“คืนสู่ชีวิตที่เกิดผล…จงมีความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่

เราคงเคยได้ยินคำว่า หมดไฟ หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Burn out แปลว่า มอด หยุดทำงาน ไม่มีชีวิตชีวา อาการเริ่มแรกคือไม่อยากทำอะไร ไม่มีความกระตือรือร้น  เย็นๆเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น อาการเหล่านี้จะนำไปสู่การหมดเรี่ยวแรง ไม่มีกำลัง ไม่มีความสดชื่น และเฉาตายในที่สุด  พระคัมภีร์วิวรณ์ได้เตือนคริสตจักรให้ระวังเรื่องนี้ วิวรณ์ 3:15-19  15 “ ‘เรา​รู้จัก​แนว​การ​กระทำ​ของ​เจ้า เจ้า​ไม่​เย็น​ไม่​ร้อน เรา​ใคร่​ให้​เจ้า​เย็น​หรือ​ร้อน​16 เพราะ​เหตุ​ที่​เจ้า​เป็น​แต่​อุ่นๆ ไม่​เย็น​และ​ไม่​ร้อน เรา​จะ​คาย​เจ้า​ออก​จาก​ปาก​ของ​เรา​17 เพราะ​เจ้า​พูด​ว่า ‘เรา​เป็น​คน​มั่ง​มี​ได้​ทรัพย์​สมบัติ​มาก และ​เรา​ไม่​ต้อง​การ​สิ่ง​ใด​เลย’ เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​เจ้า​เป็น​คน​แร้นแค้น​เข็ญใจ เป็น​คน​ขัด​สน เป็น​คน​ตา​บอด และ​เปลือย​กาย​อยู่​18 เรา​เตือนสติ​เจ้า​ให้​ซื้อ​ทองคำ​ที่​หลอม​ให้​บริสุทธิ์​แล้ว​จาก​เรา เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​เป็น​คน​มั่ง​มี และ​ให้​เจ้า​ซื้อ​เสื้อผ้า​สี​ขาว เพื่อ​นุ่ง​ห่ม​ให้​พ้น​จาก​ความ​อับ​อาย​ที่​เจ้า​ต้อง​เปลือย​กาย​อยู่ และ​ซื้อ​ยา​ทา​ตา​ของ​เจ้า เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​แล​เห็น​19 เรา​รัก​ผู้ใด​เรา​ก็​ตักเตือน​และ​ตี​สอน​ผู้​นั้น  เหตุ​ฉะนั้น​จง​มี​ความ​กระตือรือร้น และ​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่​ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคริสตจักรของพระเยซูคริสต์เจ้าในอนาคต หมายถึงในยุคต่อๆมาจนถึงยุคของเราในปัจจุบันนี้ คือขัดสน เปลือยกายและตาบอด คริสตจักรหมายถึงใคร หมายถึงคริสเตียนทุกคน คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคาร แต่คือผู้เชื่อทุกคน ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์มีโอกาสที่จะมาถึงจุดที่เรียกว่า อุ่นๆ ไม่เย็น ไม่ร้อน ไม่กระตือรือร้นในพระเจ้า พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเตือนไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับลักษณะชีวิตของผู้เชื่อในพระองค์ว่า มัทธิว 5:13 13 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​เกลือ​แห่ง​โลก ถ้า​เกลือ​นั้น​หมด​รส​เค็ม​ไป​แล้ว จะ​ทำ​ให้​กลับ​เค็ม​อีก​อย่างไร​ได้ แต่​นั้น​ไป​ก็​ไม่​เป็น​ประโยชน์​อะไร มี​แต่​จะ​ทิ้ง​เสีย​สำหรับ​คน​เหยียบ​ย่ำ  นี่คือคำเตือนว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดคุณค่าลงด้วยความไม่กระตือรือร้นอย่างที่ควรจะเป็น  พระเยซูคริสต์เจ้ายังเตือนต่อไปอีกว่า มัทธิว 5:14-15  14 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก นคร​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ปิดบัง​ไว้​ไม่ได้​15 เมื่อ​จุด​ตะเกียง​แล้ว ไม่​มี​ผู้ใด​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ ย่อม​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง จะ​ได้​ส่อง​สว่าง​แก่​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เรือน​นั้น​  คุณค่าของชีวิตคริสเตียนถูกเปรียบเทียบไว้ทั้งเป็นเกลือที่มีรสเค็ม คือมีคุณสมบัติในการเยียวยาสังคม รักษาการเน่าเฟะของสังคม ทั้งเป็นแสงสว่างแก่สังคม มิให้ความมืดมีอิทธิพลกับชีวิต และยังให้ชีวิตแก่สังคม นำคนให้ออกจากความตายไปสู่ชีวิต  เลิกวิถีชีวิตเก่าๆที่นำไปสู่ความตาย  นี่คือเหตุผลที่อ.เปาโลได้เขียนไว้ในหนังสือ 2 โครินธ์5:17 17 เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ผู้ใด​อยู่​ใน​พระ​คริสต์​ ผู้​นั้น​ก็​เป็น​คน​ที่​ถูก​สร้าง​ใหม่​แล้ว สิ่ง​สารพัด​ที่​เก่าๆ ​ก็​ล่วง​ไป นี่​แน่ะ​กลาย​เป็น​สิ่ง​ใหม่​ทั้งนั้น​  วิถีชีวิตเก่าๆนำไปสู่การหมดเรี่ยวแรง ไม่มีกำลัง และเหี่ยวเฉาในฝ่ายวิญญาณ มีคำพูดหนึ่งได้กล่าวว่า เมื่อก่อนเราตายในฝ่ายวิญญาณ แต่เมื่อเราเข้ามาอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้า เรากลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ดังนั้น พี่น้อง อย่าปล่อยให้ตนเองกลับไปสู่สภาพจิตวิญญาณที่ตายด้านอีก แต่จงกลับมีชีวิตชีวา มีความกระตือรือร้นในพระเจ้า หนังสือวิวรณ์ได้แนะคริสเตียนที่ไฟกำลังมอดให้กลับมาสู่ไฟของพระเจ้า  คริสเตียนที่กำลังเป็นเกลือที่จะเน่าให้กลับมาเป็นเกลือที่มีคุณภาพ ก่อนที่จะถูกเหยียบย่ำทิ้งเสีย  และคริสเตียนที่กำลังเปลือยกาย ตายบอด และขัดสนในฝ่ายวิญญาณให้กับมามองเห็นได้  ไม่ต้องอับอาย และมั่งมีในฝ่ายวิญญาณอีกครั้ง วิวรณ์ 3:19 19 เรา​รัก​ผู้ใด​เรา​ก็​ตักเตือน​และ​ตี​สอน​ผู้​นั้น  เหตุ​ฉะนั้น​จง​มี​ความ​กระตือรือร้น และ​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่​  มีคำพยานของสาวกซาตานระดับ Top Hundred ที่มารซาตานให้ความสามารถพิเศษแก่สาวกของมัน ด้วยการมองเห็นสภาพของคนเปลือยกายล่อนจ้อน เพราะความคิดจิตใจของคนๆนั้นวนเวียนอยู่กับเรื่องของเนื้อหนังและค่านิยมของโลกนี้ แม้กระทั่งคริสเตียนเองก็เปลือยกายล่อนจ้อนในสายตาของสาวกซาตานระดับ Top Hundredนี่เป็นคำพยานหลังจากที่หนึ่งในนั้น กลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะการเป็นสาวกซาตานระดับนั้นคือการขายชีวิตให้กับซาตาน ถึงเวลาซาตานทวงชีวิตที่ขายให้ นั่นหมายถึง ต้องตายในเวลาที่ซาตานกำหนด ทางรอดก็คือต้องพึ่งพระเยซูคริสต์เจ้า และเขาก็รอดเพราะเข้ามาพึ่งพระเยซูคริสต์เจ้า อำนาจซาตานหมดไป แต่ได้สิ่งใหม่ นั่นคือ ความกระตือ รือร้นและการกลับใจใหม่   ทุกวันนี้ อาจมีคริสเตียนบางคนที่ได้ขายชีวิตให้กับซาตานไป เพียงเพราะเรื่องของเงินทอง วัตถุสิ่งของของโลกนี้ กลายเป็นคริสเตียนเปลือยกาย ล่อนจ้อน ตาบอด และขัดสน ในสายพระเนตรของพระเจ้า เมื่อพระเจ้ามองดูคริสเตียนคนนั้น แล้วพระองค์ทรงเสียพระทัย กับการใช้ชีวิตที่ไร้ค่า และรอเวลาแห่งการพิพากษาที่กำลังใกล้เข้ามา  วิวรณ์ 3:19 19 เรา​รัก​ผู้ใด​เรา​ก็​ตักเตือน​และ​ตี​สอน​ผู้​นั้น  เหตุ​ฉะนั้น​จง​มี​ความ​กระตือรือร้น และ​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่ รากศัพท์ของการตีสอน คือการฝึกเด็กด้วยการให้ความรู้ สุภาษิต13:24 24 บุคคล​ที่​สงวน​ไม้​เรียว​ก็​เกลียด​บุตร​ชาย​ของ​ตน แต่​ผู้​ที่​รัก​เขา​พยายาม​ตี​สอน​เขา  พระเจ้าทรงรักเรา พระองค์จึงต้องเตือนเรา ให้เรากลับมากระตือรือร้นและกลับใจใหม่ ไฟของพระเจ้าหายไปจากชีวิตของเรานานขนาดไหน  วันนี้ข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรเกี่ยวกับ หากหัวใจ…ยังมีไฟอยู่ ขอให้ไปอ่านด้วย โดยเฉพาะผู้รับใช้เต็มเวลา การรับใช้เต็มเวลาไม่ได้หลายความว่าจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องรับการตีสอน ไม่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ยิ่งสอนยิ่งนำคนอื่นมากเท่าไร ยิ่งต้องมีวินัย และถูกตีสอนมากกว่าคนอื่น ยากอบ 3:1 1 ดูก่อน​พี่​น้อง​ของ​ข้าพเจ้า อย่า​ให้​เป็น​อาจารย์​กัน​มาก​หลาย​คน​เลย เพราะ​ท่าน​ก็​รู้​ว่า เรา​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​ผู้สอน​นั้น จะ​ได้รับ​การ​ทรง​พิพากษา​ที่​เข้มงวด​กว่า​ผู้อื่น​ นั่นหมายความว่า ยิ่งต้องเข้มงวดกับตัวเองมากกว่าคนอื่น  โดยเฉพาะ ความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่  มาถึงตรงนี้เราจะพบคริสเตียนหัวหมอบางคนให้เหตุผลว่า ฉัน ผมไม่ได้เป็นผู้รับใช้เต็มเวลา เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเข้มงวดหรือมีวินัยเท่ากับพวกอาจารย์ทั้งหลาย เรากำลังเข้าใจผิดแล้ว 2 โครินธ์ 5:10 10 เพราะ​ว่า​จำเป็น​ที่​เรา​ทุก​คน​จะต้อง​ปรากฏ​ตัว​ที่​หน้า​บัลลังก์​ของ​พระ​คริสต์​ เพื่อ​ทุก​คน​จะ​ได้รับ​สม​กับ​การ​ที่​ได้​ประพฤติ​ใน​ร่างกาย​นี้ แล้ว​แต่​จะ​ดี​หรือ​ชั่ว​นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีความรับผิดชอบส่วนตัวต่อพระเจ้าทั้งสิ้น ขอให้เรากลับมาใส่ใจสิ่งที่เราควรจะมีในชีวิตคริสเตียนจริงๆ นั่นคือ

1.ความกระตือรือร้นในพระเจ้า  วิวรณ์ 3:18ก

18 เรา​เตือนสติ​เจ้า​ให้​ซื้อ​ทองคำ​ที่​หลอม​ให้​บริสุทธิ์​แล้ว​จาก​เรา เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​เป็น​คน​มั่ง​มี

พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการเป็นคนมั่งมีในที่นี้  ต้องมี ทองคำ​ที่​หลอม​ให้​บริสุทธิ์​แล้ว​จาก​เรา นั่นหมายถึง ทรัพย์สินของโลกนี้ไม่ได้ทำให้เรามั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า  พระเยซูคริสต์ทรงสอนเรื่องนี้ ลูกา 12:15-21 15 แล้ว​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “จง​ระวัง​และ​เว้น​เสีย​จาก​การ​โลภ​ทุก​ประการ เพราะ​ว่า​ชีวิต​ของ​คน​มิได้​อยู่​ใน​การ​ที่​มี​ของ​ฟุ่มเฟือย”16 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​คำ​เปรียบ​ข้อ​หนึ่ง​ให้​เขา​ฟัง​ว่า “ไร่​นา​ของ​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​เกิดผล​บริบูรณ์​มาก​17 เศรษฐี​คน​นั้น​จึง​คิด​ใน​ใจ​ว่า ‘เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี เพราะ​ว่า​เรา​ไม่​มี​ที่​ที่​จะ​เ​ก็​บ​ผล​ของ​เรา’18 เขา​จึง​คิด​ว่า ‘เรา​จะ​ทำ​อย่าง​นี้ คือ​จะ​รื้อ​ยุ้ง​ฉาง​ของ​เรา​เสีย​และ​จะ​สร้าง​ใหม่​ให้​โต​ขึ้น แล้ว​เรา​จะ​รวบรวม​ข้าว​และ​สมบัติ​ทั้งหมด​ของ​เรา​ไว้​ที่​นั่น​19 แล้ว​เรา​จะ​ว่า​แก่​จิตใจ​ของ​เรา​ว่า “จิตใจ​เอ๋ย​เจ้า​มี​ทรัพย์​สมบัติ​มาก​เ​ก็​บ​ไว้​พอ​หลาย​ปี จง​อยู่​สบาย กิน ดื่ม และ​รื่น​เริง​เถิด’ ”20 แต่​พระ​เจ้า​ตรัส​แก่​เขา​ว่า ‘โอ คน​โง่ ใน​คืน​วันนี้​ชีวิต​ของ​เจ้า​จะต้อง​เรียก​เอา​ไป​จาก​เจ้า แล้ว​ของ​ซึ่ง​เจ้า​ได้​รวบรวม​ไว้​นั้น​จะ​เป็น​ของ​ใคร​เล่า’21 คน​ที่​ส่ำ​สม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​สำหรับ​ตัว และ​มิได้​มั่ง​มี​จำเพาะ​พระ​เจ้า​ก็​เป็น​เช่นนั้น​แหละ”  พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ทำให้เรามองเห็นคนที่กระตือรือร้นในทรัพย์สมบัติของโลกนี้มากกว่ากระตือรือร้นในพระเจ้า คนๆนั้นเป็นคนที่ขัดสนในสายพระเนตรของพระเจ้า 21 คน​ที่​ส่ำ​สม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​สำหรับ​ตัว และ​มิได้​มั่ง​มี​จำเพาะ​พระ​เจ้า​ก็​เป็น​เช่นนั้น​แหละ”   บางคนอาจว่า ตัวเองไม่มีอะไรไม่มีเงินทอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้เข้าข่ายที่พระคัมภีร์กำลังพูดถึงนี้ เลยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อพระเจ้าหรือ ความจริงไม่ใช่  เรายังคงต้องรับผิดชอบที่จะส่ำสมทรัพย์ในแผ่นดินสวรรค์ด้วยการกระตือรือร้นในพระเจ้า  ความกระตือรือร้นในพระเจ้าถูกเปรียบเทียบเหมือนกับทรัพย์สมบัติ มัทธิว 13:44-46 44 “แผ่นดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​ขุมทรัพย์​ซ่อน​ไว้​ใน​ทุ่ง​นา เมื่อ​มี​ผู้​ได้​พบ​แล้ว​ก็​กลับ​ซ่อน​เสีย​อีก และ​เพราะ​ความ​ปรีดี​จึง​ไป​ขาย​สรรพ​สิ่ง​ซึ่ง​เขา​มี​อยู่​แล้ว​ไป​ซื้อ​นา​นั้น​ 45 “อีก​ประการ​หนึ่ง แผ่นดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​พ่อค้า​ที่​ไป​หา​ไข่มุก​อย่าง​ดี​46 และ​เมื่อ​ได้​พบ​ไข่มุก​เม็ด​หนึ่ง​มี​ค่า​มาก ​ก็​ไป​ขาย​สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​เขา​มี​อยู่ ไป​ซื้อ​ไข่มุก​นั้น ​นี่เป็นภาพของความกระตือรือร้นในพระเจ้าที่ให้พระเจ้ามาเป็นหนึ่งเป็นเอกก่อนทุกอย่าง   ไม่ใช่มาโบสถ์เพียงเพื่อให้จบๆ ถือว่าได้มาโบสถ์ แต่ไม่ได้ยำเกรงพระเจ้า ไม่ได้ใส่ใจต่อคำเทศนา ไม่ได้ร่วมนมัสการอย่างจริงจัง ขณะนมัสการก็เล่นแช้ท เล่นโทรศัพท์ไป  เดี๋ยวนี้มีพระคัมภีร์ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็เป็นเหตุผลที่เราจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านพระคัมภีร์ แต่สำหรับการเทศนาของข้าพเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้พระคัมภีร์จากสมาร์ทโฟน เพราะว่า ข้าพเจ้าขึ้นจอแอลซีดีให้แล้ว  บางคนมาโบสถ์ก็จะรีบกลับท่าเดียว เพราะเวลาทำมาหากินมีค่ากว่าอยู่กับพระคำพระเจ้าอีกสักนิดก็ไม่ได้ บางคนใครโทรมาก็จะรีบรับสายคุยเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ วันนี้เทศนาหนักหน่อย  หลังจากนี้ โบสถ์คงว่างขึ้น เพราะคำเทศนาจะมีแต่คำเตือนและจัดระเบียบคริสตจักรใหม่ ให้ยำเกรงพระเจ้า ไม่ใช่เอาใจมนุษย์อีกต่อไป คริสตจักรต้องกลับใจทุกวัน ไม่ใช่บางวัน

2.พร้อมกลับใจใหม่ตลอดเวลา  วิวรณ์ 3:18ข

และ​ให้​เจ้า​ซื้อ​เสื้อผ้า​สี​ขาว เพื่อ​นุ่ง​ห่ม​ให้​พ้น​จาก​ความ​อับ​อาย​ที่​เจ้า​ต้อง​เปลือย​กาย​อยู่ และ​ซื้อ​ยา​ทา​ตา​ของ​เจ้า เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​แล​เห็น  เราต้องกลับมาปัดฝุ่นเรื่องการกลับใจใหม่ในชีวิตคริสเตียนของเรา  เรารู้ว่า ทุกๆวัน เรามีโอกาสคิดผิด ทำผิด พูดผิดตลอดทั้งวัน แต่เราใส่ใจกับการแก้ไข ปรับปรุงจากผิดให้เป็นถูกหรือไม่ หรือปล่อยให้ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า 2เปโตร 2:21-22  21 เพราะ​ว่า​ถ้า​เขา​ไม่ได้​รู้จัก​ทาง​ชอบธรรม​นั้น​เสียเลย ​ก็​ยัง​จะ​ดีกว่า​ที่​เขา​ได้​รู้​แล้ว แต่​กลับ​หัน​หลัง​ให้​พระ​บัญญัติ​อัน​บริสุทธิ์​ที่​ได้​ทรง​โปรด​มอบ​ให้แก่​เขา​นั้น​22 พฤติกรรม​ได้​เกิด​กับ​เขา​ตาม​สุภาษิต​ซึ่ง​เป็น​ความ​จริง​ที่ว่า สุนัข​เลีย​กิน​สิ่ง​ที่​มัน​สำรอก​ออกมา  และ​สุกร​ที่​คน​ล้าง​มัน​ให้​สะอาด แล้ว​กลับ​ลุย​ลง​ไป​นอน​ใน​ปลัก​อีก  ​การกลับใจใหม่ ที่แท้จริง คือ การระวังที่จะไม่กลับไปสู่สิ่งที่เคยทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เปลือยกายล่อนจ้อนและตาบอดมองไม่เห็นความผิดของตนเอง แต่เที่ยวไปจับผิดคนอื่นไปทั่ว เสื้อสีขาว คือเสื้อแห่งความชอบธรรมหมายถึงพฤติกรรมที่รับการชำระโดยพระวจนะของพระเจ้าทุกวัน  ระวังอย่าให้สาวกของมารซาตานเห็นตัวเราเปลือยกาย  มารไม่รู้ความคิดเรา แต่มารมองเห็นผลจากความคิดของเราได้ คือเราเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่  ข้าพเจ้าได้คุยกับเพื่อนเก่า แล้วก็รื้อฟื้นความหลังกันว่า ที่ประเทศเกาหลี มีการอาบน้ำที่เรียกว่า ซาวน่า เขาเรียกว่า เป็นประสบการณ์ความบ้าบอ คือการเปลือยกายอาบน้ำในห้องใหญ่ๆ ข้าพเจ้าบอกเขาว่า เมื่อทุกคนเปลือยกาย ไม่มีใครสนใจใคร  เขาก็บอกว่า เออใช่ แต่ถ้ามีคนที่ใส่เสื้อผ้าเข้าไป ทุกคนจะจ้องมองคนนั้นเป็นตัวประหลาด เออก็ใช่อีกนะแหล่ะ นี่เป็นภาพของคริสเตียนที่เปลือยกายจะไม่รู้สึกแตกต่างจากชาวโลกที่เขาเปลือยกาย ไม่มีใครสนใจใคร แต่ถ้าคุณเป็นคริสเตียนที่แตกต่าง แน่นอน คุณจะเป็นคนที่คนอื่นๆจะมองคุณเป็นตัวประหลาด และนั่นหมายความว่า คุณมีเสื้อแห่งความชอบธรรมสวมอยู่ คุณไม่ได้เปลือยกายอย่างคนเหล่านั้น  วันนี้ ความแตกต่างของคุณคืออะไร  เช่น  เขาดื่มเหล้า เราไม่ดื่ม เขาเล่นการพนัน เราไม่เล่น เขาพูดตลกลามก เราไม่พูด เขาติดดารา เราไม่ติด เขาดูทีวีเป็นบ้าเป็นหลัง เราไม่ดู เขาบ้านู่นนี่นั่น เราไม่บ้า เขาทะเลาะกับพ่อแม่ กับพี่น้อง เราไม่ทะเลาะ เขาเกลียด เรารัก เขาใช้เงินในทางฟุ่ยเฟือย เราไม่ทำ เขาไร้จุดมุ่งหมายของชีวิต  แต่เรามี เขาใช้วันอาทิตย์เพื่อตัวเอง เราใช้วันอาทิตย์เพื่อรับใช้พระเจ้า นมัสการพระเจ้า เขาเรียกร้องให้คนปรนนิบัติเขา แต่เราดำรงอยู่เพื่อการปรนนิบัติ เขาติดค่านิยมของโลกนี้ แต่เราไม่ใช่ ใช่ไม๊ เขามีเมียมากกว่าหนึ่งคน เราก็มีมั่งหรือ ไม่ใช่ เขามีนั่นนี่ แต่เราไม่มีก็ไม่ตาย และนี่คือ ดวงตาที่มองเห็นความจริง นี่คือความหมายของพระธรรมวิวรณ์ตอนนี้ และ​ซื้อ​ยา​ทา​ตา​ของ​เจ้า เพื่อ​เจ้า​จะ​ได้​แล​เห็น  วันนี้ เรามองแตกต่างกับชาวโลก หรือเรายังมองแบบเดียวกัน พระคัมภีร์กล่าวว่า เรากำลังตาบอด ต้องอาศัยยาทาตาที่มาจากพระเจ้าเท่านั้น นั่นคือพระวจนะของพระเจ้า คือยาทาตาชั้นดี ความหมายของคำว่า “ซื้อ” ไม่ว่า จะซื้อ ทองคำหลอมบริสุทธิ์ ซื้อเสื้อผ้าขาว และซื้อยาทาตา มีความหมายว่า มันจะไม่มาพร้อมกับความรอดที่เราได้รับฟรีๆจากพระเยซูคริสต์ แต่เราต้องลงทุน ลงแรงเพื่อให้ได้มา จะนั่งๆนอนๆ อยู่เฉยๆแล้วมันจะมาเป็นแพ็กเกต ไม่ใช่ ความกระตือรือร้นและการกลับใจใหม่คือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาทั้งสามสิ่งนี้ ดังนั้น ให้เราถามตัวเราเองว่า หัวใจของเรา…ยังมีไฟอยู่หรือไม่ เราพร้อมจะกลับใจใหม่หรือไม่ และเรากลับใจใหม่แล้วหรือยัง

“คืนสู่ชีวิตที่เกิดผล…จงมีความกระตือรือร้นและกลับใจใหม่”

1.ความกระตือรือร้นในพระเจ้า

2.พร้อมกลับใจใหม่ตลอดเวลา 

By admin