“สู่ความไพบูลย์ฯ…อยู่โดยพระนามของพระคริสต์”
พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย นอกจาพระองค์จะพิสูจน์ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแล้ว ถ้าคิดอย่างมนุษย์ก็คือ จบ แต่พระเยซูไม่ได้จบแค่ฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อให้คนบูชาพระองค์ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า แต่พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อจะให้ต่อ พระเยซูได้ให้ชีวิตเป็นค่าไถ่บาปมนุษย์แล้ว การตายบนไม้กางเขนของพระเยซู บาปจบแล้ว แต่การฟื้นขึ้นมาจากความตาย การมีชีวิตอยู่ของพระเยซู เป็นชีวิตนิรันดร์ ที่ไม่ตาย พระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเพื่อจะอยู่ในโลกนี้ พระเองค์มีเหตุผล ในการฟื้นขึ้นมาเพื่ออยู่ต่ออีกสักระยะหนึ่ง พระองค์ยังไม่จากไปทันที กิจการ 1:3-5 3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า “ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” ขณะนี้ มีภาพยนตร์คริสเตียนชื่อว่า Risen แปลว่า การเป็นขึ้นมาจากความตาย สร้างมาจากจดหมายของปอนตัส ปิลาตที่เขียนถึงเรื่องราวของพระศพของพระเยซูหายไป คาดว่าพวกสาวกของพระเยซูขโมยไปและออกข่าวลือว่า พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ดูแต่ตัวอย่าง แต่เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือการไล่ล่าหาพระศพของพระเยซูโดยทหารโรม และนายทหารโรมซึ่งเป็นหัวหน้าถูกมอบหมายให้ไล่ล่าหาพระศพของพระเยซู นี่คือภาพยนตร์ที่บอกว่า มุมมองของคนที่ไม่เชื่อเรื่องการฟื้นจากตายของพระเยซูในยุคนั้นเป็นอย่างไร ก็ไม่ต่างจากคนในยุคนี้ ที่ใช้ประสบการณ์ที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องการตายแล้วฟื้นเป็นหลักในการตามหาพระเยซู แต่ที่น่าสนใจคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างพล็อตเรื่องว่า นายทหารโรมคนนี้ตามหาพระศพของพระเยซู แต่กลับได้พบกับพระเยซูคริสต์ตัวเป็นๆ และได้เห็นการอัศจรรย์หลายอย่าง ยอห์น 20:30-31 30 พระเยซูได้ทรงกระทำหมายสำคัญอื่นๆ อีกหลายประการต่อหน้าสาวกเหล่านั้น ซึ่งไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้31 แต่การที่ได้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์ คำถามสำหรับเราในวันนี้ เรากำลังตามหาพระเยซูหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตาย หรือเรากำลังตามหาแค่พระศพของพระเยซูเท่านั้น ยอห์น 20:19-23 19 ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด”20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด23 ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้ใด ความผิดบาปนั้นก็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติดอยู่กับผู้ใด ความผิดบาปก็จะติดอยู่กับผู้นั้น” การฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูได้นำการเปลี่ยนแปลงวิถีและเป้าหมายการดำรงชีวิตของสาวกอย่างสิ้นเชิง พวกสาวกมีชีวิตอยู่โดยพระนามของพระเยซู ประการแรก
1.ด้วยสันติสุขใหม่ของพระเยซู ยอห์น 20:19-21
19 ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด”20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี 21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น พระคัมภีรตอนนี้บันทึกถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงปรากฏแก่สาวของพระองค์หลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พวกเหล่าสาวกกำลังซ่อนตัวด้วยความกลัว เพราะการตายของพระเยซู พวกสาวกกลัวตายอย่างพระเยซู นั่นคือพวกเขายังเชื่อในพระเยซู แต่เชื่อแบบกลัวๆ ไม่กล้าเปิดเผยความเชื่อของตนเอง ความเชื่อแบบกลัวๆนี้ เป็นความเชื่อที่ตายไปพร้อมกับพระเยซู ดูเหมือนบรรดาสาวกได้ฝังความเชื่อของตนเอไว้ในอุโมงค์พร้อมกับพระเยซูไปด้วย แต่อาการของสาวกในห้องที่พระเยซูมาพบกับพวกเขา แสดงให้เห็นว่า พวกสาวกยังไม่ฝังจริง พวกเขายังมีความเชื่อแบบกลัวๆอยู่ พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายและมาปรากฏกับพวกเขาเวลานั้น เพื่อจะฝังความเชื่อของบรรดาสาวกจริงๆ เพราะความเชื่อที่บรรดาสาวกมีอยู่ก่อนพระเยซูตายนั้น เป็นความเชื่อแบบกลัวๆ แบบไม่พร้อมเผชิญหน้ากับความตาย ความเชื่อแบบนี้ สมควรถูกฝัง ความเชื่อนี้ไปๆมาๆ เข้าๆออกๆ ไม่นิ่ง …พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” คำว่า “สันติสุข” แปลว่า เงียบ มีคำภาษาอังกฤษ พูดถึงความเงียบอย่างนี้ว่า Silence is not the absent of something but the presence of everything แปลว่า ควมเงียบไม่ได้หมายถึงบางสิ่งที่ได้หายไป แต่หมายถึงการยังอยู่ของทุกสิ่ง บ่อยครั้งที่เมื่อความกลัวครอบคลุมบรรยากาศ ทำให้จิตใจของคนไม่สามารถเงียบได้ มีแต่คำว่า กลัว และกลัว และการพูดกับตนเองด้วยจินตนาการมากมายถึงอนาคตที่น่ากลัว สาวกของพระเยซูในเวลานั้นก็กำลังปล่อยให้จิตนาการมากมายพูดกับตนเอง ถึงอนาคตที่น่ากลัว กลัวพวกยิวมาทำร้าย กลัวมีชะตากรรมอย่างพระเยซูคริสต์ 20 ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีความยินดี พระเยซูทรงนำสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้มาสู่สาวก โลกนี้ในเวลานั้นสำหรับสาวก ไม่สามารถปลอบประโลมหรือขจัดความกลัวไปได้เลย ดูเหมือนความกลัวจะเกินควบคุมเสียด้วยซ้ำ มีสิ่งเดียวที่จะขจัดความกลัวในเวลานั้นได้ คือต้องแก้ที่ต้นเหตุของความกลัว นั่นคือ สาวกต้องพบกับสิ่งที่ลบล้างข้อมูลเดิม คือพระเยซูตายไม่มีวันฟื้น พระเยซูเป็นของจริง ตัวเป็นๆ ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ด้วยการสัมผัสรอยแผลที่สีข้างถูกหอกแทง มือที่ถูกตะปูตอก แล้วสาวก็มีความยินดี ความกลัวหายไป เราทุกคนต้องพบกับพระเยซูของจริง ความกลัวของเราจะหายไป พระเยซูมีชื่อเรียกว่า Prince of peace เจ้าชายแห่งสันติสุข ใครที่พบกับพระองค์จะมีสันติสุข สันติสุขที่ทำให้ความกลัวหายไป นี่คือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของพระเยซู พระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อจะนำสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้มาสู่มวลมนุษยชาติ พระองค์ไม่เพียงไถ่บาป แต่พระองค์ฟื้นขึ้นมาให้สันติสุข เพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้ว่า ไม่มีอะไรที่น่ากลัว อย่าให้จินตนาการการหลอกลวงของจิตใจ และการโกหกของมารซาตานมารบกวนทำให้เรากลัวเกินเหตุ กระวนกระวายเกิน และเป็นทุกข์เกิน อย่าอยู่ด้วยความกลัว แต่อยู่ด้วยสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ ยอห์น14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย พระเยซูตรัสประโยคนี้ ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน และตาย เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ยังทำอย่างที่พูด และทำได้อย่างที่พูด ในสถานการณ์จริง 21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น สองครั้งที่พระเยซูได้พูดในเหตุการณ์การปรากฏตัวกับสาวกหลังฟื้นจากความตาย และย้ำว่า สาวกจะเป็นอย่างที่พระเยซูเป็น คือไปอย่างคนที่มีสันติสุข เป็นสันติสุข และให้สันติสุข เป็นผู้ที่พระเจ้าพระบิดาทรงใช้อย่างพระเยซู ต่อจากนี้ไป สาวกจะเกิดผล เพราะสาวกมีสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ สันติสุข ความนิ่งสงบ ความเงียบ จะทำให้มีสมาธิ และสามารถต่อสู้กับสิ่งรบกวนของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ จงอยู่โดยพระนามของพระคริสต์ ด้วยสันติสุขใหม่ของพระเยซู ภาษาอังกฤษอีกคำเกี่ยวกับความเงียบ A meaningful silence is better than a meaningless words แปลว่า การเงียบอย่างมีความหมายก็ดีกว่าคำพูดมากมายที่ไร้ความหมาย พระเยซูทรงนิ่งเหมือนกับแกะที่ถูกเอาไปฆ่า และพระองค์ก็ทรงมีชัยชนะบนไม้กางเขนอย่างสิ้นเชิง ประการที่สองของการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู เพื่อให้สาวกอยู่โดยพระองค์ด้วยลมหายใจใหม่ นั่นคือ
2.ด้วยลมหายใจฝ่ายวิญญาณ ยอห์น 20:22
”22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด
พระเยซูทรงเสด็จมาพบสาวกที่ห้องซ่อนตัว อาจจะเรียกว่าที่ลี้ลับ ที่เก็บตัวด้วยความกลัว ไม่เพียงพระองค์จะทำลายความกลัวด้วยการปรากฏพระองค์กับเหล่าสาวก พระเยซูยังได้ประทานลมหายใจของพระองค์ให้กับสาวกในตอนนี้ด้วย ลมหายใจ มีความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อไป นับจากวันนั้น เมื่อสาวกได้พบกับพระเยซู มีความยินดี หายกลัว สาวกต้องอยู่ต่อไป แต่มิใช่ด้วยลมหายใจอย่างมนุษย์ ที่มีความกลัวเข้าๆออก ไปๆมาๆ อีกต่อไป แต่สาวกต้องอยู่ด้วยลมหายใจใหม่ที่มีความสำคัญต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ นั่นคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า ลมหายใจ เป็นลมหายใจสำหรับจิตวิญญาณที่แท้จริง Ex. ลมหายใจของมนุษย์กำหนดจิตวิญญาณ หากร่างกายไม่สามารถที่จะมีลมหายใจต่อไปได้ จิตวิญญาณก็จะต้องตามไปด้วย คือแย่ไปหมด แต่หากชีวิตของมนุษย์ถูกกำหนดด้วยลมหายใจฝ่ายวิญญาณ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ร่างกาย สุขภาพ ของจิตใจก็จะดีขึ้นมา และแข็งแรง มีคำพูดถึงสุขภาพของคนที่เป็นมะเร็ง การต่อสู้กับมะเร็ง 80% คือจิตใจ จิตใจจะแข็งแรง คนนั้นต้องมีจิตวิญญาณที่แข็งแรง ผู้นำจิตวิญญาณที่แท้จริง ต้องให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำ มิใช่เนื้อหนังนำ อย่าอยู่ด้วยลมหายใจของร่างกายอย่างเดียว แต่จงอยู่ด้วยลมหายใจใหม่ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เพื่อให้ลมหายใจใหม่ เพื่อให้เราอยู่โดยลมหายใจใหม่ ยอห์น 16:13 13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
3.ด้วยสถานะใหม่เหนือความผิดบาป ยอห์น 20:23
23 ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้ใด ความผิดบาปนั้นก็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติดอยู่กับผู้ใด ความผิดบาปก็จะติดอยู่กับผู้นั้น” การฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู และปรากฏให้สาวกได้เห็นได้มีประสบการณ์ สัมผัสของจริง ตัวตนจริงของพระองค์ นอกจากจะขจัดความกลัว นำความชื่นชมยินดีมา ให้ลมหายใจใหม่แล้ว พระองค์ยังเปลี่ยนสถานะของสาวกใหม่ ให้อยู่ในสถานะใหม่ อยู่อย่างคนที่มีชัยชนะเหนือความบาป ไม่เพียงชนะบาป แต่ยังปลดปล่อยคน ให้คนหยุดทำบาปได้ นี่คือสำนวนของพระคัมภีร์ตอนนี้เรื่องการยกความผิดบาปออกจากคน หรือการให้ความผิดบาปติดอยู่กับคนนั้น ก็คือ การที่คนๆนั้นไม่ฟังคำเตือนคำสอนของสาวก และยังอยู่ในความผิดบาปต่อไป นั่นคือการพิพากษาของคนๆนั้นเอง การประกาศ การเตือน คือหน้าที่ และยังเป็นเหมือนคำพิพากษาด้วย เมื่อคนไม่ฟัง ไม่ยอมรับก็หมดหน้าที่ และคนที่ไม่ฟัง ไม่ตอบสนอง ก็จะไม่มีข้อแก้ตัวเมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ พิพากษาของพระเจ้าหลังความตาย ข้าพเจ้าไม่ได้ดูภาพยนต์เรื่อง เดอะรีซัน The Risen จนจบ แต่เดาเนื้อเรื่องได้ หากผู้สร้างภาพยนตร์ไม่บิดเบือนพระคัมภีร์ นั่นคือ ตอนจบ นายทหารโรมคนนี้ไม่สามารถปฏิเสธการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูได้ เมื่อเขาได้พบกับพระเยซูในสถานะใหม่ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจ นายทหารโรมคนนี้ต้องดำเนินชีวิตโดยพระนามของพระเยซู คือเป็นคริสเตียนที่มีสถานะใหม่เหนือความผิดบาป ด้วยลมหายใจใหม่ และไม่ใช่ด้วยความกลัวอำนาจของโรม คำสั่งให้ไล่ล่าการโกหกอีกต่อไป เพราะความจริง ไม่มีใครขโมยพระศพของพระเยซู จนถึงวันนี้ เราเชื่อว่า ไม่มีพระศพของพระเยซู เพราะพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย คริสเตียนที่กำลังเดินไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ จะอยู่โดยพระนามของพระคริสต์ มิใช่อยู่โดยค่านิยมของโลกนี้อีกต่อไป
“สู่ความไพบูลย์ฯ…อยู่โดยพระนามของพระคริสต์”
1.ด้วยสันติสุขใหม่ของพระเยซู
2.ด้วยลมหายใจฝ่ายวิญญาณ
3.ด้วยสถานะใหม่เหนือความผิดบาป