“ผู้ที่ไม่เห็นพระเยซูแต่เชื่อก็เป็นสุข”

เราได้ชมวีดิโอ 10 ประสบการณ์ของเหล่าสาวกของพระเยซูไปแล้ว สามประสบการณ์สุดท้าย ของสเทเฟน เปาโลและอานาเนีย เป็นเหตุการณ์หลังจากพระเยซูได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว นั่นหมายความว่า แม้ว่า พระเยซูจะทรงสถิตอยู่บนสวรรค์ แต่พระองค์ก็ทรงสามารถมาปรากฏ พูดด้วย ในระยะใกล้ชิดกับผู้ที่พระองค์ต้องการจะพบ  โดยเฉพาะผู้เชื่อ หรือแม้แต่คนที่ไม่เชื่ออย่างเปาโล และตลอดสองพันปีที่ผ่านมา มีคนเป็นพยานถึงการได้พบกับพระเยซู ได้ยินเสียงพระเยซู ได้รับการสื่อสารจากพระองค์ในหลายรูปแบบ แม้ไม่เห็นพระเยซู แต่เชื่อก็เป็นสุข นี่คือบทพิสูจน์ถ้อยคำของพระองค์ที่ได้ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ตั้งแต่พระองค์ยังไม่ถูกตรึงที่กางเขน

ยอห์น 16:16-19 16 “อีก​หน่อย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​จะ​ไม่​เห็น​เรา และ​ต่อไป​อีก​หน่อย​ท่าน​ก็​จะ​เห็น​เรา”17 สาวก​บาง​คน​ของ​พระ​องค์​พูด​กัน​ว่า “ที่​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เรา​ว่า ‘อีก​หน่อย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​จะ​ไม่​เห็น​เรา และ​ต่อไป​อีก​หน่อย​ท่าน​ก็​จะ​เห็น​เรา’ และ ‘เพราะ​เรา​ไป​ถึง​พระ​บิดา’ เหล่า​นี้​หมาย​ความ​ว่า​อะไร”18 เขา​พูด​กัน​ว่า “ ‘อีก​หน่อย’ นั้น​หมาย​ความ​ว่า​อะไร เรา​ไม่​ทราบ​ว่า ‘อีก​หน่อย’ ที่​พระ​องค์​ตรัส​นั้น หมาย​ความ​ว่า​อะไร”

พระเยซูกำลังหมายความว่า ความโศกเศร้าของเหล่าสาวกจะกลายเป็นความชื่นชมยินดี และก็เป็นจริง ความโศกเศร้าในการสูญเสียพระเยซูไปในวันที่พระองค์ถูกตรึงที่กางเขน ได้เปลี่ยนไปเมื่อเหล่าสาวกได้เห็นพระเยซูอีก และยิ่งกว่านั้น พระเยซูได้ตรัสถึงการไม่เห็นพระเยซูแต่เชื่อ ผู้ที่ไม่เห็นแต่ยังเชื่อ ก็จะเป็นสุข นี่เป็นคำตรัสของพระเยซูที่ได้ตรัสกับโธมัส (ฉายาคนขี้สงสัย)

ยอห์น 20:24-29  24 ฝ่าย​โธมัส​ที่​เขา​เรียก​กัน​ว่า​แฝด ซึ่ง​เป็น​สาวก​คน​หนึ่ง​ใน​สิบ​สอง​คน​นั้น ไม่ได้​อยู่​กับ​พวก​เขา​เมื่อ​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​25 สาวก​อื่นๆ จึง​บอก​โธมัส​ว่า “เรา​ได้​เห็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​แล้ว” แต่​โธมัสต​อบ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “ถ้า​ข้า​ไม่​เห็น​รอย​ตะปู​ที่​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​องค์ และ​ไม่ได้​เอา​นิ้ว​ของ​ข้า​แยง​เข้า​ไป​ที่​รอย​ตะปู​นั้น และ​ไม่ได้​เอา​มือ​ของ​ข้า​แยง​เข้า​ไป​ที่​สีข้าง​ของ​พระ​องค์​แล้ว ข้า​จะ​ไม่​เชื่อ​เลย” 26 ครั้น​ล่วง​ไป​แปด​วัน​แล้ว เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​อยู่​ด้วย​กัน​ใน​บ้าน​นั้น​อีก และโธมัส​ก็​อยู่​กับ​พวก​เขา​ด้วย ประตู​ปิด​แล้ว แต่​พระ​เยซู​เสด็จ​เข้า​มา​ประทับ​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​เขา และ​ตรัส​ว่า “สันติ​สุข​จง​ดำรง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เถิด”27 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับโธ​มัส​ว่า “จง​ยื่น​นิ้ว​มา​ที่นี่​และ​ดู​มือ​ของ​เรา จง​ยื่น​มือ​ออก​คลำ​ที่​สีข้าง​ของ​เรา อย่า​ขาด​ความ​เชื่อ​เลย จง​เชื่อ​เถิด”28 โธมัส​ทูล​พระ​องค์​ว่า “องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ข้า​พระ​องค์ และ​พระ​เจ้า​ของ​ข้า​พระ​องค์”29 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เพราะ​ท่าน​ได้​เห็น​เรา​ท่าน​จึง​เชื่อ​หรือ ผู้​ที่​ไม่​เห็น​เรา​แต่​เชื่อ​ก็​เป็น​สุข”

แม้โธมัสจะขี้สงสัยก็จริง แต่โธมัสจริงใจ อยากพบพระเยซู พระเยซูก็มาพบโธมัสอย่างที่เขาอยากจะพบกับพระองค์

27 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับโธ​มัส​ว่า “จง​ยื่น​นิ้ว​มา​ที่นี่​และ​ดู​มือ​ของ​เรา จง​ยื่น​มือ​ออก​คลำ​ที่​สีข้าง​ของ​เรา อย่า​ขาด​ความ​เชื่อ​เลย จง​เชื่อ​เถิด

พระเยซูทรงตอบสนองต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วยความจริงใจ  หากเราทั้งหลายเป็นผู้เชื่อ ผู้ที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง เราจะพบพระองค์แน่นอน คำถามก็คือว่า เรากลัวที่จะพบพระองค์หรือเปล่า  คำว่า

7 “จง​ขอ​แล้ว​จะ​ได้ จง​หา​แล้ว​จะ​พบ จง​เคาะ​แล้ว​จะ​เปิด​ให้แก่​ท่าน​

มัทธิว 7:8-11 8 เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ขอ​ก็​ได้ ทุก​คน​ที่​แสวงหา​ก็​พบ ทุก​คน​ที่​เคาะ​ก็​จะ​เปิด​ให้​เขา​9 ​ใน​พวก​ท่าน​มี​ใคร​บ้าง​ที่​จะ​เอา​ก้อน​หิน​ให้​บุตร เมื่อ​เขา​ขอ​ขนม​ปัง​10 หรือ​ให้​งู​เมื่อ​บุตร​ขอ​ปลา​11 เหตุ​ฉะนั้น ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เอง​ผู้​เป็น​คน​บาป ยัง​รู้จัก​ให้​ของ​ดี​แก่​บุตร​ของ​ตน ยิ่ง​กว่า​นั้น​สัก​เท่าใด ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ จะ​ประทาน​ของ​ดี​แก่​ผู้​ที่​ขอ​ต่อ​พระ​องค์​

ในบริบทนี้  คือการขอ การแสวงหา เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์คือผู้ที่เสด็จมาเมื่อพระเยซูทรงเสด็จไป พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่จะเข้ามาสถิตภายในผู้ที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้าของคนๆนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราระลึกถึงสิ่งสารพัดที่พระเยซูทรงสั่งสอนไว้ ราวกับว่าพระเยซูทรงอยู่ท่ามกลางสาวกของพระองค์

ยอห์น 14:26 26 แต่​องค์​ผู้ช่วย​คือ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ซึ่ง​พระ​บิดา​จะ​ทรง​ใช้​มา​ใน​นาม​ของ​เรา​นั้น จะ​ทรง​สอน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทุก​สิ่ง และ​จะ​ให้​ท่าน​ระลึก​ถึง​ทุก​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​กล่าว​ไว้​แก่​ท่าน​แล้ว​

ยอห์น 14:16-17 16 เรา​จะ​ทูล​ขอ​พระ​บิดา และ​พระ​องค์​จะ​ประทาน​ผู้ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​ให้แก่​ท่าน เพื่อ​จะ​ได้​อยู่​กับ​ท่าน​ตลอดไป​17 คือ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​ความ​จริง ซึ่ง​โลก​รับ​ไว้​ไม่ได้ เพราะ​แล​ไม่​เห็น​และ​ไม่​รู้จัก​พระ​องค์ ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้จัก​พระ​องค์ เพราะ​พระ​องค์​ทรง​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน และ​จะ​ประทับ​อยู่​ใน​ท่าน

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งในสามพระภาคของพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์มีบทบาทสำคัญ และจะทำบทบาทในผู้ที่เชื่อในพระเยซูเท่านั้น วันนี้ ข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรเรื่อง “แด่พระเจ้าที่เรารู้จัก….พระเยซู”  พระนามเดียวที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้สำแดงพระเจ้า ผู้ที่เชื่อ ยอมรับความเป็นพระเจ้าของพระเยซู คือผู้ที่เข้าสู่กระบวนการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้น ในพระคัมภีร์โครินธ์จึงกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

1โครินธ์ 1:21  21 เพราะ​ตาม​ที่​ทรง​กำหนด​ไว้​ตาม​พระ​สติปัญญา​ของ​พระ​เจ้า โลก​ไม่​รู้จัก​พระ​เจ้า​ได้​โดย​ปัญญา​ของ​ตน…..

1โครินธ์2:11  11 อัน​ความ​คิด​ของ​มนุษย์​นั้น ไม่​มี​ผู้ใด​หยั่ง​รู้​ได้ เว้น​แต่​จิต​วิญญาณ​ของ​มนุษย์​ผู้​นั้นเอง​ฉัน​ใด ​พระ​ดำริ​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ไม่​มี​ใคร​หยั่ง​รู้​ได้ เว้น​แต่​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​เจ้า​ฉัน​นั้น​

ไม่มีใครจะรู้จักพระเจ้าด้วยการเรียนรู้ โดยปราศจากความเชื่อ  ความเชื่อ เป็นกุญแจสำคัญ ต้องเป็นความเชื่อที่แสดงออก ความเชื่อที่เชื่อว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่

ฮีบรู 11:6  6 แต่​ถ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​แล้ว จะ​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ไม่ได้​เลย เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​จะ​มา​เฝ้า​พระ​เจ้า​ได้​นั้น ต้อง​เชื่อ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ดำรง​พระ​ชนม์​อยู่ และ​พระ​องค์​ทรง​เป็น​ผู้​ประทาน​บำเหน็จ​ให้แก่​ทุก​คน​ที่​แสวงหา​พระ​องค์​

พระเจ้าทรงมีความเป็นองค์อธิปไตย แปลว่า พระองค์สามารถตัดสินใจได้ด้วยพระองค์เอง มนุษย์ไม่สามารถบีบบังคับให้พระเจ้าตอบสนองตามที่มนุษย์ต้องการ มนุษย์ไม่สามารถติดสินบน ว่าจ้างพระเจ้าให้ทำอะไรให้ มนุษย์ไม่สามารถจับพระองค์ยัดใส่ที่แคบๆและเอาอาหารมาตั้งเซ่นไหว้ตามที่มนุษย์อยากจะให้ พระเจ้าไม่ได้เป็นวิญญาณที่หิว หรือต้องการสิ่งใดจากมนุษย์เลย

เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะนมัสการพระเจ้าจะต้องนมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง  ต้องสื่อสารกับพระองค์ด้วยความจริงของพระเจ้า ไม่ใช่ความจริงของมนุษย์ ความจริงของพระเจ้ามักจะสวนทางกับความจริงของมนุษย์ในหลายเรื่องมากๆ เช่น ความจริงคือความจำกัดของมนุษย์ แต่สำหรับพระเจ้า ความจริงคือ ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดยากสำหรับพระองค์  เช่นเรื่องความตาย การฟื้นขึ้นมาจากความตาย การสูญเสียชีวิตที่เอากลับมาไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงทำได้ พระเยซูได้ตรัสว่า

ยอห์น 10:18   18 ไม่​มี​ผู้ใด​ชิง​ชีวิต​ไป​จาก​เรา​ได้ แต่​เรา​สละ​ชีวิต​ด้วย​ใจ​สมัคร​ของ​เรา​เอง เรา​มี​สิทธิ​ที่​จะ​สละ​ชีวิต​นั้น และ​มี​สิทธิ​ที่​จะ​รับ​คืน​อีก คำ​กำชับ​นี้ เรา​ได้​รับมา​จาก​พระ​บิดา​ของ​เรา”

และพระองค์ได้พิสูจน์ในวันที่สามหลังจากถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย  การได้เห็น และการไม่ได้เห็นพระเยซู ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ความเชื่อ แม้ไม่ได้เห็นก็เป็นสุข

พระเยซูทรงเหมือนเดิม คือเป็นอยู่วานนี้ วันนี้ และต่อไปเป็นนิตย์ เราเชื่อและแสวงหาที่จะพบกับพระเยซูในแบบใด  พระเยซูทรงสามารถทำให้เราเห็นพระองค์ด้วยตาใจ ด้วยวิธีการของพระเยซู ไมใช่ด้วยการกำหนดอย่างมนุษย์ วันนี้ เรากำลังดำเนินชีวิตราวกับได้เห็นพระเยซูอย่างไร

ฮีบรู 11:1-3 1 ความ​เชื่อ​คือ​ความ​แน่ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​เรา​หวัง​ไว้ เป็น​ความ​รู้สึก​มั่นใจ​ว่า สิ่ง​ที่​ยัง​ไม่ได้​เห็น​นั้น​มี​จริง​2 โดย​ความ​เชื่อ​นี้​เอง​คน​ใน​สมัยก่อน​ก็​ได้รับ​การ​รับรอง​จาก​พระ​เจ้า​3 โดย​ความ​เชื่อ​นี้​เอง เรา​จึง​เข้าใจ​ว่า ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​สร้าง​กัลป​จักรวาล ด้วย​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์ ดังนั้น​สิ่ง​ที่​มอง​เห็น​จึง​เป็น​สิ่ง​ที่​เกิด​จาก​สิ่ง​ที่​ไม่​ปรากฏ​ให้​เห็น

จากวีดิโอ ตอนแรกได้เกริ่นบทนำว่า หลังจากพระเยซูตาย คือความจริงของมนุษนย์ที่ทุกคนตายแล้วไม่มีวันฟื้นใหม่  ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี อาการของเหล่าสาวกจึงตกอยู่ในสภาพเศร้าเสียใจ และกลัว ที่จะเปิดเผยว่าเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซู เป็นศิษย์ของพระเยซู เพราะคนที่ฆ่าพระเยซูต้องการจะหยุดความจริงของพระเจ้า คนที่ฆ่าพระเยซูไม่ต้องการให้ความจริงของพระเจ้าเปิดเผยความลวงโลกของตนเอง  คำสอนของพระเยซูจะแทรกแซงความจริงของมนุษย์ทุกด้าน  ดังนั้น สาวกจึงกลัวการถูกกำจัดหากเปิดตัวว่าเป็นผู้ที่รับคำสอนของพระเยซู ต่อไป

ในวีดิโอได้ให้เราได้เห็นมุมของสาวกอีกด้านหนึ่ง หลังจากความจริงของพระเจ้าได้ปรากฏคือ พระเยซูได้ชนะความตาย ฟื้นขึ้นมา ความกลัวหายไป สาวกไม่กลัว และยังกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความตาย และยอมตายเพื่อความจริงของพระเจ้า

วันนี้ เราทั้งหลายกำลังดำเนินชีวิตด้วยความเชื่ออย่างเดียวกันนี้หรือไม่  ผู้เชื่อแต่ไม่เห็นพระเยซูก็เป็นสุข ความเชื่อในการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู ทำให้เราไม่กลัวสิ่งใด ไม่กลัวอด ไม่กลัวตกงาน ไม่กลัววันพรุ่งนี้ ไม่กลัวอนาคต  ผู้ที่คุมอนาคต คือพระเยซู  ผู้เหมือนเดิมวานนี้ วันนี้ และสืบไปเป็นนิตย์ ข้าพเจ้าเองก็เคยมีคำถามว่า พระเยซูทรงอยู่ที่ไหน มาปรากฏให้ข้าพเจ้าเห็นได้ไม๊ บางที่เราก็มีความคิดแบบนี้ จนเรารอแล้วรอเล่า และเป็นเงื่อนไขที่เราจะก้าวไปด้วยความเชื่อ  ความเชื่อที่เรากำหนดว่า เราต้องเห็นพระเยซูก่อนแล้วจึงจะเชื่อ แล้วถ้าพระเยซูจะบอกเราว่า พระองค์จะไม่ปรากฏให้เราเห็นจนกว่าเราจะเชื่อ เรามีสิทธิ์เลือกได้หรือ

ยอห์น 15:16  16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่ได้​เลือก​เรา แต่​เรา​ได้​เลือก​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ได้​แต่งตั้ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ให้​ท่าน​ไป​เกิดผล และ​เพื่อ​ให้ผล​ของ​ท่าน​คง​อยู่ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​ทูล​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​บิดา​ใน​นาม​ของ​เรา ​พระ​องค์​จะ​ได้​ประทาน​สิ่ง​นั้น​ให้แก่​ท่าน​

คำตอบคือ เราไม่ได้เป็นคนเลือก แต่พระเยซูทรงเลือกเราต่างหาก  พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ทรงมีความเป็นองค์อธิปไตย พระองค์ทรงเลือกที่จะตอบสนองต่อคนที่มีความเชื่อ ว่าพระองค์ทรงเป็นอยู่

เราเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นอยู่ไม๊  เรากำลังเป็นผู้เชื่อที่ไม่เห็นพระเยซู แต่เชื่อ ว่าพระองค์ทรงเป็นอยู่ วันนี้ และสืบไปเป็นนิตย์ ถ้าอย่างนั้น เราดำเนินชีวิตอย่างไรในวันนี้ ที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ เราดำเนินชีวิตอย่างไร และพรุ่งนี้ เราจะดำเนินชีวิตอย่างไร

ยากอบ 2:19-20,26 19 ท่าน​เชื่อ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​หนึ่ง นั่น​ก็​ดี​อยู่​แล้ว แม้​พวก​ปีศาจ​ก็​เชื่อ และ​กลัว​จน​ตัว​สั่น​20 แน่ะ​คน​โฉด​เขลา ท่าน​ต้อง​การ​ให้​พิสูจน์​หรือ​ว่า ความ​เชื่อ​ที่​ไม่​ประพฤติ​ตามนั้น​ไร้​ผล​….. 26 เพราะ​กาย​ที่​ปราศจาก​จิต​วิญญาณ​นั้น​ไร้​ชีพ​แล้ว​ฉัน​ใด ความ​เชื่อ​ที่​ปราศจาก​การ​ประพฤติ​ตาม​ก็​ไร้​ผล​ฉัน​นั้น​

ผู้ที่ไม่เห็นพระเยซูแต่เชื่อก็เป็นสุข นั่นคือความเชื่อที่ต้องมีการประพฤติ  การประพฤติของเราแสดงออกอย่างไร  การประพฤติของเราประกาศว่าเราเชื่อพระเยซูอย่างไร  หรือเพียงแค่ประกาศว่า เรามีศาสนาเป็นแค่เปลือกเท่านั้น แต่แก่นแท้ของศาสนาที่เราเชื่อ คืออะไร เราไม่ใส่ใจ เราก็ไม่ต่างจากคนในยุคสุดท้ายที่กำลังเดินไปสู่ความพินาศ

2ทิโมธี 1-5 1 แต่​จง​เข้าใจ​ข้อ​นี้ คือ​ว่า​ใน​สมัย​จะ​สิ้น​ยุค​นั้น จะ​เกิด​เหตุการณ์​กลี​ยุค​2 เพราะ​มนุษย์​จะ​เห็น​แก่​ตัว เห็น​แก่​เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบ​ด่า​ว่า ไม่​เชื่อ​ฟัง​คำ​บิดา​มารดา อกตัญญู ไร้​ศีลธรรม​3 ไร้​มนุษยธรรม ไม่ให้​อภัย​กัน ใส่​ร้าย​กัน ไม่​ยับยั้ง​ชั่ง​ใจ ดุ​ร้าย เกลียด​ชัง​ความ​ดี​4 ทรยศ มุทะลุ หัว​สูง รัก​ความ​สนุก​ยิ่ง​กว่า​รัก​พระ​เจ้า​5 ถือ​ศาสนา​แต่​เปลือก​นอก ส่วน​แก่น​แท้​ของ​ศาสนา​เขา​ไม่​ยอมรับ….

ขอให้เราเป็นผู้เชื่อที่ไม่เห็นพระเยซูแต่เชื่อก็เป็นสุข นั่นคือ เราใส่ใจกับสิ่งที่เป็นแก่นมากกว่าแค่เปลือก….เปลือกตาที่จะเห็นพระเยซู เหมือนคนมากมายที่มักพูดว่า ขอพระเยซูช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ก่อน แล้วจึงจะเชื่อ จึงจะเป็นคริสเตียน  จึงจะจริงจังกับชีวิตการเป็นผู้รับใช้ของพระเยซู  เรากำลังตั้งเงื่อนไขแบบไม่มีเหตุผล และห่างไกลจากความจริงของพระเจ้า  คำถามสำหรับเราในเช้าวันนี้  คือ ความเชื่อของเรา เป็นความเชื่อที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ในชีวิตได้หรือไม่ แม้ไม่ได้รับคำตอบตามที่ตนเองคาดหวัง ก็ยังเชื่อ ไม่มีอะไรจะมาทำลายความเป็นอยู่ของพระเยซูในชีวิตของเราได้

คนบางคน ยอมสูญเสียความจริงไป เพียงเพราะเรื่องปากท้อง เรื่องความอยู่รอดของตนเอง แต่มีคริสเตียนบางคน จะไม่ยอมสูญเสียความเป็นอยู่ของพระเยซูไป แม้ชีวิตของตนจะหาไม่

เมื่อข้าพเจ้าไปประชุมโลซานต์ครั้งที่สาม ที่ประเทศอัฟริกาใต้ มีการเชิญผู้ที่เป็นคริสเตียนจากประเทศต่างๆที่มีการต่อต้านข่มเหงคริสเตียนอย่างรุนแรงหนักหนา ด้วยการฆ่า ทำลาย บังคับให้เปลี่ยนศาสนา ไม่ให้เป็นคริสเตียน เวลาคนเหล่านี้ขึ้นเวที จะมีป้ายชูขึ้นว่า ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด เพราะหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนที่ขึ้นมาบนเวที มีผู้หญิงคนหนึ่ง กว่าจะได้เป็นคริสเตียน เขาต้องเสี่ยงชีวิตมาก และยังคงเสี่ยงชีวิตที่จะรักษาความเชื่อเอาไว้  คำพูดของผู้หญิงคนนี้ทำให้เราต้องอื้ง เพราะเธอพูดว่า เธอจะไม่ยอมสูญเสียความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะกว่าจะได้มาเชื่อในพระองค์เธอต้องจ่ายราคาที่สูงมา  มีค่าเท่ากับชีวิตของเธอ  และอาจารย์ท่านหนึ่งที่ไปกับเราในทีมคนไทยด้วยกัน ได้กล่าวว่า

ฟังคำพยานของคนเหล่านี้แล้ว รู้สึกว่า คริสเตียนไทยเราจ่ายราคาในการเป็นคริสเตียนถูกๆ หรือแทบไม่ได้จ่ายราคาเลย

วิถีการดำเนินชีวิตคริสเตียนไทยของเรากำลังทำให้คนรอบข้างเข้าใจว่า ความเชื่อในพระเยซูต้องเห็นพระเยซูก่อนแล้วจึงเชื่อ  มันคือเปลือกของศาสนาหรือเปล่า  เวลาเจอกับเหตุการณ์อะไรมากระทบชีวิต คริสเตียนบางคนก็ละทิ้งความเชื่อไปแบบง่ายๆ  ไม่รักษาความเชื่ออันมีค่านี้ไว้

เราคงต้องกลับมารื้อฟื้นชีวิตคริสเตียนที่ว่า  “ไม่เห็นพระเยซูแต่เชื่อก็เป็นสุข”  นั่นคือ ความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นอยู่ วานนี้ วันนี้ และสืบไปเป็นนิตย์

By admin