“ต้องตามหา…จึงจะกลับถึงบ้านได้”

เป็นครั้งแรกในระยะเวลาแห่งการรับใช้พระเจ้าเต็มเวลามายี่สิบปี เพิ่งจะได้สะบาโตด้วยการเดินทางมาที่อินโดนีเซีย เนื่องจากเพื่อนชาวอินโดฯได้เชิญให้มาใช้เวลาสะบาโตสั้นๆที่นั่น มีบ้านพัก มีทุกอย่างพร้อมรองรับ กิจวัตรประจำวันที่เคยทำที่ประเทศไทยอย่างไร ก็ยังเหมือนเดิมที่นี่ คือตื่นแต่เช้ามืด ออกกำลังกาย รอฟ้าสว่างเพื่อออกไปขี่จักรยาน ไม่ลืมที่จะอธิษฐานกับพระเจ้าขอพระองค์ทรงคุ้มครอง วันแรกหลงทางหาบ้านพักไม่เจอ เพราะตอนออกจากบ้านไม่ได้จำทางเข้า มัวแต่พะวงกับการซ่อมจักรยานที่ล้อไม่นิ่ง (เนื่องจากเพื่อนเอาจักรยานไปให้ที่ร้านปรับแต่งจนทางร้านใส่ล้อกลับไม่เข้าที่) เลยเป็นเหตุให้ลืมสิ่งสำคัญ ความจริงก็ขี่จักรยานผ่านไปผ่านมาสามสี่รอบจนเหนื่อยชนิดถ้าใครได้เห็นหน้าตาก็คงจะเห็นตาเริ่มขวาง หน้าเป็นมะเมือก จากเช้า เริ่มสาย แดดแรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายไปนั่งจุมปุ๊กที่หน้าร้านขายน้ำดื่ม เริ่มท้อแท้ สิ้นหวัง เพราะเพื่อนกำลังอดอาหาร พูดภาษาอินโดฯก็ไม่ได้ ไม่รู้จะติดต่อใคร คงต้องรอห้าโมงเย็น (เวลาที่เพื่อนจะออกจากอดอาหาร) คิดไปคิดมาว่า จะมีใครตามหาเราไม๊ เพราะเราออกมานานมาก เริ่มไม่แน่ใจว่า ที่นั่งอยู่ คือทางไปบ้านพักจริงๆหรือเปล่า ทำไมหาเท่าไรก็หาไม่เจอ สุดท้ายตัดสินใจส่งข้อความให้เพื่อน เผื่อทีมงานของเขาจะเคาะประตูส่งข่าวว่า เรายังไม่กลับเข้าบ้าน และแล้วก็เป็นไปตามที่คาด ได้คุยกับเพื่อนผ่านเอสเอ็มเอส แต่เพื่อนก็แค่บอกทางให้หาทางกลับมาเอง สื่อสารกันยังไงก็ไม่เข้าใจว่าอยู่ตรงไหน เป็นไงเป็นกัน ก็เริ่มขี่จักรยานกลับเข้าไปทางเดิม (เป็นเส้นทางที่คนขับรถที่ไปรับที่สนามบินใช้มาส่งวันแรก ซึ่งไม่ใช่ทางที่เพื่อนแนะนำให้มา) เลยสับสนเส้นทาง ที่จริงไปถูกทางแต่ก็ขี่เลยบ้านพักอีกจนจะสวนทางกับทีมงานที่ออกมาตามหา เลยได้กลับเข้าบ้านพัก ขอบคุณพระเจ้ากับการผจญภัย อยากจะบอกว่า เป็นป่าเป็นเขาและก็ในดงมุสลิม (ที่น่ารัก) พูดภาษากันไม่รู้เรื่อง เขาก็รู้ว่าเราหลงทาง บทเรียนวันแรกของการใช้ชีวิตอยู่ในที่ๆไม่สามารถสื่อสาร ไม่รู้จักเส้นทาง (แต่ซ่าสุดๆ ออกไปขี่จักรยานซะไกลเลย ไปทั้งตลาด ไปทั้งถนนใหญ่) แต่กลับแป็กในซอยที่จำไม่ได้ว่าทางเข้าบ้านอยู่ตรงไหน เหมือนคนบ้าที่ขี่ไปขี่มา ขี่ไปทั่ว จนแทบจะจำก้อนอิฐทุกก้อนของถนนและฝาบ้านของทุกบ้านได้ ขี่จนเด็กตัวเล็กๆเอาก้อนหินเล็กปาใส่แบบหยอกล้อ เหมือนคนบ้าที่ไม่รู้ว่ากำลังจะไปถึงไหน ไม่แน่ใจก็หันหลังกลับ จีพีเอสทำงานจนงงไปหมด ที่เล่ามาจนถึงตอนนี้ กำลังจะบอกว่า มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังตกอยู่ในภาวะหลงทาง ตื่นตระหนกและน่าสงสาร  มาระโก 6:34 34 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว ​ก็​ทรง​เห็น​ประชาชน​หมู่​ใหญ่ และ​พระ​องค์​ทรง​สงสาร​เขา เพราะ​ว่า​เขา​เป็น​เหมือน​ฝูง​แกะ​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง ​พระ​องค์​จึง​ทรง​สั่ง​สอน​เขา​เป็น​หลาย​ข้อ​หลาย​ประการ​ พวกเรากลับบ้านได้แล้ว แต่ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่รู้ว่าหนทางกลับสู่พระบิดาอยู่ตรงไหน คนมากมายกำลังรอการออกตามหาแกะหลงจากพวกเราทุกคน

By admin