“ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้”

วันนี้ ปิดท้ายปีด้วยกิจการซีรี่ย์ ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้  ใครๆก็สามารถพูดโอ้อวดยังไงก็ได้ แต่สิ่งที่พิสูจน์ว่าคำพูดนั้นเป็นจริงอย่างที่พูดหรือเปล่าก็คือ ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้  มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่พ่อค้าแม่ค้ามักจะเอาแต่ผลสวยๆมาเรียงโชว์ด้านหน้า เวลาเราจะซื้อ เขาจะห้ามเราหยิบ เขาจะหยิบจากด้านหลังให้ นั่นคือลูกเงาะ และที่หยิบให้จะไม่ใหญ่หรือสวยอย่างด้านหน้า เวลาซื้อห้ามพูดมากเดี๋ยวได้ของแถม อันนี้วัดผลได้ตอนซื้อเลยว่า ผลที่ได้ไม่ดีอย่างที่โชว์  เพื่อนข้าพเจ้าถามข้าพเจ้าว่า เขาอยากจะเรียนรู้ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า ท่าที จิตใจ และการกระทำของคนบางคนนั้นไม่บริสุทธิ์ (Pure) มีวาระซ่อนเร้น จุดประสงค์ของคำถามนี้ก็เพื่อจะบอกว่า เขาไม่อยากถูกหลอก ข้าพเจ้าตอบเขาว่า พระเยซูทรงสอนเราเรื่องนี้แล้วว่า เราจะรู้จักคนๆนั้นได้ด้วยผลของเขา มัทธิว 7:17-20 17 ต้นไม้​ดี​ย่อม​ให้​แต่​ผลดี ต้นไม้​เลว​ก็​ย่อม​ให้ผล​เลว​18 ต้นไม้​ดี​จะ​เกิดผล​เลว​ไม่ได้ หรือ​ต้นไม้​เลว​จะ​เกิด​ผลดี​ก็​ไม่ได้​ 19 ต้นไม้​ซึ่ง​ไม่​เกิด​ผลดี​ย่อม​ต้อง​ถูก​ฟัน​ลง​และ​ทิ้ง​เสีย​ใน​ไฟ20 เหตุ​ฉะนั้น ท่าน​จะ​รู้จัก​เขา​ได้​เพราะ​ผล​ของ​เขา  ดังนั้น ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้  แต่จะเป็นผลที่ดีหรือเลวนั้น ต้องใช้มาตรฐานของพระเยซูคริสต์เจ้า  สุภาษิต21:2  2 ทาง​ของ​คน​ทุก​ทาง​ก็​ถูกต้อง​ใน​สายตา​ของ​ตน แต่​พระ​เจ้า​ทรง​ชั่ง​ใจ (ตรวจดูจิตใจ) สุภาษิต 12:15  15 ทาง​ของ​คน​โง่​นั้น​ถูกต้อง​ใน​สายตา​ของ​เขา​เอง แต่​ปราชญ์​ย่อม​ฟัง​คำแนะนำ เรื่องราวของกิจการซีรี่ย์วันนี้ จะทำให้เราได้มองเห็นผลชีวิตของคนๆหนึ่งที่เปลี่ยนจากเลวมาเป็นดีได้อย่างไร ชีวิตและการกระทำของคนๆนี้ที่เป็นผู้กระตือรือร้นในพระเจ้า เป็นคนเคร่งศาสนา แต่เมื่อถูกตรวจสอบจากสวรรค์ เขากลับไม่ผ่านมาตรฐานของพระเจ้า และเราได้มองเห็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่ทรงให้โอกาสแก่คนๆนี้ นั่นคือ เซาโล กิจการ 9:19-31 ​19 พอ​รับประทาน​อาหาร​แล้ว​ก็​มี​กำลัง​ขึ้น เซาโล​พัก​อยู่​กับ​พวก​ศิษย์​ใน​เมือง​ดามัสกัส​หลาย​วัน​20 ท่าน​ไม่ได้​รีรอ ท่าน​ประกาศ​ตาม​ธรรม​ศาลา กล่าว​เรื่อง​พระ​เยซู​ว่า “​พระ​องค์​ทรง​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า”21 คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​ยิน​ก็​พา​กัน​ประหลาด​ใจ แล้ว​ว่า “คน​นี้​มิใช่​หรือ​ที่​ได้​ทำ​ร้าย​คน​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ที่​อธิษฐาน​ออก​พระ​นาม​นี้ และ​เขา​มา​ที่นี่​หวัง​จะ​ผูกมัด​พวก​นั้น​ส่ง​ให้​พวก​มหา​ปุโรหิต”22 แต่​เซาโล​ยิ่ง​มี​กำลัง​ทวี​ขึ้น และ​ทำ​ให้​พวก​ยิว​ใน​เมือง​ดามัสกัส​นิ่ง​อั้น​อยู่ โดย​พิสูจน์​ให้​เขา​เห็น​แน่​ว่า ​พระ​เยซู​ทรง​เป็น​พระ​คริสต์​ 23 ครั้น​ต่อมา​อีก​หลาย​วัน พวก​ยิว​ได้​ปรึกษา​กัน​จะ​ฆ่า​เซาโล​เสีย​24 แต่​เรื่อง​การ​ปอง​ร้าย​ของ​เขา​รู้​ถึง​เซาโล​ เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​เฝ้า​ประตู​เมือง​ คอย​ฆ่า​เซาโล​ทั้ง​กลางวัน​กลางคืน​25 แต่​เหล่า​สาวก​ได้​ให้​เซาโล​นั่ง​ใน​เข่ง​ใหญ่ แล้ว​หย่อน​ลง​จาก​กำแพง​เมือง​ใน​เวลา​กลางคืน26 ครั้น​เซาโล​ไป​ถึง​กรุง​เยรูซาเล็ม​แล้ว ท่าน​ใคร่​จะ​คบ​ให้​สนิท​กับ​พวก​สาวก แต่​เขา​ทั้ง​หลาย​กลัว เพราะ​ไม่​เชื่อ​ว่า​เซาโล​เป็น​สาวก27 แต่​บารนาบัส​ได้​พา​ท่าน​ไป​หา​พวก​อัครทูต และ​เล่า​ให้​เขา​ฟัง​ว่า ​เซาโล​ได้​เห็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​กลาง​ทาง และ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​ท่าน ท่าน​จึง​ประกาศ​ออก​พระ​นาม​พระ​เยซู ด้วย​ใจ​กล้า​หาญ​ใน​เมือง​ดามัสกัส​28 แล้ว​เซาโล​เข้านอกออก​ใน อยู่​กับ​พวก​อัครทูต​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​29 ประกาศ​ออก​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ด้วย​ใจ​กล้า​หาญ ท่าน​พูด​และ​ไล่​เลียง​กับ​พวก​ที่​นิยม​กรีก แต่​พวก​นั้น​หา​ช่อง​ที่​จะ​ฆ่า​ท่าน​เสีย​30 เมื่อ​พี่​น้อง​รู้​อย่าง​นั้น จึง​พา​ท่าน​ไป​ยัง​เมือง​ซีซารียา​ แล้ว​ส่งไป​ยัง​เมือง​ทาร์ซัส 31 เหตุ​ฉะนั้น คริสตจักร​ตลอด​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย กาลิลี และ​สะมาเรีย​จึง​มี​ความ​สงบ​สุข​และ​เจริญ​ขึ้น ประพฤติ​ตน​ด้วย​ใจ​ยำเกรง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ด้วย​รับ​ความ​หนุน​ใจ​จาก​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ คริสต​สมาชิก​ก็​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น​   ชีวิตการกลับใจใหม่ของเซาโลจากคนที่ข่มเหลงคริสเตียน ต่อต้านพระเยซูคริสต์ เปลี่ยนไปทันทีชั่วข้ามคืน เพราะประสบการณ์ที่เซาโลได้มีส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์เจ้า เซาโลได้พบของจริง คือพระเยซูคริสต์จริงๆ ได้ยิน ได้สนทนา และพระเยซูได้ทำให้เซาโลตาบอดเพื่อเขาจะใช้เวลาที่ตาบอดมองสิ่งที่มาจากพระเยซูแทนที่จะมองแต่ความเป็นอัตตาและอุดมการณ์ของตนเอง เมื่อพระเยซูทรงใช้อานาเนียมาอธิษฐานให้กับเซาโลเพื่อเขาจะมองเห็นได้อีก เซาโลรู้ว่า เขาต้องรีบหันกลับจากทางเก่าอย่างสิ้นเชิง เพราะพระเยซูไม่ใช่ของเล่นที่จะเล่นๆได้อีกต่อไป  มีคริสเตียนไม่น้อย ยังดำเนินชีวิตแบบเล่นๆ ไม่จริงจัง ก็เพราะว่ายังไม่เจอพระเยซูคริสต์ของจริง ยังใช้ชีวิตที่ยังไม่เจอพระเยซูจริงๆ ชีวิตแบบนี้ไม่ต่างจากการนับถือศาสนาหรืออยู่ในวิญญาณของศาสนา  ที่ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า การเป็นคริสเตียนจะเล่นไม่ได้  หรือเครียดตลอดเวลา ไม่ใช่ เรามีอารมณ์ขัน เรามีความเบิกบาน ความสดชื่น แต่เราจริงจังกับทิศทางของการดำเนินชีวิตว่า เรากำลังไปถูกทิศถูกทางอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ เราต้องรีบหันหลังกลับเหมือนกับเซาโลที่ต้องรีบหันหลังกลับหลังจากได้พบกับพระเยซูคริสต์เจ้าของจริง ขอให้เราสำรวจตัวเราว่า เราได้หันหลังกลับจากวิถีแบบวิญญาณศาสนา ที่มาโบสถ์แบบศาสนา แต่ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์กับพระเยซู และไม่จริงจังกับชีวิตที่เกิดผล…ที่สามารถวัดผลได้ แต่เที่ยวอาศัยผลจากชีวิตของคนอื่นที่จะให้ตนเองอยู่รอดไปวันๆ ข้าพเจ้าชอบประโยคหนึ่งที่เขียนว่า  Bright or Blue you still survive แปลว่า ไม่ว่าจะสุขหรือเศร้า คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เป็นการหนุนใจให้ชีวิตต้องเกิดผลชีวิตด้วยตนเอง และจงมีชีวิตอย่างมีความหมาย ไม่ใช่จะมองชีวิตในมุมสุขเท่านั้น หากมีทุกข์ ชีวิตขาดหายไปหรือตายดีกว่า  ชีวิตไร้ความหมาย  ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้ คือการอยู่อย่างเกิดผลและการเกิดผลนั้น สามารถให้คนอื่นพิสูจน์ หรือตรวจสอบผลที่เกิด  ชีวิตของเซาโลจึงเปลี่ยนจากต่อต้านสุดๆมาเป็นสนับสนุนสุดๆ  เซาโลเริ่มใช้เวลากับศิษย์ของพระเยซู คือการเข้าสู่การตรวจสอบของคนอื่น ​19 พอ​รับประทาน​อาหาร​แล้ว​ก็​มี​กำลัง​ขึ้น เซาโล​พัก​อยู่​กับ​พวก​ศิษย์​ใน​เมือง​ดามัสกัส​หลาย​วัน​  หลังจากการใช้เวลากับศิษย์พระเยซู จนมีกำลังวังชา เซาโลก็ไม่รอช้าในการทำหน้าที่เกิดผลที่ตรงกันข้ามจากเดิม ​20 ท่าน​ไม่ได้​รีรอ ท่าน​ประกาศ​ตาม​ธรรม​ศาลา กล่าว​เรื่อง​พระ​เยซู​ว่า “​พระ​องค์​ทรง​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า”   นี่คือวินัยใหม่ หลายคนที่ตั้งใจที่จะเลิกทำบาป หันหลังกลับให้กับบาป แต่ไม่ก้าวไปสู่วินัยใหม่ ส่วนใหญ่จะกลับไปทำบาปอีก และทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าขาดวินัยใหม่ ที่นี่ เราจะเห็นเซาโลไม่รอช้าเมื่อเขากลับหลังหันให้กับบาป ก็คือการกระทำที่ตรงกับน้ำพระทัยพระเจ้า เมื่อเขาหันหลังกลับ เขาก้าวออกจากจุดที่เคยทำบาปเดิมทันที  ด้วยการทำตรงกันข้าม เมื่อก่อนเขาห้ามคนอื่นประกาศพระนามพระเยซู และยังจับคนที่ประกาศติดคุกและฆ่า แต่เวลานี้ เซาโลกลับลำ เพราะรู้ตัวว่าตนเองเดินผิดทิศผิดทาง เขาต้องอยู่ให้ถูกทิศถูกทาง แม้ว่า จะต้องมาอยู่ในทิศทางเดียวกันกับคนที่เขาเคยต่อต้านก็ตาม 21 คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​ยิน​ก็​พา​กัน​ประหลาด​ใจ แล้ว​ว่า “คน​นี้​มิใช่​หรือ​ที่​ได้​ทำ​ร้าย​คน​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ที่​อธิษฐาน​ออก​พระ​นาม​นี้ และ​เขา​มา​ที่นี่​หวัง​จะ​ผูกมัด​พวก​นั้น​ส่ง​ให้​พวก​มหา​ปุโรหิต ความประหลาดใจของคนที่ได้ยินได้เห็นเซาโลกระทำ คือวินัยใหม่ของเซาโล  วันนี้ พี่น้องทำให้คนรอบข้างประหลาดใจ อย่างนี้หรือไม่ เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือว่าเขาเดาได้ว่า เราก็ยังเหยียบขี้หมากองเดิม ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำบาปเรื่องเดิม ใช้คำพูดแบบเดิมๆ ใช้อารมณ์แบบเดิมๆ  ไม่มีวินัยใหม่ในชีวิต  แต่ยังคาดหวังอะไรที่ดีกว่าเดิม คาดหวังผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ดีกว่า แม้กระทั่งผลลัพธ์ระดับยอดเยี่ยม  คำถามก็คือว่า เรากำลังปลูกถั่วแต่อยากได้งาอยู่หรือเปล่า  ขอให้เรามองดูเซาโลที่ภายหลังกลายเป็นอ.เปาโลที่มีชีวิตที่เกิดผลอย่างมากมาย จุดเริ่มต้นของอ.เปาโลเริ่มจากตอนที่ยังเป็นเซาโล ไม่ได้เป็นอาจารย์ ไม่ได้เป็นอัครทูต ไม่ได้เป็นสาวกชั้นแนวหน้า แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเซาโลเป็นสิ่งที่คริสเตียนทุกคน อย่างเราทั้งหลายควรเลียนแบบ และข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เราจะสามารถมีชีวิตที่เกิดผล…ที่สามารถวัดผลได้  อย่าปล่อยให้ตัวเองเหมือนผักตบชวา ที่ลอยไปตามกระแสน้ำ จนไปถึงปากอ่าวแล้วก็เน่าตายในที่สุด แต่ขอให้ชีวิตของเราเป็นปลาที่ว่ายทวนกระแสน้ำ รู้หรือไม่ว่า ทำไมปลาจึงต้องว่ายทวนกระแสน้ำ ยิ่งปลาที่ว่ายขึ้นน้ำตก ก็เพราะยิ่งขึ้นไปใกล้ต้นน้ำเท่าไร อ๊อกซิเยนยิ่งมาก นั่นหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ยาวนาน ยิ่งอยู่ปลายน้ำ อ๊อกซิเจนยิ่งน้อย และนั่นคือความตาย อย่างเซาโลเมื่อรู้ว่าตนเองผิดทิศผิดทางก็ต้องสวนทางของตนเองขึ้นมา ไม่ได้รักหน้าตา ชื่อเสียง หรือัตตาของตนเอง ชนิดที่ใครติงใครเตือนไม่ได้ จงอย่าเป็นคนอย่างนั้น  เราจะเห็นแบบอย่างของเซาโลว่า ยิ่งมีแรงต้าน เขายิ่งมีกำลังยิ่งขึ้น 22 แต่​เซาโล​ยิ่ง​มี​กำลัง​ทวี​ขึ้น และ​ทำ​ให้​พวก​ยิว​ใน​เมือง​ดามัสกัส​นิ่ง​อั้น​อยู่ โดย​พิสูจน์​ให้​เขา​เห็น​แน่​ว่า ​พระ​เยซู​ทรง​เป็น​พระ​คริสต์ เป็นบทพิสูจน์ว่า แนวโน้มชีวิตที่เกิดผลของเซาโลเป็นของจริง  ของจริงต้องถูกพิสูจน์ด้วยแรงต้าน ของจริงจะไม่ล้มเลิก ไม่ถอดใจ ไม่หันหลังกลับไปทางเดิม ของจริงต้องสามารถวัดผลได้  การถูกพิสูจน์ของเซาโลหนักขึ้นกว่านั้นอีก นั่นคือ 23 ครั้น​ต่อมา​อีก​หลาย​วัน พวก​ยิว​ได้​ปรึกษา​กัน​จะ​ฆ่า​เซาโล​เสีย​  แต่ขอบคุณพระเจ้า การใช้เวลากับศิษย์ของพระเยซู ทำให้เซาโลที่ดามัสกัสพบกับแรงต้านจากด้านนอกเท่านั้น  เพราะด้านในคือสังคมสาวกพิสูจน์แล้ว่า เซาโลเป็นของจริง  พวกสาวกจึงช่วยกันปกป้องเซาโล 24 แต่​เรื่อง​การ​ปอง​ร้าย​ของ​เขา​รู้​ถึง​เซาโล​ เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​เฝ้า​ประตู​เมือง​ คอย​ฆ่า​เซาโล​ทั้ง​กลางวัน​กลางคืน​25 แต่​เหล่า​สาวก​ได้​ให้​เซาโล​นั่ง​ใน​เข่ง​ใหญ่ แล้ว​หย่อน​ลง​จาก​กำแพง​เมือง​ใน​เวลา​กลางคืน เหมือนกับการทำเซลล์กรุ๊ป หรือการมาคริสตจักรอย่างสม่ำเสมอ เป็นโอกาสของการได้พิสูจน์ว่าตนเองเป็นคริสตสมาชิกของจริง  ไม่ใช่มาเฉพาะงานพิเศษ หรือวาระพิเศษ มีคำพูดหนึ่งกล่าวถึงคนที่มาโบสถ์แบบวาระพิเศษ ว่า เขาจะมาโบสถ์ ตอนเกิด ตอนแต่งงาน และก็ตอนตาย อย่าให้เราเป็นคริสตสมาชิกแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ทำให้เราเป็นคริสตสมาชิกของจริง เมื่อมีเหตุจำเป็น การช่วยเหลือก็จะขาดตอนไป  พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บันทึกแบบข้ามช่วงเวลาระหว่างเซาโลถูกหย่อนลงเข่งออกจากเมืองดามัสกัส และก็ข้ามช้อตมากล่าวถึงเซาโลเข้ากรุงเยรูซาเล็มเลย แต่ความจริงเหตุการณ์สองเหตุการณ์นี้ห่างกันประมาณสามปี กว่าเซาโลจะเข้ามาที่กรุงเยรูซาเล็ม อ.เปาโลได้กล่าวตอนนี้ในหนังสือกาลาเทีย 1:17-18 17 และ​ข้าพเจ้า​ก็​ไม่ได้​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม เพื่อ​พบ​กับ​ผู้​ที่​เป็น​อัครทูต​ก่อน​ข้าพเจ้า แต่​ข้าพเจ้า​ได้​ออกไป​ยัง​ประเทศ​อาระเบีย​ทันที แล้ว​ก็​กลับมา​ยัง​กรุง​ดามัสกัส​อีก 18 สาม​ปี​ต่อมา ข้าพเจ้า​ขึ้น​ไป​หาเค​ฟาส​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​พัก​อยู่​กับ​ท่าน​สิบ​ห้า​วัน  ​แสดงว่า เซาโลหลังจากได้รับการช่วยเหลือให้นั่งลงเข่งหนีออกนอกเมืองดามัสกัส เขาไปอาระเบีย  เซาโลหายไปจากสังคมยิวในเวลานั้นถึงสามปี ไม่มีบันทึกว่า เขาไปทำอะไร แต่ดินแดนอาระเบียในเวลานั้นเป็นแดนกันดาร มีแต่สัตว์ร้าย หลังจากกลับจากอาระเบีย  26 ครั้น​เซาโล​ไป​ถึง​กรุง​เยรูซาเล็ม​แล้ว ท่าน​ใคร่​จะ​คบ​ให้​สนิท​กับ​พวก​สาวก แต่​เขา​ทั้ง​หลาย​กลัว เพราะ​ไม่​เชื่อ​ว่า​เซาโล​เป็น​สาวก27 แต่​บารนาบัส​ได้​พา​ท่าน​ไป​หา​พวก​อัครทูต และ​เล่า​ให้​เขา​ฟัง​ว่า ​เซาโล​ได้​เห็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​กลาง​ทาง และ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​ท่าน ท่าน​จึง​ประกาศ​ออก​พระ​นาม​พระ​เยซู ด้วย​ใจ​กล้า​หาญ​ใน​เมือง​ดามัสกัส​  การหายไปจากสังคมคริสเตียนสามปี ทำให้เซาโลไม่สามารถต่อติดกับพวกสาวกได้  แม้ใจของเซาโลอยากจะคนให้สนิท  ต้องมีคนอย่างบารนาบัสมาช่วยแนะนำ แต่ที่นี่ข้อมูลการกลับใจใหม่ของเซาโลก็ยังต้องถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ การกลับใจใหม่ และผลลัพธ์ที่วัดผลได้ คือการหันกลับทิศทางที่ถูกต้อง ในเมืองดามัสกัส ที่ถูกอัพเดตใหม่ ไม่ใช่เมื่อสามปีที่แล้ว แต่ก่อนจะเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เซาโลไปดามัสกัสอีกครั้ง เพราะที่นั่นคือที่ที่เขาเริ่มต้นเชื่อ และพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง  คริสเตียนเก่าทั้งหลาย จงอัพเดตความเชื่อและการพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง อย่างเซาโล อย่าใช้ข้อมูลเก่าๆ เพราะคุณจะเข้านอกออกในและอยู่กับพวกอัครทูตได้ ต้องเป็นผลลัพธ์ที่อัพเดตแล้ว บ่อยครั้งเรามองหาแต่คนอย่างบารนาบัส คนที่เห็นใจและให้โอกาส แต่ตัวเราไม่อัพเดตผลของชีวิต ยังคงอยู่กับข้อมูลเก่าๆ ข้าพเจ้ามักจะเรียกตรงนี้ว่า ใช้อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารที่หมดอายุ อย่าให้ชีวิตคริสเตียนของเราอยู่กับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณที่หมดอายุ มักก่อให้เกิดมะเร็งฝ่ายวิญญาณ แม้จะพยุงชีวิตฝ่ายวิญญาณ ให้ไปต่อได้ แต่ไม่ยั่งยืน เมื่อเจอกับแรงเขย่าความเชื่อ เราจะหลุดออกไปจากกระจาดแห่งการฝัดร่อนได้  อย่าลืมว่า มารก็ฝัดร่อนเรา เหมือนกับพระเจ้าทรงฝัดร่อนคนของพระองค์ แต่เป้าหมายของมารคือ การทำให้เรากระเด็นออกไปจากกระจาดแห่งพระคุณของพระเจ้า แต่เป้าหมายของพระเจ้าคือเอาสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตของเรา แต่ตัวเรายังคงอยู่ในกระจาดของพระเจ้า  เซาโลถูกฝัดร่อนโดยคนของพระเจ้าก่อน และการฝัดร่อนจากภายนอกจึงเกิดขึ้น  ​28 แล้ว​เซาโล​เข้านอกออก​ใน อยู่​กับ​พวก​อัครทูต​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​29 ประกาศ​ออก​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ด้วย​ใจ​กล้า​หาญ ท่าน​พูด​และ​ไล่​เลียง​กับ​พวก​ที่​นิยม​กรีก แต่​พวก​นั้น​หา​ช่อง​ที่​จะ​ฆ่า​ท่าน​เสีย​30 เมื่อ​พี่​น้อง​รู้​อย่าง​นั้น จึง​พา​ท่าน​ไป​ยัง​เมือง​ซีซารียา​ แล้ว​ส่งไป​ยัง​เมือง​ทาร์ซัส เราจะเห็นว่า เซาโลกำลังเดินในรอยเดียวกันกับสเทเฟน  แต่ที่นี่ มีบางอย่างที่แตกต่างก็คือ 30 เมื่อ​พี่​น้อง​รู้​อย่าง​นั้น จึง​พา​ท่าน​ไป​ยัง​เมือง​ซีซารียา​ แล้ว​ส่งไป​ยัง​เมือง​ทาร์ซัส แสดงให้เห็นว่า คริสตจักรได้เรียนรู้บทเรียนเรื่องการช่วยกันปกป้องกันและกัน การไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างสเทเฟน หากดูที่นี่ เซาโลทำเหมือนกับที่สเทเฟนเคยทำและกำลังจะเจอผลลัพธ์อย่างเดียวกันสเทเฟน แต่คริสตจักรแข็งแรงและเป็นปึกแผ่น เซาโลจึงได้รับการช่วยเหลือและส่งไปยังบ้านเกิดของเขา  ชีวิตที่เกิดผลของเหล่าศิษย์พระเยซูคริสต์ในเวลานั้น มีพัฒนาการเป็นลำดับ ใช้เวลานานนับปี  ผู้บันทึกพระคัมภีร์ได้ให้บทสรุปของผลที่สามารถวัดได้ ความเป็นพระกายเกิดขึ้น การช่วยเหลือเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่ก็จะเห็นว่า คนยิ่งเข้ามาเป็นคริสเตียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุด และสาเหตุหลักที่ทำให้คริสตจักรเติบโต มีความสงบสุข และเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องมาจาก

1.การประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า  กิจการ 9:31กข

31 เหตุ​ฉะนั้น คริสตจักร​ตลอด​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย กาลิลี และ​สะมาเรีย​จึง​มี​ความ​สงบ​สุข​และ​เจริญ​ขึ้น ประพฤติ​ตน​ด้วย​ใจ​ยำเกรง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า มีคำถามว่า  พฤติกรรมแบบไหนที่เรียกว่า เป็นการประพฤติตนด้วยใจยำเกรงพระเจ้า  เมื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าเรียกคนกลุ่มหนึ่งคุยเพื่อขอให้ช่วยเหลือคริสตจักร เพราะคริสตจักรกำลังเผชิญกับปัญหาคนขาดหายไปมาก  เราไม่เคยเจอปัญหาเรื่องนี้มาก่อน มีผลกระทบต่อเงินถวาย  ข้าพเจ้าได้พูดถึงจุดที่เราควรแก้ไข เริ่มจากท่าทีและความยำเกรงพระเจ้าที่เราต้องรื้อฟื้น และปรับปรุง แก้ไข และเมื่อผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียว เราได้เห็นผลของคนมาโบสถ์อย่างไม่ได้นัดหมาย เราได้เห็นบรรยากาศโบสถ์เปลี่ยนไป นั่นเพราะเรานำเรื่องความยำเกรงพระเจ้าขึ้นมาพูด เราใส่ใจ ก็เป็นการแก้ปัญหาถูกจุด เหมือนกับการบันทึกพระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้คริสตจักรสงบสุขและเจริญขึ้น และคริสตสมาชิกก็ยิ่งทวีมากขึ้น ก็เพราะการประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า    นอกจากเรื่องนี้แล้ว ในการอธิษฐานหลายศุกร์ที่ผ่านมา หัวข้อที่เราเคลื่อนไปในบรรยากาศการอธิษฐานเป็นเรื่องของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนี่ก็ตรงกับที่กิจการตอนนี้บันทึกสาเหตุลที่สอง…

1้.ด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  กิจการ 9:31ค

และ​ด้วย​รับ​ความ​หนุน​ใจ​จาก​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ คริสต​สมาชิก​ก็​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น​ สองสิ่งนี้คือแก่นหลักของความสงบสุขและการเจริญเติบโตของคริสตจักร คือชีวิตที่เกิดผลที่แท้จริง ที่สามารถวัดผลได้ คือ คริสต​สมาชิก​ก็​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น​ อย่าให้เราขาดการเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเรายังขาดประสบการณ์ จงขอให้เซลล์ที่ท่านอยู่ ช่วยกันอธิษฐานให้เกิดประสบการณ์รับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  คือการทำให้เกิดกำลังใจ เกิดการเต็มล้น เกิดความเชื่อ การหนุนใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เกิดจากภาวะที่เรากำลังเผชิญกับปัญหา หรือความทุกข์ หรือความสงสัย และเมื่อเราเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยการนมัสการ การอธิษฐานทั้งส่วนตัวและผ่านกลุ่มผู้เชื่อ ทำให้เกิดประสบการณ์พระวิญญาณบริสุทธิ์เคลื่อนไหวท่ามกลางชีวิตนั้นๆ ทำให้ได้รับการหนุนใจ รับกำลังใจ รับความเชื่อ ความกล้าหาญมากขึ้น  ดังนั้น พี่น้อง อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่  อย่างที่หนังสือฮีบรูได้กล่าวไว้ ฮีบรู 10:25  25 อย่า​ขาด​การ​ประชุม​เหมือน​อย่าง​บาง​คน​ที่​ขาด​อยู่​นั้น แต่​จง​พูด​หนุน​ใจ​กัน​ให้​มาก​ยิ่งขึ้น เพราะ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​รู้อยู่​ว่า​วัน​นั้น​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว​  สรุปได้ว่า การปรากฏตัวของเหล่าผู้เชื่อแก่กันและกัน นำมาซึ่งการเจริญเติบโต และความสงบสุข และการเพิ่มพูนของคริสตจักร ตรงกันข้าม ของความไม่สงบสุขของคริตจักร เกิดจากการแยกกันอยู่ ต่างคนคิดว่า ไม่จำเป็นที่จะปรากฏตัวต่อกันและกัน ความคิดแบบนี้กำลังขยายวงกว้างในสังคมคริสตจักรเวลานี้ ขอให้เรากลับมารื้อฟื้น ชีวิตที่เกิดผล….สามารถวัดผลได้ ด้วยความยำเกรงพระเจ้าและให้พระวิญญาณบริสุทธิ์หนุนใจเราตลอดเวลา อาเมน

“ชีวิตที่เกิดผล…สามารถวัดผลได้”

1.การประพฤติตนด้วยใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

2.ด้วยรับความหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ 

By admin