“เส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์….ต้องมีกำลังและฤทธิ์เดช”

เมื่อวานข้าพเจ้ามีจังหวะเข้าไปในห้องนอนของน้า เลยได้ดูทีวีการสัมภาษณ์โค้ชของน้องเมย์ รัชนก นักแบดมินตัน มือหนึ่งของโลก ที่กำลังดังในเวลานี้ โค้ชได้กล่าวถึงพื้นฐานที่ดีของน้องเมย์ก็คือ กำลังที่ดี  กำลังที่ดีเหมาะสำหรับการแข่งขันหรือต่อสู้กับคู่แข่งได้นาน อึด และการมีกำลังสำหรับการฝึกซ้อมที่หนักได้ และเป็นที่มาของการได้ชัยชนะ เป็นบทเรียนที่สามารถนำมาประยุกต์กับเราทั้งหลาย  ข้าพเจ้าคิดถึง เรื่องกำลังร่างกาย กำลังของจิตใจ และกำลังของจิตวิญญาณ ซึ่งหากเราไม่มีกำลัง เราจะไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ เส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…ต้องมีกำลังที่จะเดินไปให้ถึงสุดทาง ทั้งกำลังใจ กำลังกาย กำลังฝ่ายวิญญาณ และยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญ ก็คือ ฤทธิ์เดชที่มาจากพระเจ้า เพื่อต่อสู้ขับไล่ศัตรูคือมารซาตานให้ออกไปจากชีวิตของเรา เพราะว่า โลกนี้มีมาร  มารแปลว่า ผู้ขัดขวาง ปฏิปักษ์ เป้าหมายของมารคือมารต้องการให้มนุษย์ไปถึงปลายทางอย่างเดียวกันกับมาร ก็คืออยู่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า อยู่ตรงกันข้ามกับความดี อยู่ตรงกันข้ามกับความสว่าง มารต้องการให้มนุษย์อยู่ในความมืด  มารต้องการทำลายมนุษย์  มารเป็นเจ้าโลก มันมีอานุภาพเหนือคนที่อาศัยอยู่ในโลก 1ยอห์น 5:19-20 19 เรา​ทั้ง​หลาย​รู้​ว่า​เรา​เกิด​จาก​พระ​เจ้า และ​ชาวโลก​ทั้งสิ้น​อยู่​ใต้​อานุภาพ​ของ​มาร​ร้าย 20 และ​เรา​ทั้ง​หลาย​รู้​ว่า ​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​เสด็จ​มา​แล้ว และ​ได้​ทรง​ประทาน​สติปัญญา​ให้​เรา เพื่อให้​เรา​รู้จัก​พระ​เจ้า​แท้ และ​เรา​อยู่​ใน​พระ​เจ้า​แท้​นั้น​โดย​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ นี่​แหละ​เป็น​พระ​เจ้า​แท้​และ​เป็น​ชีวิต​นิรันดร์​  คำว่า อยู่ภายใต้อานุภาพของมารร้าย หมายถึงการถูกปิดบังมิให้รู้จักพระเจ้าแท้ มิให้พบกับแสงสว่างแท้  ในพระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวว่า คนที่เกิดจากพระเจ้าเท่านั้นจึงจะรู้จักพระเจ้าได้ ในหนังสือโครินธ์ก็ได้กล่าวถึงปัญญาของมนุษย์ไม่สามารถจะรู้จักพระเจ้าได้ คนที่เกิดจากพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณจึงจะสามารถวินิจฉัยสิ่งสารพัดที่มาจากพระเจ้าได้  เมื่อก่อนเราไม่รู้จักพระเจ้า แต่เมื่อเราได้บังเกิดใหม่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์  ชีวิตที่บังเกิดใหม่โดยฤทธิ์เดชของกางเขนได้ทำลายอิทธิพลของมารที่อยู่เหนือเรา พระเยซูทรงใช้คำว่า ผู้มีกำลังมากกว่า ได้จับผู้มีกำลังมัดไว้ คือภาพของการต่อสู้ในมิติฝ่ายวิญญาณ  ที่มารซาตานได้ควบคุมมนุษย์ในโลกนี้ไว้ ที่เห็นชัดก็คือคนที่ถูกผีเข้า

ลูกา 11:20-22  20 แต่​ถ้า​เรา​ขับ​ผี​ออก​ด้วย​นิ้ว​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​เจ้า แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า​ก็​มา​ถึง​พวก​ท่าน​แล้ว21 เมื่อ​คน​ที่​มี​กำ​ลัง​ถือ​อา​วุธ​เฝ้า​ตึก​ของ​ตน​อยู่ สิ่ง​ของ​ของ​เขา​ก็​ปลอด​ภัย22 แต่​เมื่อ​คน​ที่​มี​กำ​ลัง​มาก​กว่า​มา​ต่อ​สู้​เอา​ชนะ​เขา คน​นั้น​ก็​ชิง​เอา​อา​วุธ​ยุทธ​ภัณฑ์​ที่​เขา​วาง​ใจ​นั้น​ไป​เสีย แล้ว​เอา​สิ่ง​ของ​ที่​ริบ​มา​ได้​นั้น​มา​แบ่ง​สรร​ปัน​ส่วน 

โลกนี้มีมาร บ่อยครั้งที่เราดำเนินชีวิตในโลกนี้จนลืมว่า โลกนี้มีมาร คริสเตียนควรตระหนักรู้ว่าโลกนี้มีมาร และควรรู้ว่ามารซาตานมีอำนาจจำกัด และการปรากฏตัวของมาร ทำได้ในแต่ละสถานที่เป็นครั้งๆ เป็นแห่งๆ มารไม่สามารถปรากฏตัวได้ทีเดียวหลายสถานที่ นั่นหมายความว่า ถ้ามารมันอยู่ที่นี่ มันจะไม่สามารถอยู่ที่โน่นในเวลาเดียวกัน ถ้ามารมันมาอยู่ที่นี่ แสดงว่า มันต้องทิ้งงานอื่นของมันมาง่วนอยู่กับเรา  แต่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า พระเยซูทรงอยู่กับคริสตจักรในทุกแห่งได้ในเวลาเดียวกัน ทั่วโลก

เอเฟซัส 1:22-23  22 ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ปราบ​สิ่ง​สารพัด​ลง​ไว้​ใต้​พระ​บาท​ของ​พระ​คริสต์​ และ​ได้​ทรง​ตั้ง​พระ​องค์​ไว้​เป็น​ประมุข​เหนือ​สิ่ง​สารพัด​แห่ง​คริสตจักร​23 ซึ่ง​เป็น​พระ​กาย​ของ​พระ​องค์ คือ​ซึ่ง​เต็ม​บริบูรณ์​ด้วย​พระ​องค์ ผู้​ทรง​อยู่​เต็ม​ทุก​อย่าง​ทุก​แห่ง​หน​ 

ซึ่งมารทำไม่ได้ และมารทำได้คือวางสมุนมากมายไว้ตามที่ต่างๆและกำหนดงานให้สมุนของมันทำหน้าที่แทนในพื้นที่เหล่านั้น  นี่คือคำว่า อานุภาพของมารร้ายผ่านสมุนของมาร ที่จำกัด และการต่อสู้นี้เราคิดว่า เราสามารถชนะมารได้ไม่ยาก

มาระโก 1:23-28  23 ​ใน​ทันใด​นั้น มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ธรรม​ศาลา​ของ​เขา​มี​ผี​โสโครก​เข้า​สิง​24 มัน​ร้อง​อึง​ว่า “​พระ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ ท่าน​มา​ยุ่ง​กับ​เรา​ทำไม ท่าน​มา​ทำลาย​พวก​เรา​หรือ เรา​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้ใด ท่าน​คือ​องค์​บริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า”25 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​ห้าม​มัน​ว่า “จง​นิ่ง​เสีย ออกมา​จาก​เขา​ซิ”26 และ​เมื่อ​ผี​โสโครก​ทำ​ให้​คน​นั้น​ชัก​และ​ร้อง​เสียง​ดัง แล้ว​มัน​ก็​ออกมา​จาก​เขา​27 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​ประหลาด​ใจ​นัก​จึง​ถาม​กัน​ว่า “การ​นี้​เป็น​อย่างไร​หนอ​เป็น​คำ​สั่ง​สอน​ใหม่​แน่ ท่าน​สั่ง​ผี​โสโครก​ด้วย​สิทธิอำนาจ​และ​มัน​จำต้อง​ฟัง”28 ​ใน​ขณะ​นั้น​กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​ได้​เลื่อง​ลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​กาลิลี​ 

ผีที่อยู่ในคนมันรู้ว่า พระเยซูเป็นใคร  และพระเยซูทรงรู้ด้วยว่า พระองค์มีอำนาจขนาดไหน และพระเยซูได้สัญญาว่าพระองค์จะอยู่กับผู้เชื่อ  ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ก็อยู่กับผู้เชื่อด้วย

มัทธิว 28:18-20 18 ​พระ​เยซู​จึง​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ฤทธานุภาพ​ทั้งสิ้น​ใน​สวรรค์​ก็​ดี ใน​แผ่นดิน​โลก​ก็​ดี​ทรง​มอบ​ไว้​แก่​เรา​แล้ว​19 เหตุ​ฉะนั้น​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ชาติ ให้​เป็น​สาวก​ของ​เรา ให้​รับ​บัพติศมา​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​บิดา ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​20 สอน​เขา​ให้​ถือ​รักษา​สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​พวก​เจ้า​ไว้ นี่​แหละ​เรา​จะ​อยู่​กับ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เสมอ​ไป จนกว่า​จะ​สิ้น​ยุค”

นี่คือที่มาของคำหนุนใจคริสเตียนที่เอเฟซัส  เมืองที่เต็มไปด้วยรูปเคารพ และการเล่นไสยศาสตร์มากมาย สงครามฝ่ายวิญญาณนี้ไม่ได้ต่อสู้กับระดับผีที่อยู่ในคนเท่านั้น แต่ยังต่อสู้กับระดับนคร เมืองด้วย

เอเฟซัส 6:11-13  10 สุดท้าย​นี้​ขอ​ท่าน​จง​มี​กำลัง​ขึ้น​ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ใน​ฤทธิ์​เดช​อัน​มหันต์​ของ​พระ​องค์​11 จง​สวม​ยุทธภัณฑ์​ทั้ง​ชุด​ของ​พระ​เจ้า เพื่อ​จะ​ต่อต้าน​ยุทธ​อุบาย​ของ​พญา​มาร​ได้​12 เพราะ​ว่า​เรา​ไม่ได้​ต่อสู้​กับ​เนื้อ​หนัง​และ​เลือด แต่​ต่อสู้​กับ​เทพ​ผู้​ครอง ศักดิ​เทพ เทพ​ผู้​ครอง​พิภพ​ใน​โมหะ​ความ​มืด​แห่ง​โลก​นี้ ต่อสู้​กับ​เหล่า​วิญญาณ​ที่​ชั่ว​ใน​สถาน​ฟ้า​อากาศ​13 เหตุ​ฉะนั้น​จง​รับ​ยุทธภัณฑ์​ทั้ง​ชุด​ของ​พระ​เจ้า​ไว้ เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ต่อต้าน​ใน​วัน​อัน​ชั่ว​ร้าย​นั้น และ​เมื่อ​เสร็จ​แล้ว​จะ​อยู่​อย่าง​มั่นคง​ได้​

เราจะเห็นการวางลำดับชั้นของบริวารของมารตั้งแต่ระดับภาคพื้นดิน คือวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ จนถึงระดับอาณาจักร  เราอยู่ในกรุงเทพที่มีการเรียกชื่อลำดับชั้นต่างๆของสิ่งที่คนกราบไหว้บูชา นี่คือการวางลำดับชั้นการควบคุมความเชื่อของคนในเมือง ในประเทศของเรา เราไม่ได้อยู่ในบ้านนี้ เมืองนี้อย่างสงบ เพราะมารมีสมุนของมันเต็มไปหมด ดังนั้น เส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ ไม่ใช่เส้นทางที่โลกสวยอย่างที่เราคิด และจินตนาการ  เพราะว่า มารจะขัดขวาง ต่อต้าน ไม่ให้คริสเตียนไปถึงพระเจ้า  มารต้องการขยายอาณาเขตการครอบครองของมันเข้ามาในชีวิตคริสเตียน แน่นอน มารโกรธที่มันสูญเสียอาณาเขตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมันไป เมื่อคนๆหนี่งกลับใจใหม่ เลิกทำบาป เลิกเป็นทาสของมาร  มารต้องการจะยึดพื้นที่ของมันคืน นี่คือสงครามที่พระคัมภีร์เอเฟซัสได้พูดถึง  เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน เราไม่ได้ต่อสู้กับเลือดและเนื้ออีกต่อไป แต่เรากำลังต่อสู้เหล่าสมุนของมารในพื้นที่ที่เราอยู่  แม้เราจะไม่ต่อสู้ แต่ศัตรูคือมารซาตานกำลังต่อสู้กับเรา และวนเวียนอยู่รอบๆเรา

1ปต. 5:8 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​สงบ​ใจ​จง​ระวัง​ระไว​ให้​ดี ด้วย​ว่า​ศัตรู​ของ​ท่าน​คือ​มาร​วนเวียน​อยู่​รอบๆ ดุจ​สิงห์​คำราม​เที่ยว​ไป​เสาะหา​คน​ที่​มัน​จะ​กัด​กิน​ได้​

นี่คืออีกภาพที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงว่า มารต้องการเอาคืน และมันจะวนเวียนรอคอยว่าคริสเตียน (ฟังดีๆ  เฉพาะคริสเตียน) เมื่อไรจะอ่อนแอ  คนที่อ่อนแอคือคนที่มารจะกัดกินได้   ข้าพเจ้าเคยให้พี่น้องมองเห็นภาพของฝูงกระทิงผู้ใหญ่ที่คอยห้อมล้อมกระทิงเด็ก ที่อ่อนแอ ให้ปลอดภัยจากการโจมตีทำร้ายของสิงโต หรือสัตว์นักล่าอื่นๆ   นี่คือภาพที่บอกกับเรา  ในบางครั้งที่เราอ่อนแอ และเรายังปลอดภัยอยู่ก็เพราะเราอยู่ในวงล้อมของคริสเตียนที่ทำหน้าที่ทหารฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าเขียนในสาส์นศิษยาภิบาลวันนี้ ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงคริสเตียนทำหน้าที่ทหารของพระคริสต์ด้วยการประจำการในการอธิษฐาน การอธิษฐานคืออาวุธอันทรงอานุภาพ และมารกลัวคริสเตียนที่อธิษฐาน โดยเฉพาะคริสเตียนที่อธิษฐานประจำ ในชีวิตที่มีการอธิษฐานตลอดเวลา การอธิษฐานทำให้เรามีกำลัง มีฤทธิ์เดช พระเยซูทรงอธิษฐานทุกเวลา เมื่อพระองค์มีโอกาส และว่างเว้นจากการทำพันธกิจ พระเยซูอธิษฐาน ทั้งเช้า  ทั้งในเวลากลางคืน  นี่คือแหล่งกำเนิดแห่งกำลังและฤทธิ์เดช   และอ.เปาโลผู้เขียนหนังสือเอเฟซัสได้ปิดท้ายด้วยการบ่งชี้ที่สำคัญคือ คริสเตียนทุกคนที่กำลังเดินในเส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์….ต้องมีกำลังและฤทธิ์เดช มิฉะนั้น ไปไม่ถึงเป้าหมายแน่นอน เพราะว่า มารจะขัดขวาง ด้วยการเข้ายึดครองพื้นที่ในชีวิตของคนๆนั้น ซึ่งจุดเปราะบางของคริสตจักร ก็คือ บาป   ความวิตกกังวล และป้อมค่ายความคิดจอมปลอม  เราจะมาดูว่า เราจะป้องกันจุดอ่อนแอนี้ได้อย่างไร  จากคำแนะนำของหนังสือเอเฟซัสเรื่องยุทธภัณฑ์ทั้งชุด

เอเฟซัส 6:14-16  14 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​จง​มั่นคง เอา​ความ​จริง​คาด​เอว เอา​ความ​ชอบธรรม​เป็น​ทับ​ทรวง​เครื่อง​ป้องกัน​อก15 และ​เอา​ข่าว​ประเสริฐ​แห่ง​สันติ​สุข ซึ่ง​เป็น​เหตุ​ให้​เกิด​ความ​พรั่ง​พร้อม​มา​สวม​เป็น​รองเท้า16 และ​พร้อม​กับ​สิ่ง​ทั้งหมด​นี้ จง​เอา​ความ​เชื่อ​เป็น​โล่ ด้วย​โล่​นั้น​ท่าน​จะ​ได้​ดับ​ลูกศร​เพลิง​ของ​พญา​มาร​เสีย​17 จง​เอา​ความ​รอด​เป็น​หมวก​เหล็ก​ป้องกัน​ศีรษะ และ​จง​ถือ​พระ​แสง​ของ​พระ​วิญญาณ คือ ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ 

ดูเหมือนว่า ผู้เขียนหนังเอเฟซัสกำลังให้เรามองเห็นการมาคู่กันของการมีกำลังและฤทธิ์เดช  สำหรับคนที่สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุด มิใช่สวมยุทธภัณฑ์แต่ขาดกำลังขาดฤทธิ์เดช หรือมีกำลังฤทธิ์เดชในขณะที่ไม่มีเครื่องป้องกัน  หรืออาจให้เราได้มองเห็นภาพว่า  ยุทธภัณท์ทั้งชุดนี้ ทำให้กำลังและฤทธิ์เดชสามารถทำงานในผู้ที่สวมยุทธภัณฑ์นี้  กำลังและฤทธิ์เดชนี้มาจากพระเจ้า แต่กำลังและฤทธิ์เดชนี้จะทำงานในเราได้อย่างไร คำตอบน่าจะอยู่ที่การสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุด  ซึ่งทำหน้าที่ป้องกัน…..

1.ป้องกันการกระทำ  เอเฟซัส 6:14-15

14 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​จง​มั่นคง เอา​ความ​จริง​คาด​เอว เอา​ความ​ชอบธรรม​เป็น​ทับ​ทรวง​เครื่อง​ป้องกัน​อก15 และ​เอา​ข่าว​ประเสริฐ​แห่ง​สันติ​สุข ซึ่ง​เป็น​เหตุ​ให้​เกิด​ความ​พรั่ง​พร้อม​มา​สวม​เป็น​รองเท้า

มีสำนวนที่เรามักได้ยินการตัดสินคนที่การกระทำ ด้วยคำว่า กรรมส่อเจตนา  แปลว่า การกระทำใดๆก็ตาม คือการสื่อสารสิ่งที่ออกมาจากใจ  น่าสนใจที่ผู้เขียนเอเฟซัสได้ยกการเปรียบเทียบสามอย่างในที่นี้ คือ

1.1   ความจริง เป็นเหมือนเข็มขัดคาดเอว สิ่งที่ทำให้นักยกน้ำหนัก ยืนได้อย่างมั่นคง คือเข็มขัด ความจริงทำให้เราสามารถรับน้ำหนักของชีวิต  น้ำหนักคือแรงกดดันของชีวิต มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า แรงกดดันทำให้เราเติบโต  ความจริงช่วยให้สามารถแบกรับแรงกดดันของชีวิตได้อย่างไร อยากให้เราดูตรงกันข้าม หากเราดำเนินชีวิตในการโกหก หลอกลวง เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมาก เราจะหลุด เราจะไม่สามารถเป็นคนที่ไม่ใช่เราอีกต่อไปได้ อย่างเช่น เราพยายามที่จะเป็นคนดีเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ  เราควบคุมอารมณ์ของตนเองในระดับหนึ่ง แต่เมื่อแรงกดดันมากๆ เราจะหลุด กลายเป็นตัวจริงที่ไม่น่ารัก ไม่มีการรักษามารยาทกันอีกต่อไป

ทุกวันนี้ สังคมของเราเป็นสังคมที่สวมหน้ากากเข้าหากัน  แรงกดดันต่างๆของชีวิต คือแรงกระชากหน้ากากออกเพื่อเผยให้เห็นตัวจริง และมารซาตานมันจะดีใจที่คนสวมหน้ากากให้แก่กันและกัน เพราะวันหนึ่งมารจะจัดฉากให้เกิดแรงกดดัน เพื่อให้คนแต่ละคนกระชากหน้ากากออกมา และนั่นคือการทำลายกันและกัน มารต้องการให้มนุษย์เป็นศัตรูกัน ต่อสู้กัน ทำร้ายกัน ไม่ยอมรับตัวจริงของกันและกัน  ด้วยการดำเนินชีวิตอยู่ในการโกหกหลอกลวงต่อกันและกัน  การสวมยุทธภัณฑ์ส่วนนี้ คือการป้องกันการกระทำของเราจากการโกหกหลอกลวง การโกหกหลอกลวง คือวิถีที่ไม่มั่นคง ไม่ยั่นยืน ทำไมพระเยซูจึงตรัสว่า พระองค์เป็นความจริง  เพราะพระองค์ทรงเป็นอย่างไร พระองค์ก็ทรงสามารถเผชิญกับแรงกดดันด้วยพระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น  แรงกดดันที่แรงสุดสำหรับมนุษย์คือการถูกทรมาน และถูกพิพากษาตัดสินให้ถึงตายบนไม้กางเขนโดยไม่ได้ทำผิดบาปเลย   แต่มนุษย์ไม่น้อยที่ยังไม่ทันจะต้องเสียโลหิต ถึงตาย หรือแม้กระทั่งเกิดแรงกดดันในชีวิต เพราะความผิด ความบาปของตนเอง ก็จะเป็นจะตาย  รับไม่ได้กับการถูกตักเตือนเพื่อให้แก้ไขปรับปรุง  มีคริสเตียนเจ้าเล่ห์บางคนที่หาข้ออ้างว่าตนเองป่วย บาดเจ็บทางจิตใจ ถูกตักเตือนไม่ได้ก็มี นั่นคือการโกหกหลอกลวงตนเอง และหลอกลวงคนอื่น

กาลาเทีย 6:7-8  7 อย่า​หลง​เลย ท่าน​จะ​หลอก​ลวง​พระ​เจ้า​ไม่ได้ เพราะ​ว่า​ผู้ใด​หว่าน​อะไร​ลง ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​สิ่ง​นั้น​8 ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​เนื้อ​หนัง​ของ​ตน ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ความ​เปื่อย​เน่า​จาก​เนื้อ​หนัง​นั้น แต่​ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​พระ​วิญญาณ ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ชีวิต​นิรันดร์​จาก​พระ​วิญญาณ​นั้น​

จงกลับใจเสียใหม่ จงให้ความจริงป้องกันการกระทำ อย่าใช้การโกหกหลอกลวงป้องกันการกระทำของตนเอง เพราะวันหนึ่ง เราจะเสียใจ  การโกหกหลอกลวงทำให้เราไม่สามารถที่จะต่อกรกับมารซาตานที่วนเวียนอยู่รอบๆเราได้ เราอาจปลอดภัยในเวลานี้ เพราะมีใครบางคนปกป้องเราอยู่ด้วยคำอธิษฐาน  แต่ก็มีกระทิงอ่อนแอไม่น้อยที่เป็นเหยื่อของนักล่า อย่างสิงโต เพราะกระทิงอ่อนแอเหล่านั้นได้หลุดไปจากฝูงกระทิงผู้ใหญ่ เพราะความอ่อนแอของมัน ทำให้มันวิ่งตามฝูงไม่ทัน หรือมีช่องโหว่ในจังหวะการก้าวเดินทำให้สิงโตลากกระทิงที่อ่อนแอออกจากฝูงไปได้   คริสเตียนที่อ่อนแอ ขาดกำลังและฤทธิ์เดช ท่านต้องแข็งแรงและมีกำลัง มิใช่อ่อนแอตลอดเวลา เพราะใครจะรู้ได้ว่า จังหวะการก้าวเดินของตัวเองอย่างคนอ่อนแอที่ขาดฤทธิ์เดช จะนำภัยเข้ามาสู่ตัวเอง ด้วยช่องโหว่ที่ในชีวิต คือความบาป ความวิตกกังวล และป้อมค่ายความคิดจอมปลอมที่ทำให้ตัวเองปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระคริสต์

1.2   ความชอบธรรม เป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก  เราจะเห็นเสื้อเกราะกันกระสุนในยุคของเรา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่กู้ระเบิดใส่ เพื่อป้องกันส่วนสำคัญที่อันตรายถึงชีวิต ความชอบธรรมที่กล่าวถึงนี้คือ ความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์ มิใช่ของตัวเราเอง หากเราดำเนินชีวิตเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง เราจะหลงตัวเอง และคิดว่า เราดีกว่าคนอื่น  เราสูงกว่าคนอื่น ความชอบธรรมที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้นมาเอง อุปโลกน์เองไม่สามารถป้องกันชีวิตของเราได้ มารซาตานหัวเราะ ลองนึกภาพที่เราเอาของเด็กเล่นที่เลียนแบบของจริงมาใช้เพื่อป้องกันอันตราย หรือเอาเสื้อเกราะของเด็กเล่นมาใส่ พวกผู้ก่อการร้ายจะหัวเราะเยาะ มองดูเจ้าหน้าที่ทหารอีเดียต  มารซาตานก็จะมองคริสเตียนที่พยายามสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง โดยมองข้ามความชอบธรรมของจริงที่พระเยซูได้มอบให้กับเราเพื่อป้องกันเรา

การสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง ทำให้เราคิดว่า เราไม่ต้องการพระเจ้า  เราสามารถพึ่งพาตัวเราเองได้ การกระทำของเรากำลังเข้าสู่สภาวะของความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ เราจะกลับไปสู่วิถีชีวิตเดิม  ดังนั้นจำเป็นที่เราจะต้องป้องกัน (ระวัง) พฤติกรรมของเรา การดำเนินชีวิตโดยพึ่งพาความชอบธรรมของพระคริสต์ทำให้เราตระหนักเสมอว่า เราเป็นคนบาป ที่ได้รับการช่วยกู้  เราได้รับการไถ่จากพระเจ้า   จากสำนึกนี้ ทำให้การแสดงออกของเราออกมาในทางถ่อมตน ไม่ยกตนเองเหนือคนอื่น ไม่รังเกียจคนบาป แต่เกลียดบาป ต้อนรับคนบาปทุกคน ไม่แบ่งชั้นวรรณะ ไม่ดูถูกคนอื่น นี่คือการป้องกันการกระทำของตนเอง ด้วยความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์เจ้า และมารจะไม่สามารถทำอะไรเราได้

ครั้งหนึ่งมารพยายามฟ้องพระเจ้าเรื่องโยบ มารกล่าวหาโยบ ที่โยบสัตย์ซื่อกับพระเจ้า เพราะพระเจ้าอวยพรโยบ ถ้าพระเจ้าเอาพระพรทั้งหลายออกจากชีวิตของโยบ ดูสิ โยบจะเลิกนับถือพระเจ้าแน่ๆ  แต่โยบก็ได้ลบคำสบประมาทของมาร  โยบได้ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยในการสามารถลบคำสบประมาทของมาร

วันนี้ เรากำลังให้มารสบประมาท และทำให้พระเจ้าเสียพระทัยกับชีวิตของเราที่หวังพระพรจากพระเจ้าอย่างเดียว และถ้าไม่มีพระพร เราจะเลิกติดตามพระองค์ และกำลังหันหลังให้กับพระเจ้าหรือไม่  จงระมัดระวังป้องกันการกระทำของตนเองให้ดี เพื่อจะไม่เป็นไปอย่างที่มารต้องการจะกล่าวหา

1.3   ข่าวประเสริฐ มาเป็นรองเท้า คือไปที่ไหน ก็มีข่าวประเสริฐติดตัวไปด้วย  ข่าวประเสริฐ แปลว่า ข่าวดี จะย่ำจะเดิน ใช้รองเท้าพาไป นั่นคือ ไปด้วยข่าวดี มีข่าวดีสวมไว้ตลอดเวลา มารซาตานต้องการให้ชีวิตของมนุษย์มีแต่ข่าวร้าย ไปไหนก็มีแต่ข่าวร้าย มีเรื่องทำให้เสียกำลังใจ สิ้นหวัง ด้วยคำพูดและการกระทำที่ติดลบ แทนที่จะเป็นบวก ขอให้เราป้องกันการกระทำคำพูดของเราด้วยข่าวดี  พระเยซูคริสต์ได้อ่านหนังสืออิสยาห์ในธรรมศาลา และพระองค์ตรัสว่า พระธรรมตอนนี้สำเร็จแล้วในวันนี้ เนื้อหาสาระในหนังสือที่พระเยซูอ่านคือ

ลูกา 4:18-19 18 ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เป็นเจ้า​ทรง​อยู่​เหนือ​ข้าพเจ้า เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ได้​ทรง​เจิม​ตั้ง​ข้าพเจ้า​ไว้ เพื่อ​นำ​ข่าว​ดี​มายัง​คน​ยากจน ​พระ​องค์​ได้​ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​ให้​ร้อง​ประกาศ​อิสรภาพ​แก่​บรรดา​เชลย ให้​ประกาศ​แก่​คน​ตา​บอด​ว่า​จะ​ได้​เห็น​อีก ให้​ปล่อย​ผู้​ถูก​บีบ​บังคับ​เป็น​อิสระ 19 และ​ให้​ประกาศ​ปี​แห่ง​ความ​โปรด​ปราน​ของ​พระ​เป็นเจ้า  

การกระทำและคำพูดของเรากำลังทำให้คนที่ตกอยู่ในความมืดจนปัญญามืดแปดด้านได้พบกับแสงสว่างหรือยิ่งทำให้มืดกว่าเดิม การกระทำและคำพูดของเรากำลังนำการปลดปล่อยหรือยิ่งทำให้คนติดกับดัก ถูกพันธนาการ การกระทำและคำพูดของเรากำลังทำให้คนได้รับอิสรภาพหรือเป็นเชลย ทำให้คนตาบอดมองเห็น และนำการยกโทษให้อภัยของพระเจ้ามาสู่คนหรือไม่ หรือกำลังกล่าวโทษ ให้ร้ายคนอื่นอยู่  ขอให้เราสำรวจการกระทำของเรา ว่าเราได้ป้องกันการกระทำของเราอย่างไร

สดุดี141:3  3 ข้า​แต่​พระ​เจ้า ขอ​ทรง​ตั้ง​ยาม​เฝ้า​ปาก​ของ​ข้า​พระ​องค์ ขอ​รักษา​ประตู​ริม​ฝีปาก​ของ​ข้า​พระ​องค์ 

สดุดี 1:1 1 ความ​สุข​เป็น​ของ​บุคคล ผู้​ไม่​ดำเนิน​ตาม​คำแนะนำ​ของ​คน​อธรรม หรือ​ยืน​อยู่​ใน​ทาง​ของ​คน​บาป หรือ​นั่ง​อยู่​ใน​ที่​นั่ง​ของ​คน​ที่​ชอบ​เยาะ​เย้ย 

การป้องการกระทำจะทำให้เรามีกำลังและฤทธิ์เดชในการต่อสู้กับมารร้ายได้

1.2ป้องกันจิตใจ  เอเฟซัส 6:16

16 และ​พร้อม​กับ​สิ่ง​ทั้งหมด​นี้ จง​เอา​ความ​เชื่อ​เป็น​โล่ ด้วย​โล่​นั้น​ท่าน​จะ​ได้​ดับ​ลูกศร​เพลิง​ของ​พญา​มาร​เสีย​

จิตใจของเราคือเป้าหมายที่มารต้องการจะยิงลูกศรเพลิงของมัน  มารเล็งเป้าว่า จิตใจของเรากำลังหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องอะไร และมันจะต้องยิงให้ถูกเป้า เมื่อถูกเป้าเมื่อไร ความเชื่อของเราก็จะตายไป เราก็จะมีชีวิตอยู่กับสิ่งที่เรายึดติดนั้น แทนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในพระเจ้า    พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเชื่อที่อับปางลง เพราะจิตสำนึกที่เสียไป

1ทิโมธี 1:19 19 จง​ยึด​ความ​เชื่อ​ไว้ และ​มี​จิตสำนึก​ว่า​ตน​ชอบ ซึ่ง​ข้อ​นี้​บาง​คน​ได้​ละ​ทิ้ง​เสีย ความ​เชื่อ​ของ​เขา​จึง​อับปาง​ลง​  ลูกศรเพลิงของพญามาร คือการทำลายชีวิตแห่งความเชื่อ

ขอให้เราระมัดระวังจิตใจของเรา กำลังถูกหล่อเลี้ยงด้วยอาหารแบบไหน

1ยอห์น 2:15-17 15 อย่า​รัก​โลก​หรือ​สิ่งของ​ใน​โลก ถ้า​ผู้ใด​รัก​โลก ความ​รัก​ต่อ​พระ​บิดา​ไม่ได้​อยู่​ใน​ผู้​นั้น​16 เพราะ​ว่า​สารพัด​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​โลก คือ​ตัณหา​ของ​เนื้อ​หนัง​และ​ตัณหา​ของ​ตา และ​ความ​ทะนง​ใน​ลาภ​ยศ​ไม่ได้​เกิด​มา​จาก​พระ​บิดา แต่​เกิด​มา​จาก​โลก​17 และ​โลก​กับ​สิ่ง​ที่​ยั่วยวน​ของ​โลก​กำลัง​ล่วง​ไป แต่​ผู้​ที่​ประพฤติ​ตาม​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​จะ​ดำรง​อยู่​เป็น​นิตย์​ 

จิตใจของเรากำลังผูกพัน ยึดติดกับสิ่งใด  เราได้ใส่เครื่องป้องกันจิตใจของเราไว้หรือยัง  ความเชื่อเป็นโล่ ความเชื่อคือการเชื่อว่าเราอยู่ได้โดยพระเจ้า หากเรากำลังยึดติดอยู่กับสิ่งของหรือคนในโลกนี้ กำลังบอกว่า เราขาดสิ่งนั้นไม่ได้  เช่น ขาดมือถือไม่ได้ ขาดของกินที่ชอบไม่ได้ ขาดอบายมุขบางอย่างไม่ได้ ขาดเธอ (บางคน ) เหมือนขาดใจ  ข้าพเจ้ามักจะพูดว่า เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ในยุคนี้อยู่ยาก เพราะมีสิ่งที่ล่อให้ยึดติดมากจริงๆ ทำให้ขาดนู่นนี่นั่นไม่ได้ ขาดแล้วเหมือนจะขาดใจ  ระวังจิตใจของคุณให้ดี มิฉะนั้น คุณจะขาดกำลังและฤทธิ์เดชที่จะต่อสู้กับมาร คุณจะไปไม่ถึงความไพบูลย์ที่แท้จริง  สุดท้าย…..

3.ป้องกันความคิด  เอเฟซัส 6:17

17 จง​เอา​ความ​รอด​เป็น​หมวก​เหล็ก​ป้องกัน​ศีรษะ และ​จง​ถือ​พระ​แสง​ของ​พระ​วิญญาณ คือ ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ 

ความคิดคือสนามรบที่ดุเดือดที่สุด และมารซาตานชอบที่จะทำให้ความคิดของเราเหมือนสนามรบ ในขณะที่พระเจ้าต้องการให้ความคิดของเราสงบ ร่มรื่น เหมือนสวนเอเดน ความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ ได้อย่างไร  ความรอด แปลว่าการช่วยกู้จากพระเจ้า  ผู้เขียนสดุดี คือกษัตริย์ดาวิดได้กล่าวไว้ในหนังสือสดุดีในบทที่ 18,20 บทเพลงขอการช่วยกู้และคำอธิษฐานเพื่อชัยชนะ

สดุดี 20:1-3  1 ขอ​พระ​เจ้า​ทรง​ตอบ​ท่าน​ใน​วัน​ยาก​ลำบาก ​พระ​นาม​ของ​พระ​เจ้า​แห่ง​ยาโคบ​พิทักษ์​รักษา​ท่าน 2 ขอ​พระ​องค์​ทรง​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​มา​จาก​สถาน​นมัสการ และ​ให้​ความ​สนับสนุน​ท่าน​มา​จาก​เมือง​ศิ​โยน 3 ขอ​ทรง​ระลึก​ถึง​เครื่อง​ถวาย​ทั้งสิ้น​ของ​ท่าน และ​โปรด​ปราน​เครื่อง​เผา​บูชา​ของ​ท่าน

นี่คือวิธีคิดของนักรบ แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ รบทุกครั้งชนะทุกครั้ง เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของคนอิสรเอล  ดาวิดป้องกันความคิดของท่านด้วยตระหนักเสมอว่า ความรอดของท่านมาจากพระเจ้า ในการรบทุกครั้งท่านได้มอบความไว้วางใจไว้ที่พระเจ้า ไม่ใช่ความสามารถของตนเอง  อาวุธที่สำคัญมาจากพระเจ้า พระเจ้าทรงรบแทนท่าน แม้คนจะมองเห็นว่าเป็นชัยชนะของท่าน แต่ชัยชนะนี้มาจากพระเจ้า วิธีอย่างนี้ ทำให้ถ่อมใจ และรับการช่วยกู้จากพระเจ้าเสมอ

วันนี้ เราซึ่งเป็นคริสเตียน เรามีอาวุธ คือพระวจนะของพระเจ้า เป็นดาบฝ่ายวิญญาณ เรากำลังใช้เพื่อป้องกันความคิดของเราอย่างไร  พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้พระแสงดาบของพระวิญญาณ ในการต่อสู้กับมารซาตานที่มาทดลองพระองค์ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความคิดทั้งสิ้น  มารมาทดลองพระเยซูทางด้านความคิด เรื่องอาหาร  ให้สั่งก้อนหินให้กลายเป็นขนมปัง มารมันรู้ว่า พระเยซูอดอาหารสี่สิบวัน แน่นอน ตาลายได้แน่ๆ ถ้าความคิดคิดถึงแต่เรื่องของอาหาร ก้อนหินเป็นขนมปังได้เลย App. ถ้าเราไม่ป้องกันความคิดด้วยพระวจนะของพระเจ้า  เราจะตาลาย และกินสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตามคำแนะนำของมารซาตาน  Ex.มนุษย์คู่แรกสูญเสียการครอบครองโลกนี้ให้กับมาร ทำให้อานุภาพของมารอยู่เหนือโลกนี้ มาถึงเราทั้งหลายในวันนี้ด้วย ก็เพราะเรื่องกิน ยิ่งมอง ยิ่งน่ากิน  การเชื่อฟังมารทำให้สูญเสีย แต่การเชื่อฟังพระเจ้าทำให้มีกำลังและฤทธิ์เดช Ex. เมื่อเปโตรหิว และคิดว่าตนเองตาลาย เพราะเปโตรมองเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจกินไม่ได้ ลอยมาอยู่ตรงหน้า และมีเสียงบอกกับเปโตรว่า จงกินสิ่งที่อยู่ตรงหน้า น่าสนใจมาตรงนี้

กิจการ 10:9-16,27-33 9 วันรุ่งขึ้น​คน​เหล่า​นั้น​กำลัง​เดินทาง​ไป​ใกล้​เมือง​ยัฟฟา แล้ว​ประมาณ​เวลา​เที่ยง​วัน เปโตร​ก็​ขึ้น​ไป​บน​หลังคา​ตึก​เพื่อ​จะ​อธิษฐาน​

10 ​ก็​หิว​อยากจะ​รับประทาน​อาหาร แต่​ใน​ระหว่าง​ที่​เขา​ยัง​จัด​อาหาร​อยู่ เปโตร​ก็​เข้า​สู่​ภวังค์​11 และ​ได้​เห็น​ท้องฟ้า​แหวก​ออกเป็น​ช่อง มี​อะไร​อย่าง​หนึ่ง​เหมือน​ผ้า​ผืน​ใหญ่ ทั้ง​สี่​มุม​หย่อน​ลง​มายัง​พื้น​โลก​12 ​ใน​นั้น​มี​สัตว์​ทุก​อย่าง คือ​สัตว์​ที่​เดิน ที่​เลื้อย​คลาน และ​ที่​บิน​13 มี​พระ​สุรเสียง​มา​ว่า​แก่​ท่าน​ว่า “​เปโตร​เอ๋ย จง​ลุก​ขึ้น​ฆ่า​กิน​เถิด”14 ฝ่าย​เปโตร​จึง​ทูล​ว่า “มิได้ ​พระ​เจ้า​ข้า เพราะ​ว่า​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ของ​ต้องห้าม หรือ​ของ​มลทิน​นั้น ข้า​พระ​องค์​ไม่​เคย​รับประทาน​เลย”15 แล้ว​จึง​มี​พระ​สุรเสียง​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง​ว่า​แก่​ท่าน​ว่า “ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ชำระ​แล้ว​อย่า​ว่า​เป็น​ของ​ต้องห้าม”16 เห็น​อย่าง​นั้น​ถึง​สาม​ครั้ง แล้ว​สิ่ง​นั้น​ก็​ถูก​รับ​ขึ้น​ไป​ใน​นภา​กาศ​ทันที

 27 เมื่อ​กำลัง​สนทนา​กัน​อยู่ เปโตร​จึง​เข้า​ไป แล​เห็น​คน​เป็น​อัน​มาก​มา​พร้อม​กัน​

28 จึง​กล่าว​แก่​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทราบ​แล้ว​ว่า คน​ชาติยิว​นั้น​จะ​คบ​ให้​สนิท​กับ​คน​ต่างชาติ หรือ​เข้า​เยี่ยม​ก็​เป็น​ที่​ห้าม แต่​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​สำแดง​แก่​ข้าพเจ้า​แล้ว​ว่า ไม่​ควร​เรียก​คน​หนึ่ง​คน​ใด​ว่า​เป็น​ที่​ห้าม​หรือ​มลทิน​….

เปโตรเชื่อฟังพระเจ้าเรื่องนี้ เพราะพระเจ้าทรงเรียกให้โครเนลิอัส นายร้อยต่างชาติมาฟังข่าวดี เรื่องพระเยซู

29 เหตุ​ฉะนั้น​เมื่อ​ท่าน​ใช้​คน​ไป​เชิญ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ก็​มา​โดย​ไม่​ขัด ข้าพเจ้า​ขอ​ถาม​ว่า ท่าน​เชิญ​ข้าพเจ้า​มา​ด้วย​ประสงค์​อะไร”

30 โคร​เน​ลิอัส​จึง​ตอบ​ว่า “สี่​วัน​มา​แล้ว​ข้าพเจ้า​ได้​อธิษฐาน​อยู่​ใน​ตึก​ของ​ข้าพเจ้า ราว​เวลา​นี้​เอง คือ​บ่าย​สาม​โมง มี​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ข้าพเจ้า​สวม​เสื้อ​มัน​ระยับ​

31 ผู้​นั้น​ได้​กล่าว​ว่า ‘โคร​เน​ลิอัส​เอ๋ย คำ​อธิษฐาน​ของ​ท่าน​นั้น​พระ​เจ้า​ทรง​สดับ​ฟัง​แล้ว และ​ทาน​ของ​ท่าน​นั้น​ก็​เป็น​เหตุ​ให้​พระ​เจ้า​ทรง​ระลึก​ถึง​

32 เหตุ​ฉะนั้น​จง​ใช้​คน​ไป​ยัง​เมือง​ยัฟฟา เชิญ​ซีโมน​ที่​เรียก​ว่า​เปโตร​มา ท่าน​อาศัย​อยู่​ใน​ตึก​ของ​ซีโมน​ช่าง​ฟอก​หนัง​ที่​ฝั่ง​ทะเล’ 33 ข้าพเจ้า​จึง​ใช้​คน​ไป​เชิญ​ท่าน​มา​ทันที ที่​ท่าน​มา​ก็​ดี​แล้ว บัดนี้​พวก​ข้าพเจ้า​อยู่​พร้อม​กัน​ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า เพื่อ​จะ​ฟัง​สิ่ง​สารพัด ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​ตรัส​สั่ง​ท่าน​ไว้”

ต่อมาพวกยิวคริสเตียนตำหนิเปโตรที่ไปพบกับโครเนลิอัส  ในบทที่ 11 1 ฝ่าย​พวก​อัครทูต​กับ​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ที่​อยู่​ใน​แคว้น​ยูเดีย ได้​ยิน​ว่า​คน​ต่างชาติ​ได้รับ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​เหมือน​กัน​2 เมื่อ​เปโตร​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​แล้ว พวก​ที่​เข้า​สุหนัต​จึง​ต่อ​ว่า​ท่าน​ว่า​3 “ทำไม​ท่าน​ไป​หา​คน​ที่​ไม่ได้​เข้า​สุหนัต และ​รับประทาน​อาหาร​กับ​เขา”  เปโตรจึงอธิบายให้ฟังว่า เขาต้องเชื่อฟังพระเจ้า

กิจการ 11:12 ​พระ​วิญญาณ​จึง​สั่ง​ให้​ข้าพเจ้า​ไป​กับ​เขา​โดย​ไม่​ลังเล​ใจ​เลย และ​พวก​พี่​น้อง​ทั้ง​หก​คน​นี้​ได้​ไป​กับ​ข้าพเจ้า​ด้วย เรา​ทั้ง​หลาย​จึง​เข้า​ไป​ใน​ตึก​ของ​ผู้​นั้น​

ความคิดของเปโตรผูกติดอยู่กับพระวิญญาณบริสุทธ์ แล้วในเวลานั้น เปโตรจึงไม่กลัวที่จะตอบสนองตรงกันข้ามกับพวกยิว คือการเสวนา สามัคคีธรรมกับคนต่างชาติอย่างโครเนลิอัส นี่คือกำลังและฤทธิ์เดชในการสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของคนรุ่นก่อนหน้าเรา ที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม

 “เส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์….ต้องมีกำลังและฤทธิ์เดช”

1.ป้องกันการกระทำ  ด้วยความจริง ความชอบธรรมและข่าวประเสริฐ

2.ป้องกันจิตใจด้วยโล่แห่งความเชื่อ

3.ป้องกันความคิดด้วยหมวกเหล็กและต่อสู้กับความคิดของมารด้วยอาวุธฝ่ายวิญญาณ

 

เพลง เสียงของพระองค์

 

By admin