“เงียบ”
ความเงียบที่น่ายกย่อง
https://www.youtube.com/watch?v=V8FuEpTYCBE
ปัญญจารย์ 3:7 7 มี….วาระนิ่งเงียบ และวาระพูด
มีคำพูดหนึ่งได้กล่าวอีกว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” นั่นไม่ได้หมายความว่า ให้ส่งเสียงดังด้วยการกระทำ แต่การทำอะไรเงียบๆ แสดงออกมามันโดนใจคนมากกว่าคำพูดนับร้อยคำ
เราคิดว่า การกระทำแบบไหนบ้างที่โดนใจคน เช่น…. รัก เกลียด โลภ โกรธ หลง ทั้งหมดทำให้คนมองเห็น แต่ที่จะโดนใจคน ก็คือ ความรัก
ทุกคนต้องการความรัก Everybody needs love โดนใจก็คือตรงกับความต้องการของคนทุกคน
วาระของความเงียบ ที่น่ายกย่อง คือการแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ให้คนสัมผัสว่า นี่คือความรัก ที่สามารถแบ่งปันอย่างเงียบๆได้
มีคำพูดหนึ่งกล่าวอีกว่า ความรัก ไม่สามารถอธิบายได้ แต่จะรู้ได้ด้วยการแสดงออก
การเงียบ ไมใช่ไม่แสดงออก เย็นชา ไม่สื่อสาร แต่การเงียบคือวาระที่ควรแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด คือการแสดงออกว่า รู้ว่าควรทำอะไร Now and When รู้กาละเทศะ
ในยุคของเรามีคำที่กำลังฮิต คือคำว่า สูญญากาศ คือไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะสื่อสารยังไง(โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า) หรือกับคนที่เรากำลังไม่ชอบ ไม่อยากเห็นหน้า อยากตัดการสื่อสาร และไม่รู้ว่าจะทำยังไง ทำอะไร
วันนี้ สูจิบัตรได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องเสียง ต้องอาศัยตัวกลาง จะส่งเสียงได้ เรากำลังอยู่ในยุคที่เกิดสูญญากาศแพรไปทั่วทุกวงการ และแปลคำว่า สูญญากาศ ด้วยคำว่า dead air แปลว่า อากาศที่ตาย เพื่อสื่อความหมายคำว่า ไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้และไม่รู้
ทำไม จึงเกิดความไม่รู้ ทั้งๆที่ยุคของเราในวันนี้ เป็นพัฒนาการมาจากยุคที่เรียกว่า ยุคแห่งการรู้แจ้ง ( Enlightenment) คือมนุษย์คิดค้นเทคโนโลยี และความรู้ และคิดว่า ไม่ต้องการพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว มนุษย์สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง จากสิ่งประดิษฐ์คิดค้น และพัฒนาการมาเรื่อยๆ แต่วันนี้ เรากลับพบกับคำว่า เกิดภาวะ สูญญากาศกับอะไรๆมากมาย คำว่า สูญญากาศกำลังระบาดไปทั่วทุกวงการ แม้กระทั่งเด็กที่เรียนจบใหม่ ตกงานเยอะแยะ เพราะไม่จัดการกับความไม่รู้ของตนตั้งแต่เรียน ว่าเรียนเพื่ออะไร ออกมาแล้วทำอะไร
อะไรทำให้เรามาถึงภาวะความไม่รู้ (สูญญากาศ)ได้ คำตอบอยู่ในพระคัมภีร์ เพราะเราเงียบไม่เป็น
วันหนึ่ง ขณะข้าพเจ้าขับรถจะมาโบสถ์พร้อมกับคนในครอบครัว พี่น้องในคริสตจักรนี้จะรู้ว่า ข้าพเจ้ามีพี่สาวที่ป่วยจิตเวชระดับ 5 คือเรื้อรัง และแย่สุด ไม่สามารถสื่อสารและช่วยตัวเองได้ วันนั้น ขณะขับรถมาโบสถ์ อยู่ๆพี่นุชก็พูดคำว่า อยากดังก็ดังไม่ได้ ความหมายของเขาคือ เขาไม่สามารถสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจเขาได้ เพราะเขาเงียบมานาน เป็นความเงียบที่เขาไม่อยากจะพูดกับใคร หรือมีบางอย่างบังคับให้เขาอยากจะเงียบ และการเงียบอย่างนี้ ได้ทำลาย ฟังค์ชั่นของการสื่อสารจากคนปกติ กลายเป็นไม่ปกติ และไม่สามารถจะตามทันโลกนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เราจำเป็นจะต้องหันกลับมาทบทวนประสิทธิภาพของการสื่อสารส่วนตัวของเราแต่ละคนแล้วว่า เราอยากดังและก็ดังได้ (อย่างมีคุณภาพหรือไม่) ขอยืมสำนวนพี่นุชมาใช้กับความปกติของเราทุกคน และเวลาเราเงียบของเรา คือสภาวะสูญญากาศอยู่หรือเปล่า คือเราไม่รู้ว่าเราควรทำอะไร และที่ทำอยู่เราก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรที่แท้จริง
ยากอบ 1:19 19 ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ
1.ไวในการฟัง คือความพร้อมในการที่จะได้ยิน
ในการล่ามชั้นสูง แปลภาษา มีคำศัพท์เรียกว่า Simultaneous translation แปลว่า ล่ามฉับพลัน คือ ฟังไปแปลไป อย่างต่อเนื่อง ในวงการล่ามถือว่า เป็นการล่ามชั้นสูง คนที่จะทำการล่ามชั้นสูงนี้ได้ ต้องตรงกับfield หรืองานที่ตนเองทำ จึงจะสามารถใช้คำศัพท์ และเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่ตนเองกำลังล่ามได้
ความพร้อมที่จะได้ยิน คือการพร้อมที่จะเข้าใจ พร้อมที่จะรับการสื่อความหมาย ตีความอย่างถูกต้อง มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เสียงของพระเจ้านั้น เบาเหมือนเสียงกระซิบ เราจะได้ยินเสียงของพระองค์ในความเงียบ บ่อยครั้ง เราอยากอยู่เงียบๆ แต่เราไม่รู้วิธีการ ไม่รู้จะทำอย่างไร อาจเพราะเราไม่จัดการกับตัวเราเอง
ยอห์น 14:26-27 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว27เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
วิถีแห่งการได้สันติสุขของพระเยซูคริสต์เจ้า คนละวิถีอย่างโลก คำว่าสันติสุข รากศัพท์ภาษากรีก “เอเรเน่” คำนี้ นอกจากจะแปลว่า ความสงบและ การได้พัก ยังแปลว่า ความเงียบ
ความเงียบที่แท้จริง เป็นการพักของจิตใจ พักทางร่างกายด้วย
มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก 30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
พระเยซูคริสต์เจ้ากำลังบอกกับสาวกของพระองค์ว่า วิธีที่จะพบกับความเงียบอย่างมีคุณภาพ คือใช้เวลากับพระองค์ ความเงียบนี้จะทำให้ได้พัก ความเงียบนี้ ทำให้หายเหนื่อย และเป็นสุข (เป็นพระพร)
หนังสือยากอบได้บอกวิธีการที่จะทำให้เกิดความเงียบได้ คือ
2.ช้าในการพูด คือ การเงียบอย่างมีคุณภาพ
ยากอบ 3:2,6-8 2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย6 และลิ้นนั้นเป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกชั่วร้ายที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอวัยวะต่างๆ ของเรา มันทำให้ทั้งกายเป็นมลทิน และเผาผลาญวงจรของชีวิต และตัวมันเองก็ถูกเผาผลาญโดยไฟนรก 7 เพราะว่าสัตว์ทุกชนิด ทั้งนก ทั้งสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ในทะเลนั้นทำให้เชื่องได้ และมนุษย์ทำให้พวกมันเชื่องมาแล้ว 8 แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย
นี่คือการโฟกัส จุดอ่อน จุดที่เป็นปัญหาของตัวเองมากที่สุด ที่ขัดขวางไม่ให้ไปถึงความเงียบที่มีคุณภาพ คือการพูดมาก พูดไร้สาระ พูดอย่างไม่รู้กาละเทศะ พูดเรื่อยเจื้อย
1 ทิโมธี6:20 20 ทิโมธีเอ๋ย สิ่งที่เราบอกท่านแล้วนั้น จงรักษาให้ดี จงละเว้นการพูดที่ไร้สาระ และการขัดแย้งในความเห็นซึ่งสำคัญผิดว่าเป็นความรู้
1เปโตร 2:1 1 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงละความชั่วทั้งปวง การอุบายต่างๆ ความไม่จริงใจ ความริษยา และคำพูดส่อเสียดทั้งหลาย
เอเฟซัส 4:29 อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง
จะเห็นว่า พระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับการใช้ปาก และลิ้นของเราในการพูด ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ แม้กระทั่งการใช้ปากและลิ้นในการสอนคนอื่น พระคัมภีร์ก็ยังย้ำว่า ยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่าคนทั่วไป
ยากอบ 3:1 1 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น
เป็นแบบอย่างชีวิต ดีกว่าเอาแต่พูด พูดแล้วไม่ได้ทำอย่างที่พูด ต้องรับผิดชอบ
มีวาระเงียบ และวาระพูด ขอให้เรารู้จักวาระนั้น แล้วเราจะไม่ต้องเจอกับภาวะสูญญากาศ คือความไม่รู้ ว่าจะทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อันนี้ น่ากลัว
ยากอบ 1:26 26 ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์
3.ช้าในการโกรธ ขจัดตัวทำลายความเงียบ
เอเฟซัส 4:25-27 25 เหตุฉะนั้นท่านจงเลิกพูดมุสาเสีย และจงพูดความจริงต่อกัน เพราะว่าเราต่างก็เป็นอวัยวะของกันและกัน26 จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร
เรื่องของความโกรธ เป็นเรื่องปกติที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ มีอารมณ์ความเป็นมนุษย์ เราไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่จงรู้เถิดว่า ความโกรธของมนุษย์ไม่นำไปสู่ความชอบธรรมของพระเจ้า
ยากอบ 1:20 20 เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า
แปลว่า ไม่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย ไปไม่ถึงมาตรฐาน และไม่ใช่มาตรฐานของพระเจ้า เพราะฉะนั้น ต้องระวังเรื่องการจัดการกับความโกรธ (ระงับและจัดการเอาออกไปอย่างรวดเร็ว)
ความชอบธรรมของพระเจ้าจะนำเราไปสู่สันติสุขที่เรียกว่า เงียบ สงบได้ หากเรายังอยู่ในความโกรธ (ไม่เลิก) เราก็จะพลาดไปจากสันติสุขของพระเยซู
มีวาระ “เงียบ” มีวาระ “พูด” พระเยซูทรงคริสต์ทรงสอนเราให้เป็นคนที่ดีรอบคอบ…..
มัทธิว 5:48 48 เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ
ยากอบได้เอาคำเดียวกันนี้ มาใช้กับเรื่องของการใช้อารมณ์ คำพูด ในผู้เชื่อในพระเจ้า เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์เจ้า
ยากอบ 3:2 2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
มีวาระ “เงียบ” และวาระ “พูด”
“เงียบ”
1.ไวในการฟัง คือความพร้อมในการที่จะได้ยิน
2.ช้าในการพูด คือ การเงียบอย่างมีคุณภาพ
3.ช้าในการโกรธ ขจัดตัวทำลายความเงียบ