“รักตลอดไป”
มีเพลงหนึ่งที่คนต่างชาติแต่งให้กับในหลวงร. 9 ชื่อ Love Eternally แปลเป็นไทยว่า รักตลอดไป มีความไพเราะ และเนื้อหาสาระของเพลง คือการกล่าวถึงสิ่งที่ในหลวงร. 9 ทรงทำเพื่อคนไทยตลอดเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ เมื่อพระองค์ทรงเสด็จสวรรคต คนไทยทั้งประเทศร้องไห้และอาลัยพระองค์ ข้าพเจ้าได้อ่านบทความหนึ่งชื่อว่า “เมื่อคนฝรั่งถามว่า “คนไทยถูกล้างสมองให้รักในหลวงหรือ?” ตอบโดยผู้เขียน ชื่อ คุณเอิน กัลป์ยกร นาคสมภพ ด้วยคำถามกลับไปว่า “พวกเรานะเหรอโดนล้างสมอง?”
“เราสามารถรักคนที่เราไม่เคยเจอได้อย่างไร?
“เราสามารถแม้กระทั่ง…เทิดทูนท่านได้อย่างไร?”
บางคนบอกว่า … เราถูกล้างสมอง
บางคนว่า เมื่อเราร้องไห้ ก็เอาเราไปเปรียบกับเกาหลีเหนือ
….ถ้าอย่างนั้น…ฉันขอถามกลับด้วยคำถามที่เรียบง่ายแล้วกัน
คุณเคยได้ยินเรื่องของอับราฮัม ลินคอล์น และสิ่งที่เขาทำมั้ย คุณควรเคารพเขามั้ย?
แล้วเนลสัน แมนเดลลา หรือมหาตมะ คานธีล่ะ? คุณเข้าในเมื่อที่เขาร้องไห้ให้กับการตายของพวกเขามั้ย?
ใช่ในหลวง ร.9 ของเราไม่ได้ต่อสู้ อย่างหนักเสียด้วย เพื่อปลดปล่อยชนชาติไทยให้เป็นอิสระเพื่อความเท่าเทียมในสังคม
แต่….ในหลวงของเราก็ทรงต่อสู้ อย่างหนักเสียด้วย เพื่อปลดปล่อยประชาชนของท่านจากความหิวโหยและความยากจน
แม้จะเกิดขึ้นในบริบทที่ต่างกัน แต่มันคือเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ประชาชน…ที่รักตลอดไป
เมื่อวันวาน ขณะที่ข้าพเจ้านั่งรถเดินทางไปสนามบิน งูราห์ราย สนามบินของบาหลี ข้าพเจ้าถามคนขับรถว่า ชื่องูราห์ราย แปลว่า อะไร ความจริงข้าพเจ้าได้ศึกษาที่มาของชื่อนี้มาแล้วว่า เป็นชื่อของใคร แต่ข้าพเจ้าอยากรู้คำแปลชื่อนี้ที่เป็นภาษาบาหลี ก็เลยถาม แต่คนขับรถตอบข้าพเจ้าว่า มันไม่สำคัญว่า ชื่อนี้จะแปลว่า อะไร แต่ชื่อนี้เป็นชื่อของวีรบุรุษของคนบาหลีในยุคที่มีการล่าอาณานิคม เมืองขึ้น และชาวดัชท์ได้มารุกรานเพื่อเอาบาหลีเป็นเมืองขึ้น ในเวลานั้นยังไม่มีประเทศอินโดนีเซีย งูราห์รายคือคนนำการต่อสู้กับทหารดัชท์จนตัวตาย ทุกที่ที่สำคัญ เขาจะตั้งชื่อว่างูราห์ราย เช่นสนามบินนานาชาติบาหลี ถนนสายที่ยาวที่สุดของบาหลี เป็นต้น ขณะที่คนขับรถพูดถึงวีรบุรุษของคนบาหลี สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากคนเห็นแก่เงิน (ข้าพเจ้าวิเคราะห์เขาตอนที่พากลุ่มพวกเราไปกินอาหารร้านที่ราคาควรจะถูกแต่กลับแพงโดยใช่เหตุ) ความจริงข้าพเจ้ารู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าคนขับรถคนนี้แล้ว เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่า เขาหลอกข้าพเจ้า แต่วันสุดท้าย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ขณะเขากำลังพูดถึงวีรบุรุษงูราห์ราย ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ตาหมอนี่ มีบางอย่างที่ดีบ้าง การเห็นแก่เงินของเขาเพื่อครอบครัวและเพื่อลูก โอเค พอมีข้อยกเว้นได้บ้าง เพราะเขาทำเพื่อคนอื่น แต่ข้าพเจ้าก็แสดงให้เขารู้ว่า คราวหน้าแกหลอกชั้นไม่ได้อีก (เพราะชั้นไม่มีเงินให้แกหลอกได้อีก ฮาฮาฮา)
“รักตลอดไป” ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว วีรบุรุษยังคงอยู่ในใจของประชาชน เพราะเขาทำเพื่อประชาชน
ในหลวงร. 9 ของเรา ทรงอยู่ในบริบทที่แตกต่าง แต่คือเรื่องเดียวกัน
เพลง ความฝันอันสูงสุด เป็นเพลงหนึ่งที่ข้าพเจ้าชื่นชอบในบรรดาเพลงพระราชนิพนต์ของในหลวง ร. 9 ข้าพเจ้ารู้จักเพลงนี้ตั้งแต่สมัยเรียนลูกเสือเนตรนารี ในยุคนั้น รุ่งเรืองมาก ข้าพเจ้าไปเข้าค่ายลูกเสียเนตรนารี และร่วมงานสำคัญหลายครั้ง และตื่นเต้นในการทรงเสด็จมาร่วมงานลูกเสือ เพลงความฝันอันสูงสุดถูกเปิดบ่อยๆ เนื้อหาสาระของเพลงคือปณิธานของในหลวงร. 9 เนื้อเพลงกล่าวว่า “…
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทอง….(ข้าพเจ้ามักจะร้องในใจ….ปิดทองหลังไม้กางเขน ด้วยความเชื่อที่ข้าพเจ้ามีในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า)
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
ข้าพเจ้าได้อ่านตอนหนึ่งที่เขียนโดยพระราชินี ความว่า ในหลวงทรงถูกหยันโดยคนออสเตรเลีย เมื่อครั้งถูกเชิญไปรับปริญญากิตติมาศํกด์ของมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย พระองค์ทรงนิ่ง และเผชิญกับการถูกหยันได้อย่างงดงาม แถมตอกหน้าพวกนักศึกษาหัวรุนแรงในมหาวิทยาลัยนั้นอย่างสุภาพชน
ข้าพเจ้าอธิษฐานกับพระเจ้าว่า จะพูดอะไรกับพี่น้องในเช้านี้ ข้าพเจ้าได้รับการยืนยันว่า จงสอนประชากรของเราให้เป็นประชาชนของพระราชา รักพระราชาของเขา อย่างที่รักพระเจ้า เพราะพระราชาพระองค์นี้ทรงเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
ในวาระของการไว้ทุกข์ให้กับไนหลวง ร. 9 ขอให้เราชาวใจสมานเพชรเกษม 11 จงเป็นประชาชนของพระราชาองค์นี้ พระองค์ตลอดไป ร้องไห้ให้กับพระองค์ด้วยความรัก ทำไม ต้องด้วยความรัก เพราะความรักคือพื้นฐานที่ดีของทุกความรู้สึก
มาระโก 12:29-34 28 มีธรรมาจารย์คนหนึ่ง เมื่อมาถึงได้ยินเขาไล่เลียงกัน และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบเขาได้ดีจึงทูลถามพระองค์ว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดเป็นเอกเป็นใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งปวง”29 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอลจงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว 30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน31 และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี”32 ฝ่ายธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “ดีแล้วอาจารย์เจ้าข้า ท่านกล่าวถูกจริงว่าพระเจ้ามีแต่พระองค์เดียว และนอกจากพระองค์แล้วพระเจ้าอื่นไม่มีเลย33 และซึ่งจะรักพระองค์ด้วยสุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสิ้นสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็ประเสริฐกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น34 เมื่อพระเยซูทรงเห็นแล้วว่าคนนั้นพูดโดยใช้ความคิด จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า” ตั้งแต่นั้นไปไม่มีใครอาจถามพระองค์ต่อไปอีก
ธรรมาจารย์ คือคนที่มีความรู้พระคัมภีร์อยากแตกฉาน เมื่อเขาได้ยินการไล่เลียงเรื่องพระคัมภีร์กับพระเยซู (คนธรรมดาๆ มีอาชีพช่างไม้) และได้บทสรุปว่า พระเยซูสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับพระคัมภีร์ได้ดียิ่ง คำถามสุดท้ายที่เรียกว่า เป็นคำถามน็อกเอ้าท์ คำถามที่สรุปว่า พระเยซูทรงมีความรู้พระคัมภีร์อย่างแตกฉานหรือไม่ นั่นคือคำถามว่า …“ธรรมบัญญัติข้อใดเป็นเอกเป็นใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งปวง”… พระเยซูทรงตอบด้วยคำว่า “รัก” พระคัมภีร์ข้อใหญ่สุด “รักพระเจ้า” ข้อรอง “รักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตนเอง” ธรรมาจารย์อึ้ง และยอมรับแต่โดยดีว่า คำตอบของพระเยซูคือสุดยอดของคำตอบทั้งปวง
32 ฝ่ายธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “ดีแล้วอาจารย์เจ้าข้า ท่านกล่าวถูกจริงว่าพระเจ้ามีแต่พระองค์เดียว และนอกจากพระองค์แล้วพระเจ้าอื่นไม่มีเลย33 และซึ่งจะรักพระองค์ด้วยสุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสิ้นสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ก็ประเสริฐกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น
“ประเสริฐกว่าเครื่องเผาบูชาและของถวายทั้งสิ้น” นี่คือ แก่นของคำว่า “รักตลอดไป”
รักตลอดไป คือรัก พระเจ้า รักเพื่อนบ้านและรักตนเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือประโยคที่พระเยซูทรงตอบธรรมาจารย์
34 เมื่อพระเยซูทรงเห็นแล้วว่าคนนั้นพูดโดยใช้ความคิด จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า” ตั้งแต่นั้นไปไม่มีใครอาจถามพระองค์ต่อไปอีก
ข้าพเจ้าพยายามคิดหาเหตุผลว่า อะไรที่ทำให้ในหลวง ร. 9 ทรงมีความคิดที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ของคริสเตียน และคำตอบที่ข้าพเจ้าหาได้ด้วยตนเอง คือพระองค์ทรงเติบโตในสภาพแวดล้อมของคนตะวันตกที่มีครู และเพื่อนที่เป็นคริสเตียนนั่นเอง แม้พระองค์ท่านจะต้องกลับมาประเทศไทยและดำเนินชีวิตอย่างพุทธมามะกะ แต่ข้าพเจ้ายังแน่ใจว่า พระองค์ท่านได้ค้นพบว่าความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสวงหานั้น สอดคล้องกับความจริงของพระเยซูคริสต์เจ้า (พี่น้องหาอ่านในหนังสือที่ชื่อว่า “จากตถาคต ถึงเยซู” From Bhudda to Jesus เขียน โดย ช้อกโกแลนติ)
ในหลวง ร.9 “ท่านไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้า”
แต่สิ่งที่แตกต่างในคำสอนของพระคัมภีร์ก็คือเน้นที่ความรัก แม้ในหลวงจะไม่ได้กล่าวถึงความรัก แต่พระองค์ทรงแสดงออกถึงความรัก และเป็นแบบอย่างของความรักที่มีต่อครอบครัว ต่อพระชนนี ต่อพระราชินี ต่อพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และต่อประชาชนชาวไทย คนไทยทุกคนจึงรู้สึกว่า พระองค์คือพ่อของแผ่นดิน เพราะพระองค์ทรงแสดงออกถึงความรักด้วยการเสียสละ และอุทิศพระองค์เองเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนไทยทุกคน
วันนี้ หัวใจของคนไทยทุกดวงกำลังเจ็บปวดกับการจากไปของในหลวง ร. 9 และจะจดจำพระองค์ไว้ในใจของคนไทยทุกคน มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า นอกจากความทรงจำ คงไม่มีสิ่งใดเป็นของเราโดยสมบูรณ์แบบ ผู้ที่กล่าวประโยคนี้ เขาได้พบความจริงว่า สิ่งที่เขาไคว้คว้า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ เงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ สิ่งเหล่านี้อยู่ไม่นาน ก็ไปจากเรา แต่ความทรงจำที่ดี เก็บไว้ในที่ที่ดีที่สุด ไม่มีวันที่หายไปได้ คือหัวใจ พื้นที่ของหัวใจที่จะทำให้ความทรงจำนั้นไม่หายไป คือรักตลอดไป
พระเยซูคริสต์ทรงตอบโจทย์ของธรรมาจารย์ด้วยคำว่า “รัก” จะทำให้อยู่ยาวนานที่สุดในชีวิตของมนุษย์ทุกคน ในหลวง ร. 9 ทรงทำสำเร็จคือทำให้เราจดจำพระองค์ด้วยความรัก พระองค์จะไม่หายไปจากความทรงจำของคนไทยอย่างยาวนาน ขอให้เราทุกคนเป็นประชาชนของพระราชาองค์นี้ด้วยการจดจำสิ่งที่พระองค์ทำและเป็นแบบอย่างให้เราเดินตามในฐานะคริสตชน เราขอน้อมถวายพระเกียรติแด่พระองค์ พระราชาที่เป็นมนุษย์ที่เราจับต้องได้ ขอบคุณพระเจ้า สำหรับแบบอย่างที่ดี ในเรื่องความรักตลอดไป ที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับความรัก คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตอยู่ ตายไป ก็ขอให้คนจดจำเราด้วยความรัก ด้วยรักตลอดไป
1 ยอห์น 3:11,14,16-18 11 นี่เป็นคำสั่งสอนที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เริ่มแรก คือให้เราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน…14 เราทั้งหลายรู้ว่า เราได้พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตแล้ว ก็เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ใดที่ไม่รัก ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความตาย…16 ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง17 แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
พระเยซูได้ทรงสละทุกสิ่งเพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์และนำเราให้เรารู้จักคำว่า รักตลอดไป และทรงมีอิทธิพลในเรื่องของความรักต่อคนมากมาย ในหลวงร. 9 ของเราก็ทรงได้ใช้ความรักเป็นหลักในการปกครองประเทศไทยเช่นเดียวกัน พระองค์จึงได้รับความรักตอบจากประชาชนทั้งประเทศ โดยการทรงเสียสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มากมายแก่ประชาชน และใช้ชีวิตอยู่ง่ายกินง่าย ติดดิน คริสเตียนอย่างเราสมควรถ่อมใจ ไว้อาลัยพระองค์ลึกซึ้งยิ่ง