“ไม่หนี…ไม่ซ่อนตัว”

วิถีของคนในยุคนี้ คือหนี กับซ่อนตัว

เพลง วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า

184  ล้านวิว ทำไมจึงเป็นที่นิยม (เพราะฟังไม่ชัด เลยต้องฟังซ้ำเรื่อยๆ คนไทยมี 66ล้านคน แต่มีตั้ง 183 ล้านวิว ไม่ประหลาดใจ นี่คือการฟังซ้ำๆ ของคนรุ่นใหม่ที่บอกว่า ขี้เบื่อแต่ชอบฟังอะไรซ้ำๆ

มีอีกเพลงของคริสเตียนที่ออกมาสำหรับคนรุ่นใหม่   อยากให้รู้

https://www.youtube.com/watch?v=0Pw-ZLqmciE&feature=youtu.be

1.5 ล้านวิว ทำไมแค่นี้ แสดงว่า ยังมีคริสเตียนที่ไม่เปิดเผยตัว และไม่บอกเรื่องราวของพระเยซูให้กับคนอีกมากมาย

เมื่อสองพันปีที่แล้ว  หลังจากพระเยซูตาย สาวกหนีและซ่อนตัว แต่เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย  เกิดอะไรขึ้นกับเหล่าสาวก

มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด

ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ตรัสแก่เหล่าสาวกในทำนองว่า “อย่าหนี…หยุดซ่อนตัว” ในเวลานั้น สาวกยังถูกไล่ล่า ตามหาตัวเพื่อจะกลบข่าวลือว่า พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย และเพื่อให้เป็นแพะสำหรับเรื่องอูโมงค์ที่ว่างเปล่าของพระเยซู และการกุข่าวเท็จเรื่องพระศพถูกขโมยไป  และนี่เป็นที่มาของหนังสือกิจการที่บันทึกโดยนายแพทย์ลูกา เริ่มต้นบทแรกเขียนถึงคนหนึ่งในชนชั้นสูงของสังคมเวลานั้นว่า

กิจการ 1:1-11 1 ข้า​แต่​ท่านเธ​โอฟีลัส ใน​หนังสือ​เรื่อง​แรก​นั้น ข้าพเจ้า​ได้​กล่าว​แล้ว​ถึง​บรรดา​การ​ซึ่ง​พระ​เยซู​ได้​ทรง​ตั้ง​ต้น​กระทำ​และ​สั่ง​สอน​2 จนถึง​วันที่​พระ​เจ้า​ทรง​รับ​พระ​องค์​ขึ้น​ไป ใน​เมื่อ​ได้​ตรัส​สั่ง​โดย​เดช​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​แก่​อัครทูต​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เลือก​ไว้​นั้น​แล้ว​3 ครั้น​พระ​องค์​ทรง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​แล้ว ได้​ทรง​แสดง​พระ​องค์​แก่​คน​พวก​นั้น​ด้วย​หลักฐาน​หลาย​อย่าง พิสูจน์​ว่า​พระ​องค์​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่ และ​ได้​ทรง​ปรากฏ​แก่​เขา​ทั้ง​หลาย​ระหว่าง​สี่​สิบ​วัน และ​ได้​ทรง​สนทนา​กับ​เขา​ถึง​เรื่อง​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ เมื่อ​พระ​องค์​ได้​ทรง​พำนัก​อยู่​กับ​อัครทูต จึง​กำชับ​เขา​มิ​ให้​ออกไป​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม แต่​ให้​คอย​รับ​ตาม​พระ​สัญญา​ของ​พระ​บิดา คือ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “ตาม​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​จาก​เรา​นั่น​แหละ​5 เพราะ​ว่า​ยอห์น​ให้​รับ​บัพติศมา​ด้วย​น้ำ แต่​ไม่​ช้า​ไม่​นาน​ท่าน​จะ​รับ​บัพติศมา​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์6 เมื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​ประชุม​พร้อม​กัน เขา​จึง​ทูล​ถาม​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ตั้ง​ราช​อาณาจักร​ขึ้น​ใหม่ ให้แก่​ชน​อิสราเอล​ใน​ครั้ง​นี้​หรือ”7 ​พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ไม่ใช่​ธุระ​ของ​ท่าน ที่​จะ​รู้​เวลา​และ​วาระ​ซึ่ง​พระ​บิดา​ได้​ทรง​กำหนด​ไว้ โดย​สิทธิอำนาจ​ของ​พระ​องค์​8 แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้รับ​พระ​ราชทาน​ฤทธิ์​เดช เมื่อ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​จะ​เสด็จ​มา​เหนือ​ท่าน และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​พยาน​ฝ่าย​เรา​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย แคว้น​สะมาเรีย และ​จนถึง​ที่สุด​ปลาย​แผ่นดิน​โลก”9 เมื่อ​พระ​องค์​ตรัส​เช่นนั้น​แล้ว ​พระ​เจ้า​ก็​ทรง​รับ​พระ​องค์​ขึ้น​ไป​ต่อ​หน้า​ต่อ​ตา​เขา และ​มี​เมฆ​คลุม​พระ​องค์​ให้​พ้น​สายตา​ของ​เขา10 เมื่อ​เขา​กำลัง​เขม้น​ดู​ฟ้า เวลา​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ไป​นั้น มี​สอง​คน​สวม​เสื้อ​ขาว​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ เขา​11 สอง​คน​นั้น​กล่าว​ว่า “ชาว​กาลิลี​เอ๋ย เหตุ​ไฉน​ท่าน​จึง​เขม้น​ดู​ฟ้า​สวรรค์ ​พระ​เยซู​องค์​นี้​ซึ่ง​ทรง​รับ​ไป​จาก​ท่าน​ขึ้น​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น จะ​เสด็จ​มา​อีก​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น

หนังสือเรื่องแรก ที่พูดถึงตอนนี้ คือ หนังสือลูกา (หนึ่งในหนังสือพระกิตติคุณสี่เล่ม) มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ที่เขียนถึงชีวิตของพระเยซู ในมุมของความเหมือนกัน ที่แตกต่างในการบันทึกของผู้บันทึก

หนังสือกิจการบทแรกนี้ เป็นเรื่องการสัญญาให้รอรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในกรุงเยรูซาเล็ม (จุดเริ่มต้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์) จึงเป็นที่มาของการเรียกคริสเตียนที่เน้นเรื่องการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า เป็นพวกเพนเตคอส (คริสตจักรของเราเป็นพวกเพนตาคอสด้วย)

ก็เพราะว่า ช่วงนั้น เป็นช่วงเทศกาลเพนเตคอสพอดี (ฉลองห้าสิบวันหลังจากวันที่พระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกจากอียิปต์) พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายวันที่สามถัดจากเทศกาลปัสกา (กินขนมปังไร้เชื้อ Passover)

พระเยซูทรงปรากฏกับเหล่าสาวกอยู่ถึงสี่สิบวัน)  หลังจากพระเยซูทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์  เหล่าสาวกเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูให้ยังอยู่ในเยรูซาเล็ม  (น่าจะเจ็ดวันหลังจากนั้น) จนถึงวันเทศกาลเพนตาคอส (แปลว่า ห้าสิบวัน)

กิจการ 2:1-4 1 เมื่อ​วัน​เทศกาล​เพ็น​เท​คอสต์​มาถึง จำพวก​ศิษย์​จึง​รวมอยู่​ใน​ที่​แห่ง​เดียว​กัน​2 ​ใน​ทันใด​นั้น​มี​เสียง​มา​จาก​ฟ้า​เหมือน​เสียง​พายุ​กล้า​สั่น​ก้อง​ทั่ว​ตึก​ที่​เขา​นั่ง​อยู่​นั้น​3 มี​เปลว​ไฟ​สัณฐาน​เหมือน​ลิ้น​ปรากฏ​แก่​เขา​กระจาย​อยู่​บน​เขา​สิ้น​ทุก​คน​4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด

ทำไมจึงรวมตัวกันที่ห้องชั้นบนกันมากมาย มีบันทึกว่า มากถึง 120 คน แน่นห้องทีเดียว เหตุผลก็เพราะว่า สถานการณ์ตอนนั้น สาวกไม่สามารถจะรวมตัวกันในที่แจ้งได้ นี่คือการรวมตัวกันอย่างลับๆ (แม้ว่า ไม่หนีแล้ว แต่ก็ยังซ่อนตัวอยู่ดี)  แต่อะไรเกิดขึ้น

กิจการ 2:5-8 5 มี​พวก​ยิว​จาก​ทุก​ประเทศ​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า มา​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​6 เมื่อ​มี​เสียง​อย่าง​นั้น​เขา​จึง​พา​กัน​มา และ​ฉงน​สนเท่ห์​เพราะ​ต่าง​คน​ต่าง​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​ตัว​7 คน​ทั้ง​ปวง​จึง​ประหลาด​และ​อัศจรรย์​ใจ​พูด​ว่า “ดูแน่ะ คน​ทั้ง​หลาย​ที่​พูด​กัน​นั้น​เป็น​ชาว​กาลิลี​ทุก​คน​ไม่ใช่​หรือ​8 เหตุ​ไฉน​เรา​ทุก​คน​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​เรา​

เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมา พวกสาวกไม่สามารถที่จะเงียบเสียงได้ แม้จะอยู่ในที่ลับตา แต่ส่งเสียงดังออกมา พวกเขาส่งเสียงจนคนที่อยู่ภายนอกต่างได้ยินเป็นภาษาชัดเจน

กิจการ 2:4,11-13 4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด… 11 ชาว​เกาะค​รีต​และ​ชาว​อาระเบีย เรา​ทั้ง​หลาย​ต่าง​ก็​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นี้​กล่าวถึงมห​กิจ​ของ​พระ​เจ้า ตาม​ภาษา​ของ​เรา​เอง”12 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อัศจรรย์​ใจ และ​ฉงน​สนเท่ห์​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​กัน”13 แต่​บาง​คน​เยาะ​เย้ย​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​เมา​เหล้า​องุ่น​ใหม่”

คนไม่เชื่อว่า ชาวกาลิลี (ที่เป็นคนบ้านนอกในสายตาของคนเยรูซาเล็มจะสามารถพูดภาษาต่างๆ  ในยุคของเราอาจเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เรียกว่า ภาษาที่ใช้สำหรับเป็นภาษากลางในการสื่อสาร) บางคนถึงกับเยาะเย้ยว่า พวกนี้ เมาเหล่าองุ่นใหม่) คือการแสดงถึงการไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริงได้อย่างไร  เปโตรที่ขี้กลัว และเคยไม่เชื่อว่า พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและพูดกับคนที่เยาะเย้ย (โดยไม่รู้เลยว่า ยังมีคนอีกสามพันคนเงี่ยหูฟังด้วย ภายหลังสามพันคนรับเชื่อ)

กิจการ 2:14-15 14 ฝ่าย​เปโตร​ได้​ยืน​ขึ้นกับ​อัครทูต​สิบ​เอ็ด​คน และ​ได้​กล่าว​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “ท่าน​ชาว​ยูเดีย​และ​บรรดา​คน​ที่​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม จง​ทราบ​เรื่อง​นี้​และ​ฟัง​ถ้อยคำ​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด15 ด้วย​ว่า​คน​เหล่า​นี้​มิได้​เมา​เหล้า​องุ่น​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​คิด​นั้น เพราะ​ว่า​เป็น​เวลา​สาม​โมง​เช้า​​

สาวกทั้งหมด 120 คน ที่ถูกคนมองและเยาะเย้ยว่า เป็นเหมือนคนเมา พูดภาษาที่แปลกประหลาด ความจริง ไม่ใช่แปลกประหลาดเลย แต่คนเหล่านั้นไม่เชื่อว่า ในความแตกต่างหลากหลายของผู้คน เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือความเป็นหนึ่งเดียวกัน เป้าหมายเดียวกันคือ120 คนพูดถึงคนๆเดียว คือพระเจ้าองค์เดียว ในภาษาที่แตกต่างกันต่างหาก เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

กิจการ 2:8,11-12 8 เหตุ​ไฉน​เรา​ทุก​คน​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​เรา​…เรา​ทั้ง​หลาย​ต่าง​ก็​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นี้​กล่าวถึงมห​กิจ​ของ​พระ​เจ้า ตาม​ภาษา​ของ​เรา​เอง” 12 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อัศจรรย์​ใจ และ​ฉงน​สนเท่ห์​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​กัน”

มหกิจของพระเจ้า…ที่เหล่าสาวก 120 คนพูดออกมาพร้อมกัน ต่างภาษา คือสิ่งที่ทำให้คนอัศจรรย์ใจ เป็นเรื่องเดียวกัน

ทุกวันนี้ เราพูดภาษาเดียวกัน แต่คนละเรื่อง  ต่างคนต่างอยากจะพูด ก็พูดออกมาตามที่ตัวเองอยากพูด แต่ไม่ได้พูดตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้พูด  ภาษาที่คนในยุคของเราพูดมาจากความรู้สึกอยากหนีและอยากซ่อนตัวหรือเปล่า?

พระเยซูทรงสั่งสาวกของพระองค์ให้อย่าหนี…  แต่สาวกก็ยังซ่อนตัว (ความจริงสองคำนี้ มีความหมายเดียวกัน  ไม่หนีแต่ซ่อนตัวก็คือหนี) หนึ่งในคำสอนของพระเยซูที่บ่งบอกถึงลักษณะเด่นของคนที่ติดตามพระเยซู จะเป็นเหมือนกับตะเกียงที่ถูกจุดเพื่อส่องสว่าง

มัทธิว 5:14-16 14 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก นคร​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ปิดบัง​ไว้​ไม่ได้​15 เมื่อ​จุด​ตะเกียง​แล้ว ไม่​มี​ผู้ใด​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ ย่อม​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง จะ​ได้​ส่อง​สว่าง​แก่​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เรือน​นั้น​16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เหมือนกับ​ตะเกียง จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ เขา​จะ​ได้​สรรเสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ผู้​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์

1.ธรรมชาติของคริสเตียนคือความสว่าง มัทธิว 5:14

14 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก นคร​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ปิดบัง​ไว้​ไม่ได้

ภาพเปรียบเทียบที่พระเยซูทรงยกเรื่องนคร (เมืองที่อยู่บนภูเขาสูง จะมีสามารถสังเกต มองเห็นได้ง่าย ได้ชัด เช่นเดียวกัน กับความสว่าง ในที่มืด จะมองเห็นที่ที่มีแสงสว่างได้ง่าย  ชีวิตของคริสเตียนมีธรรมชาติของความสว่าง  คือคุณลักษณะชีวิตด้านที่ดี คือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ที่ไม่ต้องค้นหา แต่มองเห็นได้ชัดเจน เมื่อมีคนพูดถึง ก็จะพูดถึงคุณลักษณะชีวิตของเรา

กาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่าย​ผล​ของ​พระ​วิญญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ปลาบ​ปลื้ม​ใจ สันติ​สุข ความ​อด​กลั้น​ใจ ความ​ปรานี ความ​ดี ความ​สัตย์​ซื่อ​23 ความ​สุภาพ​อ่อน​น้อม การ​รู้จัก​บังคับ​ตน เรื่อง​อย่าง​นี้​ไม่​มีธรรม​บัญญัติ​ห้าม​ไว้​เลย​

ไม่ใช่ว่า พอพูดถึง ก็จะมีแต่การงานของเนื้อหนังทั้งนั้น มีแต่กิเลศตัณหา ความอยาก นิสัยที่เป็นพาลเกเร พูดจาไม่เข้าหูคน  อันนี้ ไม่ใช่ ธรรมชาติของชีวิตที่เป็นความสว่าง  ฟังแล้วไม่ทำให้รู้สึกอย่างสรรเสริญ แต่อยากจะด่ากลับ

ธรรมชาติของความสว่าง ไม่ใช่แสดงออกกับคนภายนอก แต่ของแท้ ต้องที่บ้าน กับคนในครอบครัวตัวเอง ลักษณะของการหนีและการซ่อนตัว คือ การแสดงออกต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง หรือ แบบที่ไม่เป็นธรรมชาติ  คริสเตียนที่หยุดหนี และหยุดซ่อนตัว คือคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตที่เป็นแสงสว่าง อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง ไม่ใส่หน้ากาก เป็นตัวจริง ในด้านที่ดี ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องแก้ไขปรับปรุง  เรามีพระคัมภีร์ที่ดีสุดยอด จงอ่าน และนำไปใช้ในชีวิตจริงๆ

2 ทิโมธี 2:15 15 จง​อุตส่าห์​สำแดง​ตน​ว่า​ได้​ทรง​พิสูจน์​แล้ว​เป็น​คนงาน​ที่​ไม่​ต้อง​อาย ใช้​พระ​วจนะ​แห่ง​ความ​จริง​อย่าง​ถูกต้อง​

2ทิโมธี 3:16-17 16 ​พระ​คัมภีร์ ทุก​ตอน​ได้รับ​การ​ดล​ใจ​จาก​พระ​เจ้า และ​เป็น​ประโยชน์​ใน​การ​สอน การ​ตักเตือน​ว่า​กล่าว การ​ปรับปรุง​แก้ไข​คน​ให้​ดี และ​การ​อบรม​ใน​ทาง​ธรรม​17 เพื่อ​คน​ของ​พระ​เจ้า​จะ​พรักพร้อม​ที่​จะ​กระทำ​การ​ดี​ทุก​อย่าง

ธรรมชาติคริสเตียนคือความสว่าง  การส่องสว่าง คือการพร้อมทำความดีทุกอย่าง ดังนั้น คริสเตียนต้องรู้พระคัมภีร์อย่างดี ด้วยการนำพระคัมภีร์มาใช้กับตัวเอง ในชีวิตประจำวัน จึงจะทำให้คริสเตียนเป็นความสว่างที่แท้จริง

ใครคือคนที่รู้พระคัมภีร์ดี  คือ คนที่สอนและเป็นอย่างที่ตนเองสอน จงอยู่ใกล้คนเหล่านั้น และเรียนรู้ สนทนา มีคำถาม พัฒนาตนเอง อยู่ด้วยกันก็คุยกันเรื่องพระคัมภีร์

พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินชีวิตของพระองค์ตั้งแต่ยังเล็กๆ มีตอนหนึ่ง เมื่อพระเยซูอายุสิบสองขวบ โยเซฟกับนางมารีย์ พ่อแม่พาพระเยซูไปวิหาร และหาพระเยซูไม่เจอถึงสามวัน ปรากฏว่า ไปพบพระเยซูนั่งอยู่กับพวกผู้ใหญ่ในพระวิหาร

ลูกา 2:46-47 46 ครั้น​หา​มา​ได้​สาม​วัน​แล้ว จึง​พบ​พระ​กุมาร​นั่ง​อยู่​ใน​พระ​วิหาร​ท่ามกลาง​พวก​อาจารย์ ฟัง​และ​ไต่​ถาม​พวก​อาจารย์​เหล่า​นั้น​อยู่​47 คน​ทั้ง​ปวง​ที่​ได้​ยิน​ก็​ประหลาด​ใจ​ใน​สติปัญญา​และ​คำตอบ​ของ​พระ​กุมาร​นั้น​

ธรรมชาติของคนที่แสวงหาปัญญา จะแสวงหาที่จะอยู่กับผู้ที่มีปัญญา

มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ยิ่งเราอยู่ใกล้อะไร เราก็จะยิ่งเหมือนกับสิ่งที่เราอยู่ใกล้

มีคำพูดหนึ่งกล่าวอีกว่า ยิ่งเราอยู่ใกล้ความมืด เรายิ่งมืด แต่ยิ่งเราอยู่ใกล้ความสว่าง เรายิ่งสว่าง

พระเยซูทรงตรัสถึงสาวกของพระองค์ว่า พวกเขาเป็นความสว่าง เพราะพวกเขาอยู่ใกล้พระเยซูผู้ทรงเป็นพระเจ้า เป็นความสว่าง

เราทั้งหลายเป็นคริสเตียน เพราะเราเดินอยู่ในทางของพระเยซู คริสเตียนแปลว่า  ผู้ที่เป็นเหมือนพระเยซู ผู้ใกล้พระเยซูยิ่งเหมือนพระเยซู พระเยซู ไม่เคยหนี และไม่เคยซ่อนตัว  เพราะฉนั้น ขอให้เราทั้งหลาย เป็นเหมือนพระองค์ คือ  ไม่หนี ไม่ซ่อนตัว

2.คริสเตียนที่สัมพันธ์กับพระเจ้าจะไม่หนี ไม่ซ่อนตัว มัทธิว 5:15

15 เมื่อ​จุด​ตะเกียง​แล้ว ไม่​มี​ผู้ใด​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ ย่อม​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง จะ​ได้​ส่อง​สว่าง​แก่​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เรือน​นั้น​

สำนวนคำว่า เอาถังมาครอบ ก็คือ การดับไฟ  การเอาถังครอบ คือการทำให้การเผาไหม้ขาดอากาศอ๊อกซิเจน  เมื่อไฟขาดอากาศ ธรรมชาติของไฟที่ลุกไหม้ในตะเกียงก็จะดับลงทันที

มีคำเปรียบเทียบที่น่าสนใจเกี่ยวกับการอธิษฐานเปรียบเหมือนลมหายใจของชีวิตคริสเตียน ถ้าคริสเตียนไม่อธิษฐานก็หมายถึง การขาดลมหายใจ ก็อยู่ไม่ได้ เหมือนกับตะเกียงที่เอาถังมาครอบให้ขาดอากาศเพื่อให้เผาใหม้ แต่ไฟดับ

พระคัมภีร์ใหม่มีคำว่า อย่าดับพระวิญญาณ

พระวิญญาณบริสุทธิ์มีบทบาทในการขับเคลื่อน เร้าใจ  หนุนใจ ให้คำปรึกษา และสำแดงสิ่งต่างๆแก่ผู้เชื่อ ถึงทุกอย่างที่พระเยซูทรงสอนไว้

1เธสะโลนิกา 5:19 19 อย่า​ดับ​พระ​วิญญาณ​

คำว่า ดับ  ที่ใช้ในข้อนี้ หมายถึงดับการเผาไหม้  ตีความหมายถึง การดับความร้อนรนที่เกิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเร้าใจ  พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้า พระองค์เป็นความสว่างเช่นกัน ดังนั้น การดับพระวิญญาณก็คือการดับความสว่าง เหมือนเอาถังมาครอบ เพื่อให้ขาดอากาศในการเผาไหม้ ชีวิตคริสเตียนต้องอธิษฐาน การไม่อธิษฐานก็คือการดับไฟ ดับความร้อนรนของพระวิญญาณในตัวของคริสเตียนคนนั้น

เป็นการหนีห่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และซ่อนตัว เพราะยิ่งจุ่มตัวอยู่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์มากเท่าใด ยิ่งออกจากที่ซ่อนตัวมากเท่านั้น

ฮีบรู 4:13 13 ไม่​มี​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​ซ่อน​ไว้​พ้น​พระ​เนตร​พระ​องค์ แต่​ตรง​ข้าม​ทุก​สิ่ง​ปรากฏ​แจ้ง​ต่อ​พระ​องค์​ผู้​ซึ่ง​เรา​ต้อง​สัมพันธ์​ด้วย​

คริสเตียนที่สัมพันธ์กับพระเจ้า จะไม่หนี ไม่ซ่อนตัว ยังมีลักษณะเด่นอีกประการ คือ ใจเย็นและรอได้

1โครินธ์ 4:5 5 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​อย่า​ตัดสิน​สิ่ง​ใด​ก่อนที่​จะ​ถึง​เวลา จง​คอย​จนกว่า​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​เสด็จ​มา ​พระ​องค์​จะ​ทรง​เปิด​เผย​ความ​ลับ​ที่​ซ่อน​อยู่​ใน​ความ​มืด​ให้แจ่​มก​ระ​จ่าง และ​จะ​ทรง​เผย​ความ​ใน​ใจ​ของ​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย เมื่อ​นั้น​ทุก​คน​จะ​ได้​รับ​คำ​ชมเชย​จาก​พระ​เจ้า​ตาม​สมควร

โรม 2:1 1 เหตุ​ฉะนั้น มนุษย์​เอ๋ย ไม่​ว่า​ท่าน​จะ​เป็น​ใคร เมื่อ​ท่าน​กล่าวโทษ​ผู้อื่น​นั้น ท่าน​ไม่​มี​ข้อ​แก้​ตัว​เลย เพราะ​เมื่อ​ท่าน​กล่าวโทษ​ผู้อื่น ท่าน​ก็​ได้​กล่าวโทษ​ตัวเอง​ด้วย เพราะ​ว่า​ท่าน​ที่​กล่าวโทษ​เขา ​ก็​ยัง​ประพฤติ​อยู่​อย่าง​เดียว​กับ​เขา​

คริสเตียนที่สัมพันธ์กับพระเจ้าจะไม่หนี ไม่ซ่อนตัว อาเมน

 3.คริสเตียนต้องทำดีกับคนทุกคน มัทธิว 5:16

16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เหมือนกับ​ตะเกียง จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ เขา​จะ​ได้​สรรเสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ผู้​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์

ตะเกียง เมื่อถูกจุดขึ้นแล้ว ทำหน้าที่ส่องสว่าง อย่าเอาไปใช้นอกเหนือวัตถุประสงค์ อย่าเอาถังครอบเพื่อหนี เพื่อหลบซ่อนตัว เพราะไม่อยากให้ใครเห็น อย่าหยุดทำดี เพราะความไม่ดีของคนอื่น หรือไม่ได้รับคำชม ไม่ได้รับการตอบสนอง ตะเกียงยังคงเป็นตะเกียง ที่ส่องสว่าง เช่นเดียวกัน คริสเตียนยังมีธรรมชาติคือความสว่าง  คริสเตียนยังมีธรรมชาติ คือการไม่หนี และไม่ซ่อนตัว และคริสเตียนยังต้องทำดีกับทุกคน  ไม่ว่าคนนั้น จะดีตอบ หรือไม่ดีตอบ

มัทธิว 5:38-45 38 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​คำ​ซึ่ง​กล่าว​ไว้​ว่า ตา​แทน​ตา และ​ฟัน​แทน​ฟัน39 ฝ่าย​เรา​บอก​ท่าน​ว่า อย่า​ต่อสู้​คน​ชั่ว ถ้า​ผู้ใด​ตบ​แก้ม​ขวา​ของ​ท่าน ​ก็​จง​หัน​แก้ม​ซ้าย​ให้​เขา​ด้วย​40 ถ้า​ผู้ใด​อยากจะ​ฟ้อง​ศาล เพื่อ​จะ​ปรับ​เอา​เสื้อ​ของ​ท่าน​ไป ​ก็​จง​ให้​เสื้อ​คลุม​แก่​เขา​เสีย​ด้วย​41 ถ้า​ผู้ใด​จะ​เกณฑ์​ท่าน​ให้​เดินทาง​ไป​หนึ่ง​กิโลเมตร ​ก็​ให้​เลย​ไป​กับ​เขา​ถึง​สอง​กิโลเมตร​42 ถ้า​เขา​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด​จาก​ท่าน ​ก็​จง​ให้​อย่า​เมิน​หน้า​จาก​ผู้​ที่​อยาก​ขอ​ยืม​จาก​ท่าน​43 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​คำ​ซึ่ง​กล่าว​ไว้​ว่า จง​รัก​คน​สนิท  และ​เกลียด​ชัง​ศัตรู​44 ฝ่าย​เรา​บอก​ท่าน​ว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน และ​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​ผู้​ที่​ข่ม​เหง​ท่าน​45 ทำ​ดังนี้​แล้ว​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ให้​ดวง​อาทิตย์​ของ​พระ​องค์ ขึ้น​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว​เสมอ​กัน และ​ให้​ฝน​ตก แก่​คน​ชอบธรรม​และ​คน​อธรรม​

“ไม่หนี…ไม่ซ่อนตัว”

1.ธรรมชาติของคริสเตียนคือความสว่าง

2.คริสเตียนที่สัมพันธ์กับพระเจ้าจะไม่หนี ไม่ซ่อนตัว

3.คริสเตียนต้องทำดีกับคนทุกคน

 

 

By admin