“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…เดินบนน้ำ”

เดินบนน้ำเป็นสำนวนที่บอกให้รู้ว่า เป็นการเดินที่เหนือธรรมชาติ โดยปกติการเดินทางทางน้ำ ต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะ  สำนวนคำว่า เดินบนน้ำ ยังบอกให้รู้ว่า เวลานี้ เป็นเวลาแห่งความเชื่อ  บางคนใช้คำว่า เดินบนน้ำกับสถานการณ์ที่ไม่น่าจะอยู่ได้ แต่ก็อยู่ได้ ไม่น่าจะผ่านมาได้ แต่ก็ผ่านมาได้ ไม่มี แต่ก็มีได้  น่าจะอด แต่ก็ไม่อด น่าจะขัดสน แต่ก็ไม่ขัดสน

มีเรือชนิดหนึ่งชื่อ ไฮโดรฟอยด์  มีปีกใต้น้ำและวิ่งบนผิวน้ำที่ความเร็ว 50-60 น็อต (56-113 กม/ชม )   เมื่อเปรียบเทียบกับยานพาหนะอื่นๆแล้ว เรือประเภทต่างๆเป็นยานพาหนะที่เคลื่อนที่ช้ามาก แม้แต่เรือเดินสมุทรที่เร็วที่สุดยังแล่นได้เพียง 30 น็อตกว่าๆ หรือ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเรือบรรทุกสินค้าแล่นเร็วไม่ถึง 20 น็อต (37 กม./ชม.) ซึ่งเร็วพอๆ กับเราปั่นจักรยานเท่านั้นเอง ไฮโดรฟอยล์จึงนับเป็นเรือที่มีความเร็วสูงสุด

โฮเว่อร์คราฟ เป็นยานสะเทิ้นน้ำ สะเทิ้นบก แล่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ และสามารถลอยไปบนอากาศได้ มีความแคล่วคล่องขึ้นบก ลงน้ำ ลุยโคลน บุกไปบนลานหิน ป่าละเมาะ หรือแม้แต่ผ่านเกลียวคลื่นกลางมหาสมุทร ผู้ขับโฮเวอร์คราฟต์จะบังคับยานด้วยวิธีเดียวกับที่นักบินบังคับเครื่องบิน

เมื่อสองพันปีที่แล้ว ยังไม่มีวิธีการเดินทางบนผิวน้ำได้เร็วอย่างนี้ แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่บันทึกถึงการเดินทางได้เร็วอาจเทียมเท่าไฮโดรฟอยด์ทีเดียว เราจะมาดูเหตุการณ์นี้ว่า พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้เพื่อให้มุมมองและบทเรียนแก่เราในวันนี้อย่างไร

มัทธิว 14:22-33 22 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​สั่ง​ให้​บรร​ดา​สา​วก​ลง​เรือ​ทัน​ที และ​ข้าม​ฟาก​ไป​ก่อน ใน​ขณะ​ที่​พระ​องค์​ทรง​รอ​ส่ง​ฝูง​ชน​กลับ​บ้าน23 และ​เมื่อ​ทรงให้​ฝูง​ชน​ไป​หมด​แล้ว พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ตาม​ลำ​พัง​เพื่อ​อธิษ​ฐาน เวลา​ก็​ดึก​มาก พระ​องค์​ยัง​ประ​ทับ​ที่​นั่น​แต่​ลำ​พัง24 ใน​ขณะ​นั้น​เรือ​อยู่​กลาง​ทะเล​แล้ว และ​ถูก​คลื่น​ซัด​เพราะ​ทวน​ลม​อยู่25 เมื่อ​เวลา​ใกล้​รุ่ง​เช้า พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​บน​ทะเล​ไป​ยัง​พวก​สา​วก26 เมื่อ​สา​วก​เห็น​พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​มา​บน​ทะเล เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​แตก​ตื่น​พูด​กัน​ว่า​ต้อง​เป็น​ผี และ​ร้อง​ด้วย​ความ​กลัว27 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ทัน​ที​ว่า “ทำ​ใจ​ดี​ดี​เถิด นี่​เรา​เอง อย่า​กลัว​เลย”28 เปโตร​จึง​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ถ้า​เป็น​พระ​องค์​แน่​แล้ว ขอ​ตรัส​ให้​ข้า​พระ​องค์​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​องค์”29 พระ​องค์​ตรัส​ว่า “มาเถิด” เปโตร​จึง​ลง​จาก​เรือ​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​เยซู30 แต่​เมื่อ​เขา​เห็น​ลม​พัด​แรง​ก็​กลัว และ​เมื่อ​กำ​ลัง​จะ​จม​ก็​ร้อง​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ช่วย​ข้า​พระ​องค์​ด้วย”31 พระ​เยซู​จึง​เอื้อม​พระ​หัตถ์​จับ​เขา​ไว้​ทัน​ที แล้ว​ตรัส​ว่า “ช่าง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ท่าน​สง​สัย​ทำ​ไม?”32 เมื่อ​พระ​องค์​กับ​เปโตร​ขึ้น​เรือ​แล้ว ลม​ก็​สงบ​ลง33 พวก​ที่​อยู่​ใน​เรือ จึง​มา​กราบ​นมัส​การ​พระ​องค์ ทูล​ว่า “พระ​องค์​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​จริง​แล้ว”

1. วิธีอย่างมนุษย์  มัทธิว 14:22-24

22 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​สั่ง​ให้​บรร​ดา​สา​วก​ลง​เรือ​ทัน​ที และ​ข้าม​ฟาก​ไป​ก่อน ใน​ขณะ​ที่​พระ​องค์​ทรง​รอ​ส่ง​ฝูง​ชน​กลับ​บ้าน23 และ​เมื่อ​ทรงให้​ฝูง​ชน​ไป​หมด​แล้ว พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ตาม​ลำ​พัง​เพื่อ​อธิษ​ฐาน เวลา​ก็​ดึก​มาก พระ​องค์​ยัง​ประ​ทับ​ที่​นั่น​แต่​ลำ​พัง24 ใน​ขณะ​นั้น​เรือ​อยู่​กลาง​ทะเล​แล้ว และ​ถูก​คลื่น​ซัด​เพราะ​ทวน​ลม​อยู่

นี่เป็นเหตุการณ์หลังจากที่พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้เลี้ยงอาหารคนถึงห้าrพันคน  ประชาชนในเวลานั้น กำลังมีประสบการณ์การมหัศจรรย์พร้อมๆกัน และน่าจะกำลังตื่นเต้นกับพระเยซู อาจเป็นไปได้ว่า ประชาชนต่างมองเห็นพระเยซูเป็นความหวังสำหรับชนชาติอิสราเอล ที่จะหลุดพ้นจากความเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรม และนำการเลี้ยงดูของพระเจ้าอย่างเมื่อครั้งที่อิสราเอลเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารลับคืนมา และนำพวกเขาสู่ดินแดนคานาอันอย่างในในอดีต เป็นไปได้ที่พวกประชาชนกำลังมีความคิดที่จะตั้งพระเยซูเป็นกษัตริย์ทางด้านการเมือง  นี่อาจคือเหตุผลว่า ทำไม พระเยซูต้องสั่งให้สาวกของพระองค์ รีบลงเรือ เพื่อจะหลีกเลี่ยงการถูกประชาชนยกให้สาวกเป็นผู้นำทางด้านการเมือง เพราะนี้คือเหตุการณ์หลังจากที่พระเยซูได้ทราบข่าวการมรณกรรมของ ยอห์นผู้ให้บัพติสมาในน้ำ  ยอห์นบัพติสโต คือความหวังของประชาชนในเวลานั้น ประชาชนต่างแห่กันไปให้ยอห์นประกอบพิธีบัพติศมาในน้ำ เพื่อจะสำแดงว่า ตนเองกลับใจใหม่ และรอคอยแผ่นดินของพระเจ้าที่กำลังจะมา เพราะว่า ยอห์น ได้ประกาศให้คนกลับใจใหม่ เพราะแผ่นดินของพระเจ้าใกล้มาแล้ว คนยิวต่างยอมรับสิทธิอำนาจในคำสอน และคำเตือนของยอห์น  พระเยซูก็ประกาศกับประชาชนด้วยประโยคเดียวกันกับยอห์น และพระเยซูก็เคยยกตัวอย่างพระองค์กับยอห์น เมื่อพวกฟาริสีโจมตีพระองค์ด้วยการหาว่าพระเยซูทรง่รับประทานอาหารอยู่กับคนเก็บภาษี คนบาป และพระเยซูทรงตอบพวกฟาริสีว่า

มัทธิว 11:18-19 18 ด้วย​ว่า​ยอห์น​มา​ก็​ไม่ได้​กิน​หรือ​ดื่ม และ​เขา​ว่า ‘มี​ผี​เข้า​สิง​อยู่’19 ฝ่าย​บุตร​มนุษย์​มา​ทั้ง​กิน​และ​ดื่ม เขา​ก็​ว่า ‘ดู​เถิด นี่​เป็น​คน​กิน​เติบ​และ​ขี้​เมา เป็น​มิตร​สหาย​กับ​คน​เ​ก็​บ​ภาษี และ​คน​นอก​รีต’ แต่​พระ​ปัญญา​ก็​ปรากฏ​ว่า​ชอบ​แล้ว​โดย​ผล​แห่ง​พระ​ปัญญา​นั้น”

เพราะฉะนั้น เป็นไปได้ ที่เวลานั้น ประชาชนรู้สึกสูญเสียยอห์น ผู้เป็นความหวังของชนชาติอิสราเอล  และเมื่อพวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงเลี้ยงคนห้าพันคน เลี้ยงพวกเขา (เรื่องของปากท้อง) ประชาชนมีความหวังให้พระเยซูมาเป็นผู้นำการเมืองให้กับพวกเขา นี่คือวิธีการของมนุษย์ที่พระเยซูต้องรีบเอาสาวกของพระองค์ออกไปจากท่ามกลางประชาชน โดยให้พวกเขาลงเรือทันที และกลับไปยังอีกฝากหนึ่งที่พวกเขาได้ข้ามมา

แม้ว่า เวลาที่ให้ลงเรือจะไม่ใช่เวลาที่ควรจะเดินทาง แต่ก็จำเป็นต้องรีบแยกสาวกออกจากมวลชน เพราะว่าสาวกของพระเยซูในเวลานั้น เพิ่งจะเริ่มติดตามพระเยซู สาวกก็อาจจะคิดอย่างประชาชนที่อยากจะเอาพระเยซูเป็นผู้นำการเมือง (คนอิสราเอลในเวลานั้น น่าสงสาร  เพราะไม่มีผู้นำเลย ความจริง ก่อนหน้านั้น (ประมาณร้อยกว่าสองร้อยปี ก่อนคริสตศักราช มีความพยายามจะกบฏเพื่อกอบกู้อิสรภาพให้กับคนอิสราเอล ซึ่งมีชัยชนะในตอนต้น แต่สุดท้ายก็ตายหมด เช่น กบฏ มัทธาลิอัส กับลูกชายห้าคน และกบฏ มัคคาบี คนอิสราเอลมีภาพของผู้ช่วยกู้ แบบฮีโร่ทางการเมือง  ดังนั้น  วิธีคิดอย่างมนุษย์กำลังจะเข้าครอบงำสาวกของพระเยซู  ครั้งหนึ่ง พระเยซูทรงตำหนิเปโตรด้วยคำคล้ายๆกันนี้

มัทธิว 16:23  23 ​พระ​องค์​จึง​หัน​พระ​พักตร์​ตรัส​กับ​เปโตร​ว่า “อ้าย​ซาตาน​จง​ไป​ให้​พ้น เจ้า​เป็น​เครื่อง​กีด​ขวาง​เรา เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน มิได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า”

เปโตรไม่เข้าใจสิ่งที่พระเยซูได้เปิดเผยถึงแผนการความรอดของมนุษยชาติโดยการตายของพระองค์ เปโครอาจเพียงต้องการรักษาพระเยซูไว้เป็นผู้นำทางการเมืองก็ได้

21 ตั้งแต่​เวลา​นั้น​มา ​พระ​เยซู​ทรง​เริ่ม​เผย​แก่​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า ​พระ​องค์​จะต้อง​เสด็จ​ไป​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​จะต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​ประการ​จาก​พวก​ผู้ใหญ่ และ​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ธรรมาจารย์ จน​ต้อง​ถึง​ถูก​ประหาร​ชีวิต แต่​ใน​วันที่​สาม​พระ​องค์​จะ​ทรง​ถูก​ชุบ​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​ใหม่​22 ฝ่าย​เปโตร​เอา​มือ​จับ​พระ​องค์​ทูล​ท้วง​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า​ให้​เหตุการณ์​นั้น​อยู่​ห่างไกล​จาก​พระ​องค์​เถิด อย่า​ให้​เป็น​อย่าง​นั้น​แก่​พระ​องค์​เลย

เปโตรคิดอย่างมนุษย์ และด้วยวิธีการของมนุษย์ เปโตรจึงไม่ต้องการให้พระเยซูต้องพบกับจุดจบด้วยความตาย และเปโตรอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเยซูจะฟื้นขึ้นมาจากความตาย  เปโตรมองอย่างเดียวคือตายแล้วไม่มีฟื้น เปโตรไม่อยากสูญเสียความหวังของเขา เพราะพระเยซูคือความหวังของการกอบกู้อิสราเอล (แบบการเมือง) ในสายตาของประชาชนทั่วไป

บ่อยครั้ง เรามักมองถึงความต้องการของตัวเราเองจน ความเห็นแก่ตัวครอบงำ และ เราไม่ใส่ใจต่อน้ำพระทัยพระเจ้า ต่อแผนการของพระเจ้าสำหรับภาพรวม เราจะพบว่า เปโตรมักคิดถึงแต่ตัวเอง อย่างเช่นตอนพระเยซูจำแลงพระกาย เปโตรพูดว่า ขอให้เขาสร้างเพิงสามหลัง เพื่อจะเก็บพระเยซู โมเสส และเอลียาห์ไว้ตรงนั้น (สำหรับตน) แต่เสียงจากฟ้าบอกว่า ให้เชื่อฟังพระเยซู เป็นการบอกว่า อย่าฟังเสียงของความคิดอย่างมนุษย์ (ของตัวเอง)

พระคัมภีร์ที่เรากำลังศึกษาด้วยกันนี้ พระเยซูทรงใช้สิทธิอำนาจในการจัดการกับวิธีการของมนุษย์ ด้วยการแยกสาวกของพระองค์ออกจากมวลชนทันที และพระองค์ก็อยู่ส่งประชาชนกลับไปบ้านของตนเอง

 ใน​ขณะ​ที่​พระ​องค์​ทรง​รอ​ส่ง​ฝูง​ชน​กลับ​บ้าน23 และ​เมื่อ​ทรงให้​ฝูง​ชน​ไป​หมด​แล้ว พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ตาม​ลำ​พัง​เพื่อ​อธิษ​ฐาน เวลา​ก็​ดึก​มาก พระ​องค์​ยัง​ประ​ทับ​ที่​นั่น​แต่​ลำ​พัง

แสดงให้เห็นว่า ไม่มีประชาชนคนไหนที่จะสามารถชวนพระเยซูให้ไปกับพวกเขาได้สักคน พระเยซูส่งพวกเขากลับหมด ไม่มีอิทธิพลของคนใดสามารถชักจูงพระเยซูได้ และพระองค์ก็อยู่ตามลำพังในการอธิษฐาน วิธีการของมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการของพระเยซูได้ พระเยซูยังคงรักษาชีวิตแห่งการอธิษฐานของพระองค์

พระคัมภีร์บันทึกว่า เป็นเวลาดึกมาก พระเยซูยังคงอธิษฐาน  น่าจะเกี่ยวข้องกับสาวกที่อยู่บนเรือ กำลังเดินทางไปอีกฝากหนึ่ง ซี่งยังไม่ถึงสักที ในความมืดในทะเล  บันทึกในหนังสือมาระโกกล่าวว่า

มาระโก 6:48  48 แล้ว​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เหล่า​สาวก​ตี​กรรเชียง​ลำบาก​เพราะ​ทวน​ลม​อยู่ ครั้น​เวลา​สาม​ยาม​เศษ ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ดำเนิน​บน​น้ำ​ทะเล​ไป​ยัง​เหล่า​สาวก และ​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ดัง​จะ​เลย​เขา​ไป​

 พระเยซูทรงมองเห็นสาวกของพระองค์จากที่ที่พระองค์ทรงอธิษฐาน  วิธีการของมนุษย์ คือความพยายามเอาชนะความจำกัดของตนเอง  ในยุคของเรา มนุษย์ฉลาดขึ้น และสามารถเอาชนะความจำกัดของความเป็นมนุษย์หลายๆด้าน  แม้กระทั่งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ หรือการยืดอายุ ให้ตายช้าลง มีคนกล่าวว่า ในอนาคต โลกเราจะเต็มไปด้วยคนชรา เพราะคนสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ยาวนาน เท่าที่จะรักษาไว้ได้ คนพยายามดูแลสุขภาพให้แข็งแรง  แต่มีสิ่งเดียวที่มนุษย์ยังทำไม่ได้ คือการเอาชนะความตาย ทุกคนต้องตาย ถ้าอย่างนั้น การมีอายุยืนยาว แต่แก่หง่อม ทำอะไรไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไร

การตายอย่างโมเสสดูจะดีที่สุด คืออายุ 120 ปี แต่ตายไปในขณะที่ยังแข็งแรง ตาไม่มืดมัว สติอยู่ครบ ความจำ ความเฉียบคมของปัญญายังอยู่ครอบ นั่นคือ วิธีการของพระเจ้า ให้โมเสสตายด้วยน้ำมือของพระเจ้า และพระเจ้าก็ฝังโมเสสด้วยพระองค์เอง

เฉลยธรรมบัญญัติ 34:5-7 5 เหตุ​ฉะนั้น​โมเสส​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​เจ้า​จึง​สิ้นชีวิต​ที่​นั่น​ใน​แผ่นดิน​โม​อับ ตาม​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​เจ้า​6 และ​พระ​องค์​ทรง​ฝัง​ท่าน​ไว้​ใน​หุบ​เขา​ใน​แผ่นดิน​โม​อับ​ตรง​ข้าม​เบธ​เป​โอร์​จนถึง​ทุก​วันนี้​หา​มี​ผู้ใด​รู้จัก​ที่​ฝัง​ศพ​ของ​ท่าน​ไม่​ 7 เมื่อ​โมเสส​สิ้นชีวิต​นั้น​ท่าน​มี​อายุ​หนึ่ง​ร้อย​ยี่สิบ​ปี นัยน์ตา​ของ​ท่าน​มิได้​มัว​ไป หรือ​กำลัง​ของ​ท่าน​ก็​ไม่​ถอย​

 วิธีการของมนุษย์มักจะสวนทางกับพระเจ้า หากมนุษย์คนนั้นไม่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า วิธีการของมนุษย์คือการพยายามเอาชนะความจำกัดของตนเอง  ดูเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีก็ทำให้ขาดความเชื่อ และต้องตรอมตรมด้วยความทุกข์ ทุกวันนี้ วิธีการของมนุษย์มองที่เงินทองคือคำตอบของทุกอย่าง ซึ่งสวนทางกับวิธีการของพระเจ้า

1 ทิโมธี 6”10 10 ด้วย​ว่า​การ​รัก​เงิน​ทอง​นั้น​เป็น​มูล​ราก​แห่ง​ความ​ชั่ว​ทั้ง​มวล และ​เพราะ​ความ​โลภ​นี่​แหละ จึง​ทำ​ให้​บาง​คน​ห่างไกล​จาก​ความ​เชื่อ และ​ตรอมตรม​ด้วย​ความ​ทุกข์​

วิธีการของมนุษย์ กำลังทำให้มนุษย์มากมาย ทั้งคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า และบางคนที่รู้จักพระเจ้า ตกอยู่ในความตรอมตรมด้วยความทุกข์  เรือชีวิตของหลายคนจึงแล่นอย่างฝืดๆ  ทวนกระแสน้ำ ไปอย่างไม่คืบหน้าเท่าไร

มีคำพูดเกี่ยวกับความไม่คืบหน้า หลายสำนวน เช่น เดินหน้าสองก้าวถอยหลังสามเก้า  เคลื่อนไหว แต่ไม่เคลื่อนที่  ย่ำอยู่กับที่  มีภาษาอังกฤษประโยคหนึ่ง Not how fast but how far แปลว่า ไม่ใช่ว่ารวดเร็วแค่ไหน แต่ไปได้ไกลแค่ไหนต่างหาก

คำถามก็คือว่า วันนี้ เราไปได้ไกลแค่ไหน หรือกำลังตีกรรเชียงทวนกระแสน้ำ กระแสคลื่น ไปไม่ถึงฝั่ง  เดินบนน้ำ คือคำตอบสุดท้าย

2.วิธีอย่างพระเยซูคริสต์  มัทธิว 14:25-33

25 เมื่อ​เวลา​ใกล้​รุ่ง​เช้า พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​บน​ทะเล​ไป​ยัง​พวก​สา​วก26 เมื่อ​สา​วก​เห็น​พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​มา​บน​ทะเล เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​แตก​ตื่น​พูด​กัน​ว่า​ต้อง​เป็น​ผี และ​ร้อง​ด้วย​ความ​กลัว  27 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ทัน​ที​ว่า “ทำ​ใจ​ดี​ดี​เถิด นี่​เรา​เอง อย่า​กลัว​เลย”28 เปโตร​จึง​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ถ้า​เป็น​พระ​องค์​แน่​แล้ว ขอ​ตรัส​ให้​ข้า​พระ​องค์​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​องค์”29 พระ​องค์​ตรัส​ว่า “มาเถิด” เปโตร​จึง​ลง​จาก​เรือ​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​เยซู

ในตอนนี้ พระเยซูทรงเดินไปยังสาวกที่กำลังต่อสู้กับแรงลม และความฝืดของเรือที่แล่นไปด้วย ความจำกัดของตนเอง

มาระโก 6:48  48 แล้ว​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เหล่า​สาวก​ตี​กรรเชียง​ลำบาก​เพราะ​ทวน​ลม​อยู่ ครั้น​เวลา​สาม​ยาม​เศษ ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ดำเนิน​บน​น้ำ​ทะเล​ไป​ยัง​เหล่า​สาวก และ​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ดัง​จะ​เลย​เขา​ไป​

จะเห็นว่า พระเยซูทรงดำเนินไปยังสาวก แต่พระองค์ไม่ได้ไปเพื่อลงเรือกับสาวก พระคัมภีร์ตอนนี้บันทึกว่า พระเยซูเดินไปยังเรือของสาวก และเดินเลย คือเดินนำหน้าสาวก เหมือนจะเลยไป แต่ไม่เลย พระเยซูกำลังรอให้สาวกติดตามพระองค์ด้วยวิธีการของพระองค์  ครั้งแรกสาวกจำพระเยซูไม่ได้ เพราะสาวกยังใหม่ในการติดตาม

 26 เมื่อ​สา​วก​เห็น​พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​มา​บน​ทะเล เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​แตก​ตื่น​พูด​กัน​ว่า​ต้อง​เป็น​ผี และ​ร้อง​ด้วย​ความ​กลัว 

ความใหม่ในการติดตาม สาวกไม่เคยมีประสบการณ์แปลกใหม่นี้ ความคิดอย่างมนุษย์คิดแต่ว่า มีแต่ผี คือไม่ใช่คนที่จะเดินบนน้ำได้ สาวกกลัว เพราะว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขาอาจเคยได้ยินว่า ผีน่ากลัว คำว่า ผี คือ วิญญาณ ที่จับต้องไม่ได้ มองได้แค่ตา ประสบการณ์ที่ไม่เคยมี ทำให้กลัว

 27 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ทัน​ที​ว่า “ทำ​ใจ​ดี​ดี​เถิด นี่​เรา​เอง อย่า​กลัว​เลย”

พระเยซูทรงปลอบสาวก ให้หายกลัว  ทำใจดีดี  รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า จงกล้าหาญเถิด  อย่ากลัวเลย เป็นคำเดียวกันกับที่โมเสสหนุนใจคนอิสราเอลกับโยชูวา ก่อนที่โมเสสจะตาย และเป็นคำเดียวกันที่พระเจ้าทรงตรัสกับโยชูวาด้วยพระองค์เอง หลังจากโมเสสตาย ว่า จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเขาแล้ว เช่นเดียวกัน พระเยซูทรงตรัสกับสาวกขณะที่พวกสาวกกำลังต่อสู้กับแรงลม และแรงต้านไม่ให้เรือเคลื่อนต่อไป แล้วยังเจอกับประสบการณ์ที่ทำให้กลัว พระเยซูทรงสำแดงว่า คือพระองค์เอง  คำว่า ทำใจดีดี คือการสื่อสารกับความคิดของสาวก ที่กำลังกลัว

พี่น้อง หากท่านกำลังอยู่ในความกลัวอะไรก็ตามในชีวิต ท่านกำลังหวั่นไหว วิตก และกลัว ขอให้เสียงของพระเยซู ตรัสกับความคิดของท่าน ทำใจดีดี จงกล้าหาญ อย่ากลัวเลย พระเยซูอยู่ใกล้แล้ว นี่คือวิธีการของพระเยซูในการนำพาชีวิตของเราทุกคนให้สามารถที่จะไปได้ไกลกว่าเดิม ฟังดีๆ ไม่ใช่ให้ใช้วิธีเดิมในการต่อสู้กับแรงต้าน แรงลมที่ทำให้ไปได้ไม่ไกล เป้าหมายของเราคือไปได้ไกล ไม่ใช่การเอาชนะแรงต้าน  หรือลดแรงต้าน

เรามักเข้าใจผิด คำว่าแรงต้าน เกิดขึ้นในหลายมิติ  แรงต้าน อาจเกิดในมิติของการต่อต้านของคน แรงต้านอาจเกิดในมิติของวิถีการทำธุรกิจ ความสัมพันธ์กับคน ความสัมพันธ์ของการค้า ความสัมพันธ์ความเป็นครอบครัว และในมิติฝ่ายวิญญาณ มิติฝ่ายร่างกาย สุขภาพที่แย่ๆ  แทนที่จะสุขภาพดี ความสัมพันธ์ที่แย่ๆ แทนที่จะสัมพันธ์ดี หรือเศรษฐกิจแย่ๆ แทนที่จะเศรษฐกิจดี หรือความขัดสน แทนที่จะมีพอดีๆ หรือมีมากเผื่อความจำเป็น แรงต้านเหล่านี้เกิดจากอะไรก็ตาม เราสามารถบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่เกินความจำกัดของเราเอง เราจะทำอย่างไร จงสยบความกลัว ที่เกิดขึ้น และมองหาพระเยซูในชีวิตของเรา เราจะพบ พระเยซูทรงดำเนินอยู่เหนือแรงต้าน และที่พระองค์เสด็จดูเหมือนจะเลยไป คือการนำหน้าให้เราก้าวออกเรือ และฝ่าแรงต้านนั้น และเดินไปกับพระองค์ นี่แหละคือ ประสบการณ์เดินบนน้ำ ที่เปโตรขอพระเยซูให้เขาสามารถเดินไปกับพระองค์ได้

 28 เปโตร​จึง​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ถ้า​เป็น​พระ​องค์​แน่​แล้ว ขอ​ตรัส​ให้​ข้า​พระ​องค์​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​องค์”29 พระ​องค์​ตรัส​ว่า “มาเถิด” เปโตร​จึง​ลง​จาก​เรือ​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​เยซู

เปโตรได้พูดคุยกับพระเยซู และขออนุญาตเดินไปกับพระเยซู และเมื่อพระเยซูอนุญาต เปโตรก็สามารถเดินออกจากเรือที่มีแรงต้าน และมุ่งหน้าไปหาพระเยซูเพื่อจะเดินไปกับพระองค์  พระคัมภีร์บันทึกตอนนี้ว่า เปโตรเดินบนน้ำได้  เปโตรกำลังใช้วิธีการของพระเยซู เขาสามารถไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็น  เปโตรเดินบนน้ำ (ผิวน้ำ) โดยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู เปโตรเดินบนน้ำได้เหมือนพระเยซู  เขาไปได้ไกล และกำลังเคลื่อนอย่างไร้ขีดจำกัด นี่คือวิธีการของพระเยซูที่บอกกับเราในวันนี้ว่า หากเรากำลังพบแรงต้านของชีวิต จงเดินบนน้ำ พระเยซูไม่ลงเรือลำเดียวกันกับเรา เพราะต้องการให้เราออกจากเรือที่มีแรงต้าน และเดินไปกับพระองค์ ด้วยวิธีการของพระองค์

สิ่งหนึ่งที่เรามักจะไม่เข้าใจ  มีแต่ภาพให้พระเยซูมาอยู่บนเรือของเราเพราะความกลัวตาย ด้วยความสงสัยอย่างเปโตรในย่างก้าวต่อไป  ทำให้จมลง

 3.อย่าสงสัย   มัทธิว 14:30-33

30 แต่​เมื่อ​เขา​เห็น​ลม​พัด​แรง​ก็​กลัว และ​เมื่อ​กำ​ลัง​จะ​จม​ก็​ร้อง​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ช่วย​ข้า​พระ​องค์​ด้วย”31 พระ​เยซู​จึง​เอื้อม​พระ​หัตถ์​จับ​เขา​ไว้​ทัน​ที แล้ว​ตรัส​ว่า “ช่าง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ท่าน​สง​สัย​ทำ​ไม?”32 เมื่อ​พระ​องค์​กับ​เปโตร​ขึ้น​เรือ​แล้ว ลม​ก็​สงบ​ลง33 พวก​ที่​อยู่​ใน​เรือ จึง​มา​กราบ​นมัส​การ​พระ​องค์ ทูล​ว่า “พระ​องค์​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​จริง​แล้ว”

ความสงสัยของเปโตร ทำให้พระเยซูต้องพาเปโตรกลับขึ้นเรือ และพระองค์ก็ต้องขึ้นเรือมากับเปโตรด้วย ทำให้สาวกคนอื่นๆขาดประสบการณ์ ที่จะเดินบนน้ำไปกับพระเยซู  บางทีความกลัวของเรา ความสงสัยของเราไม่ได้แค่จำกัดตัวเราจากประสบการณ์ ในการเดินบนน้ำกับพระเยซู  แต่ยังทำให้คนรอบข้างไม่ได้มองเห็นชีวิตของเราที่เดินไปบนน้ำกับพระเยซูด้วย  น่าเสียดาย แม้ลมจะสงบลง แต่เรือก็ยังไปช้า แบบเรือที่ต้องเจอกับแรงฝืดของน้ำ กับท้องเรือ  ระวังความสงสัย ที่ทำให้มีผลกับคนรอบข้าง

31 พระ​เยซู​จึง​เอื้อม​พระ​หัตถ์​จับ​เขา​ไว้​ทัน​ที แล้ว​ตรัส​ว่า “ช่าง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ท่าน​สง​สัย​ทำ​ไม?”

เปโตรมีความเชื่อ แต่ความเชื่อนั้น ไม่มากเพียงพอที่จะชนะความสงสัยได้ ความเชื่อสามารถเคลื่อนภูเขาตรงหน้า ไปได้ แต่ไม่สามารถชนะความสงสัย ความสงสัย คืออุปสรรคที่จะได้รับสิ่งดีจากพระเจ้า  ในหนังสือยากอบได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

ยากอบ 1:6ข-7 ….เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​สงสัย​เป็น​เหมือน​คลื่น​ใน​ทะเล​ซึ่ง​ถูก​ลม​พัด​ซัด​ไป​มา​7 ผู้​นั้น​จง​อย่า​คิด​ว่า​จะ​ได้รับ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​เจ้า​เลย​

มีคริสเตียนไม่น้อยที่ใช้ความเชื่อแค่ครึ่งทาง คือสามารถฝ่าฟัน ทะลุทะลวง และเคลื่อนภูเขาตรงหน้าไปได้ แต่ไปต่อไม่ได้ ใช้ความเชื่อต่อไม่ได้ ความเชื่อจะต้องใช้เพื่อต่อสู้กับความสงสัย เพื่อจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า  มีสิ่งดีๆมากมายที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา เช่นสติปัญญา ความสามารถ ในการที่จะรับสิ่งดี

ยากอบ 1:5 5 ถ้า​ผู้ใด​ใน​พวก​ท่าน​ขาด​สติปัญญา ​ก็​ให้​ผู้​นั้น​ทูล​ขอ​จาก​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย​พระ​กรุณา​และ​มิได้​ทรง​ตำหนิ แล้ว​ผู้​นั้น​ก็​จะ​ได้รับ​สิ่ง​ที่​ทูล​ขอ​

เราจะพบกุญแจสำคัญ คือคำว่า แล้ว​ผู้​นั้น​ก็​จะ​ได้รับ​สิ่ง​ที่​ทูล​ขอ​  ยากอบสอนเรื่องการขอที่จะได้รับสิ่งดีจากพระเจ้า ต้องไม่สงสัย และยากอบได้สอนว่า การขอที่ไม่ได้รับคือขอไปเพื่อสนองกิเลศตัณหาของตนเอง

ยากอบ 4:3 3 ท่าน​ขอ​และ​ไม่ได้​รับ เพราะ​ท่าน​ขอ​ผิด หวัง​ได้​ไป​เพื่อ​สนอง​กิเลส​ตัณหา​ของ​ท่าน​

ระวังความสงสัย ที่เราอาจคิดอย่างมนุษย์ จงคิดอย่างพระเยซูคริสต์ และเรียนรู้จากพระองค์ ด้วยวิธีการเดินบนน้ำนี้ เราจะมีประสบการณ์การใช้ความเชื่อที่จะสามาถทะลุทะลวงอุปสรรคทุกอย่างไปได้ อย่างไร้ขีดจำกัด จงฟังเสียงของพระเยซู และเดินไปกับพระองค์ สังเกตว่า เวลานี้ พระเยซูอยู่ในเรือกับเรา เพราะอะไร แค่เรื่องของปากท้องอย่างที่พระเยซูช่วยเปโตรหาปลา หรือเรื่องของชีวิตที่เดินไปกับพระเยซู ต้องเดินบนน้ำ  เราจึงจะชนะทุกปัญหาได้

 28 เปโตร​จึง​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ถ้า​เป็น​พระ​องค์​แน่​แล้ว ขอ​ตรัส​ให้​ข้า​พระ​องค์​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​พระ​องค์”

 “สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…เดินบนน้ำ”

  1. วิธีอย่างมนุษย์ 
  2. วิธีอย่างพระเยซูคริสต์ 
  3. อย่าสงสัย  

 

เพลง

 

By admin