“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้”
คนที่ให้การบรรยายอบรมเรื่องความพร้อมได้ให้มุมมองของคำว่า “พร้อม”อย่างนี้
ความพร้อม
-แท้จริงคือสภาวะ
-ความพร้อม เป็นสภาวะที่ถูก”สร้าง”ขึ้น ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการรอคอย
-คนสำเร็จ เกิดจากการลงมือทำ ทำๆๆๆๆๆๆจนเกิดสภาวะที่พร้อม
-ความพร้อมจึงเป็นสภาวะที่เกิดขึ้น หลังลงมือทำ
-การลงมือทำ เป็นการนำทางไปสู่ความพร้อม
-คนสำเร็จ มักตัดสินใจลงมือทำท่ามกลางความไม่พร้อม การลงมือทำ นำไปสู่การสร้าง”สภาวะ”ที่เหมาะสม นั่นคือความพร้อม
-ความพร้อม เกิดขึ้นหลังการตัดสินใจ”ลงมือทำ”
-ความไม่พร้อม จึงมักเป็น”ข้ออ้าง”ของคนที่ไม่สำเร็จ แม้ผู้นั้นรอจนกว่าจะเกิดสภาวะที่เขาพร้อม ก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้นั้นจะประสบความสำเร็จ
มัทธิว 24:44 44 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
1โครินธ์ 15:58 58 เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า การของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้
คำแนะนำของพระคัมภีร์สอดคล้องกับการอบรมเรื่องความสำเร็จของดร.อารอน คือการลงมือทำ ปฏิบัติงาน(ทำงาน)ของพระเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา) ดร.อารอน ได้กล่าวว่า
-หลายๆคน รอจนกว่าจะพร้อม แล้วค่อยดำเนินการ
-ความพร้อมไม่มีอยู่จริงในโลก
-“ความพร้อม”เป็นสภาวะเชิงเปรียบเทียบ
-เมื่อความกลัวค่อยๆลดลง เมื่อนั้นรู้สึกว่าพร้อม
-เมื่อฟังคนนั้นทักคนนั้นเชียร์ เมื่อนั้นพร้อม
-เมื่อรายรับมากขึ้น เมื่อนั้นพร้อม
-เมื่อสภาวะบางอย่าง..เปลี่ยนไป..เมื่อนั้นพร้อม
ความเป็นจริง
-คนสำเร็จ สำเร็จท่ามกลางความไม่พร้อม
-คนสำเร็จ ตัดสินใจบนข้อมูลที่มีอยู่ ถ้ารอจนกว่าได้ข้อมูลทุกๆอย่าง คนอื่นๆคงไปโลดเสียก่อน
-คนสำเร็จ สำเร็จเพราะมีศักยภาพในการตัดสินใจ ไม่ใช่ศักยภาพของความพร้อม
-คนสำเร็จตัดสินใจบนความกล้าหาญ ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะความพร้อม
-คนสำเร็จตัดสินใจลงมือเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางความไม่พร้อม
-แม้คนที่ว่าพร้อมถึงจะลงมือทำ ก็ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จ แต่คนที่สำเร็จมักลงมือทำท่ามกลางความไม่พร้อม
-ความไม่พร้อม จึงมักเป็น”ข้ออ้าง”ของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เป็นคนที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้ ในสองด้าน ประการแรก คือ
1.พรักพร้อมที่จะทำการดีทุกอย่าง 2ทิโมธี 3:16-17
16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม17 เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
พระคัมภีร์ใช้คำว่า พรักพร้อม รากศัพท์ภาษากรีกใช้คำที่แปลว่า สดใหม่ เดี๋ยวนี้ นั่นหมายความว่า คือการลงมือทำเดี๋ยวนี้ ไม่รอ ไม่ใช่ผลัดวันประกันพรุ่ง เอาไว้ก่อนนะ คำพูดเหล่านี้ หรือทัศนคติแบบนี้ เป็นของคนที่ไม่พร้อม
พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนของพระเจ้า คนของพระเจ้าจะมีพรักพร้อม คนของพระเจ้าต้องดำเนินชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อดีต หรือโยนความรับผิดชอบไปในอนาคต
คนมากมายดำเนินชีวิตอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด อดีตที่หลอน ทำให้ไม่มีเสรีภาพในการให้อภัย ทำให้ศักยภาพมากมายถูกกดไว้ ไม่มีการต่อยอด หรือพัฒนาชีวิตให้ก้าวหน้า ไปต่อไม่ได้ เพราะว่า ยังจมอยู่กับอดีตที่เจ็บปวด พระคัมภีร์เรียกอดีตที่เจ็บปวดว่า รากของความขมขื่น
ฮีบรู 12:15 15 จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป
คำว่า พระคุณของพระเจ้า คือการที่เราได้รับการให้อภัยทั้งๆที่เราไม่สมควรได้รับการให้อภัย คนที่เพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า คือคนที่พระเจ้าให้อภัยตัวของเขาแล้ว แต่ตัวของเขายังไม่ให้อภัยคนอื่น ยังเก็บความเจ็บปวดบาดแผลของตนเองเอาไว้ จนรากงอก ที่เรีกว่า รากความขมขื่น คำว่า ขมขื่น รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า ยาพิษ กินแล้วตาย คนที่ขมขื่น ทำให้ตัวเองตาย กำลังทำร้ายตนเอง และทำให้คนอื่นรอบข้างได้รับความเสียหายไปด้วย
คนที่ขมขื่น ไม่พร้อมสำหรับการทำการดี และไม่พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ไม่พร้อมที่จะไปอยู่กับพระเจ้า คำว่า ไม่พร้อมในที่นี้ ก็คือ ไม่ขยับเขยื้อนใดๆเพือจะพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่เลวร้าย ไปสู่สถานการณ์ที่ดีกว่า ไม่พาตัวเองไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ พระคัมภีร์เรียกคนประเภทนี้ว่า ขี้เกียจ
สุภาษิต19:24 24 คนเกียจคร้านฝังมือของตัวไว้ในชาม และไม่ยอมแม้แต่จะนำอาหารมาสู่ปากของตน
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการเตรียมตัวให้พร้อมของคริสเตียน
พร้อมให้อภัยอย่างรวดเร็ว พร้อมคืนดีอย่างรวดเร็ว พร้อมให้ได้ทุกอย่าง พร้อมเปลี่ยนแปลง พร้อมปรับปรุงแก้ไขตัวเอง พร้อมอะไรอีก…..
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เตรียมตัวให้พร้อมไว้ ด้วยการ….
2.ใช้เวลาอย่างมีค่า เอเฟซัส5:15-16
15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว
คำว่า ฉวยโอกาส ที่พระคัมภีร์ใช้ตอนนี รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า ซื้อเวลา หมายถึงการทำให้เวลามีค่าในทุกวินาที ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่มีอะไรดีๆเกิดขึ้น นั่นคือการฆ่าเวลา คำว่า ซื้อเวลา ขอคนในยุคของเรา คือการย่นระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทาง ในการทำอะไรๆด้วยตัวเอง แต่คำว่าซื้อเวลาของพระคัมภีร์ตอนนี้ ใช้คำว่า ไถ่ คือเอาเวลาที่มักจะทำชั่ว มาเป็นโอกาสของการทำดี เวลาที่คนทำชั่วมีมาก แต่เวลาที่คนทำดีนั้น น้อยลงๆไปทุกที ผู้รับใช้ของพระคริสต์จะต้องไถ่เวลา นี่คือเหตุผลว่า ทำไมจึงใช้คำว่า ฉวยโอกาส คือ คำที่บอกถึงความเร่งรีบ เพราะเวลาน้อยลงไปเรื่อยๆ
2เปโตร 3:9 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
ยิ่งคนกลับใจใหม่ ยิ่งมีการยืดเวลาออกไปมากเท่านั้น เพื่อจะมีคนอีกมากมายได้กลับใจใหม่ นี่ก็เป็นการใช้เวลาอย่างมีค่า คำถามก็คือว่า เราได้ใช้เวลาทำให้คนกลับใจใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้า เข้าใกล้พระเจ้า หรือเรากำลังทำให้คนวิ่งหนีออกห่างไปจากพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
มัทธิว 12:30 30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป
คำถามก็คือว่า เราทำให้คนไม่ชอบพระเจ้า ไม่อยากเข้าใกล้คริสเตียน ด้วยพฤติกรรม คำพูดของเราอย่างไร หรือไม่ เราใช้เวลาอย่างไรให้คนรอบข้างมองเห็นพระเจ้าในตัวเราอย่างไร
พระคัมภีร์ยังสอนคนของพระเจ้าถึงวิธีการใช้เวลาอย่างมีค่า เช่น
เอเฟซัส 4:25-32 25 เหตุฉะนั้นท่านจงเลิกพูดมุสาเสีย และจงพูดความจริงต่อกัน เพราะว่าเราต่างก็เป็นอวัยวะของกันและกัน26 จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร28 คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน29 อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย เพราะโดยพระวิญญาณนั้นท่านได้ถูกประทับตราหมายท่านไว้ เพื่อวันที่จะทรงไถ่ให้รอด31 จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้าย กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด32 และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น
ทั้งหมดนี้ คือการใช้เวลาอย่างมีค่า มิใช่ใช้เวลาทำสิ่งที่ชั่ว หยุดพูดโกหก พูดแต่ความจริง หยุดความโกรธ หยุดทำบาป อย่าโอกาสแก่มาร หยุดขโมย หยุดขี้เกียจ หยุดพูดจาหยาบคายไร้สาระ พูดแต่สิ่งที่เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน จงทำให้พระเจ้าพอพระทัย….
มัทธิว 24:42-44 42 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน43 จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้44 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
ความสำเร็จของผู้รับใช้ของพระคริสต์ ไม่เหมือนความสำเร็จของคนของโลกนี้ ผู้รับใช้ของพระคริสต์…จะเตรียมตัวให้พร้อมไว้ เพื่อจะพบกับการเสด็จของพระเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ สถานการณ์ของโลกนี้กำลังขมวดเกลียวเข้าใกล้ภาวะสงครามโลกมากยิ่งขึ้น เพราะคนยังมีความโลภ ความเห็นแก่ตัว คนฉวยโอกาสที่จะทำชั่วมากกว่าทำดี เวลาได้เสียไปในชีวิตของคนที่ทำชั่ว ดังนั้ นผู้รับใช้ของพระคริสต์จะต้องไถ่เวลา ซื้อเวลา ให้มีการทำดีเพื่อจะให้คนมากมายได้รับความรอด
ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึง การซื้อเวลา (ไถ่) ให้คนรอดจากการที่พระเจ้าจะพิพากษาลงโทษคนอิสราเอล เพราะมีคนกลับใจใหม่ แต่เมื่อไม่มีคนกลับใจใหม่ การพิพากษาก็มาเร็ว
เราอธิษฐานเผื่อสถานการณ์ของโลก เราไม่อยากจะให้เกิดสงครามโลก เพราะว่า เดือดร้อนไปทั่วแน่ นอกจากการอธิษฐานแล้ว ขอให้เราใช้เวลาอย่างมีค่า เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงทำลายโลกนี้ หากเราเป็นคนหนึ่งที่เร่งเวลา คือฆ่าเวลาไปกับการไม่ทำอะไรดีๆให้เกิดขึ้น ก็เท่ากับการทำให้เวลาชั่วไป
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้ คือการช่วยกู้โลกโดยตรง
1.พรักพร้อมที่จะทำการดีทุกอย่าง
2.ใช้เวลาอย่างมีค่า