“ให้พระเจ้าประเมินผลชีวิตของเรา”

หากเราลองเทียบชีวิตปีนี้กับปีที่แล้ว บางคนก็ดีขึ้น บางคนก็ยังไม่ดีขึ้น บ้านเมืองในช่วงนี้ก็สงบดี คนที่มาชุมนุมก็มีความคาดหวังว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น  มีเพียงผู้เดียวที่จะทำให้ความหวังเป็นจริงคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นความรัก รักมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ พระเจ้าของเราไม่ลำเอียง และเราต้องให้ความรักของเราไหลผ่านชีวิตเราไปสู่คนอื่น ในช่วงปีใหม่ที่กำลังเข้ามาถ้าเราเจอใครที่เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือให้เราช่วยเขารักเขาโดยไม่แบ่งว่าเขาเป็นคริสเตียนหรือไม่  วันนี้ต้องการให้เราประเมินผลชีวิต  คนเราอยากก้าวหน้าแต่กลัวการประเมินผล ซึ่งเป็นหัวใจที่จะนำการก้าวหน้ามาสู่ชีวิต ถ้าเราไม่ประเมินผลเราก็จะคิดว่าเราดี ไม่เห็นจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลง  และถ้าผู้ที่ถูกประเมินไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ก็จะมีอารมณ์ที่หลากหลาย โกรธ ปฎิเสธ ไม่จริง ไม่ยอมรับ เรามักจะรับการประเมินตามที่เราชอบ คนส่วนใหญ่กลัวการประเมินผลโดยเฉพาะคนที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม  ทำไมเราถึงกลัวการประเมินผล – อย่างแรก  เรากลัวว่าส่วนที่เป็นจุดอ่อนหรือปมด้อยจะถูกเปิดเผย และเราจะรับไม่ได้ ไม่อยากให้ใครมาประเมินผล วิธีของคนไทยที่จะไม่ต้องถูกประเมินคือไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด อย่างที่ 2 เพราะเราไม่มีความกล้าหาญเพียงพอที่จะเผชิญกับข้อบกพร่องของตัวเองที่เป็นความจริง คนเราปฎิเสธข้อบกพร่องของตัวเองเสมอ เราไม่กล้าพอที่จะเผชิญจุดอ่อนของตัวเอง อย่างที่ 3  เพราะเรามีปัญหาเรื่องความมั่นคง การประเมินผลเราจะพบว่ามีจุดเด่น รวมทั้งจุดด้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากลัว  อย่างที่4 เพราะเรามีความยโสสูง ทำให้เราต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเราสมบูรณ์แบบ เวลาผิดก็ไม่ยอมรับผิด แล้วก็โทษพระเจ้าว่าพระเจ้านำ อย่างที่ 5 เพราะเราพอใจแล้วกับชีวิต พอใจที่อยู่อย่างนี้ จึงไม่ต้องการการประเมิน  แต่ถ้าไม่มีใครประเมินในปีที่เรากำลังจะไปถึง เราจะไม่สามารถดีได้กว่าเดิม  ถ้าเราอยากให้ใครประเมินเราต้องให้เขาประเมินในส่วนที่เป็นข้อบกพร่อง เพื่อการพัฒนาในชีวิตของเรา เราต้องหาใครสักคนที่ประเมินเรา และเราต้องประเมินตัวเองด้วย เพราะว่าเรามักจะเข้าข้างตัวเอง เวลามองบวกก็บวกมากไป  เวลามองตัวเองลบก็ลบมากไป แต่ถ้าเราอยู่กับความจริงเราจะเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีที่สุด แต่ถ้าเราให้คนอื่นประเมินเรา อะไรที่เป็นบวกมันก็ต่ำไป สิ่งที่เป็นลบก็สูงไป   วันนี้มาให้พระเจ้าเป็นผู้ประเมินเรา สดุดี 139 : 23-24 23ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงค้นดูข้าพระองค์และทรงทราบ จิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงลองข้าพระองค์และทรงทราบความคิดของข้าพระองค์  24และทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ   ในข้าพระองค์หรือไม่  และขอทรงนำข้าพระองค์ไปในมรรคานิรันดร์  นี่เป็นคำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิด และเขารู้ว่าเขาไม่ดีพอ แต่เขาไม่ประเมินตัวเองเพราะจะเข้าข้างตัวเอง ให้คนอื่นประเมินก็ไม่รู้จักเขาดีพอ เคยมีแบบทดสอบเรื่อง D I S C นั่นเป็นการประเมิน แต่ก็ยังไม่ตรงจริง ๆ และดาวิดฉลาดมากเขารู้ว่าบุคคลที่จะรู้จักดาวิดดีที่สุดคือ พระเจ้า สิ่งที่อยู่ข้างในของเราเป็นสิ่งที่ลึกแม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ผู้หญิงกี่คนที่รู้สึกว่าแต่งงานแล้วรู้สึกมีสามีผิดคน สิ่งที่ปรากฏในพระคัมภีร์ตอนนี้ 4 ประการด้วยกันคือ

1.ดาวิดมีความตั้งใจที่จะพัฒนาชีวิตของตนเองให้พ้นจากสภาพที่ตนเป็นอยู่ในเวลานั้น  นั่นคือความตั้งใจ เห็นได้จากการที่ดาวิดให้พระเจ้าเป็นผู้ตรวจสอบชีวิตของเขา ดาวิดไม่ได้ขอให้คนใดคนหนึ่งมาประเมินเพราะคน ๆ นั้นไม่รู้จักดาวิดจริง ๆ  ดาวิดมีความจริงใจที่จะให้พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูเป็นผู้ประเมิน ดาวิดตั้งใจจริงที่จะรับการพัฒนา

2.ดาวิดมีความถ่อมใจพอที่จะยอมรับความจริงเกี่ยวกับความบาปทุกชนิด ที่อยู่ลึกกระทั่งตัวเองก็มองไม่เห็น ดาวิดต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ดาวิดบอกพระเจ้าให้ช่วยว่ามีส่วนไหนในชีวิตของเขาที่ชั่วอยู่ ขอพระเจ้าเปิดเผยสิ่งที่ไม่ดีที่อยู่ในชีวิตของเราอย่างชัดเจน พระเจ้ารู้ว่าเราพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง และพระเจ้าจะเปิดเผย

3.ดาวิดมีความกล้าหาญ ที่จะเผชิญกับความจริง คำชมมันหวานแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรในชีวิตเรา

4.ดาวิดมีความพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง การที่จะให้พระเจ้าสำรวจ พระเจ้าจะดูจากข้างใน แต่มนุษย์ประเมินเราจากสิ่งที่อยู่ภายนอก จากผลของงานที่เรากระทำ

ถ้าเราจะประเมินเราต้องให้พระเจ้าประเมิน

– ตัวตนของเรา   เรียนรู้ว่าเราเป็นใคร คำว่าคุณเป็นใคร คือตัวตนของเราจริง ๆ เป็นใคร  นักเทศน์บางคนไปเลียนแบบนักเทศน์อีกคนมาใส่ในตัวเอง เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราสูญเสียตัวตนของเราไป และมันจะหยุดการพัฒนาชีวิตของเรา  มีคนไม่น้อยที่ไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นใคร เหตุผลหนึ่งคือเพราะมีหลายหน้ากากเกินไป  ให้เรากลับมาดูที่ตัวตนของเราจริง ๆ บางคนก็ดำเนินชีวิตที่กลบเกลื่อนตัวตนของเราจริง ๆ เราต้องเป็นอย่างที่พระเจ้าให้เราเป็น สดุดี 139:1-4  ข้าแต่พระเจ้า  พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์  และทรงรู้จักข้าพระองค์   2เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น   พระองค์ทรงทราบ   พระองค์ทรงประจักษ์ในความคิดของ   ข้าพระองค์ได้แต่ไกล  3พระองค์ทรงค้นวิถีของข้าพระองค์และการ นอนของข้าพระองค์  และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์   4ข้าแต่พระเจ้า  แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด  พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว   ดาวิดรู้ว่าคนที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาคือพระเจ้า  ก่อนที่จะข้ามปีหาเวลาที่จะอยู่กับพระเจ้าส่วนตัว ขอพระเจ้าเปิดเผยตัวจริงที่แท้จริงของเรา  ถ้าเรายังไม่เคยดำเนินชีวิตตามตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง จงทำเพราะมันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว ลองสังเกตดูว่าทำไมพัฒนาการของเรามันช้า เพราะเราไม่ได้อยู่ในตัวตนที่แท้จริงของเรานั่นเอง แล้วเราจะตื่นเต้นกับการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก

– สถานภาพของเรา  โดยค้นหาจากคำถามว่า เราเป็นอะไร  ความใฝ่ฝันของเราคืออะไร ความใฝ่ฝันในอนาคต สิ่งที่เป็นอุดมการณ์ของเราเอง ไม่ใช่ใฝ่ฝันตามค่านิยมของโลกหรือของคนอื่น แล้วทิ้งสิ่งที่เป็นของตัวเอง  สดุดี 139:13-16  13เพราะพระองค์ทรงปั้นส่วนภายในของข้าพระองค์  พระองค์ทรงทอข้าพระองค์เข้าด้วยกัน   ในครรภ์มารดาของข้าพระองค์  14ข้าพระองค์โมทนาพระคุณ พระองค์เพราะพระองค์ทรงกระทำ ให้ข้าพระองค์แปลกประหลาดอย่างน่ากลัว  พระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์  พระองค์ทรงทราบข้าพระองค์ดี  15เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้  ประดิษฐ์ขึ้นมา  ณ  ภายในที่ลึกแห่งโลก โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ปิดบังไว้จากพระองค์ 16พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นส่วนประกอบของข้าพระองค์ วันทั้งหลายทุกๆวันที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น ก็ทรงจารึกไว้ในพระตำรับของพระองค์  เมื่อครั้งยังไม่เกิดวันนั้นเลย  พระเจ้ารู้ว่าดาวิดเป็นอะไร  มีกี่คนที่ไม่รู้เลยว่าพระเจ้าสร้างมาเพื่ออะไร มีกี่คนที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร  มีกี่คนที่อยู่ไปวัน ๆ มีกี่คนที่ทิ้งความใฝ่ฝันในชีวิตไปแล้ว ไม่มีอะไรยากสำหรับพระเจ้าเมื่อความใฝ่ฝันของเราถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งภายใต้การสำแดงของพระองค์ พระเจ้าให้เรามาอยู่ในคจ.นี้เพื่ออะไร แล้วพระเจ้าจะจัดเตรียมให้กับเราในที่ ๆ เราอยู่ พระพรจะมาถึงเพราะเราเป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการให้เป็น

– วุฒิภาวะ  โดยตั้งคำถามว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน เป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็ก เยเรมีย์ 29:11  11พระเจ้าตรัสว่า   เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า   เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ  ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ   เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า  พระคำข้อนี้คนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะยึดไว้อย่างมั่นคง  1 โครินธ์ 3 :1 1พี่น้องทั้งหลาย   ข้าพเจ้าไม่อาจจะพูดกับท่าน   เหมือนพูดกับผู้ที่อยู่ฝ่ายวิญญาณแล้วได้   แต่ต้องพูดกับท่านเหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง   เหมือนกับท่านเป็นทารกในพระคริสต์

– ความปรารถนา โดยถามว่า เราต้องการอะไร ไม่ใช่เรื่องของวัตถุ แต่เป็นความต้องการด้านคุณภาพชีวิต เพื่อที่เราจะเป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการให้คุณเป็น หรือต้องการอะไรเพื่อให้ไปสู่ความไพบูลย์ในพระคริสต์ หรือต้องการอะไรเพื่อที่ชีวิตจะเกิดผล หรือเพื่อชีวิตจะไร้ที่ติ ขอพระเจ้าประเมินเพื่อจะรู้ว่าเราต้องการอะไรในพระคริสต์ ไม่ใช่อย่างค่านิยมของโลกนี้  อย่าหลงอยู่กับความร่ำรวย ให้พระวิญญาณสอนเรา บอกให้เรารู้  สดุดี 37:1-4  อย่าให้เจ้าเดือดร้อนเพราะเหตุคนที่กระทำชั่ว  อย่าอิจฉาคนที่ประพฤติผิด  2เพราะไม่ช้าเขาจะเหี่ยวไปเหมือนหญ้า และแห้งไปเหมือนพืชสด 3จงวางใจในพระเจ้า  และกระทำความดี  ท่านจึงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและชื่นบานอยู่กับความปลอดภัย  4จงปีติยินดีในพระเจ้า  และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน   

By admin