“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ได้ดีที่ยั่งยืน”

คนไทยเรามีคำที่มักพูดถึงคนที่มีชีวิตที่ดี มีพื้นเพดี ครอบครัวดี การศึกษาดี นิสัยดี องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้มีคำๆหนึ่งที่ดูเหมือนจะพยากรณ์ล่วงหน้าว่า คนนั้นน่าจะได้ดีในอนาคต และบางคนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะใช้คำว่า “ได้ดี” คำที่ตรงกันข้ามกับคำว่า “ได้ดี” ก็คือ….ล่มจม หรือล้มเหลว ซึ่งในสังคมของเรามักจะใช้คำๆนี้กับคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แถมบางที “เจอดี” สำนวนไทยมีคำหนึ่ง ผีซ้ำด้ำพลอย คำว่า ด้ำ (ภาษาอีสาน) แปลว่า ผีบ้าน ผีเรือน สำนวนนี้แปลว่า ซวยซ้ำซวยซ้อน อับโชคแล้วยังเคราะห์ร้ายอีก ถูกผีอื่นรบกวนแล้วยังถูกผีบ้านผีเรือนของตนเองรบกวนอีกด้วย นี่คือวิถีชีวิตของคนที่ไม่มีพระเจ้า ก็จะถูกซ้ำเติม ใครจะมาทำร้าย ทำอะไรก็ได้ ไม่มีการคุ้มครอง ไม่มีการปกป้อง แต่ขีวิตคริสเตียนไม่ใช่อย่างนั้น พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า คริสเตียนจะได้ดีหรือไม่ได้ดี ไม่ได้อยู่ที่เคราะห์กรรม หรือโชค ดวง หรือด้วยพื้นเพด้านต่างๆที่ดีหรือไม่ดี และคริสเตียนจะไม่มีวันเจอดีแน่นอน หากคริสเตียนคนนั้นวิ่งเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มพระคุณของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระเจ้าที่ทรงสามารถปกป้องคริสเตียนได้ พระเจ้าที่ตรัสว่า อพยพ 20:2-5 2 “เรา​คือ​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า ผู้​ได้​นำ​เจ้า​ออก​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์​คือ​จาก​แดน​ทาส3“อย่า​มี​พระ​เจ้า​อื่น​ใด​นอกเหนือจาก​เรา4“อย่า​ทำ​รูป​เคารพ​สำหรับ​ตน เป็น​รูป​สิ่ง​ใด​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ฟ้า​เบื้อง​บน หรือ​บน​แผ่นดิน​เบื้อง​ล่าง หรือ​ใน​น้ำ​ใต้​แผ่นดิน​5 อย่า​กราบ​ไหว้​หรือ​ปรนนิบัติ​รูป​เหล่า​นั้น เพราะ​เรา​คือ​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า เป็น​พระ​เจ้า​ที่​หวง​แหน…. เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่จริง ดังนั้น พระองค์จึงหวงแหนคนของพระองค์ให้นมัสการพระองค์แต่เพียงผู้เดียว คนมากมายไม่เข้าใจว่า ทำไมการเป็นคริสเตียนจึงต้องละเลิกการนมัสการพระอื่น หรือไล่ให้วิญญาณอื่นๆออกไป ความจริงก็คือ เป็นคำสั่งของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระองค์ทรงรู้ว่า พระองค์สามารถรับผิดชอบชีวิตทั้งหมดของคนที่นมัสการพระองค์แต่เพียงผู้เดียวได้ทุกด้าน และนี่คือที่มาของการที่คริสเตียนทุกคนจะต้องเข้าใจถึงสถานะของตนเอง อ.เปาโลได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้เขียนหนังสือโรมตอนหนึ่งว่า โรม 14:4 ท่าน​เป็น​ใคร​เล่า จึง​กล่าวโทษ​บ่าว​ของ​คน​อื่น บ่าว​คน​นั้น​จะ​ได้​ดี​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา และ​เขา​ก็​จะ​ได้​ดี​แน่นอน เพราะ​ว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจ​ให้​เขา​ได้​ดี​ได้   และฉบับแปลปี2011 แปลคำว่า “ได้ดี” ใช้คำว่า “ตั้งมั่น”  โรม 14:4 ท่าน​เป็น​ใคร จึง​กล่าว​โทษ​บ่าว​ของ​คน​อื่น? บ่าว​คน​นั้น​จะ​ตั้ง​มั่น​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา และ​เขา​จะ​ตั้ง​มั่น​แน่​นอน เพราะ​ว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​สา​มารถ​ให้​เขา​ตั้ง​มั่น​ได้ คำว่า ตั้งมั่นหรือล่มจม มาจากคำกรีกสองคำ คำว่า สเตโก้ ที่แปลว่า ยืน ยังคงอยู่ และคำว่า พิปโป้ แปลว่า ล้มลง  ถลาลง   โรม 14:4 ….บ่าว​คน​นั้น​จะ​ได้​ดี​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา   และ​เขา​ก็​จะ​ได้​ดี​แน่นอน เพราะ​ว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจ​ให้​เขา​ได้​ดี​ได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไรบนโลกใบนี้ จะเป็นสามี หรือภรรยา จะเป็นพ่อ หรือเป็นแม่ จะเป็นลูก หรือเป็นพี่ หรือเป็นน้อง เป็นญาติ จะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง หรือจะเป็นผู้รับใช้เต็มเวลาหรือไม่เต็มเวลา เราทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า เราถูกซื้อไว้ด้วยราคาสูง ดังนั้น พระเจ้าเป็นเจ้านายของเราทุกคน  คริสเตียนทุกคนต่างก็มีนายคนเดียวกัน คือพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว ผู้ปรากฏเป็นสามพระภาค พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ​เขา​ก็​จะ​ได้​ดี​แน่นอน เพราะ​ว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจ​ให้​เขา​ได้​ดี​ได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความสามารถของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงฤทธิ์อาจ รากศัพท์ภาษากรีกใช้คำที่แปลว่า สามารถ และทำได้ เป็นไปได้ เข้มแข็ง มีพลัง ทำได้ทุกอย่าง  ความหมายของพระคัมภีร์ตอนนี้คือ พระเจ้าทรงทำได้ทุกอย่าง พระองค์ไม่จำกัด พระเจ้าทรงสามารถเปลี่ยนชะตา เปลี่ยนจากซวยมาดี ทรงนำมิให้ไปเจอดี ไม่ให้ซวยซ้ำซวยซ้อน ไม่มีผีซ้ำด้ำพลอย แน่นอน …..แต่ บ่าว​คน​นั้น​จะ​ได้​ดี​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา ความหมายตรงนี้ยังรวมถึงความรับผิดชอบของบ่าวในการรับใช้นายของตนเองอย่างต่อเนื่อง ยังให้นายเป็นนาย บ่าวเป็นบ่าว หรือล้มเหลวในการรับใช้นายของเขา พระเยซูได้ตรัสอุปมาที่มีภาพของบ่าวที่รอนายกลับมาอย่างนี้ ลูกา 12:35-37 35 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​คาด​เอว​ไว้ และ​ให้​ตะเกียง​ของ​ท่าน​จุด​อยู่36 จง​เป็น​เหมือน​คน​ที่​คอย​รับ​นาย​ของ​ตน​เมื่อ​นาย​จะ​กลับ​มา​จาก​งาน​สม​รส เพื่อ​ว่า​เมื่อ​นาย​มา​เคาะ​ประตู​แล้ว​พวก​เขา​จะ​เปิด​ให้​นาย​ได้​ทัน​ที37 บ่าว​พวก​นั้น​ซึ่ง​นาย​มา​พบ​ว่า​กำ​ลัง​คอย​เฝ้า​อยู่​ก็​เป็น​สุข เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า นาย​ผู้นั้น​จะ​คาด​เอว​ไว้​และ​ให้​บ่าว​พวก​นั้น​นั่ง​ลง และ​ท่าน​จะ​มา​ปรนนิ​บัติ ภาพที่พระเยซูกล่าวอุปมานี้ คือการรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้าผู้เป็นนาย ท่าทีรอคอยเหมือนบ่าวที่รอนายกลับจากงานเลี้ยง การคาดเอง และจุดตะเกียงอยู่ คือความรับผิดชอบ ลองจิตนาการว่า  เมื่อนายมาเคาะประตู  แล้วประตูไม่พร้อมเปิด อากาศภายนอกก็มืดและหนาว นายจะรู้สึกอย่างไร ที่เปิดช้าไม่ใช่อะไร เพราะข้างในก็มืด หากลอนประตูไม่เจอ แถมแอบหลับ ตื่นมางัวเงีย ทำอะไรไม่ถูก นั่นคือความไม่พร้อมเปิดประตูต้อนรับเจ้านาย ในทางตรงกันข้าม การพร้อมเปิดต้อนรับได้ทันที มีแสงสว่างมีความอบอุ่นภายใจเนื่องจากตะเกียงโบราณมีทั้งแสงสว่างและทำให้บ้านอบอุ่น  คำว่าคาดเอวคือภาพของความมั่นคง ตะเกียงคือดวงสว่างของชีวิต ที่ต้องมีน้ำมันนั่นหมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์  ดวงสว่างของชีวิตคริสเตียนจะส่องสว่างเมื่อคริสเตียนเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูได้ตรัสว่า สาวกของพระองค์ถูกทำให้เป็นตะเกียงแล้ว นั่นคือเป็นภาชนะสำหรับพระวิญญาณที่จะรับการเติมให้เต็ม มัทธิว 5:16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เหมือนกับ​ตะเกียง จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ เขา​จะ​ได้​สรรเสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ผู้​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์ นี่คือฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ทำให้เราทั้งหลายที่ครั้งหนึ่งเราไม่สามารถส่องสว่างได้ พระเจ้าได้เปลี่ยนเราเป็นตะเกียง เป็นภาชนะที่จะรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทำให้เราได้ดี คือเมื่อก่อนเคยล้ม แต่วันนี้ยืนขึ้นมาได้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ช่วยเรา พระเยซูตรัสว่า ยอห์น 14:16-17 16 เรา​จะ​ทูล​ขอ​พระ​บิดา และ​พระ​องค์​จะ​ประทาน​ผู้ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​ให้แก่​ท่าน เพื่อ​จะ​ได้​อยู่​กับ​ท่าน​ตลอดไป​17 คือ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​ความ​จริง ซึ่ง​โลก​รับ​ไว้​ไม่ได้ เพราะ​แล​ไม่​เห็น​และ​ไม่​รู้จัก​พระ​องค์ ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้จัก​พระ​องค์ เพราะ​พระ​องค์​ทรง​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน และ​จะ​ประทับ​อยู่​ใน​ท่าน ดังนั้น ฤทธิ์อาจของพระเจ้าทำกิจในตัวเราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะได้ดี เราจะมั่นคง เราจะยืนอยู่ได้ไม่ล้มลง โดยการเคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระภาคหนึ่งของพระเจ้าที่อยู่ในเรา อยู่ใกล้เรา อยู่กับเรา พระบิดาและพระเยซูคริสต์อยู่บนสวรรค์ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้าที่อยู่กับเรา และช่วยให้เราเชื่อมต่อกับพระบิดา พระเยซูคริสต์บนฟ้าสวรรค์ พระเยซูสัญญาว่าจะทำให้เรามั่นคงจนถึงวันที่พระองค์จะเสด็จมาก็โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้น คริสเตียนต้องเคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าเขียนในสูจิบัตรวันนี้ เรื่องระดับที่ยิ่งใหญ่กว่า หมายถึงขั้นสูงสุดของการได้ดีที่ยั่งยืนนั่นเอง นั่นคือ ความสัมพันธ์ทีลึกซึ้งกับพระเยซูคริสต์เกิดขึ้นได้ผ่านการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จนได้มองเห็นโลกที่ต้องการพระคริสต์ในผู้คนที่หลากหลาย ภาระใจที่เกิดจากการเร้าใจของพระวิญญาณ กลายเป็นการรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป และก้าวไปสู่ความสำเร็จในพันธกิจเฉพาะนั้นๆ ซึ่งเราได้เห็นตัวอย่างของคริสเตียน และมิชชันนารีทั่วโลกประสบความสำเร็จ อย่างเช่น แม่ชีเทเรซา ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ทรงอิทธิพลในประเทศอินเดียและทั่วโลก นี่คือภาพของการได้ดีที่ยั่งยืน หันกลับมามองตัวเราองในวันนี้ พระคัมภีร์โรม 14:4 ท่าน​เป็น​ใคร​เล่า จึง​กล่าวโทษ​บ่าว​ของ​คน​อื่น บ่าว​คน​นั้น​จะ​ได้​ดี​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา และ​เขา​ก็​จะ​ได้​ดี​แน่นอน เพราะ​ว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจ​ให้​เขา​ได้​ดี​ได้  นอกจากจะให้เราได้เห็นตัวเราเองกับการได้ดีโดยฤทธิ์อาจของพระเจ้าแล้ว ยังให้เราได้เห็นพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆก็ได้ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราทุกคนอยู่ในฐานะเดียวกันคือบ่าว ไม่มีสิทธิ์ตัดสินกล่าวโทษบ่าวคนอื่นๆ และนี่คือบทเรียน

1.พระวิญญาณเป็นนายช่วยเราระวังไม่ให้ล้มลง

บ่าว​คน​นั้น​จะ​ได้​ดี​หรือ​จะ​ล่ม​จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา คำว่า “ล่มจม” ภาษากรีกใช้คำว่า “ล้มลง”  คำนี้ถูกใช้ในสำนวนของการทำบาป เรื่องเพศ เรื่องเงิน เรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ ความเย่อหยิ่ง การงานของเนื้อหนังต่างๆ 1โครินธ์ 10:12  12 เพราะ​เหตุ​นี้​คน​ที่​คิด​ว่า​ตัว​เอง​มั่น​คง​ดี​แล้ว ก็​จง​ระวัง​ไม่​ให้​ล้ม​ลง​ คำกรีกคำเดียวกันนี้ถูกใช้ในที่นี้แปลว่า “ล้มลง” และคำว่า มั่นคงก็ใช้คำเดียวกัน  1โครินธ์ 10:13 13 ไม่​มี​การ​ทด​ลอง​ใดๆ เกิด​ขึ้น​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย นอก​เหนือ​การ​ทด​ลอง​ซึ่ง​เคย​เกิด​กับ​มนุษย์ พระ​เจ้า​ทรง​ซื่อ​สัตย์ พระ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​ให้​พวก​ท่าน​ต้อง​ถูก​ทด​ลอง​เกิน​กว่า​ที่​ท่าน​จะ​ทน​ได้ และ​เมื่อ​ถูก​ทด​ลอง พระ​องค์​จะ​ทรง​ให้​มี​ทาง​ออก​ด้วย เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​มี​กำ​ลัง​ทน​ได้ คำว่า “ทดลอง” ที่นี่ ใช้คำเดียวกันกับหนังสือยากอบใช้คำว่า ทดลองใจ (ถูกทดสอบด้วยการดี) และการถูกล่อลวง (ด้วยประสบการณ์กับสิ่งชั่ว) การตอบสนองของคริสเตียนต่อการทดลองใจและการถูกล่อลวง ล้วนต้องพึ่งพาพระวิญญาณในการต่อต้านเพื่อจะยืนอยู่มั่นคง ไม่ล้มลง พระคัมภีร์มีคำแนะนำดังนี้ เอเฟซัส 6:11-18 11 จง​สวม​ยุทธภัณฑ์​ทั้ง​ชุด​ของ​พระ​เจ้า เพื่อ​จะ​ต่อต้าน​ยุทธ​อุบาย​ของ​พญา​มาร​ได้​12 เพราะ​ว่า​เรา​ไม่ได้​ต่อสู้​กับ​เนื้อ​หนัง​และ​เลือด แต่​ต่อสู้​กับ​เทพ​ผู้​ครอง ศักดิ​เทพ เทพ​ผู้​ครอง​พิภพ​ใน​โมหะ​ความ​มืด​แห่ง​โลก​นี้ ต่อสู้​กับ​เหล่า​วิญญาณ​ที่​ชั่ว​ใน​สถาน​ฟ้า​อากาศ​ 13 เหตุ​ฉะนั้น​จง​รับ​ยุทธภัณฑ์​ทั้ง​ชุด​ของ​พระ​เจ้า​ไว้ เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ต่อต้าน​ใน​วัน​อัน​ชั่ว​ร้าย​นั้น และ​เมื่อ​เสร็จ​แล้ว​จะ​อยู่​อย่าง​มั่นคง​ได้​14 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​จง​มั่นคง เอา​ความ​จริง​คาด​เอว เอา​ความ​ชอบธรรม​เป็น​ทับ​ทรวง​เครื่อง​ป้องกัน​อก15 และ​เอา​ข่าว​ประเสริฐ​แห่ง​สันติ​สุข ซึ่ง​เป็น​เหตุ​ให้​เกิด​ความ​พรั่ง​พร้อม​มา​สวม​เป็น​รองเท้า16 และ​พร้อม​กับ​สิ่ง​ทั้งหมด​นี้ จง​เอา​ความ​เชื่อ​เป็น​โล่ ด้วย​โล่​นั้น​ท่าน​จะ​ได้​ดับ​ลูกศร​เพลิง​ของ​พญา​มาร​เสีย​17 จง​เอา​ความ​รอด​เป็น​หมวก​เหล็ก​ป้องกัน​ศีรษะ และ​จง​ถือ​พระ​แสง​ของ​พระ​วิญญาณ คือ ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​18 จง​อธิษฐาน​วิงวอน​ทุก​อย่าง จง​ขอ​โดย​พระ​วิญญาณ​ทุก​เวลา ทั้งนี้​จง​ระวัง​ตัว​ด้วย​ความ​เพียร​ทุก​อย่าง จง​อธิษฐาน​เพื่อ​ธรรมิก​ชน​ทุก​คน​ พระคัมภีร์แนะนำว่า การระวังที่จะไม่ล้มลง ก็คือการยืนอย่างมั่นคง มีองค์ประกอบในการยืน ก็คือ การเรียนรู้ว่า เรากำลังต่อสู้กับอะไร เราไม่ได้ต่อสู้กับเลือดและเนื้อ แต่เรากำลังต่อสู้กับวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ เรากำลังต่อสู้กับเหล่าเทพ ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพ คริสเตียนจึงต้องดำเนินชีวิตที่ไม่ธรรมดา การได้ดีของคริสเตียนจึงไม่ได้มาจากผี หรือมาจากวิญญาณอื่น แต่มาจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ความรับผิดชอบของคริสเตียนก็คือต้องยืนและระวังไม่ให้ล้ม ด้วยปัจจัยต่างๆที่ต้องใส่ใจ จงยึดความจริงของพระเจ้า อย่าให้มารมาโกหก จงยึดความชอบธรรมของพระเยซู อย่าหลงสำคัญตนเองผิดว่าความชอบธรรมนั้นได้มาด้วยตนเอง จงยึดข่าวประเสริฐคือทิศทางหลักของการมุ่งหน้าดำเนินชีวิต ถ้าไม่มีข่าวประแสริฐ ชีวิตก็ขาดทิศทาง อาชีพคือส่วนประกอบเท่านั้น จงยึดความเชื่อเพื่อเป็นเครื่องมือดับการโจมตีของมาร จงยึดความรอดเป็นสิ่งป้องกันความคิด คิดอย่างคนที่พระคริสต์ทำให้รอด คนที่คิดอย่างนี้จะนำความรอดไปสู่คนอื่น แต่คนที่คิดแต่เอาตัวเองรอด จะปล่อยให้คนรอบข้างตาย ในยุทธภัณฑ์ทั้งชุดนี้ เราจะเห็นส่วนที่เราต้องรับผิดชอบส่วนตัว และยังมีส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือการถือพระแสงของพระวิญญาณ คือการใช้พระวจนะของพระเจ้าที่ต้องมีความเข้าใจจากพระวิญญาณ โดยการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณตลอดเวลา และด้วยการขอโดยพระวิญญาณ เพราะศัตรูคือมารซาตานไม่เคยพัก มันทำงานตลอดเวลา เพื่อดันให้เราล้มลง เราจะตั้งมั่นคง ยืนหยัดได้ ไม่ล้มลง เราต้องทำส่วนของเรา และมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นนายช่วยระวังไม่ให้ล้ม ให้เราสังกตุคำว่า นาย บ่อยครั้ง เราคิดว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ช่วย พระองค์ก็เลยเป็นเบ๊ของเรา เราจะใช้ หรือไม่ใช้ก็ได้ หรือเราจะให้เกียรติพระองค์หรือไม่ให้ก็ได้  นั่นคือความเข้าใจผิด มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทำงานในที่ที่พระองค์ไม่ได้รับการให้เกียรติ นั่นหมายความว่า พระองค์ไม่ได้รับการให้อยู่ในสถานะเจ้านาย นั่นคือภาวะที่คริสเตียนต้องระวัง คุณกำลังขาดนายที่จะทำให้คุณได้ดีที่ยั่งยืน ในทางกลับกัน คุณจะล้มลงเพราะขาดเจ้านายที่จะสนับสนุนคุณ 1โครินธ์ 10:12  12 เพราะ​เหตุ​นี้​คน​ที่​คิด​ว่า​ตัว​เอง​มั่น​คง​ดี​แล้ว ก็​จง​ระวัง​ไม่​ให้​ล้ม​ลง​ การคิดว่า มั่นคงคือไม่ต้องการใครมาช่วย แต่พระเยซูได้กล่าวนคำอุปมาว่า ลูกา 12:37  …นายผู้นั้นจะคาดเอวไว้และให้บ่าวพวกนั้นนั่งลง และท่านจะมาปรนนิบัติ เป็นภาพที่ไม่เคยมีปรากฏคือ บ่าวที่ยืนและไม่ล้มเหลวในการปรนนิบัติ จะได้รับการปรนนิบัติจากเจ้านาย….ประการสุดท้าย สิ่งที่จะทำให้ชีวิตปราศจากที่ติ….ได้ดีที่ยั่งยืน นั่นคือ

2.ไม่สำคัญตัวเองผิด: ไม่กล่าวโทษ

ท่าน​เป็น​ใคร​เล่า จึง​กล่าวโทษ​บ่าว​ของ​คน​อื่น   ทุกวันนี้ คนมากมายต่างคิดว่า การได้ดีของตนเอง ต้องทำให้ตนเองถูกมองว่าดีกว่าคนอื่น หรือทำให้คนอื่นตกในสภาพที่แย่กว่าตนเอง และวิธีการที่ใช้กันก็คือ การกล่าวโทษ การกล่าวโทษคือการตัดสิน พิพากษาคนอื่น พระคัมภีร์ถามว่า ท่านเป็นใครเล่า คือการถามว่า รู้หรือไม่ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินคนอื่น โดยเฉพาะคนที่มีเจ้านายคือพระเจ้า ในเรื่องราวของโยบพระเจ้าทรงยกย่องโยบ และอวยพรโยบ ชีวิตโยบได้ดีตลอดเพราะความยำเกรงพระเจ้า ​โยบ 1:8-12  และ​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​ซาตาน​ว่า “เจ้า​ได้​ไตร่ตรอง​ดู​โยบ​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​หรือ​ไม่ ว่า​ใน​แผ่นดิน​โลก​ไม่​มี​ใคร​เหมือน​เขา เป็น​คน​ดี​รอบคอบ​และ​เที่ยง​ธรรม เกรง​กลัว​พระ​เจ้า​และ​หัน​เสีย​จาก​ความ​ชั่ว​ร้าย”9 แล้ว​ซาตาน​ทูล​ตอบ​พระ​เจ้า​ว่า “โยบ​ยำเกรง​พระ​เจ้า​เปล่าๆ หรือ​10 ​พระ​องค์​มิได้​ทรง​กั้น​รั้ว​รอบตัว​เขา และ​ครัวเรือน​ของ​เขา และ​ทุก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​เสีย​ทุก​ด้าน​หรือ ​พระ​องค์​ได้​ทรง​อำนวย​พระ​พร​งาน​น้ำมือ​ของ​เขา และ​ฝูง​สัตว์​ของ​เขา​ได้​ทวี​ขึ้น​ใน​แผ่นดิน​11 แต่​ขอ​ยื่น​พระ​หัตถ์​เถิด และ​แตะ​ต้อง​สิ่งของ​ทั้งสิ้น​ที่​เขา​มี​อยู่ และ​เขา​จะ​แช่ง​พระ​องค์​ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​องค์”12 และ​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​ซาตาน​ว่า “ดู​เถิด บรรดา​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​ก็​อยู่​ใน​อำนาจ​ของ​เจ้า เพียงแต่​อย่า​ยื่น​มือ​แตะ​ต้อง​ตัว​เขา​เท่านั้น” ซาตาน​จึง​ออกไป​จาก​พระ​พักตร์​ของ​พระ​เจ้า   ชีวิตของโยบถูกทดสอบเพื่อพิสูจน์การได้ดีของเขา เพราะมารได้กล่าวหาโยบ มารยังไม่สามารถกล่าวโทษโยบได้ คำว่า กล่าวหา คือการบิดเบือนจากความจริง เราจะเห็นว่า มารไม่สามารถกล่าวโทษ คือตัดสินโยบได้ แต่มารกล่าวหา และขอให้พระเจ้าอนุญาตให้มารทำให้โยบเข้าสู่การทดสอบเพื่อโยบจะเป็นอย่างที่ถูกมารกล่าวหา มารต้องการให้พระเจ้ากล่าวโทษ ตัดสินโยบ ว่าโยบไม่ได้เชื่อฟังจริง ไม่ได้ยำเกรงพระเจ้าจริง ข้อกล่าวหาที่มารใส่ให้โยบคือ โยบมีวาระซ่อนเร้น  โยบไม่จริงใจต่อพระเจ้า โยบมีความปรารถนาความมั่งคั่ง ความร่ำรวย สุขภาพดี และครอบครัวดี  การทดสอบก็เกิดขึ้น พระเจ้าอนุญาตให้มารเอาสิ่งที่โยบมีออกไปจากชีวิตของโยบ ยกเว้น ชีวิตของโยบ เราได้เห็นเรื่องราวของโยบไม่ใช่เคราะห์ร้าย แม้จะเกิดสิ่งเลวร้ายเหมือนผีซ้ำด้ำพลอย  แต่มาจากการอนุญาตของพระเจ้า โยบเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆด้วยการสำรวจตนเอง และโยบรู้ว่าเขาไม่ได้ทำบาปต่อพระเจ้า เขามีจิตบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า แม้จะต้องสูญเสียทุกอย่าง โยบก็ยังยำเกรงและเชื่อฟังพระเจ้า โยบไม่สำคัญตัวเองผิด ไม่กล่าวโทษ ตัดสิน การได้ดีหรือการล้มลงของตนเอง โยบ 42:1-12,16-17   1 แล้ว​โยบ​ทูล​พระ​เจ้า​ว่า 2 “ข้า​พระ​องค์​ทราบ​แล้ว​ว่า ​พระ​องค์​ทรง​กระทำ​ทุก​สิ่ง​ได้ และ​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​จะ​ไม่​หด​หู่​ไป​ได้​เลย3 ‘นี่​ใคร​หนอ​ที่​ซ่อน​คำปรึกษา​ด้วย​ไร้​ความ​รู้’ เพราะ​ฉะนั้น ข้า​พระ​องค์​จึง​กล่าวถึง​สิ่ง​ที่​ข้า​พระ​องค์​ไม่​เข้าใจ สิ่ง​ที่​ประหลาด​เกิน​แก่​ข้า​พระ​องค์​ซึ่ง​ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ 4 ‘ฟัง​ซี เรา​จะ​พูด เรา​จะ​ถาม​เจ้า ขอ​เจ้า​ตอบ​เรา’ 5 ข้า​พระ​องค์​เคย​ได้​ยิน​ถึง​พระ​องค์​ด้วย​หู แต่​บัดนี้​ตา​ของ​ข้า​พระ​องค์​เห็น​พระ​องค์ 6 ฉะนั้น​ข้า​พระ​องค์​จึง​เกลียด​ตนเอง และ​กลับ​ใจ​อยู่​ใน​ผง​คลี​และ​ขี้เถ้า” 7 เมื่อ​พระ​เจ้า​ตรัส​พระ​วจนะ​เหล่า​นี้​แก่​โยบ​แล้ว ​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​เอ​ลี​ฟัส​ชาว​เท​มาน​ว่า “ความ​พิโรธ​ของ​เรา​พลุ่ง​ขึ้น​ต่อ​เจ้า และ​ต่อ​สหาย​ทั้ง​สอง​ของ​เจ้า เพราะ​เจ้า​มิได้​พูด​ถึง​เรา​อย่าง​ที่​ถูก ดัง​โยบ​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​ได้​พูด​8 เพราะ​ฉะนั้น​จง​เอา​วัว​ผู้​เจ็ด​ตัว และ​แกะ​ผู้​เจ็ด​ตัว ไป​หาโยบ​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา และ​ถวาย​เครื่อง​เผา​บูชา​สำหรับ​เจ้า​ทั้ง​หลาย และ​โยบ​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​จะ​อธิษฐาน​เพื่อ​เจ้า เพราะ​เรา​จะ​รับ​คำ​อธิษฐาน​ของ​เขา เรา​จะ​ไม่​กระทำ​กับ​เจ้า​ตาม​ความ​โง่​ของ​เจ้า เพราะ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มิได้​พูด​ถึง​เรา​อย่าง​ที่​ถูก ดัง​โยบ​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​ได้​พูด”9 ฝ่าย​เอ​ลี​ฟัส​ชาว​เท​มาน​และ​บิล​ดัด​ตระกูล​ชู​อาห์​และโศ​ฟาร์​ชาวนา​อา​เมห์ ได้​ไป​กระทำ​ตาม​ที่​พระ​เจ้า​ตรัส​สั่ง และ​พระ​เจ้า​ทรง​รับ​คำ​อธิษฐาน​ของ​โยบ​10 และ​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​โย​บก​ลับ​สู่​สภาพ​ดี เมื่อ​ท่าน​อธิษฐาน​เผื่อ​สหาย​ของ​ท่าน และ​พระ​เจ้า​ประทาน​ให้​โยบ​มี​มาก​เป็น​สอง​เท่า​ของ​ที่​มี​อยู่​ก่อน​11 และ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ของ​ท่าน และ​บรรดา​ผู้​ที่​รู้จัก​ท่าน​มา​ก่อน​ได้มา​หา​ท่าน และ​รับประทาน​อาหาร​กับ​ท่าน​ใน​บ้าน​ของ​ท่าน และ​เขา​ทั้ง​หลาย​สำแดง​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​และ​เล้าโลม​ท่าน ด้วย​เรื่อง​เหตุร้าย​ทั้งสิ้น ซึ่ง​พระ​เจ้า​ทรง​นำมา​เหนือ​ท่าน และ​ต่าง​ก็​ให้​เงิน​แผ่น​หนึ่ง​กับ​แหวน​ทองคำ​วง​หนึ่ง​แก่​ท่าน12 และ​พระ​เจ้า​ทรง​อำนวย​พระ​พร​ชีวิต​บั้น​ปลาย​ของ​โยบ​มาก​ยิ่ง​กว่า​บั้น​ต้น​ของ​ท่าน….16 ต่อ​จาก​นี้​ไป โยบ​มี​ชีวิต​อยู่​อีก​หนึ่ง​ร้อย​สี่​สิบ​ปี และ​ได้​เห็น​บุตร​ชาย​ของ​ท่าน หลาน​เหลน​ของ​ท่าน​สี่​ชั่ว​อายุ​17 และ​โยบ​ก็​สิ้นชีวิต​เป็น​คน​แก่​หง่อม​ทีเดียว​ เรื่องราวของโยบเป็นความพยายามของมารที่จะทำให้โยบล้มลง ด้วยการกล่าวโทษ ตัดสิน เป็นกับดักที่มารต้องการให้มนุษย์ทุกคนล้มลง และกล่าวโทษคนอื่นๆที่เป็นเหตุให้ตนเองได้ดีหรือไม่ได้ดี ซึ่งบ่อยครั้งที่มนุษย์จะทำอย่างนั้นต่อกันและกัน  ที่ฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอ แล้วที่เลวร้ายกว่านั้น หลายคนโทษพระเจ้าเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่ได้ดี หลายคนโทษกำเนิด โทษพ่อแม่ โทษสารพัดโทษ โทษแม้กระทั่งตนเอง  แต่ให้เราดูโยบเป็นตัวอย่าง เขาไม่โทษอะไร  ถ้าโยบแช่งพระเจ้า นั่นคือโยบล้มลงในเรื่องความยำเกรงพระเจ้า โยบก็จะทำผิดต่อบทบาทของตนเอง แต่โยบผ่านการพิสูจน์ และผ่านการล่อลวงของมาร ด้วยชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ได้ดีที่ยั่งยืน ไม่สำคัญตนเองผิด ไม่กล่าวโทษผู้อื่น แต่รักษาความยำเกรงพระเจ้าไว้จนพบกับตอนจบที่พระเจ้าอวยพรเขา ขอพี่น้องทั้งหลายอดทนให้ถึงที่สุด คือยืนหยัด อย่าล้มลง แล้วเราจะผ่านการพิสูจน์ ชนะการล่อลวงในเรื่องการกล่าวโทษ ทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้โยบต้องสูญเสียในตอนแรก เพราะโยบสมควรได้รับมากกว่าที่มีในตอนแรกด้วยการรักษา ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ได้ดีที่ยั่งยืน อาเมน

“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ได้ดีที่ยั่งยืน”

1.พระวิญญาณเป็นนายช่วยเราระวังไม่ให้ล้มลง

2. ไม่สำคัญตัวเองผิด: ไม่กล่าวโทษ

By admin