเกรงพระเจ้า ใครจะมาชวนก็ไม่ทำ ใครเห็นไม่เห็นก็ไม่ทำบาป สุภาษิต 22 :4 เกียรติมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง พระเจ้าโปรดปรานคนที่ยำเกรงพระเจ้า ชีวิตที่มาจากพระเจ้าดีกว่าเงินทอง เมื่อเราตัดสินใจเลือกที่จะเอาชื่อเสียงดี แทนความมั่งคั่ง เอาชีวิตแทนเงินทอง เราจะได้บำเหน็จเราจะได้ทั้งเงินทอง และชีวิต เราต้องเข้าใจความจริงว่าเมื่อเราเลือกโดยความถ่อมใจและยำเกรง แล้วความมั่งคั่งที่พระเจ้าให้ เราจะนำไปใช้ภายใต้แผนการของพระเจ้า
3.ให้เราดำเนินชีวิตตามทางทั้งปวงของพระองค์ ทั้งปวงคือทั้งหมดไม่มีการยกเว้นบางข้อบางตอน บางเวลาบางโอกาส บางอารมณ์บางเหตุผล หลายครั้งเราเอาวิถีของพระเจ้าเก็บไว้ที่โบสถ์ก่อน ผมจบอุเทน จะมีวันสีน้ำเงินที่มารวมตัวกัน ก็จะมีการกินเหล้า แต่ผมไม่ทำแบบนั้น อย่าบอกพระเจ้าว่าผมเป็นนักเรียนอุเทนก่อนมาเชื่อพระเจ้านะ เพราะเรามีชีวิตในพระเยซูคริสต์ เราจะต้องเกิดผล ไม่มีข้อยกเว้นทั้งปวง ดำเนินชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าทั้งปวง และถ้าเราจะดำเนินชีวิตตามแนวทางทั้งปวงเราต้องอ่านพระคัมภีร์ เราต้องเป็นแฟนพันธ์แท้พระคัมภีร์ แล้วเราจะได้บ้านในสวรรค์ เราไม่อยากได้ใช่มั้ย ถ้าเราจะดำเนินตามทางทั้งปวงของพระเจ้าเราต้องใช้เวลากับพระเจ้า แล้วพระคำพระเจ้าจะนำเราสู่ความมั่นคงของชีวิตเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา สดุดี 119:6 แล้วข้าพระองค์จะไม่ได้รับความอายโดยจดจ่ออยู่ที่พระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ นี่เป็นวิถีแห่งความมั่นคงปลอดภัย
4. ให้เรารักพระเจ้า พระเจ้าน่ารักมากกว่าพระพรของพระเจ้า วันนี้เรารักพระเจ้าเพราะอยากได้พร หรือเราอยากได้พระองค์ เราเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระองค์ไปแล้ว เราแต่งงานกับพระเจ้าไปแล้ว และเรากำลังดำเนินไปข้างหน้า ถ้าพระเจ้าอวยพรก็ขอบคุณแล้วก็แบ่งปันพระพรไปให้คนอื่น เราต้องรู้สึกอยากผูกพันสนิทสนมกับพระองค์
5.รับใช้พระเจ้า เราทุกคนเป็นกายเดียวกันร่วมใจกันปรนนิบัติพระเจ้า นี่เป็นวิถีที่จะนำเราไปสู่การเกิดผลในชีวิต