“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต”
เวลาเครื่องจักรเครื่องใช้ทำงาน ยังต้องมีการพัก หยุดการเดินเครื่อง มิฉะนั้น เครื่องจักรเครื่องใช้นั้นๆก็จะพังเร็ว ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องจักรเครื่องใช้ต่างๆ จึงมีหนังสือคู่มือคำแนะนำในการใช้งานมาด้วย เพื่อให้อ่านก่อนใช้งาน แล้วชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาทุกคนสมควรที่จะมีคู่มือการใช้ชีวิตหรือไม่ แน่นอน ต้องมี และพระเจ้า พระผู้สร้างมนุษย์ ทรงประทานคู่มือการใช้ชีวิตให้กับมนุษย์ คำถามคือ เราอ่านก่อนใช้ชีวิตของตัวเราเองไม๊ พระคัมภีร์เป็นหนังสือคู่มือการใช้ชีวิต ที่ให้คำแนะนำอันดับแรกในการใช้ชีวิตอย่างถนอมรักษาชีวิตก็คือ สะบาโต แปลว่า หยุดพัก
อพยพ 20:8-11 8 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์9 จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน10 แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงานใดๆไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า11 เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์
และจนมาถึงทุกวันนี้ คนทั่วโลกต่างตระหนักถึงความจริงของพระคัมภีร์ตอนนี้ ดังนั้น ปฏิทินของคนทั่วโลกจึงนับสัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน วันที่เจ็ดเป็นวันหยุด นี่เป็นคำแนะนำการใช้ชีวิตแบบเบสิกๆ พื้นฐานมากๆ แต่ก็มีคนมากมายไม่ได้ใช้วันหยุดหนึ่งในเจ็ดวันเพื่อการพัก พวกหัวการค้าต่างคิดว่า วันที่เจ็ดนี่แหล่ะ ยิ่งขายดี ยิ่งเป็นโอกาสของการกอบโกย ยิ่งเป็นโอกาสของการไปทำอะไรที่อยากทำ จนเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า สำหรับวันถัดไป บางคนออกจากที่ทำงาน แล้วงานก็ยังตามมาที่บ้าน ตามไปทุกที่ แม้กระทั่งที่ที่กำลังจะพัก ก็ทำงานไปด้วย
เรามาเรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับวันสะบาโต และที่มาของวันสะบาโตกัน
หากย้อนความกลับไปสมัยที่คนอิสราเอลยังอยู่ในอียิปต์ เริ่มต้นจากครอบครัวของยาโคบ ที่มีโยเซฟเป็นผู้ช่วยให้ครอบครัวของตนเองได้เข้ามาอยู่ในอียิปต์ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกันดารอาหารถึงเจ็ดปี โยเซฟมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฟาโรห์ผู้นำของอียิปต์ แต่พอมาถึงรุ่นลูกหลาน (430 ปีต่อมา อพยพ12:40) ระยะเวลายาวนานขนาดนี้ ฟาโรห์องค์ใหม่ไม่รู้จักโยเซฟ ผู้ที่ได้ช่วยอียิปต์ให้มั่งคั่งและรอดพ้นจากการกันดารอาหารในอดีต แถมลูกหลานของคนอิสราเอลเพิ่มจำนวนมาก ออกลูกดก ฟาโรห์องค์ใหม่ก็เลยมีแผนกำจัด สกัดดาวรุ่ง (เพราะความกลัว) ด้วยการให้คนอิสราเอลทำงานหนัก ไม่มีวันพัก
อพยพ 1:12-14, 12 แต่ยิ่งถูกเบียดเบียนมากเท่าไร ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งแพร่หลายออกไป ชาวอียิปต์ก็ครั่นคร้ามต่อชนชาติอิสราเอล13 จึงบังคับชนชาติอิสราเอลให้ทำงานหนัก14 ทำให้ชีวิตของเขาขมขื่น เพราะงานหนักที่เขากระทำนั้น เช่นทำปูนสอ ทำอิฐและทำงานต่างๆ ที่ทุ่งนา เขาถูกบังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด….
ไม่ใช่แค่งานหนัก แต่เป็นงานที่ทำยาก งานที่ไม่มีวันเสร็จ งานทุกอย่างที่บั่นทอนสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ ยิ่งงานยาก ก็ยิ่งเครียด บางคนคิดว่า ทำงานเยอะๆคือการออกกำลังกาย เราเข้าใจผิดแล้ว การออกกำลังคือการผ่อนคลาย เพราะไม่เครียด และทำให้เกิดสารที่ผ่อนคลายความเครียด ที่เรียกว่า เอนดอร์ฟีน (สารแห่งความสุข) ตรงกันข้าม หากอยู่ในภาวะเครียดบ่อยๆ จะมีสารบางอย่างหลั่งออกมา มีบทความทางการแพทย์(จากเฟสบุ้คได้พูดถึงสาร Cortisol สารแห่งความเครียด อย่างนี้
คนที่โกรธ และเครียดบ่อยๆ ทำไมถึงมีความเสี่ยงในการ เป็นมะเร็งตาย…คนบางคน ป่วยเป็นมะเร็งทั้งๆที่ตัวเองก็ออกกำลังกาย บุหรี่ไม่สูบ เหล้าก็ไม่ได้กิน แถมกินอาหารมีประโยชน์ …ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากเขาจะตายเพราะมะเร็ง ถ้าเขาใช้ชีวิตเครียด และไม่มีความสุข ไม่ผ่อนคลาย และชีวิตเขามีแต่ความกดดัน ตลอดหมกมุ่นอยู่กับความโกรธ อาฆาตแค้น ริษยาอยู่เสมอ…
ดังนั้น ความโกรธจึงมีความเชื่อมโยงกับภาวะจิตใจ ร่างกาย และสถานะทางสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคนเราโกรธหรืออยู่ในภาวะเครียด ร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol ซึ่งคล้าย Adrenaline เพราะทั้งสองสารนี้เป็นสารเคมีในสมอง ที่กดการทำงานของสมอง (ณ ที่นี้ไม่ขอกล่าวถึงกลุ่มสารที่กระตุ้นสมอง)ซึ่งทั้ง Cortisol และ Adrenaline นั้นถ้ามีมากจะมีพิษต่อสมอง เพราะเป็นสารที่เกี่ยวกับการตกใจและการต่อสู้ การตอบสนองต่อความเครียด ถ้ามีมากเกินไปจะมีอันตราย ต่อทั้งอารมณ์และร่างกาย
สารนี้จะหลั่งเมื่อมีความรู้สึกไม่ดี มีความเครียด (เรื้อรัง) มีความทุกข์ รู้สึกมองเห็นคุณค่าตัวเองต่ำ โดนดุด่าทุกวัน รู้สึกซึมเศร้า มีอารมณ์โกรธ อยู่ในภาวะที่เข้มงวดเกินไป มีความวิตกกังวล ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดการทำลายองค์ประกอบภายในสมอง ไม่ว่าใยประสาทต่างๆ หรือแม้แต่เซลล์สมอง รวมทั้งจะหยุดยั้งการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้ เรียกว่า เกิดภาวะที่ทำให้ “สมองทำงานไม่เชื่อมโยงกัน”นอกจากนี้ ภาวะ Cortisol สูงจะทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น เป็นโรคกระเพาะ และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคภูมิแพ้ มะเร็งได้ง่าย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น ครูที่ดุ หรือเคร่งครัดมากๆ หรือเด็กที่โดนดุ โดนระเบียบเคร่งครัดมากๆ หรือคนที่ทำงานเครียดมากๆ นานๆซึ่งหากมีภาวะนี้อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน จะส่งผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเช่น เกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหัวใจ ฯลฯ
เราเกิดในยุคที่มีการค้นพบข้อมูลความรู้ ที่มาของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แต่ในยุคของอิสราเอลสมัยที่อยู่ในอียิปต์ ไม่มีความรู้เหล่านี้ คนอิสราเอลได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า เรื่องความแข็งแรงอดทนได้สุดๆ แต่แม้จะทนได้สุด ใจก็ยังคร่ำครวญ และเสียงคร่ำครวญนั้นก็ดังไปถึงพระเจ้า
อพยพ 2:23-25 23 ครั้นเวลาล่วงมาช้านานกษัตริย์อียิปต์ก็สิ้นพระชนม์ คนอิสราเอลเศร้าใจมากเพราะเหตุที่เป็นทาสเขา จึงร้องคร่ำครวญขอความช่วยเหลือ เสียงร่ำร้องเพราะการที่ต้องเป็นทาสนี้ ดังขึ้นมาถึงพระเจ้า24 พระเจ้าทรงสดับเสียงคร่ำครวญของเขา จึงทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ25 พระเจ้าทอดพระเนตรชนชาติอิสราเอล แล้วทรงทราบถึงสภาพความเป็นไปของเขา
พระเจ้าทรงฟังเสียงคร่ำครวญของคนที่กำลังทุกข์ยาก และพระเจ้าทรงมองเห็นสภาพความเป็นไป พระองค์ไม่หูหนวก ไม่ตาบอด ซึ่งบางคนในท่ามกลางพวกเราอาจจะกำลังคิดว่าทำไมพระเจ้าจึงไม่ตอบ ไม่ช่วย พระเจ้าได้ยิน พระเจ้ามองเห็นความทุกข์ใจของเราแน่นอน และพระองค์ไม่อยู่นิ่งเฉยแน่นอน พระคัมภีร์ตอนนี้ กล่าวถึง พระเจ้าทรงระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์ที่มีกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ (บรรพบุรุษของอิสราเอล)
ด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า คริสเตียนเป็นลูกหลานของอับราฮัมในฝ่ายวิญญาณ เราผูกพันกับพระเจ้า เป็นคนของพระเจ้า และอยู่ในการเฝ้ามองและสดับคำร้องทูลต่อพระองค์ พระเจ้าทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญทุกข์ใจและทรงมองเห็นสภาพที่เราถูกบีบบังคับ พระเจ้าทรงมองเห็นเราเหมือนเห็นอิสราเอลในยุคนั้นที่ไม่ได้หยุดพัก
พระเจ้าจึงเริ่มต้นแผนการช่วยไถ่อิสราเอลออกจากความเป็นทาส และต้องใช้เวลา กว่าฟาโรห์จะยอมปล่อยอิสราเอลออกจากอียิปต์
ฟาโรห์อยู่ที่ไหน ทำไมบางคนที่มาเชื่อพระเจ้าน่าจะออกจากอียิต์ฝ่ายวิญญาณแล้ว แต่ยังดูเหมือนยังไม่หลุดจากสภาพทาสนั้น มีคำพูดที่กล่าวว่า เอาอิสราเอลออกจากอียิปต์ง่ายกว่าเอาอียิปต์ออกจากใจอิสราเอล เป็นไปได้ไม๊ที่จิตใจของบางคนที่มาถึงพระเจ้าแล้ว ยังไม่ได้เอาอียิปต์ออกจากใจ ยังมีฟาโรห์กดขี่ในจิตใจของตนเองอยู่ ฟาโรห์ที่ว่า คือความเครียด…ที่เรายึดติดไว้เอง
เมื่ออิสราเอลได้ออกเดินทางข้ามทะเลแดง และเดินในถิ่นทุรกันดาร กว่า 45 วัน จนอาหารเสบียงที่เอามาหมด ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร และอิสราเอลก็เริ่มบ่น เริ่มตัดพ้ออยากไม่อยากไปกับพระเจ้าต่อ ทั้งๆที่พระเจ้านำให้พ้นจากดินแดนอียิปต์ออกมาแล้ว พ้นสภาพทาสแล้ว แต่ตอนนี้ เป็นเรื่องของปากท้อง น่าสนใจว่า เมื่อก่อน อิสราเอลได้อาหารจากการทำงานหนัก เป็นทาส แต่มาถึงตอนนี้ อิสราเอลจะต้องทำงาน ไม่ใช่อย่างทาส แต่เพื่อจะได้มีอาหารเพียงพอสำหรับแต่ละวัน และมีวันพัก นี่คือที่มาของวันสะบาโตที่พระเจ้าทรงจัดระบบชีวิตใหม่ให้กับอิสราเอล
อพยพ 16:4-5,11-18 4 แล้วพระเจ้าได้ตรัสกับโมเสสว่า “ดูเถิด เราจะให้อาหารตกลงมาจาก ท้องฟ้าดุจฝนสำหรับพวกเจ้า ให้ประชาชนออกไปเก็บทุกวัน พอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจว่า เขาจะปฏิบัติตามโอวาท ของเราหรือไม่ 5 ในวันที่หก เมื่อเขาเตรียมของที่เก็บมา อาหารนั้นก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าของที่เขาเก็บทุกวัน”… 11 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า12 “เราได้ยินคำบ่นของชนชาติอิสราเอลแล้ว จงกล่าวแก่เขาว่า ‘ในเวลาโพล้เพล้ พวกเจ้าจะได้กินเนื้อ ทั้งในเวลาเช้า เจ้าจะได้อาหารกินจนอิ่ม แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระเจ้าของพวกเจ้า’ ” 13 ครั้นถึงเวลาเย็นฝูงนกคุ่มบินมาเต็มค่าย ในเวลาเช้าก็มีน้ำค้างตกรอบค่ายที่พัก14 เมื่อน้ำค้างระเหยไปแล้ว ก็เห็นสิ่งหนึ่งเหมือนเกล็ดเล็กๆ เท่าเม็ดน้ำค้างแข็งอยู่ที่พื้นดินในถิ่นทุรกันดารนั้น15 เมื่อชนชาติอิสราเอลเห็นจึงพูดกันว่า “นี่อะไรหนอ” เพราะเขาไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า “นี่แหละเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้พวก ท่านรับประทาน16 นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้ว่า ‘ให้ทุกคนเก็บเท่าที่พอรับประทานอิ่ม ให้เก็บคนละโอเมอร์ ตามจำนวนคนมากน้อย ซึ่งพักอยู่ในเต็นท์ของตน’ ”17 ชนชาติอิสราเอลก็กระทำตาม บางคนเก็บมาก บางคนเก็บน้อย18 แต่เมื่อเขาใช้โอเมอร์ตวง คนที่เก็บได้มากก็ไม่มีเหลือ และคนที่เก็บได้น้อยก็หาขาดไม่ ทุกคนเก็บได้เท่าที่คนหนึ่งรับประทานพอดี
อพยพ 16:23-27 23 โมเสสบอกเขาว่า “พระเจ้าทรงพระบัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดงาน เป็นสะบาโต วันบริสุทธิ์ของพระเจ้า จะปิ้งอะไรก็ให้ปิ้ง จะต้มอะไรก็ให้ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมดจงเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น’ ” 24 เมื่อเขาเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น ตามโมเสสสั่ง อาหารนั้นก็มิได้บูดเหม็นเป็นหนอนเลย25 โมเสสจึงบอกว่า “วันนี้จงกินอาหารนั้น เพราะว่าวันนี้เป็นวันสะบาโตของพระเจ้า วันนี้ท่านจะไม่พบอาหารอย่างนั้นในทุ่งเลย26 จงเก็บหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีเลย”27 อยู่มาเมื่อวันที่เจ็ด มีบางคนออกไปเก็บ แต่ไม่ได้พบ 28 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “พวกเจ้าจะขัดขืนบัญญัติและกฎหมายของเรานานสักเท่าไร
พระเจ้าต้องการให้อิสราเอลเลิกที่จะกระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อจะไว้วางใจการเลี้ยงดูของพระองค์ในแต่ละวัน โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพของตนเอง พระเจ้าทรงใส่ใจต่อสุขภาพของคนอิสราเอล พระเจ้าไม่ต้องการให้คนของพระองค์ต้องเครียด พระองค์ทรงรู้ถึงสุขภาพร่างกายจิตใจของคนอิสราเอลที่ต้องการการพักที่เพียงพอ และต้องทำงานที่พอเหมาะกับร่างกาย การออกไปเก็บอาหาร (มานา) แค่โอเมอร์หนึ่ง คือตามที่กำลังที่จะสามารถแบกได้ ก็เป็นการออกกำลัง การออกไปจับนกคุ่มเวลาเย็น ก็คือการออกกำลังที่ทำได้ ไม่หนักเกินไป แถมได้สุขภาพ ไม่เครียด เช้า เย็น เป็นอะไรที่เพลิดเพลินจิตใจ ได้พัก
นี่คือที่มาของวันสะบาโต และพระเจ้าทรงอวยพรวันสะบาโต
อพยพ 20:8-11 8 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์9 จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน10 แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงานใดๆไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า11 เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์
มีคนเคยถามว่า พระเจ้ายังทำงานอยู่ไม๊ คำตอบคือ พระเจ้าทรงพัก แล้วทำไม พระคัมภีร์ยังใช้คำว่า พระเจ้าทรงทำกิจของพระองค์อยู่ พระเจ้าไม่นอนหลับ ไม่เคลิ้มไป แต่เฝ้ามองดู รอฟังเสียงอธิษฐานจากคนของพระองค์ พระเจ้าไม่เหนื่อยหรือ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเป็นพระเจ้าว่า พระองค์ไม่เป็นอย่างมนุษย์ มนุษย์ต้องพัก เพราะร่างกายของมนุษย์จำกัด ต้องการอาหาร การพักผ่อน การผ่อนคลาย แต่พระเจ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์ พระองค์ไม่ต้องการอาหาร พระองค์ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนล้า แล้วการพักของพระเจ้าเป็นแบบไหน การพักของพระเจ้า คือการใช้เวลาของพระองค์กับลูกของพระองค์ เหมือนพ่อที่ใช้เวลากับลูกๆ ช่วยลูกให้เติบโต ช่วยให้ลูกแข็งแรง เล่นกับลูก อยู่กับลูก
พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสำแดงพระบิดาให้เราได้เห็นความเป็นพระเจ้า พระเยซูทรงเชิญชวนคนมากมายให้มาเรียนรู้วิธีพักอย่างพระเจ้า ด้วยการใช้เวลากับพระองค์ แต่ยังมีภาระที่ไม่หนักที่รับผิดชอบ พระเจ้ายังคงรับผิดชอบคนของพระองค์ โดยความรับผิดชอบนั้น ไม่ใช่ภาระที่หนัก ไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นความสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่มาจากความรัก จึงไม่เป็นภาระ แต่เบาและพอเหมาะ
มัทธิว 11:27-30 27 “พระบิดาของเรา ได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดาและไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต ให้เป็น อย่ามโนเอง แต่จงเรียนจากพระเยซู บางคนคิดว่า พักนี่นะเหรอ ง่ายจะตาย เมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะพัก ออกแบบการพักของตัวเองแบบเจ๋งๆยังได้เลย ทำไมต้องเรียนด้วย วันนี้ ความรู้มากมายที่มนุษย์ค้นพบ ได้บอกเราว่า การพักไม่ง่ายเลย บางคนอยากนอน นอนไม่ได้ อยากหลับลึก กลับหลับยาก อยากเอาความเครียดออกไป ก็เอาออกไปไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่พระเยซูทรงตรัสว่า มาหาพระองค์สิ มาเรียนจากพระองค์สิ คำถามก็คือว่า…. เรามาหาพระเยซูแล้วหรือยัง การเปลี่ยนศาสนายังไม่ใช่คำตอบ แต่ต้องหาพระเยซูให้พบต่างหาก และเรียนจากพระองค์จริงๆ
1.สะบาโตบริสุทธิ์ มัทธิว 11:27
27 “พระบิดาของเรา ได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดาและไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้
คำว่า บริสุทธิ์ ภาษากรีกใช้คำว่า ฮากีออส สำหรับพระเจ้าหมายถึงความศักดิ์สิทธิ์ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sacred แปลว่า อยู่ใกล้แล้วตาย สำหรับมนุษย์หมายถึงปราศจากตำหนิ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Pure แปลว่า ไม่ปะปน
พระเยซูตรัสในข้อนี้ ก่อนที่จะเชิญชวนคนที่เหน็ดเหนื่อยมาให้หายเหนื่อยและเป็นสุข ทำไมพระเยซูต้องเกริ่นเรื่องการสำแดงพระบิดาก่อนเรื่องการหายเหนื่อย เหตุผลคือ พระบิดาทรงเป็นผู้ตั้งวันสะบาโต วันพักให้เป็นวันบริสุทธิ์ (ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้า ปราศจากตำหนิสำหรับมนุษย์) พระเยซูกำลังสื่อความหมายว่า การพักที่จะให้หายเหนื่อยจริงๆ ต้องเริ่มต้นที่ความบริสุทธิ์ของวันสะบาโต เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกถูก เม็ดต่อไปก็จะถูกตามไปด้วย
สะบาโตบริสุทธิ์ ทำให้มองเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า สะบาโตบริสุทธิ์ เพื่อมีเวลาชำระล้างจิตใจ เป็นเวลาแห่งการออกจากการงานที่วุ่นวายทั้งหลาย เข้าสู่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ทำไม คำว่า ศักดิ์สิทธิ์แปลว่า ใกล้แล้วตาย เป้าหมายก็เพื่อจะให้ผู้ที่จะเข้าใกล้พระเจ้าต้องชำระใจ ชำระชีวิตของตนเองก่อนเข้าใกล้พระเจ้า
สดุดี 24:3-4 3 ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระเจ้า และผู้ใดจะยืนอยู่ในวิสุทธิสถานของพระองค์ 4 คือผู้ที่มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้ที่มิได้ปลงใจในสิ่งเท็จ และมิได้สาบานอย่างหลอกลวง
เมื่อคนเรามาถึงการไม่ใส่ต่อสิ่งที่เป็นเท็จ ที่พระคัมภีร์ใช้อีกคำว่า ความคิดจอมปลอมและทิฐิมานะที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า (2โครินธ์10) เมื่อนั้น คือการจัดการกับตัวเองให้ปราศจากตำหนิ Pure บริสุทธิ์ใจที่จะเข้าใกล้พระเจ้า สะบาโตของพวกยิว จึงมักจะไปรวมตัวกันที่ธรรมศาลา เพื่อจะฟังการอ่าน การเปิดเผยความเข้าใจของพระวจนะจากพระคัมภีร์ เพื่อจะบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ เพื่อจะเข้าใกล้พระเจ้าได้ และเมื่อใกล้พระเจ้าก็คือวาระแห่งการพักผ่อนหย่อนใจก็มาถึง
กิจการ 3:19 19 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย เพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า
(ฉบับแปล 2011) 19 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง20 เพื่อวาระแห่งการฟื้นชื่นจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า และเพื่อพระองค์จะประทานพระคริสต์ที่ทรงกำหนดไว้นั้นแก่ท่านทั้งหลายคือพระเยซู
คำว่า หันกลับ หรือ หันมาหาพระเจ้า คือการได้เข้าใกล้พระเจ้าแล้วไม่ตาย เพราะความผิดบาปได้รับการลบล้าง และนี่คือภาวะ การฟื้นชื่น หรือวาระพักผ่อนหย่อนใจที่มาจากพระพักตร์พระเจ้า นี่คือเหตุผลที่พระเยซูจึงต้องเริ่มต้นที่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ กับมนุษย์ผู้ปราศจากตำหนิ มาเจอกัน การหายเหนื่อยจึงเกิดขึ้น เป็นสะบาโตหายเหนื่อยที่แท้จริง
27 “พระบิดาของเรา ได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดาและไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้
พระเยซูทรงรู้จักพระบิดา และพระบิดาทรงรู้จักพระเยซู และให้พระเยซูคนกลางระหว่างพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ กับมนุษย์ผู้ที่รับการชำระให้ปราศจากตำหนิ
2.สะบาโตหายเหนื่อย มัทธิว 11:28
28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข
พระเยซูเชิญชวนให้คนที่เหนื่อยมาหาพระองค์ พระองค์จะให้หายเหนื่อยเป็นสุข ใช้คำที่มีความหมายแปลว่า รับการฟื้นชื่น Refresh เป็นที่มาจากรากศัพท์ภาษากรีกคำเดียวกันกับที่กิจการ 3:19 ใช้
กิจการ 3:19 19 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย เพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า
สะบาโตหายเหนื่อย เป็นการหายเหนื่อยของจิตใจและจิตวิญญาณ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เหนื่อยกายเดี๋ยวก็หาย แต่เหนื่อยใจ ยากที่จะหาย เพราะฉะนั้น สะบาโตจริงๆต้องหายเหนื่อยทางจิตใจและจิตวิญญาณ ซึ่งพระเยซูกำลังเชิญชวนให้คนมากมาย โดยเฉพาะคนของพระเจ้า อย่าใกล้เกลือกินด่าง คนของพระเจ้าต้องเชี่ยวชาญชำนาญในการหายเหนื่อยทางจิตใจและจิตวิญญาณ (ได้อย่างรวดเร็วด้วย) ซึ่งเกิดเองไม่ได้ ต้องเรียนรู้
3.สะบาโตเรียนรู้ มัทธิว 11:29-30
29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
เพราะฉะนั้น สะบาโตคือการหยุดพักเพื่อจะเรียนรู้ เป็นสะบาโตเรียนรู้ ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งมีพลังสะสม ไม่ใช่หยุดพักเพื่อใช้พลังให้หมดไป สะบาโตเรียนรู้คือการสะสมพลัง หรือที่เราเรียกว่า ชาร์ทแบตนั่นเอง สังเกตวิถีการดำเนินชีวิตของพระเยซู พระองค์ทรงทำพันธกิจบริการเยอะมาก ยุ่งมาก พระองค์เหน็ดเหนื่อย จนพระคัมภีร์บางตอนบันทึกว่า พระเยซูทรงนอนหลับบนเรือที่มีพายุโหมกระหน่ำ รุนแรง แต่พระเยซูไม่ตื่น สาวกต้องมาปลุกพระองค์ เมื่อพระองค์ตื่นขึ้นมา พระองค์ไม่ตกใจกับพายุ แต่ทรงห้ามพายุให้นิ่งสงบลง และพายุก็เชื่อฟัง
ลูกา 8:24-24 24 เขาจึงมาปลุกพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้ากำลังจะจมอยู่แล้ว” พระองค์จึงทรงตื่นขึ้นห้ามลมและคลื่น แล้วคลื่นลมก็หยุดเงียบสงบทีเดียว 25 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ความเชื่อของเจ้าอยู่ที่ไหน” เขาเหล่านั้นกลัวและประหลาดใจพูดกันว่า “ท่านนี้เป็นผู้ใดจึงสั่งบังคับลมและน้ำได้ ลมกับน้ำนั้นก็เชื่อฟังท่าน”
เรียนจากพระเยซู พระองค์ทรงสุภาพ และใจอ่อนน้อม พระองค์ห้ามพายุด้วยความสุภาพและด้วยใจที่อ่อนน้อม
มัทธิว 11:29 29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
แล้วเราจะสามารถรับงานหนักได้โดยไม่รู้สึกว่ามันหนัก เหมือนนักยกน้ำหนักที่ยกได้มากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อแข็งแรง เช่นเดียวกัน ถ้าใจของเราแข็งแรง เราจะรับแรงกดดันได้มากขึ้น ทำงานยากยังไงก็ไม่เครียด แต่เราจะสนุกกับงานจริงๆ งานไม่ใช่ปัญหา แต่ ปัญอาจเป็นงาน เป็นภารกิจหนึ่งของชีวิตที่ต้องผ่าน ผ่านได้ ก็หายเหนื่อย ขอพระเจ้าอวยพรสะบาโตของพี่น้องทุกคน อาเมน
“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต”
1.สะบาโตบริสุทธิ์
2.สะบาโตหายเหนื่อย
3.สะบาโตเรียนรู้