“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…ทรงลิด(กิ่ง)เพื่อให้ออกผลมากขึ้น”
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เรามักไม่อยากจะเผชิญ เราอยากหาโอกาสหลีกเลี่ยง บางคนกลัวเจ็บยิ่งกว่ากลัวตาย บางคนถึงขนาดคิดว่า ถ้าจะต้องตายก็ได้ แต่อย่าให้เจ็บ มันทรมาน จะไปก็ไปเลย ความคิดของคนเรามักจะสวนทางกับพระคัมภีร์ สำหรับแนวความคิดของพระคัมภีร์ จะเน้นให้ยอมเจ็บปวดดีกว่าตาย พระคัมภีร์มักใช้คำว่า ตีสอน เพื่อมิให้พินาศ (ตาย) สำหรับความหมายคำว่า ตายในพระคัมภีร์ เป็นเรื่องจริงจัง เพราะว่า ตายคือจบ ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีก แต่การเจ็บปวด คือ โอกาสของการได้แก้ไข ได้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และมักจะไปในทางที่ดีกว่าเดิม ดังนั้น ในเส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…จำเป็นที่จะพบกับการทรงลิด (กิ่งในชีวิต) เพื่อให้ออกผลมากขึ้น ถ้าคุณรู้สึกว่า คุณจะต้องเอาชนะตัวเองเรื่องอะไรบางอย่าง จงรู้เถิดว่า นี่คือการทรงลิดของพระเจ้า ถ้าคุณรู้สึกว่า ต้องมีวินัยมากขึ้น ต้องสะอาดมากขึ้น ต้องดีกว่าเดิมขึ้น ไม่ว่าจะคำพูด การกระทำ ความคิด อารมณ์ความรู้สึก จงรู้เถิดว่า คุณกำลังอยู่ในเส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์..(พระเจ้า) ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น ยอห์น 15:1-4 1 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา2 แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น3 ท่านทั้งหลายได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เราได้กล่าวแก่ท่าน4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ถ้าเราไม่ก้าวหน้า ก็คือ เรากำลังถอยหลัง ไม่มีคำว่า อยู่ที่เดิม เหมือนเดิม หรืออีกคำพูดหนึ่งที่มีความหมายคล้ายๆกันนี้ ก็คือ ชีวิตคือการเรียนรู้ตลอดเวลา โลกนี้คือโรงเรียน ถ้าเราไม่เรียนรู้ (มากขึ้น) เราก็กำลังตามไม่ทันการเรียนรู้ เท่ากับเรากำลังล้าหลัง
ดาเนียล 12:4 4 แต่ตัวเจ้าดาเนียลเอ๋ย จงปิดถ้อยคำเหล่านั้นไว้และประทับตราหนังสือนั้นเสียจนถึงวาระสุดท้าย คนเป็นอันมากจะวิ่งไปวิ่งมา และความรู้จะทวีขึ้น”
ดาเนียลได้เห็นนิมิต คือยุคของเรา คนจะไม่อยู่นิ่ง คนจะต้องเรียนรู้ และเรียนรู้ แม้กระทั่งคนของพระเจ้าก็ต้องเรียนรู้ จะอยู่นิ่งไม่ได้ และการเรียนรู้ที่สำคัญของทุกคน จะมีโอกาสเรียนหนังสือหรือไม่ได้เรียนหนังสือก็ตาม ต่างต้องเรียนรู้โรงเรียนชีวิตทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอายุน้อย หรืออายุมาก ต่างก็ต้องเรียนรู้ทั้งสิ้น การเรียนรู้ที่ว่านั้นคืออะไร ปัญญาจารย์ได้กล่าวเกี่ยวกับการเรียนรู้ไว้ในบทสุดท้ายว่า
ปัญญาจารย์ 12:12 12 และยิ่งกว่านั้นอีก บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด ซึ่งจะทำหนังสือมากก็ไม่มีสิ้นสุด และเรียนมากก็เหนื่อยเนื้อหนัง
ปัญญาจารย์กล่าวถึงการเรียนรู้ทางโลกนั้นทำให้เหนื่อยเนื้อหนัง แต่การเรียนในมิติของจิตวิญญาณนั้นต่างหากที่สำคัญ คำว่า จงรับคำตักเตือน รากศัพท์ภาษาฮีบรูตรงนี้แปลคำว่า ตักเตือน หมายถึงสิ่งที่ทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญา (Enlightenment) เพราะฉะนั้น การทรงลิดของพระเจ้าที่จะทำให้ชีวิตเกิดผลมาก นั่นคือ ชีวิตที่เกิดปัญญาเกิดความเข้าใจชีวิต ความกระจ่างชัดในมิติฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่การเกิดผลฝ่ายร่างกาย หรือเกิดผลทางทรัพย์สินเงินทอง การเกิดผลในมิติฝ่ายวิญญาณจะดับกิเลศตัณหา ลาภยศสรรเสริญได้อย่างแท้จริง ชีวิตจะสวยงามจากภายใน มิใช่การประดับจากภายนอก นี่ต่างหากที่หมายถึง ความดีงามทางจิตใจ วันนี้ ข้าพเจ้าเขียนสาส์นศิษยาภิบาลในหัวข้อที่ชื่อว่า “ยอดภูเขา…หรือหินโสโครก” ด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์สองร้อยปีที่แล้ว ของการสร้างประภาคารบนหินโสโครกที่ชื่อว่า เบลล์ร็อค ในประเทศสก๊อตแลนด์ หินโสโครกนี้ทำให้เรืออับปางมากมายบริเวณนั้น แต่เมื่อมีคนเชื่อว่า สามารถจะสร้างประภาคารบนหินโสโครกนี้ และเปลี่ยนมันให้เป็นประโยชน์ได้ มันได้กลายเป็นตำนานการช่วยชีวิตคนมายาวนาน ใครไปใครมาจะต้องไปเยี่ยมสถานที่นี้ กลายเป็นประภาคารที่มีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของการสร้างด้วยน้ำมือของมนุษย์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Industrial wonder แท้จริง หินโสโครกนี้ ก็คือยอดภูเขาที่มีน้ำปริ่มทำให้มองไม่เห็นยอดเขานี้ มันเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับการเดินเรือ โดยเฉพาะในเวลาที่น้ำขึ้น หรือคืนที่มีพายุ พระเยซูคริสต์ทรงสอนสาวกของพระองค์ตอนหนึ่งว่า
มัทธิว 5:14-16 14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
บทเรียนที่สำคัญของการที่เราจะต้องเรียนรู้การทรงลิดของพระเจ้าเพื่อให้เราเกิดผลมาก เปลี่ยนชีวิตของเราจากหินโสโครกกลายเป็นนครที่ตั้งอยู่บนภูเขา เป็นความสว่างที่ส่องสว่างให้กับโลกนี้ เส้นทางชีวิตของเรา เราจะต้องเจอกับการทรงลิดของพระเจ้าเพื่อเราจะเกิดผล….
1.เป็นแสงสว่างในที่สาธารณะ มัทธิว 5:14
14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
ที่มาของการลิดกิ่งของพระเจ้า เพื่อทำให้ชีวิตของเรา เป็นที่มองเห็นชัดมากขึ้น ต่อสาธารณชน มีคำภาษาอังกฤษคำหนึ่งที่ข้าพเจ้าชอบมาก คือคำว่า Transparency แปลว่า โปร่งใส คือชีวิตที่คนรอบข้างสามารถมองตัวเราได้ 360 องศา ไม่มีมุมซ่อนเร้นอีกต่อไป 1ยอห์น 1:5-7 5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย6 ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น การลิดบางสิ่งออกจากชีวิตของเรา ทำให้เราสวยงาม ในมุมมองของพระเจ้า แต่บางคนอาจอายและอยากซ่อนเร้นความบาปบางอย่างไว้
ในการทำบำบัดภายใน ข้าพเจ้ามักพบว่า เมื่อเรายอมเปิดชีวิตของเราให้พระเจ้าจัดการกับความบาปในชีวิตที่ซ่อนเร้นของเรา ศักยภาพที่ถูกกดอยู่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ชีวิตของคนที่รับการบำบัดภายต่างแปลกใจกับความสามารถของตนเองว่า เมื่อก่อนเขาทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ทำไมทำได้ และหลายอย่างไม่เคยทำ ก็สามารถทำได้ ความเป็นชีวิตสาธารณะต่อคนรอบข้างมีมากขึ้น ชีวิตที่ในอดีตเคยซ่อนตัวอยู่ในที่ส่วนตัว กลายเป็นชีวิตที่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ ในที่แจ้งแก่คนมากมาย จากคนที่มีอาณาเขตที่เรียกว่า เขตปลอดภัย Safety Zone กลายเป็นนครที่ตั้งอยู่บนภูเขาจริงๆ ไม่มีอะไรมาบดบังความเด่นชัดนั้นได้อีก เป็นชีวิตที่พร้อมเปิดให้คนได้สัมผัสชีวิตแห่งความสว่าง บาดแผลที่น่าเกลียดน่าอาย กลายเป็นสิ่งสวยงามที่ไม่อายที่จะโชว์มันแก่คนมากมาย From the scar to be the star (ซุปตาร์) คำพยานชีวิต ในอดีตที่น่ารังเกียจ กลายเป็นความสวยงาม กลายเป็นครั้งหนึ่งที่เคยทำบาป แต่เดี๋ยวนี้ เลิกทำแล้ว ครั้งหนึ่งเคยตาบอดแต่เดี๋ยวนี้มองเห็นแล้ว ครั้งหนึ่งเคยเป็นทาส ยาเสพติด เคยติดโน่นนี่นั่น เดี๋ยวนี้เป็นอดีตไปแล้ว เพราะวันนี้ ชีวิตมีความโปร่งใส จงดำเนินชีวิตให้มีความโปร่งใส มากขึ้น แล้วท่านจะไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ความกลัว เสียงฟ้องร้อง กล่าวโทษใดๆอีกต่อไป
โรม 8:33 33 ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว
จงเป็นนครที่ตั้งอยู่บนยอดเขา…อย่าเป็นหินโสโครกที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำอีกต่อไป (ซึ่งจะทำให้เรือชีวิตอับปาง)
2.เป็นแสงสว่างในครอบครัว มัทธิว 5:15
15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
การลิดกิ่งของพระเจ้าตามไปถึงในครัวเรือน ที่อยู่อาศัย กับคนที่เราอาศัยร่วมด้วย มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ไม่มีใครทำให้เราเจ็บปวดได้มากเท่ากับคนใกล้ตัว คนที่เรารัก นี่แหล่ะ คือการลิดของพระเจ้าที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด คือบทพิสูจน์ว่า เราเป็นตะเกียงที่จุดแล้วไม่เอาถังมาครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น คำว่า ทุกคน ไม่มียกเว้น ไม่เฉพาะบางคน ทุกคน เท่าเทียมกัน ไม่ว่าคนนั้น จะเป็นสามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูก พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา หลาน หรือใครๆที่อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน
ข้าพเจ้าเคยตอบคนที่มาบ่นกับข้าพเจ้าถึงคนในครอบครัวของเขาว่า เขาต้องทนมากกับคนๆนั้น ข้าพเจ้าตอบคนๆนั้นว่า เขาก็ต้องทนมากกับคุณเช่นกัน ลองหันมองดูตัวเองว่า มีอะไรที่คนอื่นต้องอดทนกับตนเองด้วยบ้าง ไม่เพียงเราถูกทำให้เจ็บปวด แต่บางทีเราอาจกำลังทำให้คนอื่นเจ็บปวดอยู่ด้วยก็ได้ ขอให้เรามองว่านี่คือการทรงลิดเพื่อให้เราจัดการกับพฤติกรรม คำพูด ท่าทีที่มีต่อคนอื่น ต่อตัวเอง และต่อพระเจ้าอย่างเหมาะสม งดงามขึ้น ทั้งด้านอารมณ์ ความคิด และจิตใจ ขอให้เราสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดที่ต้องอยู่กับคนที่ทำให้เราเจ็บปวด จนเมื่อการทรงลิดของพระเจ้าสำเร็จ เราจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ถ้าเป็นแสงสว่างในครอบครัว เราจะมองเห็นชีวิตในมุมที่สวยงามมากขึ้น มองเห็นคนที่น่าเกลียดกลายเป็นคนที่น่ารักได้ ตราบใดที่เรายังเจ็บปวดกับคนที่ไม่น่ารัก เราจะมองเห็นความน่าเกลียดในคนๆนั้น นั่นเพราะเราเอาถังมาครอบตะเกียงชีวิตของเราให้มองไม่เห็นความจริงในอีกมุมหนึ่ง การเป็นตะเกียงส่องในบ้าน ข้าพเจ้าเข้าใจว่า คือการส่องให้เห็นความน่ารักของคนอื่น ส่องให้เห็นจุดที่หายไป และนำกลับมาใหม่ เหมือนคนที่เหรียญหายไปหนึ่งเหรียญ น่าสนใจมาก ทำไมพระเยซูจึงเปรียบเทียบเรื่องเหรียญหายแล้วพบแล้วมีความชื่นชมยินดีขนาดเรียกเพื่อนบ้านมาร่วมจัดงานเลี้ยงฉลอง
ลูกา 15:8-10 8 “หญิงคนใดที่มีเหรียญเงินสิบเหรียญ และเหรียญหนึ่งหายไป จะไม่จุดตะเกียงกวาดเรือนค้นหาให้ละเอียดจนกว่าจะพบหรือ9 เมื่อพบแล้วจึงเชิญเหล่ามิตรสหาย และเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า ‘จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบเหรียญเงินที่หายไปนั้นแล้ว’10 เช่นนั้นแหละ เราบอกท่านทั้งหลายว่าจะมีความปรีดีในพวกทูตของพระเจ้า เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่”
เหรียญที่พระเยซูทรงตรัสสอนนี้ คือเหรียญที่เรียกว่า แดรชม่า Drasma เป็นเหรียญสะสมหายาก มีความสวยงามมาก และมีค่ามาก เข้าใจว่า ในการสะสม หรือชุดของเหรียญนี้ มีจำนวนสิบเหรียญ ประเมินค่ามิได้ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ คือไม่ยอมขาย และเมื่อเหรียญหายไปหนึ่งเหรียญ เจ้าของต้องหาให้เจอ และที่น่าสนใจ พระเยซูใช้คำว่า จุดตะเกียงหา ทุกซอกมุมที่จะซ่อนได้ต้องหาให้พบ พระเยซูทรงเปรียบเทียบเหมือนกับการหาคนบาป (คนที่ดำเนินชีวิตที่ไม่ตรงกับน้ำพระทัยพระเจ้า) คนนั้นไม่ใช่แค่คนข้างนอก แต่อาจเป็นคนในบ้านเราด้วย คนใกล้ตัวเรา หากในมุมของชีวิตของคนๆนั้นไม่ตรงกันน้ำพระทัยพระเจ้า เราต้องจุดตะเกียงหาจุดที่จะทำให้เขาอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า นั่นคือ การส่องสว่างให้คนกลับใจใหม่ คำว่า กวาดให้ละเอียด หาให้ทั่ว นั่นคือการใส่ใจกับคน เพื่อให้คนกลับใจ อ.เปาโลใช้สำนวนว่า
โรม 12:20-21 20 อย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา21 อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
สำนวนคำว่า สุมถ่านเพลิง คือทำให้คนกลับใจ ด้วยการสำนึกได้ด้วยตนเอง เพราะในสมัยโบราณ คนที่สำนึกว่าตนเองทำผิด จะเอากระถางมีถ่านติดไฟวางไว้บนหัวทูนเอาไว้และเดินไปรอบเมือง และตะโกนว่า ข้าพเจ้าทำบาป ข้าพเจ้าทำผิดเอง แสดงถึงการกลับใจใหม่ จงเชื่อว่าในคนๆใดก็ตาม ยอมมีมุมของการกลับใจใหม่ได้เสมอ เมื่อคนๆนั้นได้พบความจริงของพระเยซูคริสต์เจ้า เขาอาจจะถูกพันธนาการไว้ด้วยอะไรบางอย่าง (มุมที่ซ่อนเขาจากความจริง ) ดังนั้น แสงสว่างในครัวเรือนในชีวิตของเรามีความสำคัญมาก จงหาความน่ารักที่หายไป จงหาความสวยงามของชีวิตทุกคนที่หายไป สามีบางคนอาจบ่นว่าภรรยาที่เมื่อก่อนน้ารัก ความน่ารักหายไปไหน จงจุดตะเกียงชีวิตของตนเองและมองหาความสวยงามของคนในบ้าน แล้วเราจะพบ เหมือนกับความเหรียญที่สวยงามหายไป เมื่อหาพบ ก็เรื่องน่ายินดีอย่างมาก ความสวยงามกลับมาอีกครั้ง
3. เป็นแสงสว่างแท้ มัทธิว5:16
16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
ในบทนี้ พระเยซูย้ำถึงความเป็นตะเกียง คืออุปกรณ์ส่องสว่าง ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ส่องสว่าง ตัวของตะเกียงเองไม่ได้รับการชื่นชม แต่ความสว่างของตะเกียงได้ทำให้คนมองเห็นสิ่งที่น่าชื่นชม นั่นคือได้มองเห็นพระเจ้า ความสว่างถูกเปรียบเทียบกับความดี เป้าหมายของการทำดี มิใช่เพื่อตนเองเป็นที่ชื่นชมชื่นชอบ เป็นการทำดีโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน เป็นธรรมชาติของชีวิตที่คู่กับการทำดีออกมาจากชีวิตใหม่ที่พระเจ้าทรงประทานให้ ไม่เสียใจเมื่อคนไม่ชม ไม่ผิดหวังเมื่อทำดีไม่ได้ดี แม้คนจะมองไม่เห็นความดีที่ทำ ก็ไม่หยุดที่จะทำดี มีการพัฒนาการชีวิตคู่กับการทำดีให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการดี มีศิลปะในการทำดี ทำดีด้วยสติปัญญา และเข้าถึงความต้องการของคนที่ต้องการการทำดีจากตนเอง นี่คือธรรมชาติของการส่องสว่าง (ทำดี) นี่คือการลิดกิ่งของพระเจ้าในเส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…เราจะพบกับการทรงลิดตลอดเวลา…ให้เราสำรวจชีวิตของตนเองตลอดเวลา
“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…ทรงลิด(กิ่ง)เพื่อให้ออกผลมากขึ้น”
1.เป็นแสงสว่างในที่สาธารณะ
2.เป็นแสงสว่างในครอบครัว
3.เป็นแสงสว่างแท้