“ให้พระเยซูเปลี่ยนวิกฤติ…เป็นโอกาส”
วิกฤติหมายถึง อยู่ในขั้นอันตราย, ร้ายแรง, น่าเป็นห่วง, เช่น สังคมเข้าขั้นวิกฤติ เหตุการณ์วิกฤติ, มักใช้แก่เวลา หรือเหตุการณ์ เป็น วิกฤติกาล หรือวิกฤติการณ์, อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ เช่น จุดวิกฤติ.
คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 เกิดขึ้นโดยพระเจ้าทรงให้นิมิตกับข้าพเจ้า และผ่านการยืนยันจากผู้รับใช้ระดับสากลห้าคน ได้แก่ อองเซกเหลียง (ผู้เผยพระวจนะชาวมาเลเซีย อ.พอล ฮอว์ค ชาวคานาดา เป็นมิชชันนารีและเป็นที่รู้จักในเอเซีย อ.โอซาว่า ชาวอเมริกันญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงในเอเชีย ประธานActs คนหนึ่ง ที่เคยเป็นศิษยาภิบาลคจ.เกาหลีในอเมริกา และผู้บริหารระดับสูงสุด จอห์น เพอเซล ของคจ.เพริเมเตอร์)
ฟิลิปปี 1:6 6 ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้ในพวกท่านแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า คริสตจักรของเราจะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ ขอให้เรารับมือกับวิกฤตินี้ ด้วยสายตาฝ่ายวิญญาณ และมุมมองอย่างพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ได้หนุนใจให้คนของพระเจ้าให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ภายใน มากกว่าสิ่งที่อยู่ภายนอก
2โครินธ์ 4:16-18 16 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน17 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
ในขณะเดียวกัน พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นแบบอย่างของการจัดการ และรับมือกับสิ่งที่อยู่ภายนอกเพื่อประโยชน์ของแต่ละสถานการณ์นั้นๆ พระองค์มักจะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ทรงเปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นอุปกรณ์ อย่างมีวัตถุประสงค์ และบทเรียนในแต่ละครั้ง เพื่อจะให้เป็นบทเรียนสำหรับการพัฒนาเติบโตในพระปัญญา ความรู้ ความเข้าใจที่มาจากพระเจ้า แก่คนของพระองค์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
พระเยซูคริสต์ทรงทำการอัศจรรย์ครั้งแรก ที่หมู่บ้านคานา ในงานแต่งงาน
ยอห์น 2:1-12 1 วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และมารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น2 พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น3 เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น”4 พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง”5 มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงกระทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด”6 มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิว จุน้ำโอ่งละสี่ห้าถัง7 พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด” และเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก8 แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด” เขาก็เอาไปให้9 เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา10 และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้”11 นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วางใจในพระองค์ 12 ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระองค์ก็เสด็จต่อไปยังเมืองคาเปอรนาอุม พร้อมกับมารดาและน้องชายและสาวกของพระองค์ และอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน
พระเยซูทรงเปลี่ยนน้ำธรรมดา (น้ำล้างมือ น้ำล้างเท้า) ให้กลายเป็นเหล่าองุ่นชั้นดี กุญแจสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่การเชื่อฟังของคนตักน้ำ ที่ฟังคำสั่งของมารดาของพระเยซู ที่กำชับว่า ให้ทำตามที่พระเยซูสั่ง ในตอนนี้ ดูเหมือนว่า มารดาของพระเยซูจะเป็นแม่งานของการเลี้ยงแต่งงานนี้ คู่บ่าวสาว (น่าจะคนใดคนหนึ่ง)ที่เป็นญาติทางฝ่ายมารดาของพระเยซู ภาวะขาดเหล้าองุ่น ซึ่งเป็นองค์ประกอบของงานเลี้ยงสำคัญของคนในวัฒนธรรมในพื้นที่ในยุคนั้น เป็นสิ่งจำเป็น ที่ขาดไม่ได้ จะทำให้เจ้าของงานเสียหน้าทีเดียว เหล้าองุ่นไม่พอรับรองแขก อาจเพราะความจำกัดเรื่องเงิน ที่ไม่สามารถมีเพียงพอที่จะซื้อได้มาก นี่คือวิกฤต(ที่ทางคู่แต่งงานน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่า มันต้องไม่พอแน่ๆ แต่งานแต่งงานนี้ ต้องเกิด ต้องดำเนินไป และงานนี้ มีพระเยซูอยู่ในงานด้วย วิกฤติจึงเป็นโอกาส
3 เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น”4 พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง”
มารดาของพระเยซูน่าจะแค่บอกให้พระเยซูรู้ว่า ไม่ต้องขอเหล้าองุ่นน่ะ เพราะเขาไม่มี คำตอบของพระเยซู คือการบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาเองได้ อะไรประมาณนั้น มารดาของพระเยซูก็คงจะคิดว่าพระเยซูคงจะหาน้ำดื่มธรรมดาก็พอ ไม่ร้องขอเหล้าองุ่น เพราะว่า ไม่มี แต่พระเยซูไม่ได้ทำอย่างที่นางเข้าใจ
5 มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงกระทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด”
ปรากฏว่า พระเยซูสั่งคนงานให้ไปตักน้ำมาใส่โอ่งล้างมือล้างเท้าให้เต็ม ไม่ใช่ให้ไปเอาน้ำมาให้พระเยซูดื่ม น่าสนใจตรงนี้ว่า คำสั่งของพระเยซูดูเหมือนจะทำให้น้ำดื่ม กลายเป็นน้ำล้างมือล้างเท้า (เสียของไปอีกไม๊) แทนที่จะเอาน้ำมาดื่มแทนเหล้าองุ่นที่หมด ไม่พอ แต่กลับทำให้น้ำดื่มกลายเป็นน้ำล้างมือล้างเท้า แต่ว่า คนงานเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซู และทำตาม และที่ทำยาก คือตักน้ำล้างมือล้างเท้าไปเสริฟแขก และไม่ใช่แขกธรรมดา เป็นแขกระดับวีไอพี ที่เรียกว่า เจ้าภาพ ในที่นี้ หมายถึง คนที่จะมาทำหน้าที่พูดอวยพรคู่บ่าวสาว โดยปกติ จะมีเจ็ดคน เป็นแขกผู้ใหญ่เสียด้วย การเชื่อฟังทำตามของคนใช้ ดูเหมือนจะเสี่ยง แต่ก็อาจมีข้ออ้างว่า ทำตามคำสั่งมาอีกที แม้จะเสี่ยงทำให้เจ้าของงานถูกว่าถูกตำหนิได้
น่าสนใจว่า การเสี่ยงของคนใช้ มีหลักประกัน คือพระเยซู ลูกชายแม่งาน (สั่งมา) เพราะฉะนั้น คนที่จะที่จะถูกตำหนิ คนที่จะเสียหน้าคือพระเยซู
แต่ว่า…ผลลัพธ์คือเจ้าบ่าวได้รับคำชม เพราะพระเยซูได้เปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเหล้าองุ่น และเป็นเหล้าองุ่นชั้นดี
9 เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา10 และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้
น้ำธรรมดา กลายเป็นเหล้าองุ่นชั้นดี ที่ทุกคนพึงพอใจ โดยเฉพาะคนที่จะใช้ดื่มอวยพรคู่บ่าวสาว ได้ใช้สำหรับอวยพร และชื่นชมเจ้าของงาน นี่คือการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสระดับมือชั้นเซียนของพระเยซู พระเยซูไม่ใช่นักเล่นกล แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงสามารถทำการอัศจรรรย์ของจริง ให้ตรงกับความต้องการของสถานการณ์นั้นๆ
วันนี้ เรากำลังเผชิญกับวิกฤติอะไร มีใครที่เราต้องเชื่อฟัง ใครคือแม่งาน ใครคือผู้นำ ที่จะนำเราไปให้ถึงการเชื่อฟังพระเยซู
สิ่งที่เราหายากในท่ามกลางเรา คือ การหาคนที่เชื่อฟังพระเยซู ใครคือคนที่อธิษฐานต่อพระเยซู ใครคือคนที่อนุญาตให้พระเยซูทำอย่างที่พระองค์ต้องการ ใคร…คือคนนั้น แม้มารดาของพระเยซูจะเข้าใจผิด การสื่อสารของพระเยซู แต่มารดาของพระเยซูก็ยังมีสิทธิอำนาจที่จะสั่ง และคนรับใช้ก็ต้องเชื่อฟัง
จำเป็นที่เราจะต้องจัดกระบวนทัพ กระบวนการของการเชื่อฟังในคริสตจักรของเราให้เข้ารูปเข้ารอย อย่าเสียกระบวน ยิ่งเราอยู่ในวิกฤติ เรายิ่งต้องเคร่งครัดในการเชื่อฟังผู้นำ ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ให้เชื่อฟังผู้นำของท่าน ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมให้นำท่าน
11 นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วางใจในพระองค์
พระเยซูยังใช้เรื่องของเหล้าองุ่นในการสั่งสอนสาวกของพระองค์ในระดับลึกมากยิ่งขึ้น
ลูกา 5:37-39 ไม่มีผู้ใดเอาน้ำองุ่นหมักใหม่มาใส่ไว้ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นน้ำองุ่นหมักจะทำให้ถุงหนังเก่าขาดไป และน้ำองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย38 แต่น้ำองุ่นหมักใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่39 ไม่มีผู้ใดเมื่อกินเหล้าองุ่นเก่าแล้ว จะอยากได้น้ำองุ่นหมักใหม่เพราะเขาย่อมว่า ‘ของเก่านั้นดีแล้ว’ ”
น้ำองุ่นหมักใหม่ จะมีดีกรีของแอลกอฮอร์น้อยมาก เหมาะสำหรับการดื่มแก้กระหาย ดื่มแล้วไม่เมา น้ำองุ่น เป็นน้ำผลไม้ ในดินแดนที่เป็นทะเลทราย น้ำเป็นสิ่งหายาก น้ำองุ่นเก็บนาน อากาศร้อนจัดก็จะเปลี่ยนเป็นเหล้าอ่อนๆได้ ในขณะที่เป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มแทนน้ำ และยังใช้ในโอกาสพิเศษ พระเยซูทรงใช้เรื่องถุงหนังสำหรับบรรจุน้ำองุ่นหมักใหม่ เนื่องจาก ในการเดินทางในยุคโบราณ ต้องมีภาชนะเก็บน้ำที่มีคุณภาพ จึงเป็นที่มาของถุงหนัง ซึ่งมักจะเอามาจากกระเพาะอูฐ เพราะใหญ่และสามารถใส่น้ำได้มาก
คำสอนของพระเยซูตอนนี้ กำลังบอกถึงขนาดของถุงหนัง และคุณภาพของถุงหนัง ยิ่งเดินทางไกล ก็ยิ่งต้องการน้ำดื่มมาก และมีคุณภาพไม่แตกรั่ว ทำให้น้ำองุ่นที่มีค่าเสียไป ถุงหนังเก่า ด้อยคุณภาพ แตกง่าย เพราะแห้งกรอบ การเอาน้ำองุ่นใหม่ ไปใส่ถุงหนังที่ด้อยคุณภาพ แตกง่าย ก็จะทำให้เสียน้ำองุ่นใหม่ ที่มีค่ายิ่งกว่าน้ำ
ถุงหนังเปรียบกับผู้เชื่อในพระเยซูทุกคน ที่กำลังเดินทางในเส้นทางของชีวิต ซึ่งต้องการน้ำดื่มดับกระหายตลอดเส้นทาง ส่วนน้ำองุ่นหมักใหม่ เปรียบเหมือน พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งในพระคัมภีร์ใหม่ หนุนใจให้คริสเตียน จงแสวงหาและรักษาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้คริสเตียนสดชื่น ในขณะที่ต้องเดินในเส้นทางของชีวิจบนโลกนี้ที่เต็มไปด้วยความแล้งน้ำใจของคน ความแห้งผากของจิตวิญญาณ ความร้อนแรงของอารมณ์มากมายของจิตใจ ต้องใช้พลังงานมากกับการรับมือกับปัญหา วิกฤติ สภาวะน่าเป็นห่วงหลายอย่าง เราต้องเป็นเหมือนถุงหนังใหม่ที่มีความยืดหยุ่น และมีคุณภาพที่จะรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เติมเต็มได้ตลอดเวลา ไม่เบรกแตกง่าย
การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะทำให้เราไปถึงประสบการณ์การเปลี่ยนวิกฤติ…ให้เป็นโอกาส ไม่แตกหัก หมดแรง ล้มกระดาน ไปก่อนพบกับเวลา (ไครอส) ของพระเยซูในชีวิตของเรา
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรว่า จงรับการอธิษฐานเผื่อ…สู้สู้ จากหนังสือโคโลสี 1:11
11 ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี
เราต้องการฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อจะสานต่อ….ความรักที่ท่านมีอยู่ในพระวิญญาณด้วย.. จงรับคำอธิษฐานเผื่อ อธิษฐานและอธิษฐานจากพระเยซูคริสต์เจ้า ให้พระองค์ทรงช่วยพี่น้องที่กำลังจะหมดความอดทน (เหลืออด) ให้ทรหดอดทนต่อไป อาเมน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าในผู้เชื่อทุกคน ที่จะทำให้เราสามารถรอคอย การเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส(ที่ไม่ธรรมดา) จากพระเยซู
คนทั่วไป เปลี่ยนวิกฤติ…ให้เป็นโอกาส ด้วยตัวของเขา แต่คนของพระเจ้า ให้พระเยซูเป็นผู้เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ทำทุกอย่างภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรามารับการเติมให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยกัน ในเวลาที่เราอยู่ร่วมกัน พยายามอยู่ด้วยกัน เจอกัน อย่าแยกตัว อธิษฐานด้วยกัน นมัสการด้วยกัน แบ่งปันคำพยานต่อกันและกัน หนุนจิตชูใจกัน ทำงานด้วยกัน มีวัตถุประสงค์เดียวกัน
ฟิลิปปี 1:6 6 ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้ในพวกท่านแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์
“ให้พระเยซูเปลี่ยนวิกฤติ…เป็นโอกาส” ที่ดี ดีกว่า และดีที่สุด อาเมน