“ขยันคิด…ไม่ใช่คิดมาก”
สวัสดีพี่น้องที่รักในพระคริสต์ เมื่อวันศุกร์เรามีอธิษฐาน พระวิญญาณทรงเคลื่อนไหว และประทานถ้อยคำคำว่า ให้เราขยันคิด คือคิดให้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า สอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ไม่ใช่คิดมาก สำนวนไทยเราใช้คำว่า คิดมาก กับความสัมพันธ์กับคน คิดว่า คนเขาจะรู้สึกและคิดกับเราอย่างไร ตีความพฤติกรรม และคำพูดต่างๆเกินจากความจริง เมื่อวันก่อน ข้าพเจ้าขับรถไปบนถนนกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งจากถนนสาทรสู่สีลม มีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง ขับมาปาดหน้า และคนขี่มอเตอร์ไซด์ก็พูดอะไรบางอย่างแต่ข้าพเจ้าไม่ได้ยิน ข้าพเจ้ารู้ว่า เขากำลังใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพแน่ๆ และเป้าหมายก็คือข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนขับรถอยู่ ข้าพเจ้าก็ไปตามเส้นทางของตนเองอยู่เลนขวาสุด แต่คนขี่มอเตอร์ไซด์จะแซงขวาของเลนขวา เมื่อรถข้าพเจ้าขวางเขา ทำให้รถมอเตอร์ไซด์ของเขาแซงไม่ได้ เขาโกรธ และก็แสดงความไม่พอใจด้วยการมาขยับปากให้ข้าพเจ้าเห็นว่าเขาโกรธและไม่พอใจนะ ข้าพเจ้าไม่ได้ยิน เพราะรถข้าพเจ้าปิดกระจกหมด เสียงอย่างอื่นมันดังกลบหมด ข้าพเจ้าคิดในใจ เช้านี้อารมณ์ดีนะเนี่ย เลยไม่ถือสา แต่ถ้าเป็นคนอื่นเป็นได้ลงไปแจกขนมตุบตับกันแน่ เพราะคนเรามักจะคิดมาก กับคนแปลกหน้าก็ยังคิดมาก ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม พี่น้องอาจมีคำตอบว่า ไม่คิดมากกับคนแปลกหน้าหรอก แต่คิดมากกับคนที่รู้จัก แต่ข้าพเจ้ายังอยากจะยืนยันกับพวกเราว่า “อย่าคิดมาก” แม้กับคนที่รู้จัก คนที่รักกันมาก ต้องยิ่งไม่คิดมาก จงใช้ความคิดไปพิจารณาสิ่งที่พระคัมภีร์แนะนำ คือวิธีคิดที่ได้ประโยชน์ที่สุด ฟิลิปปี 4:8 8 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู พระคัมภีร์กำลังบอกวิธีคิดที่ทำให้เรามีความสุข และหลุดจากความทุกข์ วิธีคิดอย่างนี้ไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่สร้างได้ ฝึกได้ ให้เราลองสำรวจตัวเราเองว่า เรากำลังฝึกและสร้างนิสัยและวิธีคิดแบบคิดมากตั้งแต่เมื่อไร และมันทำคุณประโยชน์ สร้างความสุขหรือความทุกข์ ข้าพเจ้าค่อนข้างแน่ใจเลยว่า การคิดมาก ไม่ได้สร้างประโยชน์เลย ไม่เลย ถ้าจะพยายามจะหาเหตุผลมาโต้แย้งเรื่องนี้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขอยืนยันว่าการคิดมากไม่เป็นประโยชน์จริงๆ โดยเฉพาะในมิติฝ่ายวิญญาณ แม้บางคนอาจบอกว่า มันสร้างประสาทสัมผัสเรื่องการปกป้องตนเอง ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะบอกว่า มันคือกลไกของคนที่รู้สึกไม่มั่นคง ขอพระเจ้าทรงสำแดงแก่เราทั้งหลายให้เข้าใจคำว่า ไว้วางใจในพระเจ้า แล้วเราจะห่างไกลจากคำว่า คิดมาก และก้าวไปสู่ความรู้สึกที่มั่นคง ฮีบรู 12:27-28 27 และพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า อีกครั้งหนึ่ง นั้น แสดงว่าสิ่งที่หวั่นไหวนั้นจะถูกกำจัดเสีย เหมือนกับสิ่งที่ทรงสร้างให้มีขึ้น เพื่อให้สิ่งที่ไม่หวั่นไหวคงเหลืออยู่28 เหตุฉะนั้นครั้นเราได้แผ่นดินที่ไม่หวั่นไหวมาแล้ว ก็ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า เพื่อเราจะได้ปฏิบัติพระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง ขยันคิด….ไม่ใช่คิดมาก