“พัก…รอ…รอด”
ความตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนหนีไม่พ้น ช้าเร็วก็ต้องตาย แต่จะตายในความรู้สึกของคนที่ต่างกัน คือ เสียดายที่ตายเร็วไป(อยู่ไม่นาน) หรืออยู่มานานแล้วถึงเวลาตายสักที หรืออยู่ก็นาน ทำคุณประโยชน์ก็เยอะไม่อยากให้ตาย ไม่น่าตาย หรือ อยู่ก็นาน จนคนไม่อยากให้อยู่ พอถึงเวลาตาย คนก็จะรู้สึกว่า สมควรตาย รอดตาย คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง ไม่ว่าจะพบกับความรู้สึกของคนอื่นที่คาดหวังอย่างไร แต่ทุกคนรักชีวิต ตนเอง หวังอยู่ต่อ หวังรอด
อยากให้เราได้ดูคลิปวีดีโอต่อไป
คลิปในถ้ำ เมื่อพบเด็กในถ้ำ บทสนทนา (ตัดที่นาที 4:21 คำว่า เราจะให้แสงสว่างมากขึ้น )
https://www.youtube.com/watch?v=f89dSnwL8Vw
คำที่สำคัญคือ เราจะให้แสงสว่างมากขึ้น ….
ฝรั่งเป็นพยานว่า นี่คือ God’s blessing เป็นพระพรของพระเจ้า ถ้าเชือกที่เขาวางนำทางให้กับหน่วยซีลสั้นกว่านี้ หรือยาวกว่านี้ เขาจะไม่พบกับเด็กๆเลย แต่มันพอมาหยุดหมดความยาวของเชือกที่ตรงเด็กพอดี และน้องอดุลย์คือคนที่สามารถสื่อสารกับฝรั่งได้ ทำให้เด็กที่เหลือ มีความหวังและรู้สภาพของตัวเองว่ามีคนกำลังรออยู่ด้านนอก เพื่อจะเข้ามาช่วยพวกเขา สิ่งที่หน่วยกู้ชีพเป็นห่วงคือ ดวงตาที่อยู่ในความมืด และการนำแสงสว่างเข้าไปในที่มืด
นี่เป็นภาพสะท้อนให้ข้าพเจ้ามองเห็นสภาพของมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ที่อยู่ในความมืด มองไม่เห็นอะไรแม้กระทั่งตัวเอง เหมือนกับเด็กทีมหมูป่าที่ติดอยูในถ้ำ ที่ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ เพราะว่า พระเยซูคริสต์เจ้าได้ตรัสถึงสภาพของมนุษย์ทุกคนเหมือนคนที่อยู่ในความมืด ไม่มีแสงสว่างเลย
มัทธิว 6:22-23 22 “ตาเป็นประทีปของร่างกาย เหตุฉะนั้นถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย23 แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย เหตุฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไป ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใดหนอ
พระเยซูยังตรัสอีกว่า ถ้าคนที่อยู่ในความมืด นำคนที่อยู่ในความมืดจะเป็นอย่างไร
มัทธิว 15:14 14 ช่างเขาเถิด เขาเป็นคนนำทางตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองจะตกลงไปในบ่อ”
สภาพอย่างโค้ช คือพาเด็กๆหนีน้ำไปเรื่อยๆ สภาพเหมือนตกในบ่อที่ลึกมาก จนการเข้าไปช่วยเหลือยากมากขึ้น และสภาพของโค้ชที่ต้องเสียสละให้กับเด็กๆก็แย่กว่าเด็ก สิ้นหวัง รอวันตายเพราะไม่พบแสงสว่าง ได้แต่บอกกับเด็กๆว่า นั่งสมาธิ ให้จิตสงบ นอนนิ่ง อ้าปาก รับน้ำจากเพดานที่หยดลงมาประทังชีวิตไว้
บทเรียนสำหรับเราในวันนี้
1.รออย่างสิ้นหวัง….ไม่รอด
นอนนิ่งๆ ไม่ขยับ รับน้ำหยดจากเพดานถ้ำ คือสภาพของการรอความตาย แค่เพียงยืดอายุออกไปสักหน่อยหนึ่งเท่านั้น
มัทธิว 9:36 36 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง
คนในโลกนี้จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างผู้ที่ทำอะไรไม่ได้ พยายามเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเอง ด้วยวิธีต่างๆนาๆแล้วแต่ว่าจะทำให้รู้สึกอุ่นใจ สบายใจ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึก ความจริงก็ยังต้องเจอกับภาวะที่ไม่สงบ ทรมาน ไม่ได้พัก และไม่สบายใจ ตกอยู่ในภาพที่รออย่างสิ้นหวัง แค่ประทังชีวิตให้อยู่ต่อไป
พระเยซูทรงรู้ว่า นี่คือสภาวะที่น่าสงสารของมนุษย์บนโลกนี้ ที่ต้องรับการช่วยเหลือ จะปล่อยให้รอคอยวันตายอย่างสิ้นหวังไม่ได้ ต้องช่วยออกมา
มีคนที่ตกอยู่ในสภาพรอวันตายอย่างสิ้นหวังไม่น้อย จำนวนมากทีเดียว
มัทธิว 9:37-38 37แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่38 เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
ตรงนี้ พระเยซูทรงให้เราได้เห็นภาพว่า คนที่กำลังรอ.. อย่างไม่รอด มีจำนวนมาก และเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงคาดหวังให้รอด พระเจ้าทรงเตรียมแผนการช่วยให้รอดไว้ให้แล้ว เพียงแต่คนที่จะทำงานของพระเจ้าไปช่วย ไปค้นหา ไปปักเชือก นำทาง เหมือนกับฝรั่ง หน่วยซีลคนไทย และคนทำงานอาสาสมัครมากมาย ที่เป็นหน่วยกู้ภัยหลายหน่วยมาช่วยกัน
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยเทศนาเรื่องคริสเตียนเป็นเหมือนอาสาสมัครกู้ภัยที่ต้องช่วยกัน สนับสนุนให้เกิดการช่วยคนที่รอ….ไม่รอดมากมายข้างนอก
วันนี้ เราได้เห็นภาพคนที่รอ…ไม่รอด ชัดเจนแล้วยัง เหมือนกับเด็กทีมหมูป่าที่รอ…แต่ยังไม่รอด ถูกพบแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่รอด เขาเป็นเพียงคนที่ถูกพบว่า รอ…แต่ยังไม่รอด จนกว่าเขาจะได้ออกมาจากถ้ำมืดๆนั้น
วันนี้ เรารู้ว่า มีคนที่รอ…แต่ไม่รอด รอบตัวเรา เรามาเชื่อพระเจ้า เรารอดแล้ว เราถูกเปลี่ยนสถานะจากผู้รอ…ไม่รอด มาเป็นผู้ที่จะช่วยคนออกจากความมืด เรารู้ว่า เรารอดแล้ว ถ้าเราตาย เรารอด แต่ตอนเราอยู่ เราดำเนินชีวิตแตกต่างจากอดีต ที่รอ..แต่ไม่รอดอย่างไร คนที่รอ…ไม่รอด คือคนที่สิ้นหวัง อยู่ในความมืด ไม่มีแสงสว่าง ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้วัน ไม่รู้เวลา (ข้าพเจ้าได้เคยเทศนาเรื่องเวลาไปเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ที่รอดแล้ว จะต้องรู้วันเวลา รู้เวลาของพระเจ้ามาถึงเขาเมื่อไหร่)
คำที่ฝรั่งพูดกับเด็กคำสุดท้าย คำว่า God’s blessing แปลว่า นี่คือเวลาของพระเจ้าที่มาถึงเขา เป็นพระพร โอกาสมาถึงแล้ว แต่เด็กๆ จะพูดแต่คำว่า eat eat eat แปลว่า กินๆๆๆๆ เมื่อไหร่จะพ้นออกไปจากตรงที่เขาอยู่สักที ฝรั่งตอบว่าไม่ใช่วันนี้ เหตุผลคือ หนทางมันอันตรายมาก เด็กๆดำน้ำไม่เป็น สภาพร่างกายอ่อนแอจากการขาดอาหารมาสิบวัน ไม่มีทางรอดแน่ ถ้าจะออกไปตอนนี้ ต้องมีการส่งอาหาร หมอ คนที่จะสอนให้เรียนรู้จักวิธีการดำน้ำ และให้ความรู้แก่เด็กๆ และสภาพจิตใจสำคัญ
ไม่ต่างกันเลย สำหรับเราที่มาเป็นคริสเตียน เราต้องถูกเตรียมให้พร้อมสำหรับการเดินทางในหนทางที่ยากลำบาก นี่คือเหตุผลว่า ทำไมพระเจ้าจึงไม่ให้ขึ้นวรรค์ทันที แต่ทรงมอบของประทานการทรงเรียกพิเศษ ห้าอย่าง five fold ministries ให้กับคริสตจักร
เอเฟซัส 4:11-16 11 ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์12 เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง15 แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์16 คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆ ข้อต่อที่ทรงประทาน ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว
เราทุกคนที่นี่ (ข้าพเจ้าหวังใจทุกคน) เป็นผู้ที่กำลังถูกเตรียมเพื่อเป็นผู้ที่พร้อมสำหรับภารกิจสำคัญนี้ On the job training เรากำลังถูกเตรียม และทำงานไปในเวลาเดียวกัน ทำงานกันอย่างเป็นทีม และโตไปด้วยกัน จนมีความเชี่ยวชาญ อ.เปาโลมองเป้าหมายของความสำเร็จของการเตรียมธรรมิกชนเพื่อการรับใช้ในระดับเชี่ยวชาญ
โรม 16:19 19 การซึ่งท่านทั้งหลายได้เชื่อฟังก็เลื่องลือไปถึงหูคนทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าจึงมีความยินดีเพราะท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านเชี่ยวชาญในการดี และให้เป็นคนทึ่มในการชั่ว
คำว่า เชี่ยวชาญ คือต้องถูกฝึกอบรม และฝึกทำงานจริง ในสนามจริง จนเชี่ยวชาญ ถ้าไม่เชี่ยวชาญ เราอาจจะผิดพลาดและเกิดอันตรายต่อตัวเราเอง ผู้ที่เชี่ยวชาญต้องรู้จักการดูแลตัวเองเป็นก่อน
อย่างที่พระคำได้กล่าวว่า รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
2.พักไม่เป็น…รอไม่เป็น…ไม่รอด (มีค่าเท่ากับกลุ่มแรก)
อดีตหน่วยซีลที่เสียชีวิต เพราะ ไม่พัก ไม่รอ ไม่รอด (ตาย) อะไรทำให้เขาตาย วิเคราะห์ว่า ขาดอากาศ ความจริง เป็นอาการที่เรียกว่า การหมดสติ มักเกิดขึ้นขณะใกล้ถึงผิวน้ำ เนื่องจากแรงดันย่อยของออกซิเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า Shallow water blackout เรียกว่า อาการขณะดำน้ำให้ ลดแรงดันย่อยของไนโตรเจน โดยการดำขึ้นสู่ที่ตื้นหรือผิวน้ำ ซึ่งมีแรงดันย่อยของออกซิเจนที่สูงมากเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการ ออกซิเจนเป็นพิษ (Oxygen toxicity) มีก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์มากเกิน เนื่องจากการกลั้นลมหายใจนาน ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้หมดสติ และสุดท้าย หยุดหายใจ ความจริงต้องมีอุปกรณ์หนึ่งเพื่อเอามันออก hyperbolic chamber แต่สำหรับนักดำน้ำธรรมดาที่ยังไม่โคม่า แค่พัก ไนโตรเจนนี้จะออกไปจากร่างกายได้เอง
นี่คือภาพที่อ.เปาโลได้เปรียบเทียบพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่แปลว่า ลมหายใจ ที่คริสเตียนทุกคนต้องบริหารให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในชีวิตของเราตลอดเวลา อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสียพระทัย อย่าดับพระวิญญาณ นั่นคือ อย่าขาดอ๊อกซิเจนฝ่ายวิญญาณ ถ้าขาด บ่อย เราอาจจะมึนงง หมดสติ และหัวใจอาจหยุดเต้น
1เธสะโลนิกา 5:14-22 14 และพี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนพวกท่านให้ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง15 ระวังให้ดี อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย16 จงชื่นบานอยู่เสมอ17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย19 อย่าดับพระวิญญาณ20 อย่าประมาทคำเผยข้อลับลึก21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง
และนี่คือคำตอบว่า ทำไมคริสเตียนต้องมาโบสถ์ คริสเตียนที่ขาดโบสถ์ มีโอกาสที่จะมีออาการมึนๆงงๆ เหมือนคนขาดอ๊อกซิเจนในฝ่ายวิญญาณ ไม่ไวในเรื่องบาปอีก กลับไปทำบาปได้อีก กลับไปมีอาการเหมือนเดิม เหมือนชีวิตเก่า แต่ความจริง ไม่เหมือนเดิม คริสเตียนมีโอกาสรอดตายได้ ถ้าได้การปั๊มหัวใจ หัวใจใหม่ ที่จะกลับมาเต้นใหม่อีกครั้ง
คริสเตียนต้องเข้าอุโมงค์ ที่เรียกว่า hyperbolic chamber ฝ่ายวิญญาณ แค่พักให้เป็น รอให้เป็น ก็จะรอดพ้นจากความตายด้านฝ่ายวิญญาณ
การพักไม่เป็น รอไม่เป็น ของคริสเตียนก็คือ เอาเวลาที่ควรพักเข้าเฝ้าพระเจ้าไปทำอย่างอื่น เช่น ใช้เวลาไปกับความสนุกสนาน บันเทิงอย่างโลกมากจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ทำลายสุขภาพร่างกาย ไม่หลับพักผ่อน หรือใช้เวลาพักไปทำงานอย่างอื่นแทนการทำงานประจำ ก็ยังไม่ได้พักจริงๆ การพักเป็น คือการรอคอยอย่างมีประสิทธิภาพ การรอ ไม่ทำอย่างอื่นที่อาจทำให้ลืมเป้าหมายของการรอคอย และสุดท้ายล้มเหลวในการรอคอย
3.พักและรอพระเยซูมา….รอด
หมอภาคย์ ดำน้ำเป็น มีอุปกรณ์พร้อม และทำหน้าที่อยู่ในถ้ำกับเด็กๆอย่างคนที่มีอะไรเกิดขึ้น เขากับบัดดี้เท่านั้นที่รอด หมอภาคย์กับบัดดี้ของเขา อยู่ในถ้ำกับเด็กๆเวลานี้ ที่มีโอกาสรอดตายและรอดแน่ๆ เพราะเขาคือคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี และมีอุปกรณ์พร้อม เขาอาสาเข้าไปอยู่ในถ้ำ อย่างคนมีความหวัง มีความสามารถช่วยตัวเอง และช่วยคนอื่นให้รอดด้วย
เราคงเคยได้ยินคำว่า เตี้ยอุ้มค่อม หมายถึง คนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วยังไปช่วยคนอื่นอีก พากันเดือดร้อนกันไปทั้งคู่
คริสเตียนต้องไม่ใช่เตี้ยอุ้มค่อม แต่ต้องรับการเตรียมตัว และเตรียมตัวเองจริงๆ อย่างมีวินัย อย่างคนที่ใช้พระวจนะของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตอย่างผู้เชี่ยวชาญในอนาคตสักวัน
มีคนถามข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าดำน้ำเป็นทำไมไม่ไปอาสาช่วยเด็กด้วย ข้าพเจ้าตอบว่า ข้าพเจ้าแค่ดำน้ำเป็น แต่ยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับดำในที่แคบที่อันตรายขนาดนั้น เคยดำที่แคบ แต่ยังมีช่องให้โผล่พ้นน้ำได้ แต่ในถ้ำยอมรับ ต้องผู้เชี่ยวชาญพิเศษจริงๆ
ในชีวิตจริงของเรา เราต้องการผู้เชี่ยวชาญในการทำดี คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเราทุกคน พระเยซูอยู่กับเราแล้ว ให้เราจำนนต่อพระองค์ และให้พระองค์ใช้เรา ให้เราดำเนินชีวิตอย่างผู้รอคอยพระเยซูคริสต์ พักเพื่อรอคอย และรอดจริงๆ
มัทธิว 28:18-20 18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสดกับสาวกของพระองค์ว่า ไม่ต้องกลัว พระองค์อยู่ด้วย มีอุปกรณ์พร้อม คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีพระวจนะแห่งความจริง ที่จะชำระเราจากอาการอ๊อกซิเจนเป็นพิษได้ มีพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดอยู่ใกล้ๆเรา เราทุกคน คือผู้รอดแล้ว แต่เราอยู่เป็นเพื่อนกับคนในโลกนี้ พร้อมกับข่าวดีว่า มีพระผู้่ช่วยให้รอดกำลังจะเสด็จมา พักให้เป็น …รอ….แล้วจะรอด เราจะต้องสอน ต้องแนะนำ และพาคนเหล่านี้ ออกจากความมืด ไปสู่ความสว่างถาวร ไม่ใช่แค่เพิ่มแสงสว่างให้กับพวกเขาเท่านั้น
1โครินธ์ 11:26 26 เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
เรายังมีพิธีมหาสนิท เพราะเราเป็นทีมเดียวกันกับพระเยซู กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่กลัวที่จะไม่รอด
การใช้เวลากับพระองค์ คือการ พัก…รอ…รอด
คริสเตียนต้องรู้จักพักให้เป็น และพักคือการรอคอยความรอดที่จะมาโดยพระเยซูคริสต์เจ้าพระองค์เดียว อาเมน
“พัก…รอ…รอด”
1.รออย่างสิ้นหวัง….ไม่รอด
2.พักไม่เป็น…รอไม่เป็น…ไม่รอด (มีค่าเท่ากับกลุ่มแรก)
3.พักและรอพระเยซูมา….รอด