“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีวินัย
สุภาษิตไทย มีคำว่า คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง
ทำอะไรร่วมกับเด็ก หรือคนหัวล้านมักไม่เป็นผล
เพราะเด็กชอบเล่น คิดอะไรไม่รอบคอบ คิดเป็นเหมือนเล่นขายของ เอาง่ายเอามันส์เข้าว่า
ส่วนคนหัวล้านก็ใจน้อย จะทำอะไรก็มัวแต่กังวลว่าจะกระทบศีรษะตนเอง
ทำงานใหญ่ต้องระวังว่า คนที่เรากำลังทำงานด้วยนั้น เป็นเด็ก หรือ หัวล้าน หรือไม่
ความเป็นเด็ก หรือหัวล้าน นี่ไม่ได้ดูที่อายุ หรือรูปร่างหน้าตา ต้องดูที่วุฒิภาวะ
พระคัมภีร์ได้ให้ความสำคัญกับวุฒิภาวะของคน โดยเฉพาะคริสเตียน จะต้องมีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่เต็มบริบูรณ์ พระคัมภีร์ใช้คำว่า เติบโตเป็นคนเต็มคน (Perfect man) จนถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ (The Fullness of Christ)
เอเฟซัส 4:13-14 13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง
เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ในพระคัมภีร์ตอนนี้ใช้คำว่า completeness แปลว่า สมบูรณ์ ครบถ้วนทุกด้าน (ด้านพละกำลัง ด้านการเจริญเติบโต ด้านอารมณ์ และด้านบุคคลิกภาพตามพระคัมภีร์ เป็นต้น)
คนที่เคยมีบุคคลิกภาพใจร้อน ก็จะเย็นลง คนที่เคยควบคุมตัวไม่ได้ก็ควบคุมตัวเองได้ คนที่เคยคิดแต่จะเล่น เอามันส์ ก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง คนที่คิดแต่จะแยกตัวมีโลกส่วนตัวก็จะเห็นแก่ส่วนรวม เสียสละเพื่อส่วนรวมมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ คือสัญญาณที่แสดงว่า มีการเจริญเติบโต
ชีวิตคริสเตียนถูกเปรียบเทียบในภาพเหมือนเด็กที่คลอดออกมาใหม่ เป็นทารกระยะหนึ่ง เป็นเด็กระยะหนึ่ง เป็นคนหนุ่มระยะหนึ่ง และเป็นผู้ใหญ่….ที่ยังเรียนรู้ เติบโตทางวุฒิภาวะ ทางอารมณ์ ทางความคิดจิตใจ ยังต้องเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ นั่นแปลว่า ต้องเรียนรู้ ไม่มีใครที่จะหยุดที่จะเรียนรู้
1โครินธ์13:11 11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
ปัญญาจารย์ 10:16 16 โอ บ้านเมืองเอ๋ย วิบัติแก่เจ้าเมื่อกษัตริย์ของเจ้าเป็นเด็ก และเจ้านายทั้งหลายของเจ้ามีการเลี้ยงกันสนุกสนานแต่เช้า
บทเพลงคร่ำครวญ 3:27 27 เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกในปฐมวัย
คำว่า แอก ในที่นี้ แปลว่า การเชื่อฟังคำสั่ง บ่องบอกถึงเรื่องของการมีวินัย
สุภาษิต 29:15 15 ไม้เรียวและคำตักเตือนให้เกิดปัญญา แต่ถ้าปล่อยเด็กไว้แต่ลำพังจะนำความอับอายมาสู่มารดาของตน
ไม้เรียว ในรากศัพท์ภาษาฮีบรู มีหลายคำแปล คำแปลหนึ่ง หมายถึง การแก้ไข ซึ่งตรงกับคำว่า วินัย (Discipline) ในภาษากรีก แปลว่า การแก้ไขจากผิดให้เป็นถูก วินัยไม่ใช่การลงโทษ หลายคนกลัวการลงโทษ จึงทำให้มองเรื่องของวินัยเป็นการลงโทษ สำหรับพระคัมภีร์ ใช้คำว่า ตีสอน เป็นเรื่องของวินัย ซึ่งแยกออกจากการลงโทษ พระคัมภีร์ใช้คำว่า พินาศ คือจบ
การลงโทษสำหรับพระคัมภีร์แปลว่า จบ ไม่มีโอกาส ที่จะแก้ไขใหม่ได้
เราอยู่ในยุคพระคุณ ที่การลงโทษยังไม่มา ดังนั้น จึงมีแต่เรื่องของวินัย พระคุณแปลว่า ได้รับในสิ่งที่ไม่สมควรได้รับ หมายถึง ได้รับโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ แก้ไข ปรับปรุงตัวเองใหม่ อ.เปาโลจึงกล่าวในพระคัมภีร์ตอนหนึ่งว่า
2โครินธ์ 6:1-4 1 ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระคริสต์แล้ว เราจึงขอวิงวอนท่านว่า อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น2 เพราะพระองค์ตรัสว่า ในเวลาอันชอบเราได้ฟังเจ้า ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาอันชอบ นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด3 เรามิได้ให้ผู้ใดมีเหตุสะดุดในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เพื่อมิให้การที่เรารับใช้ปฏิบัตินั้นเป็นที่เขาจะติเตียนได้4 แต่เราผู้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ได้กระทำตัวให้เป็นที่ชอบในการทั้งปวง โดยความเพียรอดทนเป็นอันมาก ในความทุกข์ยาก ในความขัดสน ในเหตุวิบัติ…
อ.เปาโลกำลังบอกกับคริสเตียนรุ่นหลังอย่างเราทั้งหลายว่า การเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์…ต้องมีวินัย จึงจะทำให้สามารถผ่านสภาวะการณ์ทุกอย่างได้ เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่จะไม่ถูกติเตียนได้ เป็นผู้รับใช้ที่กระทำตัวให้เป็นที่ชอบในการทั้งปวงได้ ด้วยความเพียร อดทน มากๆๆ….. ถ้าเราอ่านต่อไป ก็จะพบกับสภาพที่อ.เปาโลบรรยายว่า ต้องผจญกับอะไรบ้าง ดังนั้น ผู้รับใช้ของพระคริสต์อย่างเราทั้งหลายในวันนี้ ในประเทศไทย ในกรุงเทพ ในใจสมานเพชรเกษม 11 เรียกว่า สบายมากเกินไปหรือเปล่า จนเราได้ละเลย เพิกเฉยกับคำว่า มีวินัย
พระคัมภีร์ไม่ได้สอนเราให้อยู่กับอดีต แต่ให้อยู่กับปัจจุบัน และดำเนินชีวิตอย่างคนมีสติและรู้ตัวเองตลอดเวลาว่า กำลังอยู่เพื่ออะไร เติบโตหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง เป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็ก ชีวิตคริสเตียนต้องเติบโต ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีคริสเตียนที่ไม่เติบโต ยังเป็นเด็ก วิธีคิด วิธีพูด วิถีการดำเนินชีวิตยังเป็นเด็ก เรามาดูตัวอย่างที่อ.เปาโลได้กล่าวถึงวุฒิภาวะการเป็นผู้ใหญ่ การเลิกอาการเด็ก พูดอย่างเด็ก เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างไร
1.มีเป้าหมายชัดเจน 1โครินธ์ 9:22
22 ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง…. 24 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้
เป้าหมายคือคนบางคน น่าสนใจ ในคำนี้ หมายถึง คนที่ยังไม่ได้รับความรอด คนบางคนที่กำลังจะพินาศ คนบางคนที่ไม่ได้เข้ามารับพระคุณ รับโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ คนบางคนที่เข้ามาในกระบวนการที่เรียกว่า วินัย คือการแก้ไขปรับปรุงใหม่ อ.เปาโลยอมเป็นคนทุกชนิด เพื่อจะช่วยให้คนที่ยังไม่มีโอกาสได้รับโอกาส ได้รับพระคุณจากพระเจ้า ทุกวิถีทาง (หากวิถีเดิม สไตล์ชีวิตของตนเอง เป็นอุปสรรค ก็ต้องเปลี่ยน)
มีมิชชันนารีฝรั่งคนหนึ่ง (ฮัดสัน เทเล่อร์) ได้รับการทรงเรียกจากพระจ้าให้ไปประกาศกับคนจีนในประเทศจีน ในยุคนั้น คนจีนไว้เปีย แต่งชุดยาว ฝรั่งคนนี้ ก็ไว้เปีย แต่งชุดยาว กินอาหารจีน ปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมจีน อะไรที่เคยชอบเป็นการส่วนตัว ก็เปลี่ยน ไม่เอาตัวเองเป็นหลัก แต่เปลี่ยนตัวเองเป็นเหมือนคนจีน ใช้ตะเกียบกินข้าว เป็นต้น
เรามักคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่เฉพาะมิชชันนารีทำ ไม่ใช่ตัวเรา แต่พระคัมภีร์ตอนนี้ ไม่ได้บอกว่า เฉพาะคนที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นมิชชันนารีเท่านั้น แต่ควรเป็นท่าที วิธีคิดของคริสเตียนทุกคน
22 ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง
ต่อคนอ่อนแอ เพื่อให้ได้คนอ่อนแอ ไม่ได้แปลว่า เป็นคนอ่อนแอ แต่หมายความว่า ให้เรายอมที่จะลดตัวเองลงมา คบหาคลุกคลีด้วย แต่ไม่ใช่เป็นเด็กที่เอาแต่สนุก มันส์ หรือเป็นผู้ใหญ่หัวล้าน ขี้น้อยใจ ไม่ใช่ แต่คนเหล่านี้คือกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องรับการเปลี่ยน แปลงให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตที่มีคุณภาพ ต้องใช้ความอดทน เพียรพยายาม นี่คือเป้าหมายที่ชัดเจน คือเพื่อคนบางคนที่ยังไม่โต เพื่อคนบางคนที่ยังอ่อนแอ
ในวิธีคิดของคนที่ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์ อย่างคนทั่วไป ก็จะคิดอยากมีคนเก่ง อยากมีคนดี อยากมีคนที่มีความสุข เพื่อจะทำให้ตนเอง เก่ง ตนเองดี และมีความสุข ดังนั้น วิธีคิดอย่างนี้ ก็จะทำให้เกิดความพยายามที่จะหลีกหนีคนที่ไม่ได้เรื่อง คนที่ไม่ดี คนที่สร้างทุกข์มากกว่าสุข ด้วยการวิ่งหนี แต่อ.เปาโลได้ใช้คำว่า วิ่งแข่ง เพื่อจะรับรางวัล ที่มีรางวัลเดียว
24 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้
วิ่งแข่ง ไม่ใช่วิ่งหนี …
ธรรมชาติของเรา คืออยากวิ่งหนี คนที่เราไม่พึงใจ ไม่พอใจ ไม่อยากอยู่ใกล้ ทำอย่างไรที่เราจะมีกำลังใจ และอยู่ต่อไปได้ นั่นคือ เราต้องสำรวจว่า เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ของเราคืออะไร เพื่ออะไร (อย่างที่พระเจ้าทรงต้องการให้เรามี) ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าที่วางไว้ให้กับเราแต่ละคน
2โครินธ์ 4:18 18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
คำถามก็คือว่า หากเป้าหมายที่ชัดเจนคือคนบางคนที่ยังไม่ได้เข้ามาในวินัยของพระเจ้า แล้วตัวเราดำเนินชีวิตในวินัยของพระเจ้าอย่างไร เรากำลังทำให้คนเหล่านั้นได้เห็นวินัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข การเติบโตเป็นผู้ใหญ่สมบูรณ์ในพระคริสต์อย่างไร หรือเรายังดำเนินชีวิตเหมือนกับคนที่ยังไม่ได้อยู่ในวินัยของพระเจ้าเลย การเป็นผู้รับใช้ของเรา ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ามีวินัยเลย
เมื่อไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน วิถีการดำเนินชีวิตก็จะเป็นอย่างคนไร้ทิศทางในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีนิมิต มีแต่ความลุ่มหลง ความสนุกสนานกับโลกนี้ ก็เหมือนกับเด็กที่ไม่สามารถจะร่วมงานกับพระเจ้าได้ เมื่อไม่มีนิมิต ในข้อต่อไปจึงยากที่จะเกิด
2.ทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ 1โครินธ์ 9:23
23 ข้าพเจ้าทำทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น
ชีวิตคริสเตียนมีเป้าหมายชัดเจน และต้องรู้ว่า ตนเองเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ การทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ก็คือการจัดการเอาอุปสรรคออกไป มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า อุปสรรคที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมาย คือตัวของเราเอง
มัทธิว 24:26 24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา25 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา
พระเยซูทรงเรียกคนให้ติดตามพระองค์ คริสเตียนคือคนที่ตั้งใจติดตามพระเยซู และขั้นแรกคือ การเอาชนะอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ ในการติดตามพระเยซู ก็คือตัวเอง การปฏิเสธตัวเอง คือต่อสู้เพื่อเอาชนะตัวเอง การแบกกางเขนคือการตายต่อความปรารถนาของตัวเอง เป้าหมายของการติดตามพระเยซูคือเป็นเหมือนพระองค์ในวิธีคิด วิถีการดำเนินชีวิต เพื่อให้ได้ชีวิต มิใช่เพื่อสูญเสียชีวิต
ยอห์น6:63 63 จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้น เป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต
มีเพื่อนชาวต่างชาติคนหนึ่ง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว วันหนึ่งก็ติดต่อผ่านแชทมาหาข้าพเจ้าว่า อยากเจอ เขารู้สึกว่า ชีวิตการเป็นคริสเตียนของเขาเวลานี้ แห้งมาก ไม่มีชีวิต มีโรคประจำตัว รุมเร้า ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง กว่าจะนัดเจอกันได้ แล้วเราก็ได้คุยกัน และก็ค้นพบว่า การที่เขาแห้ง เพราะเขาไม่ได้ไปโบสถ์นานหลายปี เพราะเขาไม่ชอบโบสถ์ที่ไป เขาก็เลยหยุดไปโบสถ์ และคิดว่า เขาสามารถอยู่ได้โดยไม่ไปโบสถ์ เขาไม่รู้เลยว่า การหยุดไปโบสถ์ คือการหยุดการเชื่อมต่อกับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณกับคนที่มีชีวิต เขาหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องธุรกิจ การทำงานกับคอมพิวเตอร์ เขาทำงาน จนไร้ทิศทาง สับสน เป้าหมายจริงของชีวิตอยู่ที่ไหน ทำให้นึกถึงเพื่อนเก่าที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าอย่างข้าพเจ้า เขาจึงต้องการคุยด้วย และต้องการจะพบ คำถามสำคัญที่เขาอยากถามข้าพเจ้า ก็คือ ข้าพเจ้าเคยรู้สึกแห้ง ไร้ชีวิตชีวิตหรือไม่ ข้าพเจ้าตอบเขาว่า ไม่เคย มีแต่รู้สึกหนัก รู้สึกเหนื่อย แต่ก็ผ่านไปได้ เมื่อได้นมัสการพระเจ้า อยู่ร่วมกับพี่น้องที่มีความเชื่อเดียวกัน ชีวิตส่งต่อชีวิตในฝ่ายวิญญาณ เพราะฉะนั้นอย่าขาดโบสถ์ จงกลับไปเข้าโบสถ์ ที่นั่น มีชีวิตของผู้เชื่อ และมีชีวิตฝ่ายวิญญาณ แม้ว่าจะมีบางคนที่แห้งๆ แต่ก็ยังมีชีวิตฝ่ายวิญญาณในท่ามกลางการมารวมตัวกัของคริสตชน นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ สุดท้ายแห้ง และไร้ทิศทาง
คำถามก็คือว่า เราทำทุกอย่างแล้วหรือ??? ยังไม่ใช่ เราทำแค่บางอย่าง ทำไมเราจึงทำแค่บางอย่าง เพราะเราไม่คิดว่า จะไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่คิดจะทำให้สำเร็จ ทำไม เพราะเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หรือเรามีชัดเจน แต่เรากลัวที่จะต้องจ่ายราคาให้กับการทำให้สำเร็จหรือเปล่า
เราจึงเป็นเพียงคริสเตียนแบบไม่จริงจัง ไม่อยากคิด ไม่อยากทำ เพราะอะไร คำตอบคือ เรายังรักโลกนี้ แล้วการเป็นคริสเตียนของเรามีความหมายอย่างไร การเป็นผู้รับใช้ของเราเพื่ออะไร เราก็จะไม่ต่างจากลูกจ้าง ที่รับจ้างมาเลี้ยงแกะของพระเยซู พอหมาป่ามาก็วิ่งหนี เอาตัวรอด
ยอห์น 10:11-13 11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ12 ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามาเขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป13 เขาหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้างและไม่เป็นห่วงแกะเลย
ทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ก็คือ การเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ ที่จะยอมสละชีวิตของตน พูดถึงตรงนี้ มันเป็นไอดีล เป้าหมายสูงเกินไป เอาแค่สละเก้าอี้ให้คนอื่นนั่ง สละคิวที่คนเดือดร้อนต้องการก่อน สละอาหารจานโปรดเพื่อกินเหมือนๆกัน สละเวลาส่วนตัวเพื่อใช้เวลาส่วนรวม แค่นี้ ทำให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องที่ยากกว่านี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ จึงเป็นอะไรไกลมากสำหรับคนที่ได้แต่พูด แต่ไม่ทำ สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่สุดที่จะไปถึงความสำเร็จ ได้แก่
3.วินัย 1โครินธ์ 9:24-27
24 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้25 ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย26 ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนอย่างนักมวยที่ชกลม27 แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้
ชีวิตคริสเตียน เป็นชีวิตที่ต้องมีวินัยกับตัวเอง เป้าหมายของพระเยซูคริสต์คือมาเพื่อทำให้เรามีเสรีภาพ เป็นไท แต่ไม่ใช่ทำอะไรๆก็ได้ โดยเฉพาะการปล่อยปละละเลย ไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย ชีวิตคริสเตียนมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพียงแต่ว่า เราทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ใส่ใจ ชีวิตคริสเตียนต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ เพียงแต่ว่า เราเลือกทำบางอย่าง เราคิดเอาเองว่า บางอย่างเราทำได้ บางอย่างคนอื่นทำแทนเราได้ เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างหรือเปล่า และที่สำคัญ วินัย คืออะไร เราไม่อยากจะรู้ หรือเราปิดหู ปิดตา มองเรื่องวินัยเป็นเรื่องของคนบางคน คำว่า บางคน ที่พระคัมภีร์กล่าว หมายถึง บางคนที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่พระคัมภีร์ใช้คำว่า วินัย กับทุกคน ที่เป็นคริสเตียน
24 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้
อ.เปาโลใช้คำเปรียบเทียบว่า
25 ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย
คำว่า ควบคุมตนเองในทุกด้าน รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า การต่อสู้ Struggle กับตัวเอง ความพยายามเพื่อให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงการแก้ไขจากผิดให้ถูก ที่เรียกว่า วินัย Discipline
คริสเตียนทุกคนต้องเป็นเหมือนนักกีฬาทุกคน คือมีวินัย เป้าหมายก็คือ เพื่อจะชนะใจคนมากยิ่งขึ้น
1โครินธ์9:19 19 เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง เพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น
ขอให้เราทุกคนจงใส่ใจกับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของตนเองก่อน
“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีวินัย”
1.มีเป้าหมายชัดเจน
2.ทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ
3.วินัย