“ขีวิตที่ปราศจากที่ติ…กับความคาดหวังพระพร”
ในช่วงเฉลิมฉลองคริสมาสและย่างเข้าช่วงเวลาสิ้นปีกับการต้อนรับปีใหม่ มีการอวยพรกันหลายรูปแบบ ทั้งส่งของขวัญ ส่งคำอวยพร ส่งความปรารถนาดีต่อกันและกัน ใครมีไลน์ก็ส่งเสียงดังทั้งวัน ตั้งแต่เที่ยงคืน ตีหนึ่งตีสอง เช้ามืด จนสายบ่ายเย็น เป็นช่วงที่ไม่มีใครบ่น เพราะคือเวลาแห่งการส่งคำอวยพร รับคำอวยพร ใครๆก็ชอบพระพร ปกติคนที่อวยพรก็จะยิ้มแย้ม และกล่าวคำอวยพร คงไม่มีใครที่หน้าบึ้ง หรือแสดงความเป็นศัตรู แล้วจะได้พรจากคนๆนั้น ยิ่งสถานการณ์ที่แย่ๆ ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นพระพร แต่ในพระคัมภีร์ตอนหนึ่ง ได้กล่าวถึงการคาดหวังการอวยพรในสถานการณ์ที่แย่ๆ ในขณะที่มีความกลัว ในขณะที่บาดเจ็บ และในขณะที่กำลังต่อสู้ ก็ยังคาดหวังการอวยพรจากคู่ต่อสู้ของเขา นั่นคือ เรื่องราวของยาโคบผู้ปล้ำสู้กับบุรุษผู้หนึ่ง พระคัมภีร์บันทึกอย่างนี้ว่า ปฐมกาล 32:22-32 22 กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสองและลูกสิบเอ็ดคน ข้ามที่ท่า ลุยข้ามแม่น้ำยับบอก23 ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย24 ยาโคบอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว มีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำกับเขาจนเวลารุ่งสาง25 เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็ถูกต้องที่ข้อต่อตะโพกของยาโคบขณะที่ปล้ำสู้กัน ข้อต่อตะโพกของยาโคบก็เคล็ด26 บุรุษนั้นจึงว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” แต่ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า”27 บุรุษผู้นั้นจึงถามยาโคบว่า “เจ้าชื่ออะไร” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ”28 บุรุษนั้นจึงว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอลเพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์ และได้ชัยชนะ”29 ยาโคบจึงถามบุรุษผู้นั้นว่า “ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร” แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น30 ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เปนีเอล กล่าวว่า “เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่”31 เมื่อยาโคบผ่านเปนูเอลดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เขาเดินโขยกเขยกเพราะเจ็บตะโพก32 เหตุฉะนี้คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็นที่ตะโพก ซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก
เรื่องราวนี้ เป็นช่วงเวลาที่ยาโคบกำลังพาครอบครัวเดินทางกลับบ้านของตนเอง หลังจาที่เขาหนีพี่ชายไปอยู่กับลุงของเขาในต่างแดน และมีครอบครัว ลูกเมีย ยาโคบต้องอดทนกับการรับใช้ลุงขี้โกงและเอาเปรียบเขามาตลอดหลายปี จนพระเจ้าเรียกให้ยาโคบกลับบ้าน แต่ยาโคบก็ยังกลัวพี่ชาย เพราะได้ทำให้พี่ชายโกรธถึงขนาดพี่ชายสาบานกับตัวเองว่า จะเอาขีวิตยาโคบให้ได้ ยาโคบเชื่อฟังพระเจ้า แต่ก็กลัวความโกรธและความอาฆาตแค้นของพี่ชาย เรื่องของเรื่องก็คือยาโคบไปหลอกให้พี่ชายให้ขายสิทธิ์ลูกคนโต และยังขโมยพรจากพ่อด้วยการปลอมตัวเป็นพี่ชายไปรับพรจากพ่อ โดยมีแม่เป็นผู้วางแผนให้ยาโคบรับพรจากพ่อแทนพี่ชาย ยาโคบเป็นคนเชื่อฟังพ่อแม่ แต่เอซาวพี่ชายนั้นน่าจะเอาแต่ใจตัวเอง และไม่เชื่อฟังพ่อแม่ (จากที่พระคัมภีร์บันทึกเรื่องการแต่งงานกับคนต่างชาติ) การเชื่อฟังพ่อแม่ของยาโคบคือประเด็นที่สำคัญที่พระเจ้าทรงแทรกแซงสถานการณ์ชีวิตของยาโคบ เพราะพ่อแม่ของยาโคบมีความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า ในเรื่องการรักษาเชื้อสายพงศ์พันธ์ของอับราฮัมไว้ จึงสั่งสอนลูกเรื่องการแต่งงาน แต่เอซาวไม่ได้ประพฤติตนที่เชื่อฟังพ่อแม่ ปฐมกาล 28:6-9 6 ฝ่ายเอซาวเห็นว่าอิสอัคอวยพรยาโคบ และส่งเขาไปยังปัดดานอารัมเพื่อหาภรรยาจากที่นั่น และเมื่ออิสอัคอวยพรเขานั้นท่านกำชับเขาว่า “เจ้าอย่าแต่งงานกับหญิงคานาอันเลย” 7 ยาโคบเชื่อฟังบิดามารดา และไปยังปัดดานอารัม8 เมื่อเอซาวเห็นว่าหญิงคานาอันไม่เป็นที่พอใจอิสอัคบิดาของตน9 จึงไปหาอิชมาเอลและรับมาหะลัทบุตรหญิงของอิชมาเอลบุตรชายของอับราฮัม น้องสาวของเนบาโยทมาเป็นภรรยา นอกเหนือภรรยาซึ่งเขามีอยู่แล้ว ในเรื่องราวของยาโคบที่ดำเนินมาจนถึงตอนต้องเดินกลับบ้าน เขายังเชื่อฟัง และยังคาดหวังว่า พระพรจะช่วยเขาให้พ้นจากพี่ชาย (เอซาว) พระพรจะทำให้เขารอดตาย คำว่า พระพร ในรากศัพท์ภาษาฮีบรู แปลว่า พูดดีให้สิ่งดีเกิดขึ้น การปล้ำสู้ของยาโคบกับบุรุษผู้หนึ่ง ให้บทเรียนบางอย่างกับผู้เชื่อในวันนี้อย่างไร
1.มีการปล้ำสู้ก่อนจะรับพระพร ปฐมกาล 32:22-24
22 กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นและพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสองและลูกสิบเอ็ดคน ข้ามที่ท่า ลุยข้ามแม่น้ำยับบอก23 ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย24 ยาโคบอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว มีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำกับเขาจนเวลารุ่งสาง เรามาดูความรู้สึกของยาโคบก่อนหน้านี้ว่าเป็นอย่างไร ข้อ 9 ยาโคบอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอัคบิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าผู้ตรัสสั่งข้าพระองค์ไว้ว่า ‘กลับไปยังเมือง และยังญาติพี่น้องของเจ้า เราจะช่วยให้เจ้าได้ดี’ นั้น10 ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ทรงโปรดประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองพวก11 ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์กลัวเขา เกรงว่าเขาจะมาฆ่าพวกข้าพระองค์ทั้งสิ้น คือแม่ๆ กับลูกๆ 12 แต่พระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘เราจะทำดีแก่เจ้าและช่วยให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่ทะเล นับไม่ถ้วนเพราะมีมาก’ ” คำอธิษฐานของยาโคบ บอกให้เรารู้ว่า ยาโคบมีความเชื่อ และเขาสื่อสารกับพระเจ้า เขาเชื่อฟังพระเจ้า เขามีทั้งความเชื่อ และการเชื่อฟังที่ดี แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขารอดพ้นจากความรู้สึกที่กลัว ยาโคบรู้สึกกลัว ยาโคบกลัวการสูญเสีย กลัวต้องรับผลจากการกระทำของตนเอง กลัวคนที่เขารักจะจากไป ยาโคบกลัวความเกลียดชังที่พี่ชายมีต่อเขา ยาโคบอยากคืนดี แต่ระแวงการคืนดีกับพี่ชาย ในคำอธิษฐานของยาโคบคือการระบายความรู้สึกกลัวของเขาต่อพระเจ้า ยาโคบกำลังต่อสู้กับความรู้สึกกลัวของตนเอง แต่เขาก็ยังอธิษฐานต่อพระเจ้า เขายังใช้สติปัญญาที่มีเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวและตัวของเขาเอง มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เมื่อมีความกล้าหาญไม่ได้หมายความว่าความกลัวจะหายไป ความกลัวยังอยู่ แต่ความกลัวถูกควบคุมไว้มิให้มันสามารถมาควบคุมเราได้
วันนี้ คนมากมายกลัวอนาคตที่ไม่แน่นอน จนทำให้ไม่มีความสุข นั่นคือเราไม่สามารถควบคุมความกลัว เราคาดหวังพระพร ในเวลาเดียวกัน เราก็กลัวอนาคต เราไม่ต่างจากยาโคบที่อยู่ในสภาวะกำลังปล้ำสู้ก่อนที่จะรับพระพร แต่สิ่งที่น่าเรียนรู้ในบทเรียนนี้ก็คือ ให้เราอ้างพระสัญญาของพระเจ้า ให้เราอธิษฐานกับพระเจ้า ให้เรายังเชื่อ เหมือนกับที่ยาโคบเชื่อ 10 ข้าพระองค์ไม่สมควรจะรับความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์แม้เล็กน้อยที่สุด ที่พระองค์ทรงโปรดประทานแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่อมีแต่ไม้เท้า และบัดนี้ข้าพระองค์มีผู้คนเป็นสองพวก ยาโคบสำรวจพระพรที่พระเจ้าประทานให้กับเขาตั้งแต่เริ่มต้น เขาก้าวข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ในอดีต เขาหนี เขามีความผิด เขาล้มลง เขามาตัวเปล่า มีแต่ไม้เท้า แต่เวลานี้ เขามีกำลังคน มีครอบครัว มีทรัพย์สิน มีฝูงสัตว์ เขามั่งคั่งขึ้น เขาดีกว่าเดิม วันนี้ของเขาดีกว่าเมื่อวานมากมายนัก ยาโคบนับพระพร…. พี่น้อง…ขอให้เราหันกลับไปนับพระพร ที่พระเจ้าทรงกระทำต่อเราตลอดปีที่ผ่านมา จะจบปี 2015 นี้แล้ว อย่าให้ความกลัวอนาคตในปีข้างหน้าที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ อย่าให้ความกลัวมาควบคุมจนทำให้เราไม่อาจนับพระพรได้ ความจริงมีพระพรมากมายที่พระเจ้าประทานให้กับเรา ย่างก้าวที่เราจะก้าวไป คือการปล้ำสู้อีกระดับเพื่อจะรับพระพร เพื่อชนะ มิใช่เพื่อความพ่ายแพ้
2.บทเรียนชีวิตคือพระพร ปฐมกาล 32:25-26
25 เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็ถูกต้องที่ข้อต่อตะโพกของยาโคบขณะที่ปล้ำสู้กัน ข้อต่อตะโพกของยาโคบก็เคล็ด26 บุรุษนั้นจึงว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” แต่ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า” มวยคู่นี้ สูสี ยาโคบพยายามเต็มกำลัง จะไม่มีใครแพ้ใครชนะ จนกระทั่งบุรุษคู่ต่อสู้ใช้กำลังที่เหนือกว่า หรือเทคนิคที่ดีกว่า ถูกต้องที่ข้อต่อสะโพกของยาโคบขณะปล้ำสู้กัน จนข้อต่อสะโพกของยาโคบเคล็ด ภาษาไทยใช้คำว่า เคล็ด แต่จริงๆพระคัมภีร์บันทึกว่า ข้อต่อสะโพกเคลื่อนออกจากกัน นั่นคืออาการบาดเจ็บชนิดที่แสดงว่า แพ้แล้ว แต่ยาโคบก็มีทีเด็ดคือจับไม่ปล่อย แม้จะบาดเจ็บ และเป็นการบาดเจ็บที่ยาโคบน่าจะเริ่มตระหนักแล้วว่า บุรุษที่ยาโคบปล้ำสู้ด้วยนั้น ไม่ได้เป็นคนธรรมดา แต่น่าจะเป็นคนพิเศษ ที่มีกำลังมากกว่า เหนือกว่ายาโคบ มาถึงตรงนี้ มีการสนทนากันเกิดขึ้น ระหว่างคู่ต่อสู้ทั้งสอง บุรุษนั้นปล้ำสู้ก็จริง แต่ไม่ได้มีเป้าหมายทำอันตรายถึงชีวิต อาจเป็นสิ่งที่ยาโคบวิเคราะห์ได้แล้วว่า นี่คือบททดสอบของชีวิตเพื่อชนะความกลัวของตัวยาโคบนั่นเอง ยาโคบจึงขอให้บุรุษนั้นอวยพรเขา นี่คือมุมมองชีวิตของยาโคบที่น่าเลียนแบบ เขาคาดหวังพระพร และพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อเป็นพระพร ในขณะที่บาดเจ็บก็ยังเรียนรู้ให้เป็นพระพรได้ ในขณะปล้ำสู้ คู่ต่อสู้ก็เป็นพระพรได้ ขอให้เรามองย้อนกลับไปในช่วงเวลาตลอดปีที่ผ่านมา เราได้ผ่านการปล้ำสู้กับอะไรมาบ้าง ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ทำให้เราอยากปล่อยมือ หรือมุมมองที่จำกัด ทำให้เรามองเป็นอุปสรรค หรืออุปกรณ์ บทเรียนชีวิต ปี 2015 กำลังจะผ่านเราไปแล้ว พระเจ้าทรงเสด็จมาเยี่ยมเยียนเราในฐานะของอาคันตุกะ แปลกหน้า บางทีคือปัญหาใหม่ๆ ความรู้สึกกดดันบางอย่าง ที่ให้บทเรียนกับเราอะไรบ้าง เราคาดหวังแต่พระพรที่มาจากสิ่งที่ดีเท่านั้นหรือ เราได้รับพระพรจากสิ่งที่ไม่ดีบ้างไม๊
3.พระพรเปลี่ยนแปลงชีวิต ปฐมกาล 32:27-29
27 บุรุษผู้นั้นจึงถามยาโคบว่า “เจ้าชื่ออะไร” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ”28 บุรุษนั้นจึงว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอลเพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์ และได้ชัยชนะ”29 ยาโคบจึงถามบุรุษผู้นั้นว่า “ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร” แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น พระพรที่แท้จริง น่าจะมีเป้าหมายนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิต อย่างยาโคบ ได้ชื่อใหม่ว่า อิสราเอล แปลว่า สู้กับพระเจ้าและสู้กับมนุษย์ (ตัวเอง )และได้ชัยชนะ การปล้ำสู้กับบุรุษทำให้ยาโคบหันการจดจ่อจากความกลัวพี่ชาย มาสนใจที่จะเอาชนะการต่อสู้กับตัวเอง และคู่ต่อสู้ในปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้า ความกลัวพี่ชายคืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่การปล้ำสู้กับความกลัวของตัวเองคือปัจจุบัน พระเจ้าทรงเสด็จมาปล้ำสู้ด้วยเพื่อยาโคบจะสู้กับตัวเอง จนได้รับชัยชนะ นำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับชีวิต เมื่อยาโคบได้รับชัยชนะ ความสนใจของยาโคบอยู่ที่พระเจ้า ยาโคบถามชื่อบุรุษที่เปลี่ยนชื่อใหม่ให้กับเขา ในขณะที่บุรุษผู้นั้นบอกกับยาโคบแล้วว่า ผู้ที่เขาปล้ำสู้ด้วยทั้งคืน คือพระเจ้า และเมื่อยาโคบถามชื่อบุรุษนั้นว่าชื่ออะไร นั่นคือสิ่งที่บ่งชี้ว่า เมื่อยาโคบชนะในการต่อสู้กับตัวเอง ความสนใจของยาโคบจดจ่ออยู่ที่การจะได้รู้จักกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น คำถามจากบุรุษนั้นคือคำถามกระตุ้นความคิดของยาโคบ แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” คือคำถามที่ทำให้ยาโคบต้องหาคำตอบว่า อยากรู้จักชื่อไปทำไม ชื่อของพระเจ้าคือความเป็นพระเจ้าของพระองค์นั่นเอง เมื่อมาถึงตรงนี้ การอวยพรจากพระเจ้ามาถึงยาโคบ แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น พร้อมกับชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…กับความคาดหวังพระพร ควรจะมีเป้าหมายสูงสุดคือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ หน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ใช่ลด แต่เลิก ไม่ใช่พลาๆ แต่หยุดทำบาป หยุดทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับน้ำพระทัยพระเจ้า ชื่อยาโคบ แปลว่า หลอกลวง หลังจากการปล้ำสู้ และมีชัยชนะเหนือตัวเอง ไม่มียาโคบคนเดิมอีกต่อไป มีแต่อิสราเอล ชื่อใหม่ คนใหม่ที่พระเจ้าตั้งชื่อให้
4.อย่าคาดหวังแค่เศษพระพร ปฐมกาล 32:30-32
30 ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เปนีเอล กล่าวว่า “เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่”31 เมื่อยาโคบผ่านเปนูเอลดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เขาเดินโขยกเขยกเพราะเจ็บตะโพก32 เหตุฉะนี้คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็นที่ตะโพก ซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก สถานที่ที่ยาโคบตั้งชื่อว่า เปนีเอล มีความหมายต่อยาโคบ “เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่” เป็นการบอกว่า ต่อจากนี้ไป อิสราเอลคนใหม่ จะไม่กลัวที่จะปะหน้ากับพี่ชายที่น่ากลัวของเขาอีกต่อไป เพราะเขาได้เผชิญหน้ากับพระเจ้า แล้วเขาไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ จะมีอะไรที่น่ากลัวไปกว่านี้ ยาโคบ (อิสราเอล) สามารถควบคุมความกลัวของเขาได้แล้ว ต่อจากนี้ไป การคาดหวังพระพรของเขาไม่ได้มาจากความกลัว คนมากมายคาดหวังพระพร เพราะกลัวอด กลัวตาย กลัวสูญเสีย พระพรในความรู้สึกของเขา คือเครื่องมือที่เขาจะใช้ทำลายคำแช่งสาป สิ่งไม่ดีที่ศัตรูหยิบยื่นให้ แต่สำหรับคนที่มีประสบการณ์การได้พบกับพระเจ้า (บุรุษผู้ปล้ำสู้กับยาโคบ) และมีชัยชนะตนเอง เขาได้รับการอวยพร ที่ยิ่งใหญ่กว่าการคาดหวังพระพร (เศษพระพร) เพราะนั่นคือพระพรจาพระเจ้าผู้ทรงประทานพระพรเต็มๆให้กับผู้ที่แสวงหาและพบกับพระองค์ คำเชิญชวนของพระเยซูที่ว่า มัทธิว 16:24 24….“ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา นี่คือการปล้ำสู้ที่แท้จริงในชีวิตคริสเตียน พระเยซูไม่ได้เชิญชวนสั้นๆเท่านี้ พระองค์ยังกล่าวต่อไปอีกในข้อ 25-27 25 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา27 เหตุว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นจะประทานบำเหน็จให้ทุกคนตามการกระทำของตน
พระพรที่แท้จริง ก็คือการต่อสู้เพื่อจะได้ชีวิตที่แท้จริง พระพรไม่ใช่การได้ทรัพย์สิ่งของทั้งสิ้น แต่ต้องเสียชีวิต พระพรคือการนำไปสู่การรับบำเหน็จจากพระเจ้า จะสิ้นปี 2015 ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ขอให้ความจริงของพระเจ้าในเรื่องนี้ทำให้พี่น้องทุกท่านเป็นไทจากค่านิยมของโลกนี้ อาเมน
“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…กับความคาดหวังพระพร”
1.มีการปล้ำสู้ก่อนจะรับพระพร
2.บทเรียนชีวิตคือพระพร
3.พระพรเปลี่ยนแปลงชีวิต
4.อย่าคาดหวังแค่เศษพระพร