“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีเสรีภาพ”

เรื่องราวเยอรมนีช่วงปี ค.ศ. 1961-1989 ที่กำแพงเบอร์ลินทำหน้าที่แบ่งประเทศออกเป็นสองส่วน ส่วนตะวันตกที่ปกครองโดยประเทศเสรี อเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ออกจากส่วนตะวันออกโดยสหภาพโซเวียด กำแพงถูกก่อขึ้น ณ ใจกลางกรุงเบอร์ลิน

ตื่นเช้ามาวันหนึ่ง ถนนที่ใช้สัญจรอยู่ทุกวันก็มีรั้วลวดหนามมากั้นอย่างไร้คำเตือน ทุกคนได้แต่ตกตะลึงสับสนและไม่เข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น….

คุณย่าท่านหนึ่ง  เป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ท่านไม่ยอมเข้ากับฝ่ายตะวันออกโดยเด็ดขาด เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้กันดี โดยเฉพาะรัฐบาล…. เมื่อตอนที่ท่านเป็นมะเร็ง ต้องเข้าไปผ่าตัดในโรงพยาบาล รัฐส่งคนจากหน่วย Stasi (ชตา-ซี่) มาที่โรงพยาบาลแล้วบอกกับท่านว่า ถ้าท่านไม่ทำงานให้หน่วย Stasi รัฐบาลจะยึดบ้านและปล่อยให้ท่านตายโดยไม่ยินยอมรักษา ท่านพูดแต่เพียงว่า ครอบครัวเราจะไม่มีใครทำงานให้ Stasi โดยเด็ดขาด….ท่านจากไปจริงๆ แต่บ้านก็ไม่ได้โดนยึดอย่างคำขู่”

ตอนที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย คำบอกเราของหลานของคุณย่าที่จากไปพร้อมกับอุดมการณ์เพื่อเสรีภาพได้กล่าวว่า

“พวกเราดีใจเกินกว่าจะมีคำบรรยาย ในที่สุด เสรีภาพที่เฝ้ารอมาตลอดก็มาเยือนเราซักที แต่ในที่สุด เราก็ค้นพบว่า ความฝันก็คือความฝันอยู่วันยังค่ำ……

หลังจากฝั่งตะวันตกเข้ามา สิ่งที่พวกเค้านำมาสู่ ไม่ใช่มิตรภาพ แต่กลับเป็นเสรีภาพแห่งการกอบโกย พวกเค้าหากำไรกับทุกซอกมุม เอารัดเอาเปรียบผู้คนที่ด้อยกว่า….ชั้นรู้สึกดีใจนะ ที่คุณย่าจากเราไปก่อนหน้าแล้ว….นี่แหละคือความเป็นจริง ”

หน่วย Stasi (ชตา-ซี่) คือ หน่วยอะไร  เป็นหน่วยงานสอดแนมจากรัฐบาล มีไว้ล้วงความลับไม่ใช่กับศัตรู แต่กับประชาชนของตนเอง เหตุผลของหน่วยงานคือ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของรัฐบาลและประชาชน (หรือพูดง่ายๆ คือกลัวประชาชนจะตั้งกลุ่มเพื่อต่อต้านกับระบบรัฐนั่นเอง)แล้วเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง คนที่ทำงานให้หน่วยนี้ มีอยู่เกือบ 3 แสนคน มากกว่า 70% เป็นประชาชนบนถนน มีทั้งคนข้างบ้าน ร้านค้า คนเก็บขยะ ครู หรือแม้กระทั่งคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนแท้ ไม่มีใครรู้ว่าใครทำงานให้กับ Stasi บ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ภัยจะมาถึงตัว ดังนั้น เราจึงไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกเลย…

ตอนที่กำแพงล่มสลาย หน่วยสอดแนมพยายามทำลายหลักฐานทั้งหมดที่พวกเค้าเก็บไว้นานกว่ายี่สิบปี แต่ด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาล จึงทำลายไม่ทัน   เรื่องแฟ้มข้อมูลและเรื่องราวส่วนตัวรวมไปถึงการดักฟังโทรศัพท์ต่างๆ จึงยังถูกเก็บไว้อยู่ ดังนั้น ใครที่อยากเข้าไปอ่านเรื่องราวส่วนตัวของตนที่โดนสอดแนมไว้ก่อน

มีรายการทีวียักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ได้สัมภาษณ์อดีตพนักงานระดับสูงของหน่วย Stasi ถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Facebook

“Facebook เป็นความใฝ่ฝันขั้นสูงสุดของหน่วยงาน Stasi ข้อมูลส่วนตัวที่เราพยายามกันอย่างสุดความสามารถที่จะสอดแนมให้ได้มา มันถูกรวบรวมโดยความสมัครใจ แถมถือกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมอีกด้วย เสียดาย…ที่ตอนนั้นเรายังไม่มี Facebook” “ทีนี้ YOU ก็เข้าใจแล้วใช่มั้ย  ว่าทำไมพวกเราถึงไม่เล่น Facebook”

เสรีภาพที่แท้ มักดูคล้ายผูกมัดในตอนแรก  และการผูกมัดก็มักดูคล้ายเสรีภาพในตอนแรก ผู้เล่าเรื่องราวนี้ คือหลาน ได้กล่าวถึงคุณย่าผู้ต่อสูเพื่อเสรีภาพว่า ดีที่คุณย่าได้ตายไปก่อนที่จะเห็นว่า เสรีภาพที่ท่านต่อสู้นั้น เมื่อมันเกิดขึ้น คนได้ใช้เสรีภาพแบบผิดๆ

เรามักจะคิดว่า การทำอะไรตามใจตัวเองคือเสรีภาพ และการอยู่ภายใต้ระเบียบวินัยคือการหมดเสรีภาพ

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีเสรีภาพ  คำถามก็คือว่า เป็นเสรีภาพที่เราอยากจะเอามาใช้แบบไหน

คำว่า Free will ในทางศาสนศาสตร์ เราคิดว่า เรามีเสรีภาพที่จะเลือกพระเจ้าหรือไม่เลือกพระองค์ก็ได้

เราอาจจะคิดว่า เราเลือกผิดหรือเปล่าที่ตัดสินใจมาเป็นคริสเตียน พระเยซูคริสต์ทรงตรัสเกี่ยวกับการเลือกของเราอย่างนี้

ยอห์น 15:16  16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่ได้​เลือก​เรา แต่​เรา​ได้​เลือก​ท่าน​ทั้ง​หลาย และ​ได้​แต่งตั้ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ให้​ท่าน​ไป​เกิดผล และ​เพื่อ​ให้ผล​ของ​ท่าน​คง​อยู่ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ท่าน​ทูล​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​บิดา​ใน​นาม​ของ​เรา ​พระ​องค์​จะ​ได้​ประทาน​สิ่ง​นั้น​ให้แก่​ท่าน​

ถ้าเราเข้าใจถึงการทรงเรียกของพระเจ้า ไม่ใช่บังเอิญที่เรามาเป็นคริสเตียน ครั้งแรกที่เราจับมือกับพระเจ้า เราคิดว่า ถ้าเราไม่พอใจ เราจะปล่อยมือจากพระเจ้า แต่พระองค์ไม่ปล่อยมือจากเรา

โรม 8:38-39 38 เพราะ​ข้าพเจ้า​เชื่อมั่น​ว่า แม้​ความ​ตาย หรือ​ชีวิต หรือ​บรรดา​ทูตสวรรค์ หรือ​เทพ​เจ้า หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ปัจจุบัน​นี้ หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​จะ​มี​ใน​ภาย​หน้า หรือ​ฤทธิ์​เดช​ทั้ง​หลาย​39 หรือ​ซึ่ง​สูง หรือ​ซึ่ง​ลึก หรือ​สิ่ง​ใดๆ อื่น​ที่​ได้​ทรง​สร้าง​แล้ว​นั้น จะ​ไม่​สามารถ​กระทำ​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​ขาด​จาก​ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​ได้​

ดูเหมือนเราจะไม่มีเสรีภาพเลยหรือ  ไม่ใช่อย่างนั้น พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนว่า คนที่มาเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า มีเสรีภาพ

กาลาเทีย 5:1  1 เพื่อ​เสรีภาพ​นั้นเอง ​พระ​คริสต์​จึง​ได้​ทรง​โปรด​ให้​เรา​เป็น​ไท เหตุ​ฉะนั้น​จง​ตั้ง​มั่น และ​อย่า​เข้า​เทียม​แอก​เป็น​ทาส​อีก​เลย

1เปโตร 2:16 16 จง​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​คน​มี​เสรีภาพ แต่​อย่า​ใช้​เสรีภาพ​นั้น เป็น​ข้ออ้าง​เพื่อ​จะ​ทำ​ความ​ชั่ว แต่​จง​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​เจ้า​

กาลาเทีย 5:13 13 ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ที่​ทรง​เรียก​ท่าน​ก็​เพื่อให้​มี​เสรีภาพ อย่า​เอา​เสรีภาพ​ของ​ท่าน​เป็น​ช่องทาง​ที่​จะ​ปล่อย​ตัว​ไป​ตาม​เนื้อ​หนัง แต่​จง​รับ​ใช้​กัน​และ​กัน​ด้วย​ความ​รัก​เถิด​

เป้าหมายของการที่พระเยซูทรงเลือกเรา ก็เพื่อให้เรามีเสรีภาพอย่างแท้จริง ไม่ใช่เสรีภาพจอมปลอม ทำทีเหมือนมีเสรีภาพ แต่จริงๆกลับเป็นทาส เสรีภาพของคริสเตียนคือการมีเสรีภาพที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า มีเสรีภาพที่จะปฏิเสธการงานของเนื้อหนัง ปฏิเสธกิเลศตัณหาความอยาก ไม่ใช่เราสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป แต่เราเป็นมนุษย์พันธ์อมตะที่แท้จริง

1เปโตร 1:22-23 22 ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ชำระ​จิตใจ​ของ​ท่าน​ให้​บริสุทธิ์​แล้ว ด้วย​การ​เชื่อ​ฟัง​ความ​จริง จน​มี​ใจ​รัก​พวก​พี่​น้อง​อย่าง​จริงใจ ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​รัก​กัน​ให้​มาก​ด้วย​น้ำ​ใส​ใจ​จริง​23 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​บังเกิด​ใหม่​แล้ว ไม่ใช่​จาก​พันธุ์​มตะ แต่​จาก​พันธุ์​อมตะ คือ​ด้วย​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​อัน​ทรง​ชีวิต​และ​ดำรง​อยู่​

ผู้เชื่อแท้จะตั้งใจเดินในกระบวนการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระเยซู (พันธ์อมตะ) ฉบับแปล 2011ใช้คำแปลว่า ไม่เสื่อมสลาย รากศัพท์ภาษากรีก ใช้คำที่มีความหมายถึง ไม่พินาศ ด้วยการถูกลงโทษบาป

เสรีภาพที่จะทำดี ไม่ใช่เพราะความกลัวตกนรก แต่เพราะเป็นมาโดยธรรมชาติใหม่ของพันธอมตะ ที่มีธรรมชาติของการทำดี แม้ว่าจะสวนทางกับคนหมู่มากก็ไม่กลัว แม้ว่าจะสวนกระแสของโลกนี้ก็ไม่กลัว แม้ว่าไม่มีใครทำดีเลย ก็ยังคงทำดี นี่คือความหมายของคำว่า พันธ์อมตะ เมล็ดพันธ์ที่ไม่เสื่อมสลาย ซึ่งมีความหมายเหมือนกับคำว่า เกลือ ที่ยังรักษาความเค็ม คนดีอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคนดี ไม่ถูกชักชวนไปในทางที่ชั่วได้

2โครินธ์ 3:17 17 องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​เป็น​พระ​วิญญาณ และ​พระ​วิญญาณ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​อยู่​ที่​ไหน เสรีภาพ​ก็​มี​อยู่​ที่​นั่น​

เสรีภาพที่จะทำดี เกิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตภายในผู้เชื่อ และพระวิญญาณแห่งเสรีภาพนี้จะทำงาน เมื่อผู้เชื่อตอบสนองต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการปฏิเสธความต้องการของเนื้อหนัง

เสรีภาพที่แท้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่เกิดขึ้น ถ้าหากเรายังไม่ได้ก้าวเข้าไปในกระบวนการเอาชนะตนเอง (ปฏิเสธตัวเอง) เรายังยึดติด เรายังตอบสนองต่อกิเลศความอยากของตนเอง แค่เรื่องง่ายๆ เรายังพ่ายแพ้ แล้วเรื่องยากจะทำได้อย่างไร  อะไรคือเรื่องง่ายๆ เช่นเรื่องการกิน  เรายังไม่สามาถรปฏิเสธเรื่องการกิน แล้วเรื่องอะไรอีกที่ง่ายๆ การใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ การพูด การควบคุมลิ้นยากที่สุด

ยากอบ 3:2,6 2 เพราะ​เรา​ทุก​คน​ทำ​ผิดพลาด​ไป​หลายๆ อย่าง ถ้า​ผู้ใด​มิได้​ทำ​ผิด​ทาง​วาจา ผู้​นั้น​ก็​เป็น​คน​ดี​รอบคอบ​แล้ว และ​สามารถ​บังคับ​ทั้งตัว​ไว้​ได้​ด้วย​…6 และ​ลิ้น​นั้น​เป็น​ไฟ ลิ้น​เป็น​โลก​ชั่ว​ร้าย​ที่​ตั้ง​อยู่​ท่าม​กลาง​อวัยวะ​ต่างๆ ของ​เรา มัน​ทำ​ให้​ทั้ง​กาย​เป็น​มล​ทิน และ​เผา​ผลาญ​วง​จร​ของ​ชีวิต และ​ตัว​มัน​เอง​ก็​ถูก​เผา​ผลาญ​โดย​ไฟ​นรก

คนที่คิดว่า มีปาก  ก็จะพูดอย่างที่คิดว่ามีเสรีภาพที่จะพูด โดยไม่ได้ควบคุมบังคับ การพูดต้องถูกบังคับ

ยากอบ 11:19-20 19 ดูก่อน​พี่​น้อง​ที่​รัก​ของ​ข้าพเจ้า จง​ทราบ​ข้อ​นี้ จง​ให้​ทุก​คน​ไว​ใน​การ​ฟัง ช้า​ใน​การ​พูด ช้า​ใน​การ​โกรธ​20 เพราะ​ว่า​ความ​โกรธ​ของ​มนุษย์​ไม่ได้​กระทำ​ให้​เกิด​ความ​ชอบธรรม​แห่ง​พระ​เจ้า​

บางคนคิดว่า ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะโกรธ เที่ยวโกรธคนไปทั่ว โกรธคนที่ทำผิดต่อตนเอง โกรธคนที่พูดไม่ดี  โกรธคนที่ตนเองไม่ชอบ แต่พระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวา ความโกรธของมนุษย์ไม่ได้ทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า

สรุปเกี่ยวกับเสรีภาพในนิยามของพระคัมภีร์มีสองด้าน

1.อย่าทำตัวเป็นคนสอดแนมเสรีภาพ  กาลาเทีย 2:3-5

3 แต่​ถึงแม้​ทิตัส​ซึ่ง​อยู่​กับ​ข้าพเจ้า จะ​เป็น​คน​กรีก​เขา​ก็​ไม่ได้​ถูก​บังคับ​ให้​เข้า​สุหนัต​4 ตาม​คำแนะนำ​ของ​พี่​น้อง​จอม​ปลอม ที่​ได้​ลอบ​เข้า​มา เพื่อ​จะ​สอด​แนม​ดู​เสรีภาพ​ซึ่ง​เรา​มี​เพราะ​พระ​เยซู​คริสต์​ พวก​เขา​หวัง​จะ​เอา​เรา​ไป​เป็น​ทาส​5 แต่​เรา​ไม่ได้​ยอม​อ่อน​ข้อ​ให้กับ​เขา​แม้​สัก​ขณะ​เดียว เพื่อให้​ความ​จริง​ของ​ข่าว​ประเสริฐ​นั้น​ดำรง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ต่อไป​

ข้อความในพระคัมภีร์ตอนนี้ กำลังเล่าสถานการณ์ของคริสเตียนในคริสตจักรยุคแรก ที่ต้องเผชิญกับการข่มเหง ต้องหลบๆซ่อนๆเพื่อจะดำเนินชีวิตตามความเชื่อในพระเยซูคริสต์ คำสอนของพระเยซูคริสต์ในเวลานั้นทำให้คริสเตียนที่เป็นคนต่างชาติ (กรีก) อย่างทิตัส ก็ถูกเพ่งเล็งว่า การมาเป็นคริสเตียนของทิตัส เกิดจากการถูกบีบบังคับให้ต้องเข้ารีต (อย่างชายยิว ต้องเข้าสุหนัต) ซึ่งคริสเตียนยิวจะเอาเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขของการเปลี่ยนศาสนาของคนต่างชาติ) คริสเตียนในเวลานั้น มีทั้งคนยิวและคนต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัต (การขลิบหนังปลายองคชาต)

ในยุคของเรา เราไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามอย่างวัฒนธรรมของคนยิว (จุดกำเนิดของศาสนาคริสต์) คำว่า เสรีภาพที่อ.เปาโลได้กล่าวในตอนนี้ คือ เสรีภาพของการคบหาระหว่างคริสเตียนยิวกับคริสเตียนต่างชาติ (กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างยิวกับคนต่างชาติคือเชื้อชาติ ศาสนาเดิม) คนยิวจะไม่คบหาคนต่างชาติ เพราะต้องการหลีกเลี่ยงอิทธิพลของคนต่างชาติที่ทำอะไรเสรีเกินไป เสรีอย่างคนที่ไม่มีพระเจ้าไม่มีศีลไม่มีธรรมของพระเจ้า ความเชื่อนี้ได้เพี้ยนไปจนกลายเป็นรังเกียจ และดูถูกดูหมิ่น และเอาเงื่อนไขของศาสนาเดิมมาเป็นเงื่อนไขในการเข้าพวกหรือไม่เข้าพวก นี่คือสิ่งที่อ.เปาโลผู้เขียนหนังสือกาลาเทียตอนนี้ เรียกคนพวกนี้ว่า คนสอดแนมเสรีภาพ หนังสือกาลาเทียจึงเป็นหนังสือพระคัมภีร์เล่มหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับเสรีภาพจากพระเจ้า

กาลาเทีย 5:1,13  1 เพื่อ​เสรีภาพ​นั้นเอง ​พระ​คริสต์​จึง​ได้​ทรง​โปรด​ให้​เรา​เป็น​ไท เหตุ​ฉะนั้น​จง​ตั้ง​มั่น และ​อย่า​เข้า​เทียม​แอก​เป็น​ทาส​อีก​เลย…13 ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ที่​ทรง​เรียก​ท่าน​ก็​เพื่อให้​มี​เสรีภาพ อย่า​เอา​เสรีภาพ​ของ​ท่าน​เป็น​ช่องทาง​ที่​จะ​ปล่อย​ตัว​ไป​ตาม​เนื้อ​หนัง แต่​จง​รับ​ใช้​กัน​และ​กัน​ด้วย​ความ​รัก​เถิด​

คนสอดแนมเสรีภาพ มักจะยกเงื่อนไขเพื่อให้คนกลัว เพื่อให้คนเป็นทาส และเอาเสรีภาพมาเป็นช่องทางเพื่อจะปล่อยตัวไปตามความต้องการของเนื้อหนัง การงานของเนื้อหนังคืออะไร ในกาลาเทียอีกนั่นแหล่ะได้เขียนไว้ว่า

กาลาเทีย 5:17-21   17 เพราะ​ว่า​ความ​ต้อง​การ​ของ​เนื้อ​หนัง​ต่อสู้​พระ​วิญญาณ และ​พระ​วิญญาณ​ก็​ต่อสู้​เนื้อ​หนัง เพราะ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​เป็น​ศัตรู​กัน ดังนั้น​สิ่ง​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ปรารถนา​ทำ​จึง​กระทำ​ไม่ได้18 แต่​ถ้า​พระ​วิญญาณ​ทรง​นำ​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​ไม่​อยู่​ใต้ธรรม​บัญญัติ​19 การ​งาน​ของ​เนื้อ​หนัง​นั้น​เห็น​ได้​ชัด คือ​การ​ล่วง​ประเวณี การ​โสโครก การ​ลามก​20 การ​นับ​ถือ​รูป​เคารพ การ​ถือ​วิทยาคม การ​เป็น​ศัตรู​กัน การ​วิวาท​กัน การ​ริษยา​กัน การ​โกรธ​กัน การ​ใฝ่​สูง การ​ทุ่ม​เถียง​กัน การ​แตก​ก๊ก​กัน​21 การ​อิจฉา​กัน การ​เมา​เหล้า การ​เล่น​เป็น​พาล​เกเร และ​การ​อื่นๆ ใน​ทำนอง​นี้​อีก​เหมือน​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​เตือน​ท่าน​มา​ก่อน บัดนี้​ข้าพเจ้า​ขอ​เตือน​ท่าน​เหมือนกับ​ที่​เคย​เตือน​มา​แล้ว​ว่า คน​ที่​ประพฤติ​เช่นนั้น​จะ​ไม่​มี​ส่วน​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​

คนสอดแนมเสรีภาพ ไม่มีเสรีภาพที่แท้จริง ไม่มีเสรีภาพที่จะหลุดจากการงานของเนื้อหนัง ต้องเป็นทาสของความต้องการของเนื้อหนัง เนื้อหนังเป็นลักษณะชีวิต  คริสเตียนต้องมีลักษณะชีวิตที่ตรงกันข้ามกับเนื้อหนัง พระ​วิญญาณ​ก็​ต่อสู้​เนื้อ​หนัง เพราะ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​เป็น​ศัตรู​กัน

2โครินธ์ 3:17 17 องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​เป็น​พระ​วิญญาณ และ​พระ​วิญญาณ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​อยู่​ที่​ไหน เสรีภาพ​ก็​มี​อยู่​ที่​นั่น​

ถ้าพี่น้องมีความรู้สึกว่า มีการต่อสู้ภายในอยู่ ระหว่างความใฝ่ดีกับความใฝ่ชั่ว นี่คือสัญญาณที่ดี  แต่ถ้าไม่มีความรู้สึกต่อสู้กันภายใน (ฟังดีๆ ไม่ใช่ความสับสน ไม่ใช่ความไม่ชัดเจน) แต่เป็นความชัดเจนว่า กำลังพยายามที่จะต่อสู้กับความต้องากรของเนื้อหนัง เพื่อจะปฏิเสธความปรารถนาของกิเลศ ตัณหา ความอยาก ความโกรธ ความโลภ ความหลง นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง ของชีวิตคริสเตียน

นี่คือสันชาตญาณใหม่ที่พระเจ้าให้เรามา หลังจากเรารับเชื่อ โดยปกติ คนดีจะมีสันชาตญาณที่เราเรียกว่า มโนธรรม ที่จะต่อสู้กับความใฝ่ชั่ว ขึ้นอยู่กับพื้นเพของแต่ละคนจะถูกสั่งสอนมาอย่างไร แต่สันชาตญาณใหมที่เกิดขึ้นหลังรับเชื่อ เราเรียกว่ ธรรมชาติอย่างพระเจ้า จะทำให้เรา ไวต่อบาป  ต่อสู้พื่อเอาชนะบาปในตัวของเราเอง เพราะลักษณะของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระเจ้าได้เข้ามาในชีวิตของเรา เรามีเสรีภาพที่จะปฏิเสธบาป ด้วยความรู้สึกไวต่อบาป บาป ในนิยามของพระคัมภีร์ แตกต่างจากบาปในนิยามของศาสนาอื่นๆ  บาปในนิยามของพระคัมภีร์ คือ การพลาดไปจากเป้าหมาย น้ำพระทัย พระประสงค์ของพระเจ้า

พระประสงค์ของพระเจ้า เรื่องเสรีภาพ ก็คือ ให้เรามีเสรีภาพที่จะรักกัน ให้อภัยกัน มีเสรีภาพที่จะปฏิเสธสิ่งชั่วร้าย

1เปโตร 2:16 16 จง​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​คน​มี​เสรีภาพ แต่​อย่า​ใช้​เสรีภาพ​นั้น เป็น​ข้ออ้าง​เพื่อ​จะ​ทำ​ความ​ชั่ว แต่​จง​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​เจ้า​

คนสอดแนเสรีภาพ จะใช้เสรีภาพเพื่อทำความชั่ว แต่คนที่มีเสรีภาพที่แท้จริง จะดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า ก็คือ ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า  ในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการทำดี

มัทธิว 5:16  16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เหมือนกับ​ตะเกียง จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ เขา​จะ​ได้​สรรเสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ผู้​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์

2.เป็นคนที่มีเสรีภาพแท้  ยอห์น 8:32

32 และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​รู้จัก​สัจจะ และ​สัจจะ​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ไท”

ความจริง Truth  ของพระเจ้าจะทำให้เรามีเสรีภาพที่แท้จริง ความจริงของมนุษย์มักจะนำพันธนาการและเงื่อนไข ทำให้มองทุกอย่างสิ้นหวัง ไห้อภัยยาก  คืนดีไม่ได้  คำที่พูดออกจากปากยาก พูดอย่างอื่นยังพูดเร็วและไว แต่พูดคำว่า ขอโทษ ยากเหลือเกิน นั่นคือการโกหกของจิตใจของตนเอง  ทำให้ไม่มีเสรีภาพในการให้อภัย  บางคนมีอาการงอนนาน ถือทิฐินาน ก็เพราะยังไม่ได้เป็นคนที่มีเสรีภาพแท้  พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า

ลูกา 4:18-22ก 18 ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เป็นเจ้า​ทรง​อยู่​เหนือ​ข้าพเจ้า เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ได้​ทรง​เจิม​ตั้ง​ข้าพเจ้า​ไว้ เพื่อ​นำ​ข่าว​ดี​มายัง​คน​ยากจน ​พระ​องค์​ได้​ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​ให้​ร้อง​ประกาศ​อิสรภาพ​แก่​บรรดา​เชลย ให้​ประกาศ​แก่​คน​ตา​บอด​ว่า​จะ​ได้​เห็น​อีก ให้​ปล่อย​ผู้​ถูก​บีบ​บังคับ​เป็น​อิสระ 19 และ​ให้​ประกาศ​ปี​แห่ง​ความ​โปรด​ปราน​ของ​พระ​เป็นเจ้า 20 แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ม้วน​หนังสือ​ส่งคืน​ให้แก่​เจ้าหน้าที่ แล้ว​ทรง​นั่ง​ลง และ​ตา​ของ​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ธรรม​ศาลา​ก็​เพ่ง​ดู​พระ​องค์​21 ​พระ​องค์​จึง​เริ่ม​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “คัมภีร์​ตอนนี้​ที่​ท่าน​ได้​ยิน​กับ​หู​ของ​ท่าน​ก็​สำเร็จ​ใน​วันนี้​แล้ว” 22 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​กล่าว​ชมเชย​พระ​องค์ และ​ประหลาด​ใจ​ด้วย​ถ้อยคำ​อัน​ประกอบด้วย​คุณ ซึ่ง​ออกมา​จาก​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์….

สำเร็จแล้ว พระเยซูทรงเสด็จมาเพื่อจะหักโซ่ตรวจ ทำลายพันธนการที่เรียกว่า ยากที่จะให้อภัย ยากที่จะคืนดี ยากที่จะมีเสรีภาพ ยากที่จะหลุดจากความเป็นทาส เป็นเชลย วันนี้  เรามาถูกทางแล้ว พระเยซูตรัสว่า

ยอห์น 14:6 6 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เรา​เป็น​ทาง​นั้น เป็น​ความ​จริง​และ​เป็น​ชีวิต….

ขอให้เราทุกคนจงมีเสรีภาพที่จะไม่ทำบาป และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า อย่าเป็นแค่เพียงคนสอดแนมดูเสรีภาพของคนอื่น ข้าพเจ้าอยากจะจบที่ตัวอย่างนึงที่ดูธรรมดาๆแต่ให้แง่คิดในมุมมองที่เราทั้งหลายอยู่ในสังคมนี้จนรู้สึกว่า เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องที่พิเศษไป

วันหนึ่ง คุณขวัญมาที่บ้าน ข้าพเจ้ารินน้ำเต้าหู้ที่ทำเองให้ดื่ม คุณขวัญถามข้าพเจ้าว่า อาจารย์ใส่อะไรเข้าไปพิเศษไม๊ (ความหมายของคุณขวัญคือ มีถั่วอย่างอื่นนอกจากถั่วเหลืองไม๊) ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงคำถามนี้ที่เคยถามเพื่อนบ้านที่เคยเอาน้ำเต้าหู้ที่เค้าทำเองมาให้ดื่ม เป็นคำถามเดียวกัน แต่วันที่คุณขวัญถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตอบอย่างเดียกันกับที่เพื่อนบ้านตอบ คือ ไม่ได้ใส่อะไรเป็นพิเศษ มันคือถั่วเหลือง มันคือน้ำเต้าหู้ที่เรารู้จัก แต่ที่เราไม่รู้จัก เพราะน้ำเต้าหู้ที่เราซื้อจากร้านค้ามักไม่ค่อยจะมีถั่วเหลืองเพียวๆ มีแต่น้ำ ไมมีกลิ่นหอม และถูกปรุงแต่งด้วยน้ำหวาน เครื่องที่กินร่วมด้วย

นื่คือภาพที่ข้าพเจ้าอยากให้เราได้รู้ว่า เสรีภาพที่แท้ มันอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูกเท่านั้น จงลดการปรุงแต่ง เงื่อนไขต่างๆที่เราเอาค่านิยมของโลกมาปรุงแต่ง แล้วเราจะรู้ว่า ทำไมชีวิตในพระเยซูคริสต์เจ้าจึงหอมหวานอย่างที่อ.เปาโลได้กล่าวว่า

2โครินธ์ 2:16-17 16 ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​กลิ่น​แห่ง​ความ​ตาย​ซึ่ง​นำไปสู่​ความ​ตาย และ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​กลิ่น​หอม​แห่ง​ชีวิต​ซึ่ง​นำไปสู่​ชีวิต ใคร​เล่า​จะ​มี​ความ​สามารถ​เหมาะสม​กับ​พันธ​กิจ​เหล่า​นี้​17 เพราะ​ว่า​เรา​ไม่​เหมือน​คน​เป็น​อัน​มาก ที่​เอา​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ไป​ขาย​กิน แต่​ว่า​เรา​ประกาศ​ด้วย​อาศัย​พระ​คริสต์​อย่าง​คน​สัตย์​ซื่อ อย่าง​คน​ที่มา​จาก​พระ​เจ้า และ​อย่าง​คน​ที่​อยู่​จำเพาะ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​

“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีเสรีภาพ”

1.อย่าทำตัวเป็นคนสอดแนมเสรีภาพ 

2.เป็นคนที่มีเสรีภาพแท้ 

By admin