“คืนสู่ชีวิตที่เกิดผล…จงมีความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่
เราคงเคยได้ยินคำว่า หมดไฟ หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Burn out แปลว่า มอด หยุดทำงาน ไม่มีชีวิตชีวา อาการเริ่มแรกคือไม่อยากทำอะไร ไม่มีความกระตือรือร้น เย็นๆเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น อาการเหล่านี้จะนำไปสู่การหมดเรี่ยวแรง ไม่มีกำลัง ไม่มีความสดชื่น และเฉาตายในที่สุด พระคัมภีร์วิวรณ์ได้เตือนคริสตจักรให้ระวังเรื่องนี้ วิวรณ์ 3:15-19 15 “ ‘เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน16 เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา17 เพราะเจ้าพูดว่า ‘เราเป็นคนมั่งมีได้ทรัพย์สมบัติมาก และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย’ เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่18 เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อนุ่งห่มให้พ้นจากความอับอายที่เจ้าต้องเปลือยกายอยู่ และซื้อยาทาตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้แลเห็น19 เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคริสตจักรของพระเยซูคริสต์เจ้าในอนาคต หมายถึงในยุคต่อๆมาจนถึงยุคของเราในปัจจุบันนี้ คือขัดสน เปลือยกายและตาบอด คริสตจักรหมายถึงใคร หมายถึงคริสเตียนทุกคน คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคาร แต่คือผู้เชื่อทุกคน ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์มีโอกาสที่จะมาถึงจุดที่เรียกว่า อุ่นๆ ไม่เย็น ไม่ร้อน ไม่กระตือรือร้นในพระเจ้า พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเตือนไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับลักษณะชีวิตของผู้เชื่อในพระองค์ว่า มัทธิว 5:13 13 “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ นี่คือคำเตือนว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดคุณค่าลงด้วยความไม่กระตือรือร้นอย่างที่ควรจะเป็น พระเยซูคริสต์เจ้ายังเตือนต่อไปอีกว่า มัทธิว 5:14-15 14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น คุณค่าของชีวิตคริสเตียนถูกเปรียบเทียบไว้ทั้งเป็นเกลือที่มีรสเค็ม คือมีคุณสมบัติในการเยียวยาสังคม รักษาการเน่าเฟะของสังคม ทั้งเป็นแสงสว่างแก่สังคม มิให้ความมืดมีอิทธิพลกับชีวิต และยังให้ชีวิตแก่สังคม นำคนให้ออกจากความตายไปสู่ชีวิต เลิกวิถีชีวิตเก่าๆที่นำไปสู่ความตาย นี่คือเหตุผลที่อ.เปาโลได้เขียนไว้ในหนังสือ 2 โครินธ์5:17 17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น วิถีชีวิตเก่าๆนำไปสู่การหมดเรี่ยวแรง ไม่มีกำลัง และเหี่ยวเฉาในฝ่ายวิญญาณ มีคำพูดหนึ่งได้กล่าวว่า เมื่อก่อนเราตายในฝ่ายวิญญาณ แต่เมื่อเราเข้ามาอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้า เรากลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ดังนั้น พี่น้อง อย่าปล่อยให้ตนเองกลับไปสู่สภาพจิตวิญญาณที่ตายด้านอีก แต่จงกลับมีชีวิตชีวา มีความกระตือรือร้นในพระเจ้า หนังสือวิวรณ์ได้แนะคริสเตียนที่ไฟกำลังมอดให้กลับมาสู่ไฟของพระเจ้า คริสเตียนที่กำลังเป็นเกลือที่จะเน่าให้กลับมาเป็นเกลือที่มีคุณภาพ ก่อนที่จะถูกเหยียบย่ำทิ้งเสีย และคริสเตียนที่กำลังเปลือยกาย ตายบอด และขัดสนในฝ่ายวิญญาณให้กับมามองเห็นได้ ไม่ต้องอับอาย และมั่งมีในฝ่ายวิญญาณอีกครั้ง วิวรณ์ 3:19 19 เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่ มีคำพยานของสาวกซาตานระดับ Top Hundred ที่มารซาตานให้ความสามารถพิเศษแก่สาวกของมัน ด้วยการมองเห็นสภาพของคนเปลือยกายล่อนจ้อน เพราะความคิดจิตใจของคนๆนั้นวนเวียนอยู่กับเรื่องของเนื้อหนังและค่านิยมของโลกนี้ แม้กระทั่งคริสเตียนเองก็เปลือยกายล่อนจ้อนในสายตาของสาวกซาตานระดับ Top Hundredนี่เป็นคำพยานหลังจากที่หนึ่งในนั้น กลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะการเป็นสาวกซาตานระดับนั้นคือการขายชีวิตให้กับซาตาน ถึงเวลาซาตานทวงชีวิตที่ขายให้ นั่นหมายถึง ต้องตายในเวลาที่ซาตานกำหนด ทางรอดก็คือต้องพึ่งพระเยซูคริสต์เจ้า และเขาก็รอดเพราะเข้ามาพึ่งพระเยซูคริสต์เจ้า อำนาจซาตานหมดไป แต่ได้สิ่งใหม่ นั่นคือ ความกระตือ รือร้นและการกลับใจใหม่ ทุกวันนี้ อาจมีคริสเตียนบางคนที่ได้ขายชีวิตให้กับซาตานไป เพียงเพราะเรื่องของเงินทอง วัตถุสิ่งของของโลกนี้ กลายเป็นคริสเตียนเปลือยกาย ล่อนจ้อน ตาบอด และขัดสน ในสายพระเนตรของพระเจ้า เมื่อพระเจ้ามองดูคริสเตียนคนนั้น แล้วพระองค์ทรงเสียพระทัย กับการใช้ชีวิตที่ไร้ค่า และรอเวลาแห่งการพิพากษาที่กำลังใกล้เข้ามา วิวรณ์ 3:19 19 เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่ รากศัพท์ของการตีสอน คือการฝึกเด็กด้วยการให้ความรู้ สุภาษิต13:24 24 บุคคลที่สงวนไม้เรียวก็เกลียดบุตรชายของตน แต่ผู้ที่รักเขาพยายามตีสอนเขา พระเจ้าทรงรักเรา พระองค์จึงต้องเตือนเรา ให้เรากลับมากระตือรือร้นและกลับใจใหม่ ไฟของพระเจ้าหายไปจากชีวิตของเรานานขนาดไหน วันนี้ข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรเกี่ยวกับ หากหัวใจ…ยังมีไฟอยู่ ขอให้ไปอ่านด้วย โดยเฉพาะผู้รับใช้เต็มเวลา การรับใช้เต็มเวลาไม่ได้หลายความว่าจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องรับการตีสอน ไม่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ยิ่งสอนยิ่งนำคนอื่นมากเท่าไร ยิ่งต้องมีวินัย และถูกตีสอนมากกว่าคนอื่น ยากอบ 3:1 1 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น นั่นหมายความว่า ยิ่งต้องเข้มงวดกับตัวเองมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะ ความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่ มาถึงตรงนี้เราจะพบคริสเตียนหัวหมอบางคนให้เหตุผลว่า ฉัน ผมไม่ได้เป็นผู้รับใช้เต็มเวลา เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเข้มงวดหรือมีวินัยเท่ากับพวกอาจารย์ทั้งหลาย เรากำลังเข้าใจผิดแล้ว 2 โครินธ์ 5:10 10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่วนั่นหมายความว่า เราทุกคนมีความรับผิดชอบส่วนตัวต่อพระเจ้าทั้งสิ้น ขอให้เรากลับมาใส่ใจสิ่งที่เราควรจะมีในชีวิตคริสเตียนจริงๆ นั่นคือ
1.ความกระตือรือร้นในพระเจ้า วิวรณ์ 3:18ก
18 เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการเป็นคนมั่งมีในที่นี้ ต้องมี ทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา นั่นหมายถึง ทรัพย์สินของโลกนี้ไม่ได้ทำให้เรามั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ทรงสอนเรื่องนี้ ลูกา 12:15-21 15 แล้วพระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทุกประการ เพราะว่าชีวิตของคนมิได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย”16 พระองค์จึงตรัสคำเปรียบข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก17 เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลของเรา’18 เขาจึงคิดว่า ‘เราจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของเราเสียและจะสร้างใหม่ให้โตขึ้น แล้วเราจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของเราไว้ที่นั่น19 แล้วเราจะว่าแก่จิตใจของเราว่า “จิตใจเอ๋ยเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด’ ”20 แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า’21 คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ทำให้เรามองเห็นคนที่กระตือรือร้นในทรัพย์สมบัติของโลกนี้มากกว่ากระตือรือร้นในพระเจ้า คนๆนั้นเป็นคนที่ขัดสนในสายพระเนตรของพระเจ้า 21 คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” บางคนอาจว่า ตัวเองไม่มีอะไรไม่มีเงินทอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้เข้าข่ายที่พระคัมภีร์กำลังพูดถึงนี้ เลยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อพระเจ้าหรือ ความจริงไม่ใช่ เรายังคงต้องรับผิดชอบที่จะส่ำสมทรัพย์ในแผ่นดินสวรรค์ด้วยการกระตือรือร้นในพระเจ้า ความกระตือรือร้นในพระเจ้าถูกเปรียบเทียบเหมือนกับทรัพย์สมบัติ มัทธิว 13:44-46 44 “แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้ได้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความปรีดีจึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น 45 “อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกอย่างดี46 และเมื่อได้พบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายสิ่งสารพัดซึ่งเขามีอยู่ ไปซื้อไข่มุกนั้น นี่เป็นภาพของความกระตือรือร้นในพระเจ้าที่ให้พระเจ้ามาเป็นหนึ่งเป็นเอกก่อนทุกอย่าง ไม่ใช่มาโบสถ์เพียงเพื่อให้จบๆ ถือว่าได้มาโบสถ์ แต่ไม่ได้ยำเกรงพระเจ้า ไม่ได้ใส่ใจต่อคำเทศนา ไม่ได้ร่วมนมัสการอย่างจริงจัง ขณะนมัสการก็เล่นแช้ท เล่นโทรศัพท์ไป เดี๋ยวนี้มีพระคัมภีร์ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็เป็นเหตุผลที่เราจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านพระคัมภีร์ แต่สำหรับการเทศนาของข้าพเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้พระคัมภีร์จากสมาร์ทโฟน เพราะว่า ข้าพเจ้าขึ้นจอแอลซีดีให้แล้ว บางคนมาโบสถ์ก็จะรีบกลับท่าเดียว เพราะเวลาทำมาหากินมีค่ากว่าอยู่กับพระคำพระเจ้าอีกสักนิดก็ไม่ได้ บางคนใครโทรมาก็จะรีบรับสายคุยเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ วันนี้เทศนาหนักหน่อย หลังจากนี้ โบสถ์คงว่างขึ้น เพราะคำเทศนาจะมีแต่คำเตือนและจัดระเบียบคริสตจักรใหม่ ให้ยำเกรงพระเจ้า ไม่ใช่เอาใจมนุษย์อีกต่อไป คริสตจักรต้องกลับใจทุกวัน ไม่ใช่บางวัน
2.พร้อมกลับใจใหม่ตลอดเวลา วิวรณ์ 3:18ข
และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อนุ่งห่มให้พ้นจากความอับอายที่เจ้าต้องเปลือยกายอยู่ และซื้อยาทาตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้แลเห็น เราต้องกลับมาปัดฝุ่นเรื่องการกลับใจใหม่ในชีวิตคริสเตียนของเรา เรารู้ว่า ทุกๆวัน เรามีโอกาสคิดผิด ทำผิด พูดผิดตลอดทั้งวัน แต่เราใส่ใจกับการแก้ไข ปรับปรุงจากผิดให้เป็นถูกหรือไม่ หรือปล่อยให้ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า 2เปโตร 2:21-22 21 เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่เขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลังให้พระบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่ได้ทรงโปรดมอบให้แก่เขานั้น22 พฤติกรรมได้เกิดกับเขาตามสุภาษิตซึ่งเป็นความจริงที่ว่า สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาด แล้วกลับลุยลงไปนอนในปลักอีก การกลับใจใหม่ ที่แท้จริง คือ การระวังที่จะไม่กลับไปสู่สิ่งที่เคยทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปลือยกายล่อนจ้อนและตาบอดมองไม่เห็นความผิดของตนเอง แต่เที่ยวไปจับผิดคนอื่นไปทั่ว เสื้อสีขาว คือเสื้อแห่งความชอบธรรมหมายถึงพฤติกรรมที่รับการชำระโดยพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน ระวังอย่าให้สาวกของมารซาตานเห็นตัวเราเปลือยกาย มารไม่รู้ความคิดเรา แต่มารมองเห็นผลจากความคิดของเราได้ คือเราเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ ข้าพเจ้าได้คุยกับเพื่อนเก่า แล้วก็รื้อฟื้นความหลังกันว่า ที่ประเทศเกาหลี มีการอาบน้ำที่เรียกว่า ซาวน่า เขาเรียกว่า เป็นประสบการณ์ความบ้าบอ คือการเปลือยกายอาบน้ำในห้องใหญ่ๆ ข้าพเจ้าบอกเขาว่า เมื่อทุกคนเปลือยกาย ไม่มีใครสนใจใคร เขาก็บอกว่า เออใช่ แต่ถ้ามีคนที่ใส่เสื้อผ้าเข้าไป ทุกคนจะจ้องมองคนนั้นเป็นตัวประหลาด เออก็ใช่อีกนะแหล่ะ นี่เป็นภาพของคริสเตียนที่เปลือยกายจะไม่รู้สึกแตกต่างจากชาวโลกที่เขาเปลือยกาย ไม่มีใครสนใจใคร แต่ถ้าคุณเป็นคริสเตียนที่แตกต่าง แน่นอน คุณจะเป็นคนที่คนอื่นๆจะมองคุณเป็นตัวประหลาด และนั่นหมายความว่า คุณมีเสื้อแห่งความชอบธรรมสวมอยู่ คุณไม่ได้เปลือยกายอย่างคนเหล่านั้น วันนี้ ความแตกต่างของคุณคืออะไร เช่น เขาดื่มเหล้า เราไม่ดื่ม เขาเล่นการพนัน เราไม่เล่น เขาพูดตลกลามก เราไม่พูด เขาติดดารา เราไม่ติด เขาดูทีวีเป็นบ้าเป็นหลัง เราไม่ดู เขาบ้านู่นนี่นั่น เราไม่บ้า เขาทะเลาะกับพ่อแม่ กับพี่น้อง เราไม่ทะเลาะ เขาเกลียด เรารัก เขาใช้เงินในทางฟุ่ยเฟือย เราไม่ทำ เขาไร้จุดมุ่งหมายของชีวิต แต่เรามี เขาใช้วันอาทิตย์เพื่อตัวเอง เราใช้วันอาทิตย์เพื่อรับใช้พระเจ้า นมัสการพระเจ้า เขาเรียกร้องให้คนปรนนิบัติเขา แต่เราดำรงอยู่เพื่อการปรนนิบัติ เขาติดค่านิยมของโลกนี้ แต่เราไม่ใช่ ใช่ไม๊ เขามีเมียมากกว่าหนึ่งคน เราก็มีมั่งหรือ ไม่ใช่ เขามีนั่นนี่ แต่เราไม่มีก็ไม่ตาย และนี่คือ ดวงตาที่มองเห็นความจริง นี่คือความหมายของพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้ และซื้อยาทาตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้แลเห็น วันนี้ เรามองแตกต่างกับชาวโลก หรือเรายังมองแบบเดียวกัน พระคัมภีร์กล่าวว่า เรากำลังตาบอด ต้องอาศัยยาทาตาที่มาจากพระเจ้าเท่านั้น นั่นคือพระวจนะของพระเจ้า คือยาทาตาชั้นดี ความหมายของคำว่า “ซื้อ” ไม่ว่า จะซื้อ ทองคำหลอมบริสุทธิ์ ซื้อเสื้อผ้าขาว และซื้อยาทาตา มีความหมายว่า มันจะไม่มาพร้อมกับความรอดที่เราได้รับฟรีๆจากพระเยซูคริสต์ แต่เราต้องลงทุน ลงแรงเพื่อให้ได้มา จะนั่งๆนอนๆ อยู่เฉยๆแล้วมันจะมาเป็นแพ็กเกต ไม่ใช่ ความกระตือรือร้นและการกลับใจใหม่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาทั้งสามสิ่งนี้ ดังนั้น ให้เราถามตัวเราเองว่า หัวใจของเรา…ยังมีไฟอยู่หรือไม่ เราพร้อมจะกลับใจใหม่หรือไม่ และเรากลับใจใหม่แล้วหรือยัง
“คืนสู่ชีวิตที่เกิดผล…จงมีความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่”
1.ความกระตือรือร้นในพระเจ้า
2.พร้อมกลับใจใหม่ตลอดเวลา