“ชีวิตต้องไปต่อ…”
คำว่า “ไปต่อ” ในเกมส์หมายถึง สอบผ่าน ผ่านการทดสอบ ได้ไปต่อ คนที่สอบตก ก็ต้องออกจากเกมส์ บางคนเรียกชีวิตเป็นเกมส์ ที่ต้องเอาชนะอุปสรรคปัญหาต่างๆ และไปต่อ ถ้าพ่ายแพ้ต่อเกมส์ชีวิต นั่นหมายถึง จบชีวิต (ไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป) แต่เราทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น เราก็ยังต้องไปต่อ ไม่ว่าชีวิตจะเจอกับสิ่งเลวร้าย แรงกดดัน ความรู้สึกแย่ๆ กับคนแย่ๆ ยังไงๆ ชีวิต ก็ยังต้องไปต่อ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็ต้องดำเนินชีวิตไปต่อ ปีเก่าผ่านไปแล้ว ปีใหม่นี้ เริ่มต้นแล้ว ชีวิตยังต้องไปต่อ
มีคนอยู่สองลักษณะ ที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ แต่คนหนึ่ง บากบั่นมุ่งไป ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง (มาจากจังหวะวิ่งของรถไฟที่ถูกนำมาล้อเลียนกับชีวิตที่ไม่มีความกระตือรือร้น)
ภาพรถไฟเบียดกันเข้าสถานี……ให้เราได้ดูภาพหนึ่ง ของรถไฟสองขบวนกำลังมุ่งหน้าไปหัวลำโพง แต่มาจอด ไปต่อไม่ได้ เพราะว่า เกิดสถานการณ์หัวขบวนรถไฟสองขบวนเบียดกัน ทั้งตกราง ทั้งจอดนิ่งสนิท ไปต่อไม่ได้ สถานการณ์นี้ ต้องการตัวช่วย มาแงะรถไฟสองขบวนออกจากกัน จะว่าไปแล้ว ทั้งสองขบวนรถไฟก็วิ่งอยู่บนรางของตัวเองอยู่ดีๆ (แต่ให้เราเข้าใจว่า แม้จะมีรางของตัวเอง แต่ช่วงห่างของรางดัน ถูกสร้างให้ชิดสนิทกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่รถไฟเข้ามาจุดชิดกันนี้ในเวลาเดียวกันได้ ต้องมีจังหวะของการใช้เส้นทางที่ใกล้กัน
ภาพของเลียงผา เดินบนหน้าผาที่เป็นทางแคบ จะสวนทางกันได้อย่างไร ….เลียงผาตัวหนึ่งต้องก้มให้อีกตัวหนึ่ง ข้ามหัวมันไป ถึงจะไปต่อได้
สำหรับชีวิตคริสเตียน พระคัมภีร์ได้บอกกับเราว่า อะไรคือ สิ่งที่ทำให้เราไปต่อได้ หรือไม่ได้ (ในทางของพระเยซูคริสต์เจ้า)
- ระวัง…ภาวะหยุดนิ่งฝ่ายวิญญาณ
อิสยาห์ 43;16,18-21 16 พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทางในทะเล สร้างวิถีในน้ำที่มีอานุภาพ…18 ตรัสดังนี้ว่า “อย่าจดจำสิ่งล่วงแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน 19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง 20 สัตว์ป่าทุ่งจะให้เกียรติเรา คือหมาป่าและนกกระจอกเทศ เพราะเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร ให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง เพื่อให้น้ำดื่มแก่ชนชาติผู้เลือกสรรของเรา 21 คือชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง เพื่อเขาจะถวายสรรเสริญเรา
พระคัมภีร์ตอนนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจ แต่จุดที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ไปต่อ คือ ประโยคที่ว่า …เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
ในถิ่นทุรกันดาร (ในยุคโบราณ) เป็นที่เข้าใจว่า หากไม่มีถนนให้คนได้ไปต่อ ถ้ายังขืนเดินไปในถิ่นทุรกันดาร ที่ไม่มีสิ่งที่จะดำรงชีวิต มีแต่ตายกับตาย คำว่า ที่แห้งแล้ง ก็มีความหมายเดียวกัน คือ ไม่มีน้ำดื่มสำหรับผู้เดินทาง …ไปต่อไม่ได้ พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะทำให้ให้เกิดทาง และทำให้เกิดแม่น้ำ ซึ่งมีความหมายว่า ไปต่อได้ (แม้จะทุรกันดาร หรือแห้งแล้ง) ในความรู้สึกของคนที่มีประสบการณ์ก็จะไม่เดินทางไปในที่แบบนั้น
พระคัมภีร์ตอนนี้ เกิดขึ้นในยุคที่อิสราเอลต้องเดินทางไปต่อ ตามการทรงนำของพระเจ้า พระเจ้าทรงกำหนดดินแดนให้คนอิสราเอลต้องอยู่ ในทะเลทราย เพราะเป็นแผ่นดินพันธสัญญาของพระเจ้า เมื่อเขาเชื่อฟัง พระเจ้าได้ทำสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น อิสราเอลสามารถอยู่ได้ในทะเลทราย
วันนี้ เราดูประเทศอิสราเอล เป็นประเทศเดียวในโลกที่ปลูกผลไม้ พืชผัก ในทะเลทราย ด้วยระบบ หยดน้ำ ด้วยวิธีการอันชาญฉลาด จนเป็นต้นแบบของเกษตรที่เอาชนะธรรมชาติที่จำกัด พระเจ้าทำสิ่งใหม่ ให้สติปัญญาแก่คนอิสรเอล จนยุคของเรา เราได้เห็นทางในถิ่นทุรกันดาร เราได้เห็นแม่น้ำในที่แห้งแล้ง เกิดขึ้น เป็นจริง คนในยุคนั้นคิดจินตนาการไม่ออก สิ่งที่พระเจ้าทรงสอน คนของพระองค์คือ อย่าจดจำ อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน
ทำนองเดียวกัน อดีตจบไปแล้ว อย่าให้ภาวะหยุดนิ่งของชีวิต เกิดจากการจดจำแต่งสิ่งเก่าๆ ความผิดเก่าๆ ในพระคัมภีร์ใหม่ตอนหนึ่งนิยามความรัก ได้กล่าวว่า (1โครินธ13:5,6) ความรักนั้น ….ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติผิด…. สองลักษณะนี้อยู่ในคนที่มีความรักของพระเจ้า หนังสืออิสยาห์ที่ได้อ่านไปเมื่อกี้ว่า18 ตรัสดังนี้ว่า “อย่าจดจำสิ่งล่วงแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน 19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ…
สภาวะการหยุดนิ่งฝ่ายวิญญาณ ไปต่อไม่ได้ เพราะ ขาดความรักของพระเจ้าแล้ว ยังกล่าวต่ออีกว่า การจดจำ การพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน มีผลต่อความเชื่อของคริสเตียน และเป็นอุปสรรคต่อการมองด้วยสายตาฝ่ายวิญญาณ
ฮีบรู 11:1 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
สายตาของคนเราจำกัด เมื่อโฟกัสสิ่งหนึ่ง ก็จะมองไม่เห็น หรือมองเบลอๆ กับอีกสิ่งหนึ่ง
ถ้าเรามองแต่สิ่งเก่าๆ เราจะมองไม่เห็นสิ่งใหม่ที่พระเจ้ากำลังทำให้เกิดขึ้น การจดจำความผิด การชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด คือผลจากการไม่ให้อภัย
การจดจำความผิด การอยู่กับความผิดของคนอื่น ส่งผลต่อการมองเห็นของสายตาฝ่ายวิญญาณ และส่งผลต่อความเชื่อของตัวเรา ที่เรายังไม่ให้อภัย เพราะเราไม่เชื่อว่า จะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นกับคนที่ทำผิด เราไม่เชื่อว่า การกลับใจใหม่มีจริง (ใช่ไม๊?) เราไม่เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้น
แล้วเราคาดหวังอะไรกับคำว่า สิ่งใหม่ๆที่พระเจ้ากำลังทำให้เกิดขึ้นในชีวิต
วันนี้ ข้าพเจ้าเขียนสุจิบัตร ในหัวข้อเรื่อง เริ่มต้นปีใหม่ ด้วยการให้…ให้อภัย ได้พูดถึง การมีดวงตาของปัญญา อย่างพระเยซูคริสต์เจ้า แม้บนกางเขน พระเยซูก็ยังทรงใช้ดวงตาแห่งปัญญาของพระองค์มองคนที่ทำผิดต่อพระองค์ด้วย คำอธิษฐานว่า …..
ลูกา 23:34 34 พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”
พระเยซูคริสต์ทรงไปต่อ แม้คนที่ต่อต้านพระองค์จะพยายามหยุดพระองค์ ด้วยการตรึงพระองค์บนไม้กางเขน แม้จะตรึงได้แต่สภาพภายนอก แต่ภายในของพระองค์ยังไปต่อ คนที่ต่อต้านพระองค์คิดว่า พวกเขาชนะพระเยซูแล้ว และมารซาตานก็คิดว่ามันชนะ แต่สุดท้าย พระเยซูคริสต์ทรงชนะ ด้วยการไปต่อ เจริญต่อ และพระเจ้าทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด นี่คือแบบชีวิตที่พระเยซูต้องการให้สาวกของพระองค์ไปต่อ อย่าหยุดอยู่กับอดีต และการจดจำความผิด การจดจำความผิดทำให้เราล้มกระดาน ไม่ยอมไปต่อ การไม่ยอมไปต่อของคนบางคน อาจมีผลบั่นทอนคนที่กำลังร่วมทางด้วย และกำลังเชิญชวนให้คนที่ร่วมทางด้วย อยากล้มกระดาน อยากหยุดนิ่งตาม แต่….. ขอให้เราคิดให้ดี ชีวิตยังดำเนินต่อไป อย่าล้มกระดานเหมือนคนที่ล้มกระดานไปแล้ว จงไปต่อ อย่าจมอยู่กับอดีต (อย่าหยุดนิ่ง) เพราะจะเกิดภาวะอีกอันตามมา นั่นคือ….
- ระวัง….ตามพระเยซูคริสต์ไม่ทัน
มีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า Pursuing God แปลว่า ตามพระเจ้าติดๆ ตามพระองค์ให้ทัน เพราะพระเจ้าทรงนำหน้าเรา อย่างไกด์นำทาง
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเยือนประเทศเกาหลีใต้ ได้เข้าค่ายฯอบรมในโรงเรียนชาวนา ชื่อ Canaan Farmer School กับกลุ่มของท่านพลตรี จำลอง ศรีเมือง ไปดูงานด้านการสร้างโรงเรียนผู้นำ มีบริษัทใหญ่ๆของเกาหลีส่งพนักงานของตนเองมาเข้าค่ายอบรมนี้ สามวันสองคืน และมีกิจกรรมต่างๆให้ทำ เพื่อฝึกอบรมความอดทน การทำงานเป็นทีม การเสียสละ การออกกำลังกายดูแลตัวเอง หนึ่งในกิจกรรมนั้น คือการเดินขึ้นเขา เวลานั้นข้าพเจ้าอายุยังน้อย คิดว่าตัวเองแข็งแรง แต่คนเกาหลี แข็งแรงมากกว่า ข้าพเจ้าเดินได้ไม่นานก็รู้สึกเหนื่อย และขอหยุดพัก(นิด) คนเกาหลี ทั้งหญิงชาย ที่ตามมาติดๆ ไม่ยอมให้ข้าพเจ้าหยุดพัก แม้แต่วินาทีเดียว เขาหิ้วปีกข้าพเจ้า เท้าลอย ให้ไปต่อ ด้วยคำว่า ถ้าคุณหยุด คนอื่นไปกันหมด คุณจะหลงทาง เพราะคุณได้พลาดไปจากคนนำทางแล้ว (ภูเขาที่เราเดินนั้น เป็นที่ใหม่สำหรับทุกคน แม้แต่คนเกาหลี)
ทำนองเดียวกัน ถ้าเราดำเนินชีวิตตามการนำของพระเยซูคริสต์เจ้าไม่ทัน ก็จะเกิด ภาวะหยุดนิ่งฝ่ายวิญญาณ (หลงทาง)
สังเกตว่า พระเยซูทรงใช้คำเชิญชวนเรียกคนด้วยคำว่า จงตามเรามา… และในหนังสือฮีบรูได้ใช้คำว่า
ฮีบรู 12:1,2 1 ….ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์…
ความหมายของพระคัมภีร์ข้อนี้ ก็คือ จงตาม(วิ่ง)แบบวิ่งแข่ง เพื่อตามพระเยซูให้ทัน อย่าให้อะไรมาถ่วง มาเหนี่ยว โดยเฉพาะบาป (ที่แปลว่า พลาดจากน้ำพระทัยพระเจ้า) การดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยพระเจ้า ทำให้เราตามพระเยซูทันเสมอ
ยอห์น 10:9 9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเราผู้นั้นก็จะรอด เขาจะเข้าออกแล้วก็จะพบอาหาร
ถ้าเราตามพระเยซูผู้นำทางของเราไม่ทัน เราจะหลงทาง อาการหลงทางก็คือ การวนเวียนอยู่ที่เดิม หรือที่เราเรียกว่า เคลื่อนไหว แต่ไม่เคลื่อนที่ มีคำที่เรียกว่า ย่ำอยู่กับที่ เหยียบขี้หมากองเดิม กินสิ่งที่ตนเองสำรอกออกมา การพลาดไปจากพระเยซู ผู้เป็นผู้เลี้ยง จะทำให้เราเกิดภาวะขาดอาหาร ไม่มีอะไรจะกิน เราก็จะกินแต่สิ่งที่ไม่ใช่อาหาร(จิตวิญญาณ) กินสิ่งเก่าๆที่เราอาเจียนออกมา (ชีวิตเก่า)
2 เปโตร 2: 21-22 21 เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่เขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลังให้พระบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่ได้ทรงโปรดมอบให้แก่เขานั้น22 พฤติกรรมได้เกิดกับเขาตามสุภาษิตซึ่งเป็นความจริงที่ว่า สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาด แล้วกลับลุยลงไปนอนในปลักอีก
- พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราตามพระเยซูทัน
เพื่อจะมีอาหารที่สดใหม่ สำหรับตนเอง และสำหรับคนที่เราจะเลี้ยงดู การเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ คือมีอะไรที่จะป้อนให้กับคนที่อ่อนกว่า คนที่ยังหากินเองไม่ได้ นั่นคือภาวะที่พระคัมภีร์เรียกว่า เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคริสเตียนจึงต้องการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ และพระเยซูคริสต์เจ้าทรงให้ความสำคัญในเรื่องนี้
ยอห์น 14:16-17 16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน
ยอห์น 16:7 7 อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์พระผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน
กาลาเทีย 5:24-25 24 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว 25 ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย
พระคัมภีร์ทั้งสามตอนนี้ มีความหมายเดียวกัน คือ ผู้ที่จะไปต่อในวิถีชีวิตคริสเตียน จะต้องดำเนินชีวิตในพระคริสต์ และดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ จะขาดสิ่งอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย
มีคริสเตียนทีละเลยการดำเนินชีวิตอย่างพระเยซูคริสต์ ละเลยการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ สภาพของคริสเตียนที่ละเลยเหล่านี้ ขาดนิมิต การทิศทาง ขาดผู้นำทาง และกำลังหลงทาง ไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังดำเนินชีวิตไปเพื่ออะไร สับสนกับชีวิต และเกิดอาการที่เรียกว่า เลือดเข้าตา ขาดดวงตาของปัญญา อย่างพระเยซู
เริ่มต้นปีใหม่นี้ ขอให้เราทุกคน จงไปต่อ อย่าให้เกิดการหยุดนิ่งฝ่ายวิญญาณ
ฮีบรู 12:1-4 1 เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า 3 ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ได้ทรงยอมทนต่อคำคัดค้านของคนบาป เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้ไม่รู้สึกท้อถอย4 ในการต่อสู้กับบาปนั้น ท่านทั้งหลายยังไม่ได้สู้จนถึงกับต้องเสียโลหิตเลย
“ชีวิตต้องไปต่อ…”
- ระวัง….ภาวะหยุดนิ่งฝ่ายวิญญาณ
- ระวัง…ตามพระเยซูคริสต์ไม่ทัน
- พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราตามพระเยซูทัน