สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์

เอเฟซัส4:13 “จนกว่าเราทั้งหมดจะบรรลุความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์

ในวันนี้ เราจะเน้นคำว่า “เรา,จนกว่าเรา”  ภาพรวมของคำว่า “เรา”  เราในที่นี้หมายถึง คริสตจักรทั้งคริสตจักร และความไพบูลย์ของพระคริสต์ที่พระคัมภีร์สำแดงทั้งคริสตจักร พระองค์สำแดงในลักษณะต่างๆหลายลักษณะ ในวันนี้จะยกมาแบ่งปันประมาณ 3-4 ลักษณะ

1.ลักษณะของครอบครัว  ถ้าเราดูพระคัมภีร์เอเฟซัสย้อนกลับมานิดหนึ่งในบทที่2 ข้อที่19 พระคัมภีร์พูดกับเราอย่างนี้ “ดังนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวแปลกถิ่นอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกับประชากรของพระเจ้าและเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า”  ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราให้เข้าใจว่า ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในลักษณะที่เป็นครอบครัวของพระเจ้านั้นจะเน้นให้เห็นความจริงเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศของครอบครัว อย่างหนึ่งที่เราสัมผัสได้ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน คือ ความอบอุ่น หมายความว่า เมื่อเราเข้ามาในครอบครัว เราเข้ามาในชุมชนนี้ เราได้รับการต้อนรับ ในการที่เราถูกต้อนรับในการเป็นครอบครัวนั้นเราต้องจำไว้ว่า ไม่ใช่ถูกต้อนรับในตอนที่เราเป็นคนดี หรือต้อนรับในขณะที่เราประสบความสำเร็จรุ่งเรือง แต่เราได้รับการต้อนรับแม้ในขณะที่เราผิดพลาด,เวลาที่เราล้มเหลว,เวลาที่เราไปไหนไม่รอดแล้ว จำได้ไหม? พระคัมภีร์ได้ยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งและพระคัมภีร์ได้ชี้ให้เห็นครอบครัวนี้มีบุคคลเกี่ยวข้องอยู่ 3 บุคคล คือ คุณพ่อ,พี่ชายคนโต,และน้องชายคนเล็ก และพระคัมภีร์ได้บอกว่า น้องชายคนเล็กได้เอาส่วนของเขาทั้งหมดไปหมดแล้วและแยกตัวออกไป พระคัมภีร์ได้ชี้ให้เห็นว่า เขาไปใช้ชีวิตจนถึงจุดหนึ่งของความล้มเหลวคือ ตกต่ำจนไม่สามารถตกต่ำต่อไปได้อีกแล้ว และเขาคิดถึงใคร? เขาคิดถึงคุณพ่อ,คิดถึงครอบครัว เพราะในที่สุดเขารู้ว่าที่สุดแล้วถ้าเขากลับไป เขาจะได้รับการต้อนรับ และพระคัมภีร์บอกว่า คุณพ่ออ้าแขนต้อนรับอย่างอบอุ่นกว่าที่เขาคิด ดังนั้นขอพระเจ้าช่วยเราในความไพบูลย์ของพระคริสต์นั้นเกิดขึ้นได้ด้วยเราทั้งหลายต้องมีใจพร้อมที่จะต้อนรับซึ่งกันและกัน ในยามที่พี่น้องน้องของเรา,สมาชิกของคริสตจักรของพวกเราทั้งหลาย ผิดพลาด,ล้มเหลว ในความผิดพลาด,ล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับเขานั้น มีผลกระทบทำให้มีความเสียหายมาสู่คริสตจักร,มาสู่ครอบครัว เรายังต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในรูปแบบครอบครัว ไม่ใช่รูปแบบตัวใครตัวมัน เราแต่ละคนมีชีวิตที่ดีในพระเจ้าแบบยอดเยี่ยม,เฝ้าเดี่ยว,อธิษฐาน,อดอาหาร ส่วนคนข้างๆเรามันจะฉิบหายยังไงชั่งมัน นั้นไม่ใช่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ เมื่อเราคิดถึงพระคริสต์ เราต้องคิดว่า พระคริสต์เป็นประมุขของครอบครัว เมื่อเราเข้ามาถึงพระคริสต์ เราจำได้ไหม? พระคริสต์เป็นพี่ชายใหญ่ของเรา พระองค์ทรงสอนให้เราอธิษฐานว่า ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์  ถ้าเราเรียกพระเจ้าว่า พระบิดา เราต้องคิดถึงใคร? เราต้องคิดถึงลูกของพระบิดาคนอื่นๆ ไม่ใช่ว่า ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ผู้เดียว ผู้ทรงสถิตในฟ้าสวรรค์

ฉะนั้นคุณพ่อของเราที่เราอธิษฐานขอพระองค์ทรงอวยพร,ทรงคุ้มครอง,ทรงประทาน มีลูกกี่คน? คำตอบคือ “มีหลายคน” เพราะฉะนั้นเมื่อเราคิดถึงพระเจ้า เราอธิษฐานขอพระเจ้า อย่าลืมว่า เราต้องคิดถึงลูกของพระเจ้าคนอื่นๆด้วย เพราะว่าคนอื่นก็เป็นลูกของพระองค์เหมือนกันกับเรา ถ้าเราจะก้าวสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ในมุมนี้ จำเอาไว้นะครับ? มองคนข้างๆเขาก็เป็นลูกของพระบิดาที่เราไปขอด้วย และถ้าเราอธิษฐานว่าพระองค์เจ้าข้าขอพระองค์ทรงอวยพรข้าพระองค์ แต่อย่าอวยพรคนข้างนี้นะเพราะเขาเป็นคริสเตียนที่ไม่ดี  เขาเป็นลูกแล้วคุณรังเกียจลูกของพ่อคนนี้ แล้วคุณยังจะขออะไรจากพ่อคนนี้ ซึ่งเป็นพ่อของเขาด้วย  ในรูปแบบของครอบครัวจะเน้นเรื่องของความรักและความอบอุ่น จนกว่าเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะให้คริสตจักรของเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ในวิญญาณของความเป็นพี่น้องกัน,ห่วงใยกัน,คิดถึงกัน,คอยเกื้อหนุนกัน และที่สำคัญคือ เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดผิดพลาด เราต้องต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น และจำได้ไหม? คุณพ่อยกฐานะให้โอกาสลูกคนเล็กคนนั้นให้กลับเข้ามาเหมือนเดิม  เราผิดพลาดได้ไหม? คำตอบคือ เราผิดพลาดได้  ฉะนั้นตรงนี้อยู่ในอีกบทหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องเรียนกันในโอกาสต่อไปเรื่องของการยกโทษ ทุกวันนี้คริสเตียนเรามีปัญหาเรื่องของการยกโทษ หลายครั้งเราไม่ยอมให้คนอื่น เพราะว่าขอโทษเขาทำมาแล้วหลายครั้ง คำขอโทษสักครั้งมีไหม? ขอพระเจ้าช่วยเราเรื่องการยกโทษนั้นต้องเกิดขึ้นในใจ ในความคิด ในชีวิตของเรากับใครคนหนึ่ง ที่ทำผิดต่อเราก่อนที่เขาจะขอโทษ แบบอย่างของการยกโทษที่พระเจ้าสอนเรา บนไม้กางเขนพระเยซูคริสต์ยกโทษให้กับคนที่ตรึงพระองค์ไหม? และนี้คืออะไรบางอย่างที่เราจะดึงเข้ามาในครอบครัวของพระเจ้า คือ ยกโทษให้กัน นี้คือความไพบูลย์ในครอบครัว ให้เรามีความผูกพันกัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์กัน ผูกพันกันฉันท์พี่น้อง ความผูกพันในพระคริสต์จะลึกซึ้งและยาวนานกว่าความผูกพันในสายเลือด ความผูกพันในสายเลือดลึกซึ้งและยาวนานได้เท่าที่เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่ความผูกผูกพันในพระคริสต์ หลังจากโลกนี้แล้วเรายังผูกพันกันอยู่อีกต่อไป

2.ลักษณะของเจ้าสาว  ในพระคัมภีร์

วิวรณ์ 19:7-8 “ให้เราทั้งหลายชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์ เพราะถึงกำหนดอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์เตรียมตัวพร้อมแล้ว ทรงให้เจ้าสาวสวมชุดผ้าลินินเนื้อดี ที่สะอาดสดใสแล้ว(ผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการประพฤติอันชอบธรรมของประชากรของพระเจ้า)”

พระเมษโปดก คือ พระเยซูคริสต์

เจ้าสาว คือ คริสตจักร(คริสเตียนทั้งหลาย)

ขอพระเจ้าโปรดช่วยให้เรา เมื่อเราคิดถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ นอกจากเป็นรูปครอบครัวและเรายังเป็นเจ้าสาว เราทุกคนเป็นเจ้าสาวคนเดียวของพระคริสต์ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน,ปกป้องกัน, ทำให้แต่ละคนดำเนินชีวิตอันชอบธรรม, มีชีวิตที่บริสุทธิ์ เจ้าสาวพร้อมแล้วในความพร้อมนั้นเกิดจากการช่วยเหลือกัน,พัฒนาซึ่งกันและกัน.หนุนใจกันและกัน,เสริมสร้างกันและกัน นี่คือ ลักษณะของเจ้าสาว เราจะไม่ทำบาปกัน บาปของคริสเตียนประการหนึ่งที่เราเอาชนะมันยากก็คือ บาปเรื่องเพศ คุณรู้ไหมทำไม? เพราะว่าเราไม่ได้รักพระเยซูในฐานะเป็นคนรักของเรา เราลืมไปแล้วหรือว่าพระองค์เป็นเจ้าบ่าว ดังนั้นวันนี้ปัญหาเรื่องบาปทางเพศมันจะจบสิ้นทันที ถ้าเราใช้เวลาศึกษาพระคัมภีร์และเตรียมตัวเราเป็นเจ้าสาว และให้เรารักพระเยซูเพราะพระองค์เป็นคนรักของเรา ถ้าเรารักพระเยซูอย่างสุดยอดความรักของเรา เราจะไม่ทำผิดเรื่องเพศ ไม่ว่าทางความคิด,อารมณ์,จิตใจ,หรือการกระทำ  ชีวิตของเราจะไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์อย่างแน่นอน ถ้าเราเรียนรู้ว่า เราเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์,เจ้าสาวของพระคริสต์จะเน้นความบริสุทธิ์ของพระเจ้าในชีวิตของเราตามพระคัมภีร์ 1เปโตร1:15-16”แต่ท่านทั้งหลายจงบริสุทธิ์ในการทุกอย่างที่ท่านทำเหมือนอย่างที่พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นบริสุทธิ์ เพราะมีเขียนไว้ว่า”จงบริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์”” เอเฟซัส5:8-9”เพราะเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่เดี่ยวนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง(เพราะผลของความสว่างประกอบด้วยความดีทั้งปวง ความชอบธรรมทั้งมวลและความจริงทั้งสิ้น)”

ทุกอย่างที่เป็นความดี,ความชอบธรรม,ความจริง แปลความว่า ชีวิตของเราไม่มีช่องว่างให้กับความไม่ดี, ไม่มีสักอณูเดียว ไม่มีช่องว่างให้กับสิ่งอธรรม,ไม่มีช่องว่างให้กับการหลอกลวง,ไม่มีทุกอย่าง, ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าทุกอย่าง เมื่อก่อนเราเป็นความมืด ทุกอย่างเป็นความมืด แต่วันนี้เราเข้ามาอยู่ในพระเยซูคริสต์ทุกอย่างไม่มีความไม่ดีทุกอย่าง ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะก้าวไปสู่ความชอบธรรม,ความดีและความจริง ทั้งหมดสำหรับเรา เริ่มต้นจากพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ แต่สำหรับเราที่จะต่อยอดก้าวต่อไปในพระคัมภีร์ฝั่งหัว เอาหัวฝั่งเข้าไปในพระคัมภีร์ เพราะว่าความเลว,ความสกปรกมันเกิดขึ้นเริ่มต้นมันเกิดขึ้นในหัว อะไรอยู่ในหัวคุณสิ่งนั้นจะนำชีวิตคุณ ขอพระเจ้าช่วยเราให้ความดีทุกอย่าง,ความชอบธรรมทุกอย่าง,ความจริงทุกอย่างอยู่ในหัวเรา ทุกเรื่อง,ทุกมุม,เราต้องเอาความดี,ความชอบธรรม,ความจริงของพระเจ้าในพระคัมภีร์ฝั่งเข้าไปในหัวเรา แล้วเราก็จะก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์

พอเราก้าวเข้าไปในความเข้าใจของพระเจ้า เราจะเห็นความลึกซึ้งและความมหัศจรรย์ที่มาจากพระวจนะของพระเจ้า เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นก่อเกิดชีวิตและอัศจรรย์มาก ถ้าคุณศึกษาพระคัมภีร์ดีๆคุณจะเห็นเลยว่าพระวจนะของพระเจ้า พระคำของพระเจ้ามันไปโยงใยกับฤทธิ์เดชของพระเจ้าในการสร้างของการก่อกำเนิด ดังนั้นขอพระเจ้าโยงไปให้เห็นความมหัศจรรย์และความกว้างไกลของพระวจนะของพระเจ้า 1เปโตร1:23”เพราะท่านได้บังเกิดใหม่แล้วไม่ใช่เกิดจากเมล็ดพันธุ์อันเสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์อันไม่รู้เสื่อมสลายคือพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและยืนยงถาวร” ชีวิตของเราที่เกิดจากพระวจนะนั้นจะคงอยู่ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์ ความไพบูลย์ของพระคริสต์เกี่ยวข้องกับความอัศจรรย์ครั้งเดียวที่เราเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ และหลังจากเราเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณกระบวนการพัฒนาเราไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ เป็นเรื่องของกระบวนการฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งไม่มีทั้งการอัศจรรย์และทางลัด ต้องดำเนินการไปตามวิถีแห่งการเจริญเติบโต เพื่อก้าวไปสู่ความไพบูลย์  ความบาปเป็นอุปสรรคของความไพบูลย์ในพระคริสต์ ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้จักที่จะรักพระเยซูเพราะพระองค์เป็นคนรักของเราที่สุดยอด

3.ลักษณะของพระกาย  เราทั้งหลายเป็นอวัยวะในพระกายโดยมีพระคริสต์เป็นศรีษะ 1โครินธ์12:14” กายนั้นไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ประกอบด้วยหลายอวัยวะ”  จากพระคัมภีร์ตอนนี้ยืนยันตามความจริง 3 ประการ

3.1 ความแตกต่าง

3.2คุณค่าของความแตกต่าง

3.3อวัยวะทุกอวัยวะในร่างกายนี้มีความสำคัญต่อเรา(ทุกคนมีความสำคัญต่อเรา)

ขอให้เราเรียนรู้จักที่จะพะวงซึ่งกันและกัน,ห่วงใยซึ่งกันและกัน,ใส่ใจกันและกัน,ไม่ใช่คอยเอาเปรียบกันและกัน,ไม่ใช่คอยเบียดเบียนกันและกัน ถ้าคริสตจักรมัวแต่เบียดเบียนกันและกัน มันสู้ป่าช้าไม่ได้(ที่ชุมนุมของคนตาย) แต่เราไม่ใช่ป่าช้า เราเป็นชุมนุมชนที่มีชีวิต นอกจากจะไม่เบียดเบียนกันแล้ว เรายังต้องช่วยเหลือกัน,ห่วงใยกัน,รักใคร่กัน,ให้ความสำคัญของกันและกัน,เสริมสร้างกันและกัน ขอพระเจ้าช่วยเราให้วิญญาณของความห่วงใยและพิทักษ์อวัยวะในพระกายของพระคริสต์ซึ่งกันและกันเกิดขึ้นจริงๆ และอธิษฐานขอพระเจ้าปกป้องเขาให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย และในอวัยวะของพระกายเดียวกันนั้น จำเอาไว้ว่า “เราจะไม่แอบทำบาปแล้วไม่บอกคนอื่น” ขอให้เราสารภาพบาปต่อกันและกันและให้พี่น้องอธิษฐานเพื่อกันและกัน ให้พี่น้องใช้พระคำของพระเจ้าเยียวยารักษาเรา ขอพระเจ้าช่วยให้กระบวนการบำบัดจากพระคำจากฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เกิดขึ้นนั้น เพื่อเราจะได้หลุดจากบาปนั้น ฉะนั้นการบำบัดภายใน,การปลดปล่อยอะไรบางอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา เราจะต้องปลดปล่อยพี่น้องที่ถูกบาปครอบงำ ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระและเราทำเองไม่ได้ แต่เราต้องการคนที่อยู่ข้างๆเรา,เราต้องไม่อาย “อย่าแอบทำบาป”

ความรักปกปิดความบาปของกันและกัน,อธิษฐานเพื่อกันและกันและปลดปล่อยให้เขาหลุดพ้นจากอำนาจและอิทธิพลของความบาปนั้น เพื่อที่เราจะได้เห็นฤทธิ์เดช ขอฤทธิ์เดชของพระเจ้าเพื่อคริสตจักรของเราจะก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ เราทั้งหลายต่างเป็นอวัยวะของกันและกัน อย่าลืมว่าขาดเขาเราเดือดร้อน ทุกส่วนในอวัยวะของร่างกายขาดเขาเราเดือดร้อน เราทุกคนสำคัญเท่ากัน

4.ลักษณะเป็นกองทัพของพระเจ้า

2ทิโมธี2:3-4”จงทนต่อความยากลำบากร่วมกับเราเยี่ยงทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีทหารคนใดเข้าประจำการแล้วยังยุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายพลเรือนเขาย่อมมุ่งทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ”

ความไพบูลย์ของพระคริสต์นั้นไม่ใช่เพียงแต่ดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์,มีความรักซึ่งกันและกัน,ให้อภัยซึ่งกันและกัน,เยียวยาซึ่งกันและกัน,ต้อนรับซึ่งกันและกันมีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น แต่ว่ายังมีภารกิจที่เราต้องทำด้วย คือ เป็นทหารไปรบ รบในเชิงรุกไม่ใช่รบในเชิงรับอย่างเดียว เพราะว่าเราอยู่ฝ่ายชนะ ฉะนั้นคริสตจักรนี้ความไพบูลย์ของพระคริสต์จะมาถึง เมือเราร่วมใจกันนำข่าวประเสริฐฤทธิ์เดชแห่งการปลดปล่อยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสแห่งบาป ทาสแห่งความตาย อย่างสง่างามทุกคนไปด้วยกัน ไปในทิศทางเดียวกัน แล้วเราก็จะไปถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ ในอีกแง่มุมหนึ่งอย่างแน่นอน

By admin