“ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้”
วันนี้ ปิดท้ายปีด้วยกิจการซีรี่ย์ ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้ ใครๆก็สามารถพูดโอ้อวดยังไงก็ได้ แต่สิ่งที่พิสูจน์ว่าคำพูดนั้นเป็นจริงอย่างที่พูดหรือเปล่าก็คือ ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่พ่อค้าแม่ค้ามักจะเอาแต่ผลสวยๆมาเรียงโชว์ด้านหน้า เวลาเราจะซื้อ เขาจะห้ามเราหยิบ เขาจะหยิบจากด้านหลังให้ นั่นคือลูกเงาะ และที่หยิบให้จะไม่ใหญ่หรือสวยอย่างด้านหน้า เวลาซื้อห้ามพูดมากเดี๋ยวได้ของแถม อันนี้วัดผลได้ตอนซื้อเลยว่า ผลที่ได้ไม่ดีอย่างที่โชว์ เพื่อนข้าพเจ้าถามข้าพเจ้าว่า เขาอยากจะเรียนรู้ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ท่าที จิตใจ และการกระทำของคนบางคนนั้นไม่บริสุทธิ์ (Pure) มีวาระซ่อนเร้น จุดประสงค์ของคำถามนี้ก็เพื่อจะบอกว่า เขาไม่อยากถูกหลอก ข้าพเจ้าตอบเขาว่า พระเยซูทรงสอนเราเรื่องนี้แล้วว่า เราจะรู้จักคนๆนั้นได้ด้วยผลของเขา มัทธิว 7:17-20 17 ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว18 ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ 19 ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ20 เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา ดังนั้น ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้ แต่จะเป็นผลที่ดีหรือเลวนั้น ต้องใช้มาตรฐานของพระเยซูคริสต์เจ้า สุภาษิต21:2 2 ทางของคนทุกทางก็ถูกต้องในสายตาของตน แต่พระเจ้าทรงชั่งใจ (ตรวจดูจิตใจ) สุภาษิต 12:15 15 ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ เรื่องราวของกิจการซีรี่ย์วันนี้ จะทำให้เราได้มองเห็นผลชีวิตของคนๆหนึ่งที่เปลี่ยนจากเลวมาเป็นดีได้อย่างไร ชีวิตและการกระทำของคนๆนี้ที่เป็นผู้กระตือรือร้นในพระเจ้า เป็นคนเคร่งศาสนา แต่เมื่อถูกตรวจสอบจากสวรรค์ เขากลับไม่ผ่านมาตรฐานของพระเจ้า และเราได้มองเห็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่ทรงให้โอกาสแก่คนๆนี้ นั่นคือ เซาโล กิจการ 9:19-31 19 พอรับประทานอาหารแล้วก็มีกำลังขึ้น เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ในเมืองดามัสกัสหลายวัน20 ท่านไม่ได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา กล่าวเรื่องพระเยซูว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า”21 คนทั้งหลายที่ได้ยินก็พากันประหลาดใจ แล้วว่า “คนนี้มิใช่หรือที่ได้ทำร้ายคนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่อธิษฐานออกพระนามนี้ และเขามาที่นี่หวังจะผูกมัดพวกนั้นส่งให้พวกมหาปุโรหิต”22 แต่เซาโลยิ่งมีกำลังทวีขึ้น และทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกัสนิ่งอั้นอยู่ โดยพิสูจน์ให้เขาเห็นแน่ว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ 23 ครั้นต่อมาอีกหลายวัน พวกยิวได้ปรึกษากันจะฆ่าเซาโลเสีย24 แต่เรื่องการปองร้ายของเขารู้ถึงเซาโล เขาทั้งหลายได้เฝ้าประตูเมือง คอยฆ่าเซาโลทั้งกลางวันกลางคืน25 แต่เหล่าสาวกได้ให้เซาโลนั่งในเข่งใหญ่ แล้วหย่อนลงจากกำแพงเมืองในเวลากลางคืน26 ครั้นเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านใคร่จะคบให้สนิทกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก27 แต่บารนาบัสได้พาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้เขาฟังว่า เซาโลได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่กลางทาง และพระองค์ตรัสแก่ท่าน ท่านจึงประกาศออกพระนามพระเยซู ด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัส28 แล้วเซาโลเข้านอกออกใน อยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม29 ประกาศออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยใจกล้าหาญ ท่านพูดและไล่เลียงกับพวกที่นิยมกรีก แต่พวกนั้นหาช่องที่จะฆ่าท่านเสีย30 เมื่อพี่น้องรู้อย่างนั้น จึงพาท่านไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งไปยังเมืองทาร์ซัส 31 เหตุฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียจึงมีความสงบสุขและเจริญขึ้น ประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า และด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกก็ยิ่งทวีมากขึ้น ชีวิตการกลับใจใหม่ของเซาโลจากคนที่ข่มเหลงคริสเตียน ต่อต้านพระเยซูคริสต์ เปลี่ยนไปทันทีชั่วข้ามคืน เพราะประสบการณ์ที่เซาโลได้มีส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์เจ้า เซาโลได้พบของจริง คือพระเยซูคริสต์จริงๆ ได้ยิน ได้สนทนา และพระเยซูได้ทำให้เซาโลตาบอดเพื่อเขาจะใช้เวลาที่ตาบอดมองสิ่งที่มาจากพระเยซูแทนที่จะมองแต่ความเป็นอัตตาและอุดมการณ์ของตนเอง เมื่อพระเยซูทรงใช้อานาเนียมาอธิษฐานให้กับเซาโลเพื่อเขาจะมองเห็นได้อีก เซาโลรู้ว่า เขาต้องรีบหันกลับจากทางเก่าอย่างสิ้นเชิง เพราะพระเยซูไม่ใช่ของเล่นที่จะเล่นๆได้อีกต่อไป มีคริสเตียนไม่น้อย ยังดำเนินชีวิตแบบเล่นๆ ไม่จริงจัง ก็เพราะว่ายังไม่เจอพระเยซูคริสต์ของจริง ยังใช้ชีวิตที่ยังไม่เจอพระเยซูจริงๆ ชีวิตแบบนี้ไม่ต่างจากการนับถือศาสนาหรืออยู่ในวิญญาณของศาสนา ที่ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า การเป็นคริสเตียนจะเล่นไม่ได้ หรือเครียดตลอดเวลา ไม่ใช่ เรามีอารมณ์ขัน เรามีความเบิกบาน ความสดชื่น แต่เราจริงจังกับทิศทางของการดำเนินชีวิตว่า เรากำลังไปถูกทิศถูกทางอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ เราต้องรีบหันหลังกลับเหมือนกับเซาโลที่ต้องรีบหันหลังกลับหลังจากได้พบกับพระเยซูคริสต์เจ้าของจริง ขอให้เราสำรวจตัวเราว่า เราได้หันหลังกลับจากวิถีแบบวิญญาณศาสนา ที่มาโบสถ์แบบศาสนา แต่ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์กับพระเยซู และไม่จริงจังกับชีวิตที่เกิดผล…ที่สามารถวัดผลได้ แต่เที่ยวอาศัยผลจากชีวิตของคนอื่นที่จะให้ตนเองอยู่รอดไปวันๆ ข้าพเจ้าชอบประโยคหนึ่งที่เขียนว่า Bright or Blue you still survive แปลว่า ไม่ว่าจะสุขหรือเศร้า คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เป็นการหนุนใจให้ชีวิตต้องเกิดผลชีวิตด้วยตนเอง และจงมีชีวิตอย่างมีความหมาย ไม่ใช่จะมองชีวิตในมุมสุขเท่านั้น หากมีทุกข์ ชีวิตขาดหายไปหรือตายดีกว่า ชีวิตไร้ความหมาย ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้ คือการอยู่อย่างเกิดผลและการเกิดผลนั้น สามารถให้คนอื่นพิสูจน์ หรือตรวจสอบผลที่เกิด ชีวิตของเซาโลจึงเปลี่ยนจากต่อต้านสุดๆมาเป็นสนับสนุนสุดๆ เซาโลเริ่มใช้เวลากับศิษย์ของพระเยซู คือการเข้าสู่การตรวจสอบของคนอื่น 19 พอรับประทานอาหารแล้วก็มีกำลังขึ้น เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ในเมืองดามัสกัสหลายวัน หลังจากการใช้เวลากับศิษย์พระเยซู จนมีกำลังวังชา เซาโลก็ไม่รอช้าในการทำหน้าที่เกิดผลที่ตรงกันข้ามจากเดิม 20 ท่านไม่ได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา กล่าวเรื่องพระเยซูว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” นี่คือวินัยใหม่ หลายคนที่ตั้งใจที่จะเลิกทำบาป หันหลังกลับให้กับบาป แต่ไม่ก้าวไปสู่วินัยใหม่ ส่วนใหญ่จะกลับไปทำบาปอีก และทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าขาดวินัยใหม่ ที่นี่ เราจะเห็นเซาโลไม่รอช้าเมื่อเขากลับหลังหันให้กับบาป ก็คือการกระทำที่ตรงกับน้ำพระทัยพระเจ้า เมื่อเขาหันหลังกลับ เขาก้าวออกจากจุดที่เคยทำบาปเดิมทันที ด้วยการทำตรงกันข้าม เมื่อก่อนเขาห้ามคนอื่นประกาศพระนามพระเยซู และยังจับคนที่ประกาศติดคุกและฆ่า แต่เวลานี้ เซาโลกลับลำ เพราะรู้ตัวว่าตนเองเดินผิดทิศผิดทาง เขาต้องอยู่ให้ถูกทิศถูกทาง แม้ว่า จะต้องมาอยู่ในทิศทางเดียวกันกับคนที่เขาเคยต่อต้านก็ตาม 21 คนทั้งหลายที่ได้ยินก็พากันประหลาดใจ แล้วว่า “คนนี้มิใช่หรือที่ได้ทำร้ายคนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่อธิษฐานออกพระนามนี้ และเขามาที่นี่หวังจะผูกมัดพวกนั้นส่งให้พวกมหาปุโรหิต ความประหลาดใจของคนที่ได้ยินได้เห็นเซาโลกระทำ คือวินัยใหม่ของเซาโล วันนี้ พี่น้องทำให้คนรอบข้างประหลาดใจ อย่างนี้หรือไม่ เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือว่าเขาเดาได้ว่า เราก็ยังเหยียบขี้หมากองเดิม ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำบาปเรื่องเดิม ใช้คำพูดแบบเดิมๆ ใช้อารมณ์แบบเดิมๆ ไม่มีวินัยใหม่ในชีวิต แต่ยังคาดหวังอะไรที่ดีกว่าเดิม คาดหวังผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ดีกว่า แม้กระทั่งผลลัพธ์ระดับยอดเยี่ยม คำถามก็คือว่า เรากำลังปลูกถั่วแต่อยากได้งาอยู่หรือเปล่า ขอให้เรามองดูเซาโลที่ภายหลังกลายเป็นอ.เปาโลที่มีชีวิตที่เกิดผลอย่างมากมาย จุดเริ่มต้นของอ.เปาโลเริ่มจากตอนที่ยังเป็นเซาโล ไม่ได้เป็นอาจารย์ ไม่ได้เป็นอัครทูต ไม่ได้เป็นสาวกชั้นแนวหน้า แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเซาโลเป็นสิ่งที่คริสเตียนทุกคน อย่างเราทั้งหลายควรเลียนแบบ และข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เราจะสามารถมีชีวิตที่เกิดผล…ที่สามารถวัดผลได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเหมือนผักตบชวา ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ จนไปถึงปากอ่าวแล้วก็เน่าตายในที่สุด แต่ขอให้ชีวิตของเราเป็นปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ รู้หรือไม่ว่า ทำไมปลาจึงต้องว่ายทวนกระแสน้ำ ยิ่งปลาที่ว่ายขึ้นน้ำตก ก็เพราะยิ่งขึ้นไปใกล้ต้นน้ำเท่าไร อ๊อกซิเยนยิ่งมาก นั่นหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ยาวนาน ยิ่งอยู่ปลายน้ำ อ๊อกซิเจนยิ่งน้อย และนั่นคือความตาย อย่างเซาโลเมื่อรู้ว่าตนเองผิดทิศผิดทางก็ต้องสวนทางของตนเองขึ้นมา ไม่ได้รักหน้าตา ชื่อเสียง หรือัตตาของตนเอง ชนิดที่ใครติงใครเตือนไม่ได้ จงอย่าเป็นคนอย่างนั้น เราจะเห็นแบบอย่างของเซาโลว่า ยิ่งมีแรงต้าน เขายิ่งมีกำลังยิ่งขึ้น 22 แต่เซาโลยิ่งมีกำลังทวีขึ้น และทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกัสนิ่งอั้นอยู่ โดยพิสูจน์ให้เขาเห็นแน่ว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ เป็นบทพิสูจน์ว่า แนวโน้มชีวิตที่เกิดผลของเซาโลเป็นของจริง ของจริงต้องถูกพิสูจน์ด้วยแรงต้าน ของจริงจะไม่ล้มเลิก ไม่ถอดใจ ไม่หันหลังกลับไปทางเดิม ของจริงต้องสามารถวัดผลได้ การถูกพิสูจน์ของเซาโลหนักขึ้นกว่านั้นอีก นั่นคือ 23 ครั้นต่อมาอีกหลายวัน พวกยิวได้ปรึกษากันจะฆ่าเซาโลเสีย แต่ขอบคุณพระเจ้า การใช้เวลากับศิษย์ของพระเยซู ทำให้เซาโลที่ดามัสกัสพบกับแรงต้านจากด้านนอกเท่านั้น เพราะด้านในคือสังคมสาวกพิสูจน์แล้ว่า เซาโลเป็นของจริง พวกสาวกจึงช่วยกันปกป้องเซาโล 24 แต่เรื่องการปองร้ายของเขารู้ถึงเซาโล เขาทั้งหลายได้เฝ้าประตูเมือง คอยฆ่าเซาโลทั้งกลางวันกลางคืน25 แต่เหล่าสาวกได้ให้เซาโลนั่งในเข่งใหญ่ แล้วหย่อนลงจากกำแพงเมืองในเวลากลางคืน เหมือนกับการทำเซลล์กรุ๊ป หรือการมาคริสตจักรอย่างสม่ำเสมอ เป็นโอกาสของการได้พิสูจน์ว่าตนเองเป็นคริสตสมาชิกของจริง ไม่ใช่มาเฉพาะงานพิเศษ หรือวาระพิเศษ มีคำพูดหนึ่งกล่าวถึงคนที่มาโบสถ์แบบวาระพิเศษ ว่า เขาจะมาโบสถ์ ตอนเกิด ตอนแต่งงาน และก็ตอนตาย อย่าให้เราเป็นคริสตสมาชิกแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ทำให้เราเป็นคริสตสมาชิกของจริง เมื่อมีเหตุจำเป็น การช่วยเหลือก็จะขาดตอนไป พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บันทึกแบบข้ามช่วงเวลาระหว่างเซาโลถูกหย่อนลงเข่งออกจากเมืองดามัสกัส และก็ข้ามช้อตมากล่าวถึงเซาโลเข้ากรุงเยรูซาเล็มเลย แต่ความจริงเหตุการณ์สองเหตุการณ์นี้ห่างกันประมาณสามปี กว่าเซาโลจะเข้ามาที่กรุงเยรูซาเล็ม อ.เปาโลได้กล่าวตอนนี้ในหนังสือกาลาเทีย 1:17-18 17 และข้าพเจ้าก็ไม่ได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้ที่เป็นอัครทูตก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้ออกไปยังประเทศอาระเบียทันที แล้วก็กลับมายังกรุงดามัสกัสอีก 18 สามปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปหาเคฟาสที่กรุงเยรูซาเล็ม และพักอยู่กับท่านสิบห้าวัน แสดงว่า เซาโลหลังจากได้รับการช่วยเหลือให้นั่งลงเข่งหนีออกนอกเมืองดามัสกัส เขาไปอาระเบีย เซาโลหายไปจากสังคมยิวในเวลานั้นถึงสามปี ไม่มีบันทึกว่า เขาไปทำอะไร แต่ดินแดนอาระเบียในเวลานั้นเป็นแดนกันดาร มีแต่สัตว์ร้าย หลังจากกลับจากอาระเบีย 26 ครั้นเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านใคร่จะคบให้สนิทกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก27 แต่บารนาบัสได้พาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้เขาฟังว่า เซาโลได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่กลางทาง และพระองค์ตรัสแก่ท่าน ท่านจึงประกาศออกพระนามพระเยซู ด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัส การหายไปจากสังคมคริสเตียนสามปี ทำให้เซาโลไม่สามารถต่อติดกับพวกสาวกได้ แม้ใจของเซาโลอยากจะคนให้สนิท ต้องมีคนอย่างบารนาบัสมาช่วยแนะนำ แต่ที่นี่ข้อมูลการกลับใจใหม่ของเซาโลก็ยังต้องถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ การกลับใจใหม่ และผลลัพธ์ที่วัดผลได้ คือการหันกลับทิศทางที่ถูกต้อง ในเมืองดามัสกัส ที่ถูกอัพเดตใหม่ ไม่ใช่เมื่อสามปีที่แล้ว แต่ก่อนจะเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เซาโลไปดามัสกัสอีกครั้ง เพราะที่นั่นคือที่ที่เขาเริ่มต้นเชื่อ และพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง คริสเตียนเก่าทั้งหลาย จงอัพเดตความเชื่อและการพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง อย่างเซาโล อย่าใช้ข้อมูลเก่าๆ เพราะคุณจะเข้านอกออกในและอยู่กับพวกอัครทูตได้ ต้องเป็นผลลัพธ์ที่อัพเดตแล้ว บ่อยครั้งเรามองหาแต่คนอย่างบารนาบัส คนที่เห็นใจและให้โอกาส แต่ตัวเราไม่อัพเดตผลของชีวิต ยังคงอยู่กับข้อมูลเก่าๆ ข้าพเจ้ามักจะเรียกตรงนี้ว่า ใช้อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารที่หมดอายุ อย่าให้ชีวิตคริสเตียนของเราอยู่กับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณที่หมดอายุ มักก่อให้เกิดมะเร็งฝ่ายวิญญาณ แม้จะพยุงชีวิตฝ่ายวิญญาณ ให้ไปต่อได้ แต่ไม่ยั่งยืน เมื่อเจอกับแรงเขย่าความเชื่อ เราจะหลุดออกไปจากกระจาดแห่งการฝัดร่อนได้ อย่าลืมว่า มารก็ฝัดร่อนเรา เหมือนกับพระเจ้าทรงฝัดร่อนคนของพระองค์ แต่เป้าหมายของมารคือ การทำให้เรากระเด็นออกไปจากกระจาดแห่งพระคุณของพระเจ้า แต่เป้าหมายของพระเจ้าคือเอาสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตของเรา แต่ตัวเรายังคงอยู่ในกระจาดของพระเจ้า เซาโลถูกฝัดร่อนโดยคนของพระเจ้าก่อน และการฝัดร่อนจากภายนอกจึงเกิดขึ้น 28 แล้วเซาโลเข้านอกออกใน อยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม29 ประกาศออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยใจกล้าหาญ ท่านพูดและไล่เลียงกับพวกที่นิยมกรีก แต่พวกนั้นหาช่องที่จะฆ่าท่านเสีย30 เมื่อพี่น้องรู้อย่างนั้น จึงพาท่านไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งไปยังเมืองทาร์ซัส เราจะเห็นว่า เซาโลกำลังเดินในรอยเดียวกันกับสเทเฟน แต่ที่นี่ มีบางอย่างที่แตกต่างก็คือ 30 เมื่อพี่น้องรู้อย่างนั้น จึงพาท่านไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งไปยังเมืองทาร์ซัส แสดงให้เห็นว่า คริสตจักรได้เรียนรู้บทเรียนเรื่องการช่วยกันปกป้องกันและกัน การไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างสเทเฟน หากดูที่นี่ เซาโลทำเหมือนกับที่สเทเฟนเคยทำและกำลังจะเจอผลลัพธ์อย่างเดียวกันสเทเฟน แต่คริสตจักรแข็งแรงและเป็นปึกแผ่น เซาโลจึงได้รับการช่วยเหลือและส่งไปยังบ้านเกิดของเขา ชีวิตที่เกิดผลของเหล่าศิษย์พระเยซูคริสต์ในเวลานั้น มีพัฒนาการเป็นลำดับ ใช้เวลานานนับปี ผู้บันทึกพระคัมภีร์ได้ให้บทสรุปของผลที่สามารถวัดได้ ความเป็นพระกายเกิดขึ้น การช่วยเหลือเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่ก็จะเห็นว่า คนยิ่งเข้ามาเป็นคริสเตียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุด และสาเหตุหลักที่ทำให้คริสตจักรเติบโต มีความสงบสุข และเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องมาจาก
1.การประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า กิจการ 9:31กข
31 เหตุฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียจึงมีความสงบสุขและเจริญขึ้น ประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า มีคำถามว่า พฤติกรรมแบบไหนที่เรียกว่า เป็นการประพฤติตนด้วยใจยำเกรงพระเจ้า เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าเรียกคนกลุ่มหนึ่งคุยเพื่อขอให้ช่วยเหลือคริสตจักร เพราะคริสตจักรกำลังเผชิญกับปัญหาคนขาดหายไปมาก เราไม่เคยเจอปัญหาเรื่องนี้มาก่อน มีผลกระทบต่อเงินถวาย ข้าพเจ้าได้พูดถึงจุดที่เราควรแก้ไข เริ่มจากท่าทีและความยำเกรงพระเจ้าที่เราต้องรื้อฟื้น และปรับปรุง แก้ไข และเมื่อผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียว เราได้เห็นผลของคนมาโบสถ์อย่างไม่ได้นัดหมาย เราได้เห็นบรรยากาศโบสถ์เปลี่ยนไป นั่นเพราะเรานำเรื่องความยำเกรงพระเจ้าขึ้นมาพูด เราใส่ใจ ก็เป็นการแก้ปัญหาถูกจุด เหมือนกับการบันทึกพระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้คริสตจักรสงบสุขและเจริญขึ้น และคริสตสมาชิกก็ยิ่งทวีมากขึ้น ก็เพราะการประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากเรื่องนี้แล้ว ในการอธิษฐานหลายศุกร์ที่ผ่านมา หัวข้อที่เราเคลื่อนไปในบรรยากาศการอธิษฐานเป็นเรื่องของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนี่ก็ตรงกับที่กิจการตอนนี้บันทึกสาเหตุลที่สอง…
1้.ด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ กิจการ 9:31ค
และด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกก็ยิ่งทวีมากขึ้น สองสิ่งนี้คือแก่นหลักของความสงบสุขและการเจริญเติบโตของคริสตจักร คือชีวิตที่เกิดผลที่แท้จริง ที่สามารถวัดผลได้ คือ คริสตสมาชิกก็ยิ่งทวีมากขึ้น อย่าให้เราขาดการเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเรายังขาดประสบการณ์ จงขอให้เซลล์ที่ท่านอยู่ ช่วยกันอธิษฐานให้เกิดประสบการณ์รับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการทำให้เกิดกำลังใจ เกิดการเต็มล้น เกิดความเชื่อ การหนุนใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เกิดจากภาวะที่เรากำลังเผชิญกับปัญหา หรือความทุกข์ หรือความสงสัย และเมื่อเราเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยการนมัสการ การอธิษฐานทั้งส่วนตัวและผ่านกลุ่มผู้เชื่อ ทำให้เกิดประสบการณ์พระวิญญาณบริสุทธิ์เคลื่อนไหวท่ามกลางชีวิตนั้นๆ ทำให้ได้รับการหนุนใจ รับกำลังใจ รับความเชื่อ ความกล้าหาญมากขึ้น ดังนั้น พี่น้อง อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่ อย่างที่หนังสือฮีบรูได้กล่าวไว้ ฮีบรู 10:25 25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว สรุปได้ว่า การปรากฏตัวของเหล่าผู้เชื่อแก่กันและกัน นำมาซึ่งการเจริญเติบโต และความสงบสุข และการเพิ่มพูนของคริสตจักร ตรงกันข้าม ของความไม่สงบสุขของคริตจักร เกิดจากการแยกกันอยู่ ต่างคนคิดว่า ไม่จำเป็นที่จะปรากฏตัวต่อกันและกัน ความคิดแบบนี้กำลังขยายวงกว้างในสังคมคริสตจักรเวลานี้ ขอให้เรากลับมารื้อฟื้น ชีวิตที่เกิดผล….สามารถวัดผลได้ ด้วยความยำเกรงพระเจ้าและให้พระวิญญาณบริสุทธิ์หนุนใจเราตลอดเวลา อาเมน
“ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้”
1.การประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
2.ด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์