“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…ร้อนรน”
หิมะกัดหรือ frostbite ซึ่งก็คืออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นหากอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก เช่น ในบริเวณที่เป็นน้ำแข็งหรือมีหิมะปกคลุมหนาแน่นจนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายหากเข้าไปสัมผัสชิดใกล้ สำหรับการเกิดหิมะกัดนั้นมักจะเกิดขึ้นบริเวณนิ้วมือ นิ้วเท้า หู จมูกและแก้ม โดยอันตรายจากการถูกหิมะกัดนั้นยังมีความรุนแรงถึงขั้นอาจจะต้องตัดอวัยวะนั้นทิ้งกันเลยทีเดียว อุณหภูมิที่เกิดอาการหิมะกัดรุนแรงได้ อยู่ที่ -15 องศาเซลเซียส นี่คือภาพของความหนาวเย็นที่ทำให้อวัยวะของร่างกายคนเราส่วนที่ได้รับผลกระทบต้องถูกตัดทิ้ง นักไต่เขาสูงหลายคนตายเพราะอาการหิมะกัด ที่รอดก็พิการ จมูกแหว่ง นิ้วกุด ต้องตัดเท้า ตัดขาก็มี สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเส้นเลือดที่เลี้ยงบริเวณนั้นถูกทำลายด้วยสิ่งที่เรียกว่า เลือดกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งและสร้างความเสียหายให้กับเส้นเลือด เลือดไม่สามารถเลี้ยงบริเวณอวัยวะส่วนนั้นได้ ทำให้ผิวหนังแข็งและเป็นสีม่วงคล้ำ
ความหนาวเย็นของอากาศสามารถทำร้ายถึงชีวิตและการสูญเสียชีวิตได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความรักที่เยือกเย็นลงทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของการอยู่อย่างครอบครัว ทำลายสังคม ทำลายความสัมพันธ์ และยังทำให้เกิดการอธรรมที่แผ่กว้างออกไป เมื่อสองพันปีที่แล้ว พระเยซูทรงตรัสสภาพที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย
มัทธิว 24:3-14 3 เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง”4 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง5 ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง7 เพราะ ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ 8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่ 9 “ในเวลานั้นเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อเรา10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย11 ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคนจะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป12 ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด14 ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
เมื่อสามอาทิตย์ที่แล้ว ข้าพเจ้าเพิ่งจะสอนในภาคบ่ายเกี่ยวกับเรื่องคำสอนตกขอบ และคำสอนเทียมเท็จ สัปดาห์ถัดมาก็มีข่าวเรื่องนายเล่าย่าง (ผู้นำคริสตจักรชาวเขาที่อ้างว่าเป็นเซเว่นเดย์ ถูกจับเรื่องล่วงละเมิดข่มขืนผู้หญิงหลายคนที่พาไปประกอบพิธีในป่า จนทางเซเว่นเดย์ออกมาประกาศว่า นายเล่าย่างไม่ใช่สมาชิกของเซเว่นเดย์ มีสมาชิกบางคนส่งคลิปมาให้ข้าพเจ้า และขึ้นหัวเรื่องไว้ว่า ทูตสวรรค์มีจริง ข้าพเจ้าก็เชื่อว่าทูตสวรรค์มีจริง แต่พอเปิดดู อ้าวคนละเรื่อง นี่คือตัวอย่างของคำสอนเทียมเท็จที่ล่อลวงคนในยุคสุดท้าย แสดงให้เห็นว่า เรากำลังอยู่ในยุคสุดท้าย ใกล้มากแล้วที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา นอกจากคำสอนเทียมเท็จ การอ้างพระคริสต์เทียมเท็จแล้ว สิ่งที่คนในยุคสุดท้าย (รวมทั้งพวกเราทั้งหลายด้วย ก็คือ อาการหิมะกัด Frostbite ที่จะเกิดกับคริสตจักรที่ถูกเปรียบเทียบเป็นเหมือนร่างกายของมนุษย์
คำว่า “เยือกเย็น” รากศัพท์ภาษากรีกคำนี้ ใช้ในความหมายถึงอากาศหนาวเย็นที่มีผลต่อสภาพร่างกาย ความรักที่เยือกเย็นลงของคนทำให้คนตัดคนด้วยกันออกไปจากชีวิตของเขา โดยเฉพาะคนในครอบครัวของตนเอง ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพ่อแม่ลูกขาดจากกัน ในหนังสือ 2ทิโมธีก็ได้กล่าวถึงลักษณะของคนในยุคสุดท้าย
2ทิโมธี 3:1-5 1 แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค2 เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม3 ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี4 ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า5 ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ คนเช่นนั้นท่านอย่าคบ
ลักษณะของคนในยุคสุดท้ายที่หนังสือสองทิโมธีบรรยายนี้ คืออาการที่พระเยซูทรงเรียกว่า ความรักเยือกเย็นลง พระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ให้ระวัง แสดงว่า พระองค์ไม่ต้องการให้คริสตจักรของพระองค์มีอาการหิมะกัด ถ้าคริสตจักรไม่ระวัง คริสตจักรอาจต้องสูญเสียอวัยวะ (ซึ่งหมายถึงสมาชิกคริสตจักรหลุดจากการเชื่อมต่อกับคริสตจักร แม้มาคริสตจักร แต่ก็ไม่ใช่พระกายเดียวกันกับคริสตจักร ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีความร้อนรน เป็นเพียงผู้มาร่วมชมรายการและจากไปเท่านั้น) ความร้อนรนของคริสตจักร คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้เชื่อเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ห่วงใยกันและกัน รับผิดชอบต่อกันและกัน
1โครินธ์12:25-27 25 เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนพะวงซึ่งกันและกัน26 ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติอวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย27 ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
ดังนั้น เราทั้งหลายที่มาโบสถ์ท้องถิ่นเดียวกัน เราไม่ใช่ผู้มาใช้บริการ แต่เราเป็นเจ้าของร่วมกัน รับผิดชอบร่วมกันในทุกอย่างของคริสตจักรแห่งนี้ เราจะช่วยกันดูแลน้ำในห้องน้ำว่ามันรั่วไม๊ เราออกจากห้องแล้วไฟยังเปิดอยู่หรือเปล่า เราจะกินอาหารให้หมดจานไม่ทิ้งขว้าง เราจะช่วยกันทำความสะอาด ทำให้คริสตจักรมีระเบียบเรียบร้อย ที่นี่ไม่มีลูกจ้าง แม้ผู้รับใช้พระเจ้าที่รับเงินเดือนของคริสตจักรก็ไม่ใช่ลูกจ้าง ผู้รับใช้เต็มเวลาที่นี่มีความสามารถที่จะไปทำงานเลี้ยงชีพของตนเองได้ แต่เขามาทำงานที่นี่เพราะพระเจ้าทรงเรียกให้เขาทำหน้าที่ที่จะสั่งสอน และเตรียมพวกเราเพื่อการรับใช้ เราหยิบจับงานทุกอย่าง
1โครินธ์ 12:28-29 28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครทูต สองผู้เผยพระวจนะ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีผู้กระทำการอันเป็นอิทธิฤทธิ์ ผู้รักษาโรค ผู้อุปการะ ผู้ครอบครอง และผู้รู้ภาษาแปลกๆ 29 ทุกคนเป็นอัครทูตหรือทุกคนเป็นผู้เผยพระวจนะหรือ ทุกคนเป็นครูบาอาจารย์หรือ ทุกคนกระทำการอันเป็นอิทธิฤทธิ์หรือ
สังเกตุว่า ในพระคัมภีร์ตอนนี้ ต่อจากเรื่องทุกคนเป็นอวัยวะในพระกายของพระคริสต์ ต่างมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้รับใช้ที่รับเงินเดือนโบสถ์หรือไม่ได้รับ ทำเต็มที่หรือไม่เต็มที่ ต่างก็เป็นอวัยวะ ที่แสดงว่า ทุกคนต้องมีความร้อนรน (มีอุณหภูมิ) ที่แสดงความเชื่อมต่อในร่างกายเดียวกัน ถ้าขาดอุณหภูมิ แสดงถึงการขาดการหล่อเลี้ยง เกิดอาการหิมะกัดในฝ่ายวิญญาณ ถ้าเกิดในอวัยวะหลายๆส่วน (ส่วนใหญ่) พระกายแห่งนี้จะตายในที่สุด ความรักที่เยือกเย็นลงของคนส่วนใหญ่กำลังคืบคลานเข้าในคริสตจักรของเราหรือไม่?
เรามาดูความร้อนรนของคริสตจักรยุคแรก เขาแสดงออกอย่างไร
กิจการ 4:32 32 คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมีอยู่เป็นของตน แต่ทั้งหมดเป็นของกลาง
วันนี้ คริสตจักรยุคของเรา ใจสมานเพชรเกษม 11 กำลังมีลักษณะอย่างไร มีคนมาพูดกับข้าพเจ้า(อย่างชื่นมชม) ว่า อ.ไก่ ดียังโง้นอย่างงี้ โดยเฉพาะไม่พูดเรื่องเงินกับสมาชิกเลย ถ้าวันนี้ ข้าพเจ้าจะพูดกับพี่น้องเรื่องหน้าที่ของสมาชิกคริสตจักรเราต้องถวายสิบลด ข้าพเจ้าจะยังเป็นอ.ไก่ที่ดีในสายตาของพี่น้องอีกไม๊
ศิษยาภิบาลมากมายไม่อยากพูดเรื่องเงิน เพราะเดี๋ยวสมาชิกหนีออกจากโบสถ์ ทำไมศิษยาภิบาลไม่กล้าพูดเรื่องเงิน เพราะเงินเป็นเรื่องบาดใจ และเปราะบางมาก ศิษยาภิบาลกลัวถูกมองในแง่ลบ กลัวสมาชิกจะไม่รัก กลัวถูกมองว่า หน้าเงิน กลัวถูกมองว่า บ้าเงิน ข้าพเจ้ายังคงยืนยันว่า วันนี้ ข้าพเจ้าจะพูดกับสมาชิกของเราทุกคนเรื่องการถวายสิบลด การถวายสิบลดเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อคริสตจักรเดียวกัน และยังแสดงถึงความร้อนรนในพระเจ้าอย่างหนึ่งด้วย พระเยซูทรงตรัสว่า
มัทธิว 6:20-21 20 แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้21 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
มาลาคี 3:10-12 10 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่11 เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ12 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า แล้วประชาชาติทั้งสิ้นจะเรียกเจ้าว่า ผู้ที่ได้รับพระพร ด้วยว่าเจ้าจะเป็นแผ่นดินที่น่าพึงใจ
ทศางค์ แปลว่า สิบลด หมายถึง สิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดที่เราควรจะนำมาถวายแด่พระเจ้า ในสมัยยิวโบราณ พระเจ้าทรงกำหนดให้คนยิวทุกคนต้องนำผลแรก พืชผลทางเกษตร และเงินมาถวายแด่พระเจ้า เพื่อจะใช้สำหรับเลี้ยงดูปุโรหิต คนเลวีที่ทำหน้าที่ปรนนิบัติในพระวิหาร เพราะคนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ในมรดกของคนอิสราเอล ไม่มีที่ดินทำกิน มรดกของคนเหล่านี้คือส่วนแบ่งจากของที่คนนำมาถวายแด่พระเจ้า (ส่วนที่ดีที่สุดต้องนำมาถวายแด่พระเจ้า) ในยุคของคริสตจักร ปัจจุบัน จึงนำมาประยุกต์ใช้เพื่อจะให้มีเงินสนับสนุนผู้รับใช้ และสำหรับงานในภาพรวมของคริสตจักร คริสตจักรเราแยกการถวายพิเศษงานพันธกิจออกจากสิบลด ดังนั้น สิบลดไม่ใช่พันธกิจ พันธกิจไม่ใช่ลิบลด เป็นคนละกองกัน ซึ่งข้าพเจ้ามักจะเรียกว่า พระพรซ้อนพระพร (คือพันธกิจ)
ภาพของคริสตจักรยุคแรกคือภาพของความร้อนรนของคริสเตียนที่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ที่ถวายมากกว่าสิบลด ถวายมากกว่าพันธกิจเสียอีก ในยุคนั้นมีความเดือดร้อนที่เรียกว่า การกันดารอาหาร เศรษฐกิจตกต่ำ จึงทำให้การแสดงออกถึงความร้อนรนออกมาด้วยการเสียสละมากกว่าการถวายสิบลด (คนยิวคุ้นเคยกับสิบลดอยู่แล้ว) แต่ในยุคของเรา เรายังไม่ถึงความเดือดร้อนขนาดนั้น (แต่ถ้าเราไม่ฝึกที่จะซื่อสัตย์และคุ้นเคยกับการถวายสิบลด การถวายพันธกิจ ใครจะรู้ว่า การกันดารอาหาร หรือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอาจวิกฤตและกระทบไปทั้งโลก (ซึ่งเราก็รู้ว่า ทุกวันนี้ โลกของเราแคบลง เล็กลง จนบางประเทศแค่จาม ก็สะเทือนมายังประเทศไทยได้) เมื่อถึงเวลานั้น คริสตจักรจะเป็นคำตอบต่อกันและกันได้ไม๊? และยังสามารถช่วยกันและกันได้อย่างแท้จริง ไม่สละเรือ และตายหมด คำว่า รวมกันเราอยู่ คือทางออกที่แท้จริง
ตอนน้ำท่วมใหญ่ในปี 2011 มาถึงกรุงเทพ คริสตจักรในฝั่งธนบุรี เราถูกเตรียมในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาระดับหนี่ง ทำให้เราเป็นคำตอบของคนฝั่งธนบุรี คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 ตอนนั้น เราเช่าที่ของโรงเรียนสายประสิทธิ์ทำโบสถ์ เราใช้สถานที่เก็บข้าวสาร 21 ตัน เก็บของแห้ง เครื่องใช้ คริสตจักรจากทางมีนบุรียังมาเอาของที่เราไปแจก เราตั้งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในฝั่งธนบุรี เรามีอาหารแจกจ่ายให้กับคนนับหมื่นคน นับร้อยหมู่บ้าน หมู่บ้านที่น้ำท่วมหนักๆ เราเข้าถึงได้เกือบทั้งหมด บ้านสงคราะห์คนชราบางแคขออาหารจากเราไปส่งเลี้ยงคนสองร้อยคนที่อยู่ในนั้น เพื่อดูแลคนไข้ติดเตียง 50 คน นานถึงสองสัปดาห์ ถ้าความร้อนรนของพี่น้องเยือกเย็นลง อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่แสดงชัดก่อน คือเงินถวายสิบลดก็จะลดลง
อยากให้เราเข้าใจคำว่า ร้อนรน หมายถึง คนที่เรียงลำดับความสำคัญให้พระเจ้ามาก่อนทุกอย่าง (ไม่ได้หมายความว่า ทิ้งทุกอย่าง) แต่พระเจ้าจะเป็นผู้ประทานทุกอย่างให้กับเราเอง
มัทธิว 6:33 33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
คำว่า พระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ นั่นคือ สิ่งที่เป็นทุกอย่าง ที่หายไปจะคืนมา ที่ไม่สมบูรณ์ พระเจ้าจะทำให้สมบูรณ์ ที่ขาดไปพระเจ้าจะทำให้ครบ หน้าที่ของเราคือ การเป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อ อย่าหลุดไปจากการเชื่อมต่อ อุณหภูมิความร้อนรนคือสิ่งสำคัญ
1.คนที่ร้อนรนรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณไว้ได้ มัทธิว 11:12
12…แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้
คำว่า ร้อนรน ในรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า มีความกระตือรือร้น ออกแรง ออกกำลัง เพื่อให้ได้มา หากพูดถึงการออกแรง ในสำนวนของคนไทยเราหมายถึงการจ่ายราคา การลงทุน เรามักติดนิสัยชอบอะไรที่ได้มาฟรีๆ ยิ่งมีคำพูดที่ว่า ความรอดเราได้มาฟรีๆ จึงเป็นช่องทางของคริสเตียนไม่น้อยที่มาเพื่อรับ แต่ไม่ให้ ไม่จ่ายราคา นั่นไม่ใช่วิสัยของคนที่เป็นคริสเตียน คริสตจักรยุคแรกแสดงความร้อนรนในความรัก ด้วยการให้ เสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อคริสตจักร คริสตจักรจึงเข้มแข็ง และสามารถสนับสนุนพันธกิจออกไปไกล ยาวนาน สามารถเผชิญกับสถานการณ์โลก และสถานการณ์การข่มเหงคริสเตียน การมุ่งทำลายคริสตจักรให้สิ้นซาก เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของคริสตจักร แต่คริสตจักรก็ไม่ตาย และอยู่รอดผ่านกาลเวลามานานถึงสองพันปีได้
วันนี้ มารเปลี่ยนวิธีการ มารหยุดข่มเหงคริสตจักรด้วยวิธีรุนแรง มารเอาความสบายของโลกนี้มา การบริโภคนิยมเข้ามาในคริสตจักร คริสตจักรกำลังติดเชื้อความรักที่เยือกเย็นลงของคนส่วนใหญ่ และคริสเตียนก็จะเกิดอาการหิมะกัด คือขาดความรู้สึกร้อนรนเพื่อคริสตจักร ขาดการเสียสละ การอุทิศ การถวายอย่างสัตย์ซื่อ คริสตจักรก็จะตายไปเอง โดยมารไม่ต้องทำอะไร แผ่นดินสวรรค์ที่จะเกิดขึ้นกับคริสตจักร ก็จะหายไปเอง เพราะคนที่ร้อนรนเท่านั้นที่จะชิงแผ่นดินสวรรค์ได้
อาการหิมะกัดฝ่ายวิญญาณกำลังจะทำให้คริสตจักรตายไป เราจะยอมให้เป็นอย่างนั้นหรือ ขอให้เรากลับมาแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าใหม่อีกครั้ง ในชีวิตส่วนตัวของเรา ก่อนที่ตะเกียงของเราจะดับ (แม้ว่ามันจะริบหรี่จวนดับ)
อิสยาห์ 42:3 3 ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงที่ลุกริบหรี่อยู่ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความสัตย์จริง
พระเยซูทรงตรัสว่า ผู้เชื่อทุกคนเป็นเหมือนกับตะเกียงที่ถูกจุดแล้ว ต้องส่องสว่าง นั่นหมายถึงต้องมีอุณหภูมิด้วย คือความร้อนรน
แสงสว่างของตะเกียงริบหรี่ อุณหภูมิก็ลดลงไปด้วย วิธีที่จะให้ตะเกียงสว่างขึ้น คือ การทำความสะอาดสิ่งสกปรกของไส้ตะเกียงที่ต้องขลิบไส้ตะเกียงที่เก่าออก ให้ไฟลุกขึ้น ให้มีอ๊อกซิเจนเข้ามาก็จะทำให้การเผาผลาญมากขึ้น และอุณหภูมิก็จะมีมากขึ้น ความร้อนรนในจิตวิญญาณของเรา ต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ชื่อเรียกในภาษารากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า ลมหายใจ อากาศอ๊อกซิเจนฝ่ายวิญญาณ เพื่อเราอุณหภูมิฝ่ายวิญญาณจะกลับมาร้อนรนอีกครั้ง
2.คนที่ร้อนรนไม่ทำให้คริสตจักรป่วย วิวรณ์ 3:16
16 เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา
เรามักคิดว่า การสูญเสียการเชื่อมต่อเกิดจากตัวเราเองเป็นผู้ตัด แยกตัวเราออกจากพระกายแห่งคริสตจักร แต่พระคัมภีร์ตอนนี้ บอกเราว่า พระเยซูจะคายเราออกไป ถ้าเราไม่ร้อนรน โดยธรรมชาติ คนที่เย็นก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับพระเยซูได้อยู่แล้ว และพระเยซูก็ไม่ต้องการเชื่อมต่อกับคนที่เย็น แต่คนที่เป็นแต่อุ่นๆ เป็นประเภทที่พระเยซูหนักใจที่สุด เพราะคนพวกนี้ เป็นพวกที่ร้อนในตอนต้น และมาอุ่นใกล้จะเย็นในภายหลัง ซึ่งทำให้พระเยซูเกิดอาการที่เหมือนกับคนที่รับของผิดสำแดงเข้าไปในกายของพระองค์
เบื้องหลังของคำที่ใช้ในตอนนี้ คืออาการของคนที่กำลังจะอาเจียน ด้วยอาการพะอืดพะอม เราคงเคยเกิดอาการอาหารเป็นพิษ อยากอาเจียนก็อาเจียนไม่ได้ พาให้ร่างกายทั้งหมดป่วย และนี่คือภาพของการบอกว่า ความไม่ร้อนรนของคริสเตียนทำให้คริสตจักรป่วย และที่น่าสนใจ เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ดูในข้อต่อไป
วิวรณ์ 3:17-18 17 เพราะเจ้าพูดว่า ‘เราเป็นคนมั่งมีได้ทรัพย์สมบัติมาก และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย’ เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่18 เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อนุ่งห่มให้พ้นจากความอับอายที่เจ้าต้องเปลือยกายอยู่ และซื้อยาทาตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้แลเห็น
คำเตือนสติของพระเยซูในตอนนี้ คือให้ใช้เงินทองเพื่อซื้อสิ่งที่บนโลกไม่มี คือใช้เพื่อราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่ทำให้ตาใจฝ่ายวิญญาณหายบอด เสื้อผ้าสีขาว คือการทำดีที่สวรรค์ยอมรับ ทองคำบริสุทธิ์ ของแผ่นดินสวรรค์ ทั้งหมดคือการลงทุนทุกอย่างเพื่อให้ใจของเราอยู่ที่สวรรค์ ขอพระเจ้าทรงเปิดตาใจของเราทุกคนให้มองเห็นความจริงว่า เราต้องการความร้อนรน
“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…ร้อนรน”
1.คนที่ร้อนรนรักษาชีวิตฝ่ายวิญญาณไว้ได้
2.คนที่ร้อนรนไม่ทำให้คริสตจักรป่วย