เรื่องสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์

พระคัมภีร์เอเฟซัส 4:17-19

ขอพระเจ้าทรงโปรดให้เราที่จะไม่ลืม ในขณะที่เราชื่นชมพระคุณของพระเจ้าที่เราได้รับมานั้น  ขอให้เราเรียนรู้ที่จะเชิดชูพระคุณให้คนอื่นๆได้เห็น เพื่อที่คนอื่นๆนั้นจะได้เชิดชูและชื่นชมพระคุณของพระเจ้าอย่างที่เราได้รับนั้นด้วยกัน  อย่าลืมว่า พระคุณของพระเจ้าที่เราชื่นชมนั้นจะไปถึงคนอื่นหรือไม่นั้นอยู่ที่เราเชิดชูพระคุณนั้นให้คนอื่นได้เห็นอย่างชัดเจน(ยกพระเยซูให้คนอื่นเห็นเห็นอย่างชัดเจน)

ในความไพบูลย์ของพระคริสต์ที่เราจะก้าวไปแสดงว่า วันนี้เรายังก้าวไปไม่ถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์  จนกว่าเราจะไปถึง  ถ้าเราอยากจะไปให้ถึงความไพบูลย์อย่าดำเนินชีวิตอย่างคนต่างชาติดำเนินกันอีกต่อไป  พระคัมภีร์ตอนนี้ชี้ให้เราเห็นว่า  เรายังไปไม่ถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์นั้นเป็นเรื่องของคริสเตียน และเรื่องความไพบูลย์นั้นเป็นความรับผิดชอบที่คริสเตียนทุกคนต้องช่วยกัน 2 ด้าน

1.รับผิดชอบต่อตัวเอง เพื่อพาตัวเองไปสู่เป้าหมายนั้น

2.รับผิดชอบต่อกันและกันในคริสตจักร เพื่อพาเราทั้งหมดไปด้วยกันสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์

ฉะนั้นเรื่องความไพบูลย์ของพระคริสต์นั้นเป็นเรื่องของคริสเตียนทุกคน  ขอให้สังเกตุดู 2 คำ

1.คำว่า”อย่า” อย่าดำเนินแบบเดียวกับคนต่างชาติ อ.เปาโลใช้คำว่า “อย่า” เป็นคำเตือนและปรามคริสเตียนทุกคน คำว่า”อย่า”ยังเป็นคำที่เปิดช่องให้เราเลือก  เราที่เป็นคริสเตียนถ้าเราอยากก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ สิ่งแรกที่เราต้องทำ คือ เอาชนะตัวเอง,อย่าตามใจตัวเอง,ให้ฝึกที่จะเอาชนะตัวเอง

2.คำว่า”อีกต่อไป” คำนี้แปลความว่า คุณกำลังทำอยู่,ให้เราหยุดได้แล้ว  เราที่เป็นคริสเตียนแล้วยังดำเนินชีวิตแบบเดิม  ถ้าคุณยังดำเนินตามแบบอย่างคนต่างชาติ  เมื่อคุณมาเป็นคริสเตียนคุณจะหนักกว่าคนต่างต่างชาติ  เพราะจะมีภาระเพิ่มมากขึ้น  ฉะนั้นการเป็นคริสเตียนของเราจะรู้สึกฝืดมากๆๆ(เรือบรรทุกเกลือในอดีต)

ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยให้เราเรียนรู้จริงๆว่า  เมื่อเราเข้ามาเป็นคริสเตียนสิ่งแรกที่เราต้องทำในพระคัมภีร์ได้บอกเราในพระธรรม 2 โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์  ผู้นั้นก็เป็นคนที่ที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดเก่าๆก็ล่วงไป นี่แนะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”  เราถูกสร้างใหม่เมื่อไหร่?  เราถูกสร้างใหม่ทันทีในพระคริสต์  ไม่ใช่ช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป  เพราะฉะนั้นเมื่อเราถูกสร้างใหม่แล้ว เราต้องหันออกจากวิถีเดิมๆที่เราเคยดำเนินทันที  แต่ปรากฏว่าพี่น้องคริสเตียนชาวเมืองเอเฟซัสไม่ได้เป็นอย่างนั้น  อ.เปาโลจึงบอกว่า นี่เป็นเรากำลังไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์  และการไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ไม่ใช่เรื่องตัวใครตัวมัน  แต่เป็นเรื่องของคนทั้งคริสตจักรไปด้วยกัน  ดังนั้น เราต้องร่วมมือกันไปด้วยกัน ทำอย่างนี้ คือ ทั้งกลุ่มเลยออกมาจากเส้นทางการดำเนินชีวิตเดิมๆ ออกมาให้หมดเลย ไม่ใช่ค่อยๆออกมา

เราจะไปสู่ความไพบูลย์ขอพระคริสต์ได้อย่างไร?

เอเฟซัส 2:2-3 “2.ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก  ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง  3.เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติเป็นพรรคพวกกับคนเหล่านั้น  ที่ประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนัง  คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อหนังและความคิดในใจ  ตามสันดานเราจึงเป็นคนควรแก่พระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่น”

ใครก็ตามที่ยังดำเนินชีวิตเหมือนอย่างก่อนที่จะมาเป็นคริสเตียน  ขอให้เลิกเถอะ  เพราะว่าปีนี้เรากำลังไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์  คุณต้องเลิกอย่างแน่นอน ถ้าต้องการอย่างนั้นจริงๆ  เพราะว่าความไพบูลย์ของพระคริสต์  คือ เป้าหมายของการเป็นคริสเตียน  วันนี้  ขอให้เราได้ยินเสียงของพระเจ้า  เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระธรรมเอเฟซัส 2:2-3  ทำให้เราเห็น

1.ดำเนินในการบาป

2.ดำเนินตามวิถีของโลก

3.ดำเนินตามเจ้าผู้ครอบครองแห่งย่านอากาศ  และที่จริงครอบคลุมทุกอย่าง คือ ดำเนินตามเนื้อหนัง

ขอพระเจ้าช่วยเราให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเมื่อก่อน  เราจะไม่เป็นอย่างนั้นอีก  ให้เราดำเนินชีวิตแบบใหม่  พระธรรมเอเฟซัส 4:17-18  ชี้ให้เราเห็นว่า คนต่างชาติอยู่นอกพระคริสต์  ส่วนคริสเตียนอยู่ในพระคริสต์  เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในพระคริสต์กับอยู่นอกพระคริสต์จึงต่างกัน   คนที่อยู่นอกพระคริสต์จะไม่มีการเสริมสร้าง  ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม  สิ่งที่เขาทำจะไปทำให้เนื้อหนังของเขา เบ่ง พองตัวบานขึ้นไป  ความยโสของเขาเพิ่มขึ้น  คนที่อยู่นอกพระคริสต์เขาจะเสริมอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้การยอมรับในสังคม   แต่คนที่อยู่ในพระคริสต์จะเสริมทุกอย่างที่ทำให้อยู่ในการยอมรับของพระเจ้า  เพราะฉะนั้นการเสริมของเราจึงเป็นการเสริมข้างใน  คนที่อยู่นอกพระคริสต์จะเสริมข้างนอกมี 3 ตัวใหญ่ๆ คือ เกียรติยศ,ชื่อเสียง/อำนาจ และก็ทรัพย์สินเงินทอง  ฉะนั้น  ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเข้าใจว่านั้นคือ  คนที่อยู่นอกพระคริสต์  แต่เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์

เอเฟซัส2:22”และในพระองค์นั้นท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย”  พวกท่านทุกด้วยกันถูกสร้างขึ้นมาให้เพื่อเป็นที่สถิตของพระวิญญาณองค์เดียวกัน  วันนี้เรากำลังดำเนินชีวิตเพื่อเสริมสร้างภายนอก หรือ กำลังดำเนินชีวิตเพื่อให้พระเจ้าเสริมสร้างภายใน  อ.เปาโลพูดไว้ในข้อที่18 บอกว่า ถ้าหากว่าเราดำเนินชีวิตชีวิตเหมือนอย่างคนต่างชาติ  สิ่งที่น่าสนใจ คือ เปิดเผยให้เห็นความจริงของความคิดจิตใจของคนที่ดำเนินชีวิตอย่างคนต่างชาติ  เพื่อที่จะให้คนยอมรับอย่างน้อยจะเห็นประเด็นใหญ่ๆอยู่ 6ประเด็น

1.ความคิดของเขามืดมน

2.เขากลายเป็นความมืด

3.เขาขาดชีวิตที่มาจากพระเจ้า

4.เพราะความไม่รู้เรื่องของพระเจ้า

5.ความแข็งกระด้างของจิตใจ

6.ไม่มีการเหนี่ยวรั้งตน

ในข้อที่ 18 บอกว่า “โดยที่ความคิดของเขามืดมนไป และเขาอยู่ห่างจากชีวิตซึ่งมาจากพระเจ้าเพราะเหตุความไม่รู้เท่าถึงการซึ่งอยู่ในตัวเขาอันเนื่องมาจากใจที่แข็งกระด้างของเขา”

อ.เปาโลใช้ 2 สำนวน 1.ความคิดของเขาถูกทำให้มืดมน  2. เมื่อเขาถูกทำให้มืดมนนานๆเข้าในที่สุดความคิดที่มืดมนเขากลายเป็นความมืด   เอเฟซัส5:8 “เพราะว่าเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง”  เมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นไม่ใช่มี ท่านกลายเป็นความมืดเอง  ฉะนั้นจะไปโทษใครไม่ได้แล้ว  เพราะในที่สุดคุณต่างหากที่เป็น  และไมใช่แค่เป็นอย่างเดียว คุณยังไปหลอกคนอื่นด้วย  ดังนั้นขอพระเจ้าช่วยเรา มันควรจะเป็นเมือก่อน แต่วันนี้อ.เปาโลบอกว่า เราเป็นลูกของความสว่าง ขอให้เราสำรวจตัวเองดูว่า ถ้าจะก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์  เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะอยู่นอกพระคริสต์  ถ้าเราอยู่ในพระคริสต์เราเป็นลูกของความสว่าง  แต่ถ้าเราอยู่นอกพระคริสต์เราเป็นความมืด,ความคิดมืด,สกปรก  ความมืดในพระคัมภีร์หมายถึง ความบาป,ความโง่,ไม่มีแสงสว่าง,ขาดความเข้าใจ  ความมืดมันคลุมพื้นที่หลายอย่างในชีวิตของเรา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับชีวิตด้านในและเริ่มต้นที่ความคิด  2 โครินธ์ 4:4-6 “4.ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้น พระของยุคนี้ได้กระทำให้ใจของเขาให้มืดไป เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ เรื่อพระสิริของพระคริสต์ผู้เป็นพระฉายของพระเจ้า 5.เราไม่ได้ประกาศตัวเราเอง แต่ได้ประกาศพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และประตัวเราเองเป็นทาสของท่านทั้งหลายเพราะเห็นแก่พระเยซู 6.เพราะว่าพระเจ้าองค์นั้นผู้ได้ตรัสสั่งให้ความสว่างออกมาจากความมืด ได้ทรงส่องสว่างเข้ามาในจิตใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ปรากฏในพระพักตร์ของพระคริสต์”

พระของยุคนี้ทำให้ความคิดของเรามืดไป และเมื่อความคิดของเรามืดไป เราไม่สามารถคำนวณคุณค่าของข่าวประเสริฐ,คุณค่าของพระเยซูคริสต์,คุณค่าของความสว่างของพระเยซูคริสต์ เราไม่สามารถคำนวณได้เลย เพราะฉะนั้นเราให้คุณค่าของข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ของการเป็นคริสเตียนเป็นศูนย์  และเราไปเห็นคุณค่าของสิ่งที่ไร้สาระ ใจเราไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ และเราไปคำนวณคุณค่าของสิ่งที่ไร้สาระนั้นเป็นบวก และเราก็ไปจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านั้น  เพราะความคิดของเขามืดและเขาเอาความสว่างของพระเยซูคริสต์ไปแลกกับสิ่งที่เป็นความมืดของเขา  และวันนี้เรากลับใจมาเป็นคริสเตียน เราเป็นเหมือนเขาไหม? ทำไมเรายังเป็นเหมือนเขา  เพราะเราเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อนและเรายังไม่ได้ก้าวออกมาจากเส้นทางการดำเนินชีวิตเส้นนั้นอย่างชัดเจน  เราเพียงแต่เพิ่มสิ่งที่เราจะทำเข้าไป  เพราะฉะนั้นจึงทำให้ความเป็นคริสเตียนของเราหนักมากๆๆเลย  เพราะต้องทำตามเส้นทางเดิมและยังบวกเส้นทางใหม่อีก  แต่ถ้าเราดำเนินตามเส้นทางใหม่ชีวิตคริสเตียนของเราคือ สบาย,หายเหนื่อย,เป็นสุข  ฉะนั้นขอพระเจ้าช่วยเราการก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์คือ ความสำเร็จของชีวิตที่แท้จริงในโลกนี้ และความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงในโลกหน้า .เขาขาดชีวิตที่มาจากพระเจ้า  คำว่า ไม่มีชีวิตไม่ได้หมายความว่า เขาพูดไม่ได้,ไม่มีลมหายใจ ไมใช่  เขายังมีชีวิตแต่เขาขาดชีวิตแบบพระเจ้าเขามีลมหายใจแต่ขาดชีวิตแบบพระเจ้าที่จะเป็นพรกับคนอื่น  ความรักแบบพระเจ้าเขาไม่มี เขามีแต่ความรักแบบคนทั่วๆไป เขามีอะไรต่ออะไรแบบคนทั่วๆไป  แต่เขาไม่มีแบบพระเจ้า  แต่เราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียนก็มีความรัก,เดิน,หายใจเหมือนกัน  แต่คนละแบบกัน  ดังนั้นขอพระเจ้าช่วยเราที่เขาขาดชีวิตแบบพระเจ้า ก็เพราะความไม่รู้ที่อยู่ในตัวและความแข็งกระด้างที่อยู่ในจิตใจ  .เพราะความไม่รู้เรื่องของพระเจ้า   จริงๆความรู้นี้ไม่ใช่รู้เรื่องของพระเจ้าเท่านั้นเอง  แต่ต้องรู้จนกระทั้งลึ้กซึ้งไปถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า  กิจการ22:14 “ท่านจึงกล่าวว่า”พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราของเราได้ทรงเลือกท่านไว้ ประสงค์จะให้ท่านรู้จักน้ำพระทัยของพระองค์ ให้ท่านเห็นพระองค์ผู้ชอบธรรม และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์” เพราะฉะนั้นตรงนี้เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษในพระคัมภีร์เดิมเป็นคนที่เลือกเรา  ทรงเลือกเราเพื่อที่เราจะได้รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า  รู้เรื่องของพระเจ้าไม่ใช่รู้แค่ว่า พระเยซูเกิดที่เบธเลเฮ็ม และพระเยซูตายที่ไม้กางเขน สามวันพระองค์ฟื้นคืนกลับมา และพระองค์กำลังจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์จะมารับ ไม่ใช่แค่นั้น?  พระเจ้าทรงเลือกท่านให้รู้จักพระทัยของพระองค์  ความไม่รู้ทำให้เขาดำเนินชีวิตแบบเดิม และวันนี้เรารู้ไหม? วันนี้พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยแบบไหน

เขาขาดชีวิตที่มาจากพระเจ้าที่เขาไม่รู้ ไม่มีอยู่ในตัวเขา ดังนั้นเมื่อเขาไม่รู้ใจของเขาแข็งกระด้าง แปลความว่า เขาไม่อยากรู้ เขารู้ว่าพระเจ้ามี,พระเจ้าดี,พระเจ้าโอเคสำหรับเขา แต่เนื่องจากใจแข็งกระด้าง เขาไม่อยากรู้   โรม1:28 “และเพราะเขาไม่เห็นสมควรที่จะรู้จักพระเจ้า พระองค์ทรงปล่อยให้เขามีใจชั่วและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม”   เขาแลกอะไรก็ได้  แต่ไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นอย่างที่พระเจ้าเป็นในชีวิตของเขา เพราะใจแข็งกระด้าง  ถ้าเราจะดื้อก็ดื้อเถอะ  เพราะมีวันเลิกเมื่อเราโตขึ้น ความดื้อของเราจะลดลง  แต่ถ้าคุณกระด้าง ไม่ลด  ใจที่แข็งกระด้างทำให้ชีวิตคนมืด,ความคิดมืด,ทุกๆอย่างมืด,และคุณจะตั้งใจว่า ไม่อยากรู้จักพระเจ้า,พระเจ้าไม่สำคัญ ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราอย่าให้มีใจแข็งกระด้างและใจแข็งกระด้างมาจากความไม่รู้

เขาไม่มีการเหนี่ยวรั้งตน และการเหนี่ยวรั้งตนเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์  กาลาเทีย 5:23 “ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” ถ้าเราจะเข้าสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ เราจะต้องรู้จักบังคับตนเอง,เหนี่ยวรั้งตน,ให้เราเรียนรู้จักยับยั้ง ชั่งใจ บังคับตัวเอง  และเมื่อเรามาถึงจุดนั้น เราจะเรียนรู้จักการดำเนินชีวิตตามอย่างในพระคัมภีร์เอเฟซัส5:15-17 และนี่เป็นคือบทสรุปของการดำเนินชีวิตที่จะไปสูความไพบูลย์ของพระคริสต์  เพราะฉะนั้นเราตัองดำเนินชีวิตให้เหมือนคนที่มีปัญญา  ไม่เหมือนคนโง่ เราเรียนรู้แล้วว่า การดำเนินแบบเดิมนั้นมันโง่มาก ,มันไร้สาระ,ไม่มีแก่นสารอะไรของชีวิต  วิธีคือในข้อที่17บอกว่า ให้เราเรียนรู้จักและเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า,เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า และน้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่ในหนังสือพระคัมภีร์,อ่าน,ใช้เวลากับพระคำของพระเจ้า แล้วเราทั้งหลายก็จะได้ไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ด้วยกัน,พร้อมๆกัน อาเมน

By admin