“ประหลาดใจ” (Surprise)
คำว่า เซอร์ไพร์ส Surprise แปลว่า ประหลาดใจกับสิ่งที่ไม่คาดคิด มีความหมายได้สองแง่ทั้งบวกและลบ ประหลาดใจในแง่ลบก็คือ ไม่ได้คาดหวังให้เกิด ก็ดันเกิด ไม่คาดหวังว่าจะต้องจ่ายก็ต้องจ่าย ไม่มีคิดว่าจะเสียหาย ก็เกิดความเสียหาย แต่ในแง่บวก ความประหลาดใจเกิดขึ้นกับสิ่งที่ไม่กล้าที่จะคาดหวัง ก็ได้เกินจากที่คาดหวัง ในที่นี้มีกี่คนที่ไม่กล้าที่จะคาดหวัง กับสิ่งที่เป็นบวก เพราะกลัวผิดหวัง
ฮีบรู 11:1 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
คริสเตียนเกิดมาบนหลักของความเชื่อ และเพื่อจะพบกับคำว่า ประหลาดในใจในทางบวกมากกว่าทางลบ และไม่ใช่นานๆครั้ง แต่บ่อยๆครั้งจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงทำสิ่งใหม่ๆ และเกินจากที่เราจะคาดคิดในทางบวก
อิสยาห์49:18-21 18 จงเงยหน้าเงยตาขึ้นดูรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่ตราบใด เจ้าจะสวมเขาทั้งหลายไว้หมดอย่างเครื่องอาภรณ์ เจ้าจะผูกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์ 19 “แน่ละ ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า แน่ะละ เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับชาวเมืองของเจ้า และบรรดาผู้ที่กลืนเจ้าจะอยู่ห่างไกล 20 เด็กที่เกิดในยามที่เจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตาย จะพูดที่หูของเจ้าว่า ‘ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่ให้ฉันอยู่’ 21 แล้วเจ้าจะว่าในใจของเจ้าว่า ‘ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตายและเป็นหมัน ถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้ ดูเถิด เราถูกทิ้งอยู่แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน’ ”
สภาพของคนอิสราเอล ในสมัยของอิสยาห์ เรียกว่า ตกต่ำมากๆ ต่ำชนิดสุดๆ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทำให้พวกเขาประหลาดแบบเซอร์ไพร์ส ชนชาติที่แทบจะสูญพันธ์ หมดสิ้นทุกอย่าง กลับฟื้นตัวกลับมาขึ้นมาได้อีก
เอเสเคียล 37:5-10 5 พระเจ้าตรัสดังนี้แก่กระดูกเหล่านี้ว่า ดูเถิด เราจะกระทำให้ลมหายใจเข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต6 เราจะวางเส้นเอ็นไว้บนเจ้าและจะกระทำให้เนื้อมีมาบนเจ้า และเอาหนังคลุมเจ้า และบรรจุลมหายใจในเจ้าและเจ้าจะมีชีวิต และเจ้าจะทราบว่า เราคือพระเจ้า”7 ข้าพเจ้าก็เผยพระวจนะดังที่ข้าพเจ้าได้รับบัญชา เมื่อข้าพเจ้าเผยอยู่นั้นก็มีเสียง และดูเถิด เป็นเสียงกรุกกริก กระดูกเหล่านั้นก็เข้ามาหากันตามที่ของมัน8 และเมื่อข้าพเจ้ามองดูก็เห็นมีเอ็นบนมัน และเนื้อก็มาที่กระดูก และหนังก็มาหุ้มกระดูกไว้แต่ไม่มีลมหายใจในนั้น9 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยพระวจนะแก่ลมหายใจ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเผยเถิด จงกล่าวแก่ลมหายใจว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ลมหายใจเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ มาหายใจเข้าไปในคนที่ถูกฆ่าเหล่านี้เพื่อให้เขามีชีวิต”10 ข้าพเจ้าก็เผยพระวจนะดังที่ทรงบัญชาแก่ข้าพเจ้า และลมหายใจก็เข้ามาในกระดูก และกระดูกก็มีชีวิต แล้วก็ยืนขึ้นเป็นกองทัพใหญ่โตจริงๆ
ใครจะคิดว่า คนตายไปแล้วจะฟื้นได้ ธุรกิจที่ไปต่อไม่ได้ กลับขยายเติบโต ครอบครัวที่แตกแยกกลับมาคืนดี ความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้น กลับมาเชื่อมต่อ นี่คือความประหลาดใจที่พระเจ้าที่เคยทรงกระทำกับคนอิสราเอลในอดีต และจะทรงทำกับพวกเราผู้เป็นอิสราเอลฝ่ายวิญญาณในปัจจุบัน พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อทำให้ผู้คนมากมายประหลาดใจ และในวันนี้ พระองค์ยังคงกระทำสิ่งที่เกินจากที่เราจะคาดคิดได้ บทเรียนที่เราจะศึกษาจากพระคัมภีร์ในหนังสือพระกิตติคุณลูกา
ลูกา 5:1-11 1 ครั้งเมื่อประชาชนกำลังเบียดเสียดพระองค์เพื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า พระองค์ทรงยืนอยู่ที่ฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท2 และพระองค์ทรงเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมฝั่งทะเลสาบนั้น แต่ชาวประมงขึ้นจากเรือแล้วกำลังซักอวนอยู่3 พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่ง เป็นเรือของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยไปจากฝั่งหน่อยหนึ่ง แล้วพระองค์ทรงนั่งลงสอนประชาชนจากเรือนั้น4 เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว จึงตรัสแก่ซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึก หย่อนอวนลงจับปลา”5 ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์”6 เมื่อเขาหย่อนลงแล้วก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนของเขากำลังปริ7 เขาจึงทำสำคัญแก่เพื่อนที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย เขาก็มาช่วย แล้วได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำ จนเรือเพียบ8 ฝ่ายซีโมนเปโตรเมื่อเห็นดังนั้น ก็กราบลงที่พระชานุของพระเยซูทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพระองค์เถิด เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป”9 เพราะว่าเขากับคนทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันประหลาดใจด้วยปลาเป็นอันมากที่เขาจับได้นั้น10 ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดีผู้ร่วมงานกับซีโมน ก็ประหลาดใจเหมือนกัน พระเยซูตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน”11 เมื่อเขานำเรือมาถึงฝั่งแล้ว เขาก็สละสิ่งสารพัดทิ้ง ตามพระองค์ไป
ในเหตุการณ์ตอนนี้ เราจะเห็นสภาพของพระเยซูที่ถูกประชาชนห้อมล้อม ลูกาผู้บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ใช้คำว่า เบียดเสียด แปลว่า กดทับ สร้างความไม่คล่องตัวให้กับพระเยซูในการเทศนาสั่งสอน เพราะประชาชนติดตามพระเยซูไปทุกที่ เพื่อจะฟังคำสอนที่แตะใจ นำสู่สำนึกคิดถึงพระเจ้า และพระเมตตาของพระองค์ ได้ฟังแล้วมีกำลังใจ มีความหวัง มีพลังชีวิต สภาพการติดตามพระเยซูจึงเป็นการอยากเข้าใกล้ชิด จนต้องเบียดเสียด เหมือนกับการแย่งชิงของบริจาค ที่เราเห็นในยุคของเรา ผู้คนหิวกระหายอยากฟังคำสอนดีๆ อุปสรรคของยุคโบราณคือไม่มีเครื่องขยายเสียงและไม่อุปกรณ์ถ่ายทอดสด พระเยซูเสด็จไปถึงชายทะเล จนได้มองเห็นทางออก คือเรือของชาวประมงสองลำที่จอดอยู่ ชาวประมงกำลังซักอวนอยู่
3 พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่ง เป็นเรือของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยไปจากฝั่งหน่อยหนึ่ง แล้วพระองค์ทรงนั่งลงสอนประชาชนจากเรือนั้น
เป็นการพบกันครั้งแรกของเปโตรกับพระเยซู และพระเยซูได้เสด็จลงเรือของเปโตร ขอใช้เรือของเขาเป็นธรรมาสเพื่อเทศนาสั่งสอน เรือของเปโตรทำให้พระเยซูมีความคล่องตัวในการทำพันธกิจของพระองค์ เรือของเปโตรคืออุปกรณ์ชิ้นใหญ่ที่สุดในการทำมาหากินของเปโตร หากจะพิจารณาดูสถานการณ์เรือของเปโตรเวลานั้น มันพาเปโตรออกไปในทะเล เพื่อจะจับปลา แต่เรือของเปโตรไม่มีปลาสักตัว เรือของเปโตรมีศักยภาพในการพาออกไปหาปลา แต่ไม่สามารถจับปลาได้ มีที่จะใส่ปลา เก็บปลา แต่ไม่มีปลาให้ใส่ ให้เก็บ สำหรับชาวประมงที่กลับมามือเปล่า ถือว่า เป็นการพบกับความประหลาดใจในทางลบ ที่ตรงกันข้ามกับความคาดที่จะได้ปลา เรือของเปโตรตอนนี้จึงถูกดัดแปลงเป็นธรรมมาสตร์ของพระเยซู
4 เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว จึงตรัสแก่ซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึก หย่อนอวนลงจับปลา”
น่าประหลาดใจสำหรับเปโตรที่หลังจากให้พระเยซูใช้เรือของเขาทำพันธกิจ พระเยซูเรียกให้เปโตรออกเรือไปหาปลาอีกครั้ง
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า พระเจ้าไม่เคยยืมใครใช้งานฟรีๆ พระองค์มักตอบแทนคนๆที่ให้พระเจ้ายืม
สุภาษิต 19:17 17 บุคคลที่เอ็นดูคนยากจนก็ให้พระเจ้าทรงยืม และพระองค์จะทรงตอบแทนแก่การกระทำของเขา
สุภาษิต 18:8 8 บุคคลที่เพิ่มทรัพย์ศฤงคารของตนด้วยดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม พระเจ้าจะทรงเอาทรัพย์นั้นไปจากเขา เพื่อเพิ่มแก่คนที่เอ็นดูคนยากจน
พระเยซูเรียกให้เปโตรออกเรือที่เขาให้พระเยซูยืมทำพันธกิจ เพื่อจะตอบแทนเปโตรด้วยปลาที่จับได้ แต่….
5 ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์”
เปโตรอธิบายว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะจับปลาได้ และเปโตรก็ไม่ได้ต้องการค่าแทนจากพระเยซู ซึ่งพระองค์ไม่ใช่ชาวประมง การตอบแทนด้วยปลาอย่างคนที่ไม่ใช่ชาวประมง มันเป็นไปไม่ได้เลย เปโตรกำลังสื่อสารความคิดที่ไม่คาดหวังการตอบแทนจากพระเยซูด้วยวิธีที่เขาคิดว่า แม้ตัวเขาจะถนัดที่สุดยังล้มเหลว ในสมองของเปโตรมีแต่คำว่า เป็นไปไม่ได้ ล้มเหลว และล้มเหลว ไม่คาดหวังความสำเร็จจากเรือที่เขามีประสบการณ์ความล้มเหลว
นี่คือวิธีคิดของคนที่กลัวความล้มเหลว กลัวความผิดหวัง และด้วยความเชี่ยวชาญในอาชีพของตนเอง ชัวร์ คาดหวังความล้มเหลวได้เลย ไม่มีเซอไพร์ส แต่ยังดีว่า เปโตรยังมีช่องนิดๆในการเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซู แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์”
การที่จะเดินไปสู่ประสบการณ์ความประหลาดใจในทางบวก เราต้องมีช่องทางนี้อย่างเปโตร ข้าพเจ้าเชื่อว่า คริสเตียนที่เข้มแข็งในความเชื่อทุกคนต้องผ่านประสบการณ์ของก้าวแรกแห่งการมีช่องนิดๆในการเชื่อฟังคำของพระเยซู ก่อนที่จะช่องนิดๆนี้จะเปิดกว้างขึ้น มากขึ้น ตามประสบกาณ์ความประหลาดใจที่เป็นบวกจากพระเจ้า บุคคลในพระคัมภีร์เดิมพบกับความประหลาดใจเกินจากที่พวกเขาจะคาดคิด เพราะพวกเขามีความเชื่อ
ฮีบรู 11:32-34 32 และข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรต่อไปอีกเล่า เพราะไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึง กิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด และซามูเอล และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย33 เพราะความเชื่อท่านเหล่านั้นจึงได้มีชัยเหนือดินแดนต่างๆ ได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับผลของพระสัญญา ได้ปิดปากสิงห์34 ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง ได้พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่านก็กลับเป็นความเข้มแข็ง มีกำลังความสามารถในการทำสงคราม ได้ตีกองทัพประเทศอื่นๆ แตกพ่ายไป
ฮีบรู 11:1 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
แม้กาลเวลาจะผ่านนับพันปี พระเจ้ายังคงดำรงอยู่จนถึงเราในวันนี้ และต่อไปเป็นนิจ เราทั้งหลายในวันนี้ เรากำลังดำเนินชีวิตให้พระเจ้าผ่านเราไป หรือเรากำลังให้พระเจ้าดำรงอยู่ในเราและพาเราไปด้วยกันกับพระองค์ มีประสบการณ์กับความประหลาดใจอย่างที่เปโตรและสาวกคนอื่นๆของพระเยซูได้รับ บทเรียนสำหรับเราในวันนี้ กับคำว่า ประหลาดใจ กับสิ่งที่คิดไม่ถึง หรือกับสิ่งที่คิดแต่ไม่กล้าไปถึง
1.ประหลาดใจในทางบวก(คิดแต่ไม่กล้าไปถึง)
6 เมื่อเขาหย่อนลงแล้วก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนของเขากำลังปริ7 เขาจึงทำสำคัญแก่เพื่อนที่อยู่ในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย เขาก็มาช่วย แล้วได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำ จนเรือเพียบ
อาชีพของเปโตรที่ดูเหมือนวันนั้นตายสนิท กลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ชนิดเป็นพระพรกับเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกัน คือให้มาแบ่งเอาปลาในอวนของเปโตรด้วย คนเดียวทำไม่ไหว และเมื่อเอาปลาขึ้นเรือสองลำ เรือของเปโตร และเรือของเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกัน พระคัมภีร์บรรยายสภาพเรือว่า กำลังจะจม คือปริ่มน้ำ เพราะน้ำหนักของจำนวนปลาที่ติดอวน มันมากมายเกินความคาดหมาย
วันนี้ มีความคาดหวังในสมองของเราแบบไหน ข่าวสารรอบข้างมีแต่ความคิดว่า แย่แล้ว ตายแน่ ไปไม่ได้รอด จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ไม่กล้าที่จะคาดหวังคำว่า เซอไพร้สที่เป็นบวก มีแต่จะต้องระวังอย่าให้เซอไพร้สที่เป็นลบเกิดขึ้น และถ้าเซอไพร้สที่เป็นลบเกิดขึ้น ก็คิดต่อ คิดมาก อย่างที่ข้าพเจ้าเขียนสูจิบัตรในวันนี้ อย่าคิดมาก ขยันคิดคือการคิดให้สอดคล้องกับพระวจนะ และน้ำพระทัยของพระเจ้า คิดมากคือคิดบั่นทอน ให้เกิดแต่ความวิตกกังวล เป็นทุกข์ ขยันคิดให้สอดคล้องกับพระวจนะ ทำให้เกิดความสุข เกิดความชื่นชมยินดี
ฟิลิปปี 4:8-9 8 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู 9 จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน
พระคัมภีร์ฟิลิปปีคือจดหมายที่เรียกว่า จดหมายจากคนติดคุก Prisoner letter คนที่ถูกจับติดคุกอย่างเปาโล เพราะถูกยัดข้อหาเท็จ แต่เขียนหนุนใจคนอยู่นอกคุกให้มีความชื่นชมยินดี และคิดถึงสิ่งที่ดี ทำได้อย่างไร จดหมายฉบับนี้ยังคลาสสิคมาถึงเราในยุคนี้
ฟิลิปปี 4:4,6-7 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด…6 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ7 แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
คำว่า เกินความเข้าใจ อาจส่งผลให้เกิดความประหลาดว่า ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเผชิญด้วยอารมณ์ที่เย็น และนิ่งได้ ก็สามารถทำได้ เพราะสันติสุขที่เกินความเข้าใจ คุ้มครองความคิดและจิตใจ ไม่ต้องหาเหตุผล ไม่ต้องอธิบาย เพื่อจะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่สามารถ สันติสุขที่เกินความเข้าใจ คือช่องทางที่จะเผชิญและรับมือกับความประหลาดใจในทางลบ
2.ประหลาดใจในทางลบ(คิดไม่ถึง)
8 ฝ่ายซีโมนเปโตรเมื่อเห็นดังนั้น ก็กราบลงที่พระชานุของพระเยซูทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพระองค์เถิด เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป”
มีคำพูดหนึ่ง กล่าวว่า ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเวลา ยิ่งเราอยู่ในความจริงของพระเจ้า เรายิ่งมองเห็นความจริงที่น่าเกลียดในตัวเราที่ต้องจัดการ การพบกับความประหลาดใจในทางลบ ที่ไม่เคยคิด ว่าจะค้นพบการตอบสนองต่อสถานการณ์ในทางลบของตนเองที่ไม่ดี ไม่น่าชื่นชมเท่าไร แต่นั่นก็คือการเรียนรู้จักตนเองมากขึ้น อย่างเปโตรที่ในเหตุการณ์เดียวกันที่เขามองพระเยซูอย่างประเมินพระเยซูต่ำกว่าที่พระองค์เป็น แต่เมื่อพระเยซูทรงสำแดงสิ่งอัศจรรย์เกินจากที่เขาคาดคิด เป็นความประหลาดใจในทางบวก เปโตรพบกับความประหลาดใจในทางลบของตนเอง
การค้นพบว่าตนเองคิดและคาดผิดตั้งแต่ต้น คือความประหลาดใจที่หลายคนไม่อยากแสดงออก และเก็บซ่อนไว้ กลัวเสียหน้า เสียฟอร์ม สำหรับเปโตรและชาวประมงทุกคนที่อยู่ในเรือ ต่างเสียฟอร์มไปหมดแล้ว ในตอนต้นที่คิดว่าแน่ และเก่งในเรื่องการคาดคะเนเรื่องปลาในทะเล ที่จะมีให้จับและไม่มีให้จับ (ตอนพระเยซูบอกให้ออกเรืออีกครั้ง ไปจับปลา ) ชาวประมงที่มีประสบการณ์ประหลาดในทางลบ กับอาชีพ ตอนนี้มีความประหลาดใจกับตนเอง ที่ประเมินพระเยซูผิดไปถนัด
ประหลาดใจในทางลบ คือการพบว่า ตนเองที่คิดว่าแน่ ยังมีแน่กว่า คือพระเยซู ดังนั้น ความประหลาดใจในทางลบที่ค้นพบตัวตนของตนเอง คือความประหลาดใจในทางลบที่สร้างสรรค์ อย่ากลัวความประหลาดใจใดๆ อย่างเปาโลได้พบกับความประหลาดในเส้นทางสู่ดามัสกัส เพื่อจะไปจับคริสเตียน ข่มเหงคริสเตียน แต่เปาโลกลับพบว่า เขากำลังต่อต้านพระเจ้าที่เขาคิดว่าเขากำลังปรนนิบัติ ความประหลาดใจในทางลบของเซาโลได้ทำให้เขาต้องหันกลับจากวีถีทางเดิม เขาต้องตาบอด ให้คนจูงนำทาง และเข้าไปในเมืองดามัสกัส และต้องอาศัยคริสเตียนอย่างอานาเนียมาอธิษฐานเผื่อทำให้ตาของเขามองเห็นได้อีก เป็นความประหลาดใจในทางลบที่เสียศักดิ์ศรีมากสำหรับเซาโล พระเจ้าทรงให้เซาโลต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในทางลบ เพื่อจะใช้เซาโลถวายเกียรติแด่พระองค์ เป็นภาชนะที่พระเจ้าทรงใช้การได้
กิจการ 9: 19-22 เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ในเมืองดามัสกัสหลายวัน20 ท่านไม่ได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา กล่าวเรื่องพระเยซูว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า”21 คนทั้งหลายที่ได้ยินก็พากันประหลาดใจ แล้วว่า “คนนี้มิใช่หรือที่ได้ทำร้ายคนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่อธิษฐานออกพระนามนี้ และเขามาที่นี่หวังจะผูกมัดพวกนั้นส่งให้พวกมหาปุโรหิต”22 แต่เซาโลยิ่งมีกำลังทวีขึ้น และทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกัสนิ่งอั้นอยู่ โดยพิสูจน์ให้เขาเห็นแน่ว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์
นี่คือการตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่คาดคิดในทางลบของเซาโล ทำให้คริสเตียนต่างประหลาดใจ
3.สร้างความประหลาดใจระดับสูงสุด
9 เพราะว่าเขากับคนทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันประหลาดใจด้วยปลาเป็นอันมากที่เขาจับได้นั้น10 ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดีผู้ร่วมงานกับซีโมน ก็ประหลาดใจเหมือนกัน พระเยซูตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน”11 เมื่อเขานำเรือมาถึงฝั่งแล้ว เขาก็สละสิ่งสารพัดทิ้ง ตามพระองค์ไป
เปโตร ยากอบ ยอห์น และชาวประมงคนอื่น ๆต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาชีพของเขา พระเยซูทรงเรียกเปโตร (ซีโมน) ให้ติดตามพระองค์ สำนวนคำว่า พระเยซูตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน” คือการเชิญชวนให้ติดตามพระเยซู เป็นนักเรียนของพระเยซู ในการจับคน คือการให้มาร่วมงานกับพระเยซู ในการทำพันธกิเกี่ยวกับชีวิตคน นำคนกลับใจใหม่ เลิกทำบาป นำคนไปสู่ความรอดในพระเจ้า เป็นความน่าประหลาดใจที่พระเยซูทรงทำกับเปโตรระดับสูงสุด คือการเรียกให้ใกล้ชิดพระองค์ในฐานะผู้ร่วมงาน ขณะที่ก่อนหน้านี้ เปโตรทูลพระเยซูว่า ขอทรงอยู่ห่างจากตัวของเขา
8 ฝ่ายซีโมนเปโตรเมื่อเห็นดังนั้น ก็กราบลงที่พระชานุของพระเยซูทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพระองค์เถิด เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป”
แต่พระเยซูทรงเรียกซีโมนเปโตรให้ไปกับพระองค์ และเขาก็ได้เป็นศิษย์เอก ผู้ใกล้ชิดพระเยซู และอีกสองคน คือยากอบ และยอห์น ก็ติดตามไปด้วย ชาวประมงสามคนได้สร้างความประหลาดระดับสูงสุดให้กับคนรอบข้าง ก็คือ การตัดสินใจทิ้งอาชีพ และถวายตัวติดตามพระเยซูไป
วันนี้ พันธกิจ 360 องศา โฟกัส 4//14 ของคริสตจักรเรา กำลังเป็นเสียงเรียกของพระเยซูให้เราติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด ชาวประมงสามคน เปโตร ยากอบ และยอห์น ทั้งสามคนเป็นคนที่พระเยซูมักเรียกให้ติดตามแยกตัวเฉพาะใช้เวลากับพระองค์ และพบกับเรื่องน่าประหลาดใจระดับสูงสุด คือได้เห็นการจำแลงพระกายของพระเยซู และได้เห็นโมเสส เอลียาห์มานั่งคุยกับพระเยซู ขอให้เราทั้งหลายเป็นคนที่ไม่เพียงคาดหวังที่จะพบกับความประหลาดใจในทางบวก แต่เราก็มีกำลังที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในทางลบ และเป็นคนที่สร้างความประหลาดใจระดับสูงสุดแก่คนรอบข้างในการติดตามพระเยซูอย่างใกล้ชิด อาเมน
“ประหลาดใจ” (Surprise)
1.ประหลาดใจในทางบวก (คิดแต่ไม่กล้าไปถึง)
2. ประหลาดใจในทางลบ (คิดไม่ถึง)
3.สร้างความประหลาดใจระดับสูงสุด