“ผู้รับใช้ของพระคริสต์ฟื้นฟูความรักดั้งเดิม”

ความรักในโลกนี้ที่เราได้เห็นทั่วไป ได้แก่  รักของพ่อแม่ต่อลูก  รักของสามีภรรยา รักอย่างพี่น้อง และรักอย่างเพื่อน  ในภาษาอังกฤษมีคำว่า  Everybody needs love  แปลว่า ทุกคนต้องการความรัก เช่น คนเป็น…ลูกจะคาดหวังให้พ่อแม่รัก  พ่อแม่คาดหวังให้ลูกรัก  พี่น้องคาดหวังความรักกันและกัน พ่อแม่ก็คาดหวังให้ลูกรักกันและกัน  เพื่อนก็คาดหวังความรักอย่างเพื่อน  สามีภรรยาก็คาดหวังความรักจากกันและกัน  แม้ว่า แต่ละคน ต่างจะพยายามทำให้อีกฝ่ายรักด้วยวิธีการต่างๆนาๆ  แต่ก็ยังมีความรู้สึกลึกๆของทุกคนว่า ขอให้ได้รับความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่เพราะสวย รวย เก่ง ดี สมบูรณ์ รักอย่างที่เป็นอยู่   แม้จะไม่ดี ไม่สวย ไม่เก่ง ไม่รวย ไม่ดี ไม่สมบูรณ์ และไม่น่ารัก แต่ก็ยังรัก และนี่คือความรักที่แท้จริงในยุคของเราที่ได้จางหายไป เราได้พบเห็น ได้ยินเรื่องราวของครอบครัวที่แตกสลาย ความสัมพันธ์ที่เสียไป ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันต่างมีเงื่อนไข มันเกิดขึ้นจากอะไร พระเยซูคริสต์เจ้าได้ตอบสาวกของพระองค์ไว้ล่วงหน้าเมื่อสองพันปีแล้วว่า

มัทธิว 24:10-14 10 คราว​นั้น​คน​เป็น​อัน​มาก​จะ​ถดถอย​ไป และ​อายัด​กัน​และ​กัน ทั้ง​จะ​เกลียด​ชัง​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ด้วย​11 ผู้เผย​พระ​วจนะ​ปลอม​หลาย​คน​จะ​เกิด​มี​ขึ้น และ​ล่อลวง​คน​เป็น​อัน​มาก​ให้​หลง​ไป​12 ความ​รัก​ของ​คน​ส่วนมาก​จะ​เยือก​เย็น​ลง เพราะ​ความ​อธรรม​แผ่​กว้าง​ออกไป​13 แต่​ผู้ใด​ทน​ได้​จนถึง​ที่สุด​ผู้​นั้น​จะ​รอด14 ข่าว​ประเสริฐ​เรื่อง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า จะ​ได้​ประกาศ​ไป​ทั่ว​โลก ให้​เป็น​คำ​พยาน​แก่​บรรดา​ประชาชาติ แล้ว​ที่สุด​ปลาย​จะ​มาถึง​

หนังสือวิวรณ์เป็นหนังสือที่อัครทูตยอห์นได้รับนิมิตการเปิดเผยจากพระวิญญาณของพระเจ้าให้เขียนถึงอนาคตจุดจบที่จะเกิดขึ้น กับโลกนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากโลกจบลง และเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างก่อนโลกจะจบลง เกี่ยวกับคริสตจักร และคนในโลกนี้  พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้กับสาวกของพระองค์ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน ในหนังสือมัทธิว

พระเยซูทรงใช้คำว่า ความรัก  (อากาเป้) แปลว่า ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และถูกใช้ในหนังสือวิวรณ์ร่วมกับคำว่า  ความรักดั้งเดิม  (First Love) รักครั้งแรก ไม่ได้หมายความว่า มีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่  แต่หมายถึงความรักเดียวที่เป็นรักแท้ เป็นความรักพื้นฐานของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา รักอย่างพ่อแม่รักลูก รักอย่างพี่น้อง รักอย่างเพื่อน  ต่างต้องการความรักพื้นฐานนี้ รักอย่างไม่มีเงื่อนไข และเป็นความรักที่ทุกคนต้องการ  Everybody needs  love(First Love)

มัทธิว 24:4-8 4 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ระวัง​ให้​ดี อย่า​ให้​ผู้ใด​ล่อลวง​ท่าน​ให้​หลง​5 ด้วย​ว่า​จะ​มี​หลาย​คน​มา ต่าง​อ้าง​นาม​ของ​เรา​ว่า​ตัว​เขา​เป็น​พระ​คริสต์​ เขา​จะ​ให้​คน​เป็น​อัน​มาก​หลง​ไป​6 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ยิน​เสียง​สงคราม และ​ข่าว​ลือ​เรื่อง​สงคราม คอย​ระวัง​อย่า​ตื่น​ตระหนก​เลย ด้วย​ว่า​บรรดา​สิ่ง​เหล่า​นี้​จำต้อง​บังเกิด​ขึ้น แต่​ที่สุด​ปลาย​ยุค​ยัง​ไม่​มาถึง​7 เพราะ ประชาชาติ​ต่อ​ประชาชาติ ราช​อาณาจักร​ต่อ​ราช​อาณาจักร​จะ​ต่อสู้​กัน  ทั้ง​จะ​เกิด​กันดาร​อาหาร​และ​แผ่น​ดิน​ไหว​ใน​ที่​ต่างๆ 8 เหตุการณ์​ทั้ง​ปวง​นี้​เป็น​ขั้น​แรก​แห่ง​ความ​ทุกข์​ลำบาก ซึ่ง​ต้อง​มี​มา​ก่อน​กำเนิด​ยุค​ใหม่

ก่อนกำเนิดยุคใหม่ คือเรื่องเดียวกันกับหนังสือวิวรณ์  หนังสือวิวรณ์ได้เริ่มต้นด้วยการเตือนคริสตจักรเจ็ดแห่ง  ซึ่งมีเจ็ดลักษณะที่เด่นๆ ในทางที่ดี และไม่ดี ได้รับทั้งคำชม และคำติ  คริสตจักรแรกที่ถูกกล่าวถึง คือ คริสตจักรเมืองเอเฟซัส  เมืองเอเฟซัสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรูปเคารพ และหนังสือเอเฟซัสที่อ.เปาโลเขียนจดหมายถึง ก็ถูกเตือนในบทที่ 6 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างสามีภรรยา พ่อแม่ลูกและความสัมพันธ์ของการทำงานเป็นทีม (ในยุคนั้น ใช้คำเรียกว่า นายกับบ่าว (ทาส))

เอเฟซัส5:22 22 ฝ่าย​ภรรยา จง​ยอม​ฟัง​สามี​ของ​ตน เหมือน​ยอม​ฟัง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​

เอเฟซัส5:25 25 ฝ่าย​สามี​ก็​จง​รัก​ภรรยา​ของ​ตน เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​คริสต์​ทรง​รัก​คริสตจักร และ​ทรง​ประทาน​พระ​องค์​เอง​เพื่อ​คริสตจักร​

เอเฟซัส 5:33 33 ถึง​อย่างไร​ก็​ดี ท่าน​ทุก​คน​จง​ต่าง​ก็​รัก​ภรรยา​ของ​ตน​เหมือน​รัก​ตนเอง และ​ภรรยา​ก็​จง​ยำเกรง​สามี​ของ​ตน​

เอเฟซัส 6:1  1 ฝ่าย​บุตร​จง​นบ​นอบ​เชื่อ​ฟัง​บิดา​มารดา​ของ​ตน​ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เพราะ​กระทำ​อย่าง​นั้น​เป็น​การ​ถูก

เอเฟซัส 6:4  4 ฝ่าย​ท่าน​ผู้​เป็น​บิดา อย่า​ยั่ว​บุตร​ของ​ตน​ให้​เกิด​โทสะ แต่​จง​อบรม​บุตร​ด้วย​การ​สั่ง​สอน และ​การ​เตือนสติ​ตาม​หลัก​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า

เอเฟซัส 6:5 5 ฝ่าย​พวก​ทาส จง​เชื่อ​ฟัง​ผู้​ที่​เป็น​นาย​ฝ่าย​โลก​ด้วย​ใจ​เกรง​กลัว​จน​ตัว​สั่น ด้วย​น้ำ​ใส​ใจ​จริง​เหมือน​ที่​กระทำ​แก่​พระ​คริสต์​

เอเฟซัส 6:99 ฝ่าย​นาย​จง​กระทำ​ต่อ​ทาส​ใน​ทำนอง​เดียว​กัน คือ​อย่า​ขู่​เข็ญ​เขา​เพราะ​ท่าน​ก็​รู้​แล้ว​ว่า ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​เป็น​นาย​ของ​เขา​และ​ของ​ท่าน​นั้น​อยู่​ใน​สวรรค์ และ​พระ​องค์​ไม่​ทรง​เลือก​หน้า​ผู้ใด​เลย

จะเห็นว่า ความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์ ล้วนอยู่บนพื้นฐานของความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข อากาเป้  หนังสือเอเฟซัสใช้คำว่า รักอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้จะอยู่ในบทบาทที่แตกต่างกัน ต่างก็ต้องแสดงออกบนพื้นฐานของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข นี่คือคำเตือนคริสตจักในเมืองเอเฟซัสในยุคสองพันปี และคำเตือนล่วงหน้าหลังจากสองพันปี ปรากฏอยู่ในหนังสือวิวรณ์

วิวรณ์ 2:4  4 แต่​เรา​มี​ข้อ​ที่​จะ​ต่อ​ว่า​เจ้า​บ้าง คือ​ว่า​เจ้า​ละ​ทิ้ง​ความ​รัก​ดั้งเดิม​ของ​เจ้า​

รักดั้งเดิม รักครั้งแรก รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ถูกทอดทิ้ง ตามคำพยากรณ์ในหนังสือวิวรณ์  พระเยซูทรงเตือนไว้ล่วงหน้าว่าความรักของคนจะเยือกเย็นลง คือความรักที่ไม่มีเงื่อนไข จะจางหายไปในคนส่วนใหญ่ คำเตือนในหนังสือวิวรณ์คือการบอกว่า คริสตจักรก็จะพบกับอิทธิพลของความรักที่เยือกเย็นลงของคนส่วนใหญ่ แต่…คริสตจักรจะต้องหันกลับมาฟื้นฟูความรักดั้งเดิมนี้

ข้าพเจ้ามักจะพูดกับพี่น้องบ่อยๆว่า ถ้าพระเจ้าเตือน จงดีใจเถิดว่า ยังมีความหวัง แต่ถ้าพระเจ้าเงียบ แสดงว่า สิ้นหวัง หมดหนทางเยียวยา  และในหนังสือวิวรณ์ตอนนี้ คือทำนองเดียวกันว่า ยังมีความหวังสำหรับคริสตจักรเอเฟซัส  คริสตจักรในกรุงเทพอย่างเรา ก็มีสภาพแวดล้อมเหมือนคริสตจักรเมืองเอเฟซัส คือเต็มไปด้วยรูปเคารพ คนในเมืองก็มีความสัมพันธ์กันแบบสามีภรรยา พ่อแม่ลูก เจ้านายลูกน้อง พี่น้อง และเพื่อน อยู่กันเต็มไปหมด มีพฤติกรรมก็คล้ายกับคนในยุคนั้น และที่สำคัญ ต่างต้องการความรักพื้นฐาน สำหรับความสัมพันธ์ทุกอย่าง

วันนี้ เรากำลังต้องการความรักพื้นฐาน ที่หายไปกลับคืนมา มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เมื่อใดที่เรากำลังหาเหตุผลที่จะรัก แสดงว่า เราหมดรักไปแล้ว หรือเราไม่รู้สึกรัก ไม่อยากสัมพันธ์ นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่า ความรักของเรากำลังเหมือนความรักของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ คือความรักที่เยือกเย็นลง แปลว่า ความรักพื้นฐาน (ดั้งเดิม) หายไป กลายเป็นรักสนุกอย่างเดียว

2ทิโมธี 3:1-9 1 แต่​จง​เข้าใจ​ข้อ​นี้ คือ​ว่า​ใน​สมัย​จะ​สิ้น​ยุค​นั้น จะ​เกิด​เหตุการณ์​กลี​ยุค​2 เพราะ​มนุษย์​จะ​เห็น​แก่​ตัว เห็น​แก่​เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบ​ด่า​ว่า ไม่​เชื่อ​ฟัง​คำ​บิดา​มารดา อกตัญญู ไร้​ศีลธรรม​3 ไร้​มนุษยธรรม ไม่ให้​อภัย​กัน ใส่​ร้าย​กัน ไม่​ยับยั้ง​ชั่ง​ใจ ดุ​ร้าย เกลียด​ชัง​ความ​ดี​4 ทรยศ มุทะลุ หัว​สูง รัก​ความ​สนุก​ยิ่ง​กว่า​รัก​พระ​เจ้า​5 ถือ​ศาสนา​แต่​เปลือก​นอก ส่วน​แก่น​แท้​ของ​ศาสนา​เขา​ไม่​ยอมรับ คน​เช่นนั้น​ท่าน​อย่า​คบ​6 เพราะ​ใน​บรรดา​คน​เหล่า​นั้น มี​คน​ที่​แอบ​ไป​ตาม​บ้าน​ แล้ว​ลวง​หญิง​ที่​เบา​ปัญญา​หนา​ด้วย​บาป และ​หลงใหล​ไป​ด้วย​ตัณหา​ต่างๆ ไป​เป็น​เชลย​7 หญิง​พวก​นี้​จะ​ฟัง​ทุก​คน​ที่​พูด แต่​ไม่​อาจ​ที่​จะ​เข้าถึง​หลัก​แห่ง​ความ​จริง​ได้​เลย​8 ยันเนส​กับยัมเบรส์​ได้​ต่อต้าน​โมเสส​ฉัน​ใด คน​เหล่า​นี้​ก็​ต่อต้าน​ความ​จริง​ฉัน​นั้น เขา​เป็น​คน​ใจ​ทราม และ​ใน​เรื่อง​ความ​เชื่อ​นั้น​เขา​ใช้​ไม่ได้​เลย​9 แต่​เขา​จะ​ไป​ได้​ไม่กี่​น้ำ เพราะ​ความ​โง่​ของ​เขา​จะ​ปรากฏ​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เช่น​เดียว​กับ​ความ​โง่​ของ​ชาย​สอง​คน​นั้น​

รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า  ความรักที่ใช้ใน 2 ทิโมธีข้อที่ 12 นี้ใช้คำว่า ฟิเลโอ้  คนในยุคสุดท้ายจะรักโลก(รักสนุก) เป็นมีโลกนี้เป็นเพื่อนคือชักนำไปกับค่านิยมของโลกนี้ด้วยกิเลศตัณหาของตาและเนื้อหนัง ลาภยศสรรเสริญ  และจะมีคริสเตียนไม่น้อยที่รักสนุกมากว่ารักพระเจ้า นี่คือความจริงที่พระเยซูทรงเตือนคริสตจักรในยุคสุดท้าย ที่ปรากฏในหนังสือวิวรณ์

คำพยากรณ์เกี่ยวกับยุคสุดท้ายใกล้เรามาก ถึงขนาดบางคนเรียกยุคของเราว่าเป็นยุคสุดท้าย เพราะสิ่งเหล่านี้ เด่นชัดมาก และเกิดขึ้นเด่นชัดในคริสตจักร นั่นหมายถึง คริสตจักรรับอิทธิพลของโลกเข้ามามาก  ในหนังสือ2 ทิโมธีตอนนี้ ได้กล่าวถึง ยัมเนส และยัมเบรส์  ที่ต่อต้านโมเสส เป็นเหตุการณ์ของการประลองกัน ระหว่างไม้เท้าของอาโรนกับไม้เท้าของสองคนนี้ที่เป็นนักเล่นวิทยากล ทั้งเรื่องภัยพิบัติที่เลียนแบบ แต่สุดท้าย ไม้เท้าของอาโรนที่กลายเป็นงูก็กลืนไม้เท้าของสองคนนี้ที่แปลงเป็นงูเช่นกัน  หนังสือ 2 ทิโมธีได้กล่าวถึงสองคนนี้เป็นภาพของคนลักษณะในยุคสุดท้ายที่เหมือนสองคนนี้ในด้านความเชื่อ และความโง่ในการต่อต้านโมเสส โดยขาดการแยกแยะว่า อะไรดีหรือชั่ว เลียนแบบได้เหมือนเท่านั้น แต่ไม่ใช่ของแท้  ซึ่งเป้าหมายของการยกตัวอย่างของสองคนนี้ ก็เพื่อจะเปรียบเทียบคนในยุคสุดท้าย ที่เข้ามาในคริสตจักรก็จะต้องถูกพิสูจน์ความเชื่อของแต่ละคน

มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ความรักไม่เป็นนามธรรม แต่เป็นรูปธรรม นั่นหมายความว่า ความรัก ต้องแสดงออก  พูดอย่างเดียวไม่ได้

1ยอห์น 3:18 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย อย่า​ให้​เรา​รัก​กัน​ด้วย​คำพูด​และ​ด้วย​ปาก​เท่านั้น แต่​จง​รัก​กัน​ด้วย​การ​กระทำ​และ​ด้วย​ความ​จริง​

คำว่า รัก ที่ใช้ในข้อนี้ก็คือรักอย่างอากาเป้ แม้แต่รักอย่างอากาเป้ ก็ยังถูกนำมาใช้พูด แต่ไม่ได้แสดงออกในการกระทำ เราจะเห็นว่า อิทธิพลของความรัก(อากาเป้) เยือกเย็นลง ได้แผ่กว้างไปจริงๆ แม้แต่ในคริสตจักร มันก็เข้ามา  คริสตจักรต้องเป็นที่ที่ดำรงและรักษาความรักอย่างอากาเป้ไว้ให้ถึงที่สุด

จำเป็นที่เราจะต้องฟื้นฟูความรักดั้งเดิม  นั่นหมายความว่า  จากไม่มี ให้กลับมามีขึ้นมาใหม่  สังคมของเราขาดความรักที่ไม่มีเงื่อนไข  ให้เราหันกลับมาสำรวจมองดูความสัมพันธระหว่างกัน ว่า เรารักกันเพราะอะไร  เรากำลังทำอะไรเพื่อจะฟื้นฟูความรักดั้งเดิม หรือเรากำลังเพิกเฉย และเย็นชาลงไปเรื่อยๆ โดยการเรียกร้องความรักที่มีเงื่อนไขเช่น ที่ไม่รักเพราะเธอไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่คือการเรียกร้องความรักที่มีเงื่อนไข และเป็นบทสรุปได้เลยว่า ไม่มีความรักอย่างอากาเป้ ไม่ต้องการความรักอย่างอากาเป้

ทุกวันนี้ คนมากมายกำลังแสดงหาความรักที่มีเงื่อนไข  ขออย่าให้คริสตจักรของเราเป็นเหมือนคริสตจักรเอเฟซัสในหนังสือวิวรณ์ ที่ได้ละทิ้ง คือไม่สนใจความรักดั้งเดิม รักอย่างอากาเป้

แต่ให้เรากลับมาสนใจ ใส่ใจ พัฒนา แสวงหา ช่วยกันฟื้นฟู ความรักอากาเป้ ให้เป็นความรักพื้นฐานของทุกความสัมพันธ์ เมื่อเรามีความรักพื้นฐานนี้ ไม่ยากที่เราจะรักสามี ภรรยา พ่อแม ลูก พี่ๆน้องๆ คนรอบข้างได้อย่างสนิทใจ

1ยอห์น 13:34-35 34 เรา​ให้​บัญญัติ​ใหม่​ไว้​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย คือ​ให้​เจ้า​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน เรา​รัก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​แล้ว​อย่างไร เจ้า​จง​รัก​กัน​และ​กัน​ด้วย​อย่าง​นั้น​35 ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​รัก​กัน​และ​กัน ดังนี้​แหละ​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​จะ​รู้​ได้​ว่า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​สาวก​ของ​เรา”

พระเยซูใช้คำว่า อากาเป้  รักกันและกัน ด้วยความรักพื้นฐาน รักดั้งเดิม อากาเปโอ จงรักอย่างไม่มีเงื่อนไข  จงรักกันและกัน  สามี ภรรยา จงรักกันด้วยความรักอากาเปโอ้  พ่อแม่ จงรักลูกด้วยความรักอากาเปโอ้  พี่น้องจงรักกันอย่างอากาเปโอ้ เพื่อนจงรักเพื่อนอย่างอากาเปโอ้

สุดท้ายนี้ จะปิดจบด้วยคำถามที่พระเยซูถามเปโตรว่า เจ้ารักเราหรือ  พระเยซูถามด้วยคำว่า อากาเปโอ้ และเปโตรตอบพระเยซูว่า รักพระองค์อย่าง ฟิเลโอ้ (อย่างเพื่อน) พระเยซูถามสามครั้ง อากาเปโอ้ ๆๆ เปโตรก็ตอบสามครั้ง ฟิเลโอ้ ๆๆ และพระเยซูทรงพยากรณ์เกี่ยวกับเปโตรว่า วันหนึ่ง เปโตรจะแสดงความรักอย่างอากาเปโอ้ แน่นอน เพราะว่าเปโตรติดตามพระเยซูอย่างเพื่อน รักอย่างอากาเปโอ้ ไม่มีวันเข้าใจและตอบได้ จนกว่าการดำเนินชีวิตของเราจะเป็นเพื่อนกับพระเยซู

ยอห์น 15:12-14 12 “​พระ​บัญญัติ​ของ​เรา คือ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รัก​กัน เหมือน​ดังที่​เรา​ได้​รัก​ท่าน​13 ไม่​มี​ผู้ใด​มี​ความ​รัก​ที่​ยิ่งใหญ่​กว่า​นี้ คือ​การ​ที่​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​ตน​เพื่อ​มิตร​สหาย​ของ​ตน​14 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประพฤติ​ตาม​ที่​เรา​สั่ง​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​เป็น​มิตร​สหาย​ของ​เรา​

รักอย่างอากาเปโอ้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อฟังและทำตาม เราจะเข้าใจความเป็นเพื่อนและรักอย่างอากาเปโอ้จะเกิดขึ้น เพราะเป็นรักที่เราสร้างขึ้นมาเองไม่ได้ แต่เป็นรักที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่คนที่เป็นเพื่อนกับพระเยซูเท่านั้น

ยอห์น 15:15-17 15 เรา​จะ​ไม่​เรียก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า​บ่าว​อีก เพราะ​บ่าว​ไม่​ทราบ​ว่า​นาย​ทำ​อะไร แต่​เรา​เรียก​ท่าน​ว่า​มิตร​สหาย เพราะ​ว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​ยิน​จาก​พระ​บิดา​ของ​เรา เรา​ได้​สำแดง​แก่​ท่าน​แล้ว​16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่ได้​เลือก​เรา แต่​เรา​ได้​เลือก​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ได้​แต่งตั้ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ให้​ท่าน​ไป​เกิดผล และ​เพื่อ​ให้ผล​ของ​ท่าน​คง​อยู่ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​ทูล​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​บิดา​ใน​นาม​ของ​เรา ​พระ​องค์​จะ​ได้​ประทาน​สิ่ง​นั้น​ให้แก่​ท่าน​17 สิ่ง​ที่​เรา​สั่ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ก็​คือ ท่าน​จง​รัก​กัน​และ​กัน​

ให้เราถามตัวเราเองว่า เรากำลังเป็นเพื่อนกับโลกนี้ หรือเป็นเพื่อนกับพระเจ้า

รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า  ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะสำรวจตนเอง และฟื้นฟูความรักดั้งเดิมที่หายไปกลับคืนมา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ลูกา 13:23-30  23 มี​คน​หนึ่ง​ทูล​ถาม​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า คน​ที่​รอด​นั้น​น้อย​หรือ” ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า​24 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เพียร​เข้า​ไป​ทาง​ประตู​คับ​แคบ เพราะ​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า คน​เป็น​อัน​มาก​จะ​พยายาม​เข้า​ไป แต่​จะ​เข้า​ไม่ได้​25 เมื่อ​เจ้า​บ้าน​ลุก​ขึ้น​ปิด​ประตู​แล้ว และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยืน​อยู่​ภายนอก​เคาะ​ที่​ประตู​ว่า ‘นาย​เจ้า​ข้า ขอ​เปิด​ให้​ข้าพเจ้า​เถิด’ และ​เจ้า​บ้าน​นั้น​จะ​ตอบ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ‘เรา​ไม่​รู้จัก​เจ้า​ว่า​มา​จาก​ไหน’26 ขณะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ว่า ‘ข้าพเจ้า​ได้​กิน​ได้​ดื่ม​กับ​ท่าน และ​ท่าน​ได้​สั่ง​สอน​ที่​ถนน​ของ​พวก​ข้าพเจ้า’27 เจ้า​บ้าน​นั้น​จะ​ว่า ‘เรา​ไม่​รู้จัก​เจ้า​ว่า​มา​จาก​ไหน เจ้า​ผู้กระทำ​ความ​ชั่ว จง​ไป​เสีย​ให้​พ้น​หน้า​เรา’28 เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เห็น​อับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และ​บรรดา​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า แต่​ตัว​ท่าน​เอง​ถูก​ขับ​ไล่​ไส​ส่งออก​ไป​ภายนอก ที่​นั่น​จะ​มี​การ​ร้องไห้​ขบ​เขี้ยว​เคี้ยว​ฟัน29 จะ​มี​คน​มา​จาก​ทิศ​ตะวันออก ทิศ​ตะวันตก ทิศ​เหนือ ทิศ​ใต้ จะ​มาร่วม​สำรับ​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า30 และ​ดู​เถิด จะ​มี​ผู้​ที่​เป็น​คน​สุดท้าย​กลับ​เป็น​คน​ต้น​และ​ผู้​ที่​เป็น​คน​ต้น​กลับ​เป็น​คน​สุดท้าย”

 “ผู้รับใช้ของพระคริสต์…จง….ฟื้นฟูความรักดั้งเดิม”

By admin