“เป็นหนึ่งในพระคริสต์ ต้องคืนดีกัน”
คำถามง่ายๆ เราเคยทะเลาะไม๊? ทะเลาะกัน ทำยังไง คำว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง (ชวนทะเลาะฝ่ายเดียว สำเร็จไม๊? ทะเลาะหมายถึง ต้องสองฝ่าย? เราเคยได้ยินคำว่า
-กวนประสาท ทำยังไง? ทำเป็นไม๊
-สงครามประสาท ทำยังไง? ใครทำไม่เป็น
-สงครามเย็น ทำยังไง? เย็นชา คือสงครามเย็นไม๊?
-สูญญากาศ ทำยังไง? คือการทำลาย หรือเสริมสร้าง
เอเฟซัส4:31 31 จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้าย กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด
สิ่งที่พระคัมภีร์ข้อนี้บอก คือ สาเหตุก่อนจะไปถึงสงคราม การทะเลาะเถียงกัน…..ทุกอย่างเริ่มต้นที่ใจ (ใจขมขื่น ใจขัดเคือง ใจโกรธ….) พระคัมภีร์เตือน ให้อยู่ห่างไกล
2ทิโมธี 2:23-26 23 อย่าข้องแวะกับปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน 24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน25 ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ ว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจ และมาถึงซึ่งความจริง26 และหลุดพ้นบ่วงของมารผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน
วันนี้ ข้าพเจ้าได้คัดลอกบทความตอนหนึ่งจากหนังสือชื่อ “เหยื่อล่อของมารซาตาน” กล่าวถึงเรื่อง “ความขุ่นเคือง” พี่น้องต้องอ่าน มันจะทำให้เรารู้ว่า บ่วงที่มารวางกับดักไว้จับคนทุกคนคือความ “ขุ่นเคือง” และพระเยซูได้พยากรณ์ไว้ว่า สัญญาณของยุคสุดท้ายก็คือ คนจำนวนมากจะขุ่นเคืองกันมาก และความรักอย่างอากาเป้ ซึ่งเป็นความรักของคริสเตียนก็จะเยือกเย็นลง
มัทธิว 24:10-13 10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป(ขุ่นเคืองกัน – พระคัมภีร์ฉบับแปล คิงส์ เจมส์) และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย11 ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคนจะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป12 ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด
ระวัง…ความรักเยือกเย็นลง คือความรักอย่างอากาเป้ ความรักอากาเป้ เป็นความรักของพระเจ้าที่ให้ไว้กับคริสเตียน พระเยซูกำลังเตือนสาวกของพระองค์ตั้งแต่รุ่นแรก จนถึงรุ่นในยุคสุดท้าย คือเราทั้งหลาย เรากำลังอยู่ในยุคสุดท้ายที่ความขุ่นเคืองของคนมากมายได้แสดงออกมากในรูปแบบต่างๆหลากหลาย
….บ่วงของมารผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน….
บ่วงของมารกำลังวางไว้ทุกที่ทุกเวลา หากคริสเตียนไม่ระวัง ไม่รักษาความรักอากาเป้ที่พระเจ้าให้ไว้กับเรา ความรักของเราจะติดกับดักของมาร และเป้าหมายของมาร สำหรับคนทั่วไป คือขุ่นเคืองมากยิ่งๆขึ้น (คนข้างนอกจะโกรธกันมากขึ้น) สำหรับคริสเตียนคือทำให้ความรักอากาเป้เยือกเย็นลงกับคนภายในคริสตจักรกันเอง เราจะนิ่ง เราจะท้อ และไม่อยากหว่านความรักอีกต่อไป ความรักอากาเป้ เป็นหนึ่งในลักษณะในผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
กาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
ผลพระวิญญาณ เป็นคำเอกพจน์ Singular verb ในผลเดียวมีเก้าคุณลักษณะ(ที่มีในผลเดียวกัน) คุณลักษณะที่สำคัญเด่นชัด ถูกจัดอันดับอันแรกคือ ความรักอากาเป้ เป็นคำเดียวกันกับที่พระเยซูได้ใช้ ความรักจะเยือกเย็นลงของคริสเตียน เมื่อคริสเตียนหยุดหว่านความรัก เมล็ดของความรักก็จะถูกเก็บไว้ ไม่ได้หว่านลงดิน เมล็ดความรักจะไม่งอก แล้วคริสเตียนจะเก็บเกี่ยวผลของความรักไม่ได้
ยอห์น 12:24 24 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว ก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก
ความรักอากาเป้ เป็นเมล็ดพันธ์ฝ่ายพระวิญญาณ มีธรรมชาติเหมือนเมล็ดพืช พระคัมภีร์จึงยกตัวอย่างของการหว่าน
กาลาเทีย 6:8 8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น
บทความเรื่องการเจริญของเมล็ดพืชน ต้องอาศัยอุณหภูมิในการงอกเงย ถ้าเมล็ดไม่ถูกหว่าน เมล็ดก็นั้นก็ไม่ต่างจากการอยู่ในที่ที่จุดเยือกแข็งจะเป็นอันตรายสำหรับการงอกของเมล็ดพันธุ์พืชเขตร้อน ถ้าอุณหภูมิสูงหรือต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ซึ่งเกินกว่าที่เมล็ดพันธุ์จะสามารถงอกได้ เมล็ดบางชนิดอาจจะมีการพักตัวหรือบางชนิดอาจจะเสียชีวิตได้
มีการค้นพบเมล็ดข้าวที่เก็บไว้ในไหสมัยอียิปต์นานนับพันปี และสามารถนำมาเพาะให้งอกเงยได้ นั่นคือแสดงว่า ถ้าเราไม่หว่านความรักอากาเป้ ด้วยการแสดงออก เราจะไม่มีวันที่จะได้เก็บเกี่ยวผลในย่านพระวิญญาณ ผลของความรักที่เกิดในคนอื่น ที่แสดงออกมาให้เราได้เห็น เราก็จะเห็นแต่ผลของเนื้อหนังเต็มไปหมดรอบตัวเรา เรามีแต่จะเรียกร้องให้คนอื่นแสดงความรัก ต่างคนต่างก็หว่านแต่เนื้อหนัง แล้วผลของรักอากาเป้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร หนังสือกาลาเทียตอนนี้ได้กล่าวถึง การใช้เสรีภาพของคริสเตียน
กาลาเทีย 5:13-15 13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด14 เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง 15 แต่ถ้าท่านกัดและกินเนื้อกันและกัน จงระวังให้ดี เกรงว่าจะย่อยยับไปตามๆ กัน
กาลาเทียได้กล่าวถึง การใช้เสรีภาพด้วยความรัก ก็คือการหว่านความรักอากาเป้นั่นเองเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ ต้องคืนดีกัน การคืนดีคือการหว่านความรัก การคืนดีกัน ทำให้เราได้เห็นผลของความรักงอกเงยขึ้นมาให้เราเก็บเกี่ยว
2โครินธ์ 5:19-21 19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า 21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์
พระเจ้าได้หว่านความรักของพระองค์ด้วยเมล็ดพันธ์แรกด้วยชีวิตของพระเยซูคริสต์เจ้า ด้วยการที่พระเยซูต้องมารับโทษแทนเรา เมล็ดพันธ์แห่งความรักนี้ได้ตกลงดินแล้วและได้งอกเงยขึ้นมาเป็นชีวิตคริสเตียนมากมาย และคริสเตียนมากมายในอดีต ก่อนหน้าเราได้หว่านชีวิตของพวกเขาเพื่อให้มีวันนี้ ข่าวประเสริฐมาถึงเรา มีคริสเตียนมากมายยอมหว่านชีวิตของตนเอง ทนทุกข์ ถูกข่มเหง และตายไป เพื่อข่าวประเสริฐที่พวกเขาเชื่อ
ความรักของเราทุกคนในยุคสุดท้ายนี้ กำลังถูกทดสอบอุณภูมิว่า เราจะเก็บความรักนั้นไว้ หรือจะหว่านความรักออกไป เรากำลังคาดหวังที่จะเก็บเกี่ยวในย่านพระวิญญาณ หรือไม่คาดหวังอีกแล้ว(กลัวเจ็บ เข็ด) ความรักของเราก็กำลังถูกแช่แข็ง และอาจตายไปในที่สุด อันนี้คืออันตราย
อุณภูมิที่ทำให้ความรักถูกหว่านและเติบโต คือความร้อนรนในพระเจ้า อย่าใช้ความรู้สึก ความสบายใจของตัวเราเองเป็นหลัก อย่าติดกับดักของมารซาตาน มารซาตานต้องการให้ความรักอากาเป้ของเราเยือกเย็นลง และตายไปในที่สุด และเราก็จะเก็บเกี่ยวแต่สิ่งที่เป็นลมเป็นแล้งเท่านั้น
แต่ถ้าเราได้หว่านเมล็ดแห่งความรัก เราก็จะเก็บเกี่ยวความรัก คือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน และนี่คือสิ่งที่หนังสือฟิลิปปีที่เป็นหัวข้อประจำปีของคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 ของเรา ในปีนี้ “เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์”
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะดำเนินชีวิตสมกับข่าวประเสริฐ หรือสู้เหมือนอย่างคนเดียวเพื่อข่าวประเสริฐ หากเรายังไม่คืนดีกันกับพระเจ้า และไม่คืนดีกันและกัน
จงหยุดสงครามประสาท จงหยุดกวนประสาท จงหยุดสงครามเย็น จงหยุดการทำให้ใครบางคนในชีวิตของตนเองกลายเป็นสูญญากาศ และจงหยุดความสัมพันธ์ที่ไกลห่าง เพราะการไม่ยอมห่างไกลจากใจที่ขมขื่น ใจขัดเคือง ใจโกรธ… หยุดทำให้ชีวิตของตนเองมีเหมือนฟันหลอ คือบางคนถูกเว้น มองข้ามไป ความรักอย่างอากาเป้ ไม่เลือกที่จะรักบางคน ชังบางคน รับบางคน ปฏิเสธบางคน
เป็นหนึ่งในพระคริสต์…ต้องคืนดีกัน ทำยังไง…
1.มุ่งห่างไกล…ใจขมขื่นใจขัดเคืองและใจโกรธ
เอเฟซัส4:31 31 จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้าย กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด
ถ้าเรามุ่งห่างไกล คือทิ้งใจขมขื่น ใจขัดเคือง ใจโกรธ แน่นอนว่า การทะเลาะจะไม่เกิด คำพูดที่เลวร้ายต่างๆจะไม่เกิด ตัดไฟเสียแต่ต้นลม มีคำพูดไทยว่า ห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามไม่ได้ นั่นคือการบอกให้รู้ว่า อย่าให้เกิดการเผาไหม้ในจิตใจ ความขมขื่น ความขัดเคือง ความโกรธ ทำให้เกิดการเผาผลาญในจิตใจ ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา
มัทธิว 15:18 18 แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน19 ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ออกมาจากใจ
2.มุ่งสานสัมพันธ์กัน
2โครินธ์ 5:18-19 18 ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ (กับทุกคน)
เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าให้เกิดการคืนดีกัน พระเจ้านำการคืนดีมาให้เราทุกคนประกาศ พระเจ้าทรงเป็นแบบของการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พระองค์จึงสามารถนำการคืนดีกันมาให้แก่มนุษย์ได้ พระองค์ทรงเริ่มต้นการไม่ถือโทษ ทรงเริ่มต้นการให้อภัย ทรงเริ่มต้นการเสียสละพระองค์เองเพื่อให้เกิดการคืนดีกันระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
….และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ….
เราจะประกาศในสิ่งที่เราไม่เป็นไม่ได้ เราต้องคืนดีกันก่อน เป็นแบบอย่างต่อกันและกันก่อน ดังนั้น การคืนดีกัน คือเป้าหมายของคริสเตียนที่จะต้องมุ่งการคืนดีกัน การคืนดีกันจึงจะเกิด ไม่ใช่ปล่อยไป
บ่อยครั้งเรามักจะอยากเคลียร์ แต่จุดมุ่งหมายของการเคลียร์กัน คือ การค้นหาว่า ใครผิด ใครถูก สุดท้ายไม่ได้ความสัมพันธ์ แต่ยิ่งทำลายความสัมพันธ์ ขอให้เรามุ่งที่จะคืนดีกัน บางที ไม่ต้องพูดเลย มีคำกล่าวว่า ความรัก ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ และนี่คือการใช้ความหมายของคำว่า การกระทำดังกว่าคำพูดอย่างถูกกาลเทศะที่สุด
3.มุ่งข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์
ฟิลิปปี 1:27 27 ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า ท่านเชื่อมั่นคง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น
การคืนดีกัน จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ด้วยการมุ่งข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ เพราะข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ คือข่าวแห่งการคืนดีกัน การกลับใจใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้า คือกระดุมเม็ดแรกที่เริ่มต้นอย่างถูกต้อง การคืนดีกันกับคนอื่นจะตามมา
ยิ่งใกล้พระเจ้า ยิ่งเห็นตัวเองบกพร่องและต้องแก้ไขปรับปรุง และจะหยุดมองหาจุดบกพร่องของคนอื่น ทำให้การคืนดีกันเกิดขึ้นได้ อุปสรรคของการคืนดีกัน คือการมองแต่ความผิดของคนอื่น ไม่ให้อภัย ขมขื่นใจ ขัดเคือง และยังโกรธอยู่
มัทธิว 7:1-6 1 “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน 2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงกล่าวโทษท่านอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น3 เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก4 เหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ’ แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่ในตาของท่านเอง5 ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้ 6 “อย่าให้ของประเสริฐแก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้แก่สุกร เกลือกว่ามันจะเหยียบย่ำเสีย และจะหันกลับมากัดตัวท่านด้วย
สุภาษิต 26:17 17 บุคคลที่เข้ายุ่งในการทะเลาะวิวาทซึ่งไม่ใช่เรื่องของเขาเอง ก็เหมือนคนจับหูสุนัขตัวที่กำลังผ่านไป
การทะเลาะวิวาท ถูกเปรียบเหมือนกับ สุนัขที่พร้อมจะกัดคนที่ไปจับสิ่งที่มันหวงแหน พระเยซูเตือนให้เราอย่าหาเรื่องใคร อย่ามีเรื่องกับใคร และการสำรวจตัวเองบ่อยๆ จะทำให้ไม่ไปมีเรื่องหรือหาเรื่องใคร คำว่า ของประเสริฐ ที่พระเยซูใช้ ด้วยคำว่า Hagios แปลว่าของบริสุทธิ์ สำหรับมนุษย์ คือการปราศจากตำหนิ ชีวิตที่สะอาดแล้ว อย่าไปยุ่งกับคนที่สกปรก ที่ไม่ยอมทำความสะอาดตัวเอง ที่มักจะทำให้คนอื่นสกปรกไปด้วย
2เปโตร 2:22 22 พฤติกรรมได้เกิดกับเขาตามสุภาษิตซึ่งเป็นความจริงที่ว่า สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาด แล้วกลับลุยลงไปนอนในปลักอีก
“เป็นหนึ่งในพระคริสต์ ….ต้องคืนดีกัน”
1.มุ่งห่างไกล…ใจขมขื่นใจขัดเคืองและใจโกรธ
2.มุ่งสานสัมพันธ์กัน
3.มุ่งข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์