“อย่าดับพระวิญญาณ”
เราอยู่ในยุคที่เครื่องใช้ส่วนใหญ่ ต้องการไฟฟ้าทั้งสิ้น ถ้าขาดพลังงานไฟฟ้า จะเกิดอะไรขึ้น แทบทุกกิจกรรมอาจต้องหยุดนิ่ง ไฟฟ้าเป็นพลังงานที่จำเป็น และโลกกำลังต้องการพลังงานบริสุทธิ์ (พลังงานสะอาด) คือพลังงานที่ไม่สร้างมลพิษ เราได้เห็นว่า การใช้พลังงานที่มาจากถ่านหิน จากฟอสซิล จากน้ำมันกำลังสร้างปัญหาโลกร้อน และมลพิษ ที่ตอนนี้ ที่เมืองของเราทุกคนกำลังเผชิญอยู่
เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกป่วย เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายกลางแจ้งก็ไม่ได้ ไม่ได้ขี่จักรยานมานาน เพราะอากาศไม่ดี ตอนเช้าเตรียม และสอนรุ่งอรุณในห้องนอนยังต้องใส่หน้ากากกันควันพิษ ขนาดปิดหน้าต่าง และซีลด้วยสก๊อตเทปรอบหน้าต่าง ก็ยังไม่สนิท ยังมีกลิ่นควันเข้ามาในห้องนอน
นี่คือผลกระทบรุนแรงที่เกิดจากการใช้พลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ วิจัยได้แสดงผลว่า ฝุ่นพิษมาจาก แหล่งก่อให้เกิด สามแหล่งใหญ่ ได้แก่ อันดับแรก 60% มาจาก รถยนต์ดีเซล 20% มาจากการเผาหญ้า เผาขยะ และ 10% มาจากโรงงานอุตสาหกรรม
เมื่อเรารู้ปัญหานี้แล้ว ก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ที่เราต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน มีคำแนะน 3R 5R ได้แก่
R : Reduce คือ การลดการใช้ การบริโภคทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง
R : Reuse คือ การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด โดยการนำสิ่งของเครื่องใช้มาใช้ซ้ำ
R : Recycle คือ การนำหรือเลือกใช้ทรัพยากรที่สามารถนำกลับมารีไซเคิล หรือนำกลับมาใช้ใหม่
1.Reduce การลดของที่จะทิ้งให้น้อยลง หรือลดการสร้างขยะ
2.Reuse ยืดอายุการใช้งาน หรือใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น โดยการใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆครั้ง
3.Recycle เป็นการนำขยะที่คงรูปย่อยสลายได้ยากเช่นแก้ว,กระดาษ,โลหะ,พลาสติก ไปผ่านกระบวนการผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่
4.Repair นำสิ่งของที่ยังพอแก้ไขได้มาซ่อมแซมให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้
5.Reject หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาขัดพื้น หรือสารเคมีอื่นๆ เป็นต้น
ที่กล่าวมานี้ คือการแก้ปัญหาทางอ้อม แต่การแก้ปัญหาโดยตรง คือเราต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด พลังงานบริสุทธิ์ คริสเตียนทุกคน จะต้องจริงจังในเรื่องนี้ ยังมีอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่พระคัมภีร์ได้สอนคนของพระเจ้าในการดำเนินชีวิต เรื่องพลังงานของฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต หัวข้อประจำปีของเราปีนี้ “จงดำเนินชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ” เป็นการย้ำกับเราทั้งหลายว่า ชีวิตคริสเตียนต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อให้เกิดพลังงาน ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังงาน แต่กำลังเปรียบเทียบว่า พระองค์ทำให้เกิดพลังงานในตัวผู้เชื่อ อาจจะเรียกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเหมือนเครื่องผลิดพลังงานฝ่ายวิญญาณ เหมือนเครื่องก่อกำเนิดความร้อน ทำให้เกิดแสงสว่าง ทำให้เกิดไฟเผาไหม้ ทำให้เกิดความเชื่อ ทำให้เกิดความสว่างของดวงตาแห่งจิตใจ
พระคัมภีร์ใหม่ได้ใช้คำเรียกคุณลักษณะของพระวิญญาณเกี่ยวข้องกับพลังงานฝ่ายวิญญาณ
1 เธสะโลนิกา 5: 19 19 อย่าดับพระวิญญาณ
คำว่า อย่าดับพระวิญญาณ แปลว่า อย่าเอาพระวิญญาณออกไป อย่าดับไฟ อย่าดับความร้อนรน อย่าดับแสงของพระวิญญาณ อย่าดับความเชื่อในพระเยซุคริสต์
มีคำที่เรามักจะได้ยินคนที่กำลังหมดไฟ คือหมดความกระตือรือร้นในการจะทำอะไรต่อไป คำว่า Burnt out คือ เผาไหม้จนหมดไม่มีอะไรจะเผาอีกต่อไป ไหม้จนหมด หมดเชื้อเพลิงที่จะไหม้ต่อ ความหมายก็คือ หมดพลังงานขับเคลื่อนต่อไป ในทางตรงกันข้าม มีคนที่พยายามรักษาไฟในการทำงานของตนเองด้วยแรงขับของอุดมการณ์ แรงจูงใจ ของความรักที่จะทำ หรือวิชั่น วิสัยทัศน์ หรือ แรงจู่งใจของค่าจ้าง เงินเดือน หรือ ความรู้สึกดีๆ นั่นคือ ความพยายามที่จะสร้างไฟ หรือพลังงาน ขับเคลื่อนของตนเองต่อไป ถ้าเปรียบก็เหมือนกับ เอาน้ำมาเติมรถที่ต้องใช้น้ำมัน เป็นยังไง เครื่องพัง
เครื่องพัง คือ ต้องซ่อมอย่างเดียว หรือไม่ก็ต้องยกเครื่องเก่าออก เอาเครื่องใหม่มาใส่
ให้เราลองสำรวจตนเองเวลานี้ว่า เรากำลังหมดไฟ กำลังเกิดอาการ Burnt out ไหม้หมด ไม่เหลือพลังงานที่จะเคลื่อน
การดำเนินชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ คือการรับพลังงานฝ่ายวิญญาณที่มีเชื้อเพลิงให้เติมได้ตลอดเวลา ไม่เสียเงินซื้อ ไม่ต้องสร้างแรงจูงใจใดๆ ไม่ต้องการอุดมการณ์มาผสมผสาน แบบแก๊สโซฮอลล์ทั้งหลาย
พระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ สร้างพลังฝ่ายวิญญาณให้ชีวิตกลับมามีไฟ มีความร้อนรน มีความเชื่อ มีแสงสว่าง ไม่ต้องมีแรงจูงใจ ถึงแม้ถูกบั่นทอนกำลังใจ ให้หมดหวัง สิ้นหวัง และจบ กับสถานการณ์ที่แย่ๆ
ตัวอย่างบุคคลในพระคัมาภีร์เดิมต่อไปนี้ คือความจริงของพระเจ้า กับคนที่มีการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้วินิจฉัย 6:1- 9 1 และคนอิสราเอลก็ได้กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือของคนมีเดียนเจ็ดปี2 และมือของคนมีเดียนก็ชนะอิสราเอลเพราะคนมีเดียนเป็นเหตุ ประชาชนอิสราเอลจึงต้องทำที่ซ่อนอยู่ในภูเขาคือถ้ำ และป้อมที่เข้มแข็ง3 เพราะว่าคนอิสราเอลหว่านพืชเมื่อไร คนมีเดียนและคนอามาเลข และชาวตะวันออกก็ขึ้นมาสู้รบกับเขา4 เขามาตั้งค่ายไว้แล้วทำลายพืชผลแห่งแผ่นดินเสีย ไกลไปถึงเมืองกาซาไม่ให้มีเครื่องบริโภคเหลือในอิสราเอลเลย ไม่ว่าแกะหรือวัวหรือลา5 เพราะว่าคนเหล่านั้นจะขึ้นมาพร้อมทั้งฝูงสัตว์และเต็นท์ เขามาเหมือนตั๊กแตนเป็นฝูงๆ ทั้งคนและอูฐก็นับไม่ถ้วนเมื่อเขาเข้ามา เขาก็ทำลายแผ่นดินเสียอย่างนี้แหละ6 พวกอิสราเอลจึงตกต่ำลงมาก เพราะคนมีเดียนคนอิสราเอลก็ร้องทุกข์ถึงพระเจ้าขอให้ทรงช่วยเหลือ 7 เมื่อคนอิสราเอลร้องทุกข์ถึงพระเจ้า เพราะคนมีเดียน8 พระเจ้าก็ทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งให้มาหาคนอิสราเอล ผู้นั้นพูดกับเขาทั้งหลายว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากอียิปต์ นำเจ้าออกมาจากแดนทาส9 และเราได้ช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และให้พ้นจากมือของบรรดาผู้ที่บีบบังคับเจ้า และขับไล่เขา ให้ออกไปเสียให้พ้นหน้าเจ้า และมอบแผ่นดินของเขาให้แก่เจ้า
ผู้วินิจฉัย 6:11 ฝ่ายทูตของพระเจ้ามานั่งอยู่ที่ใต้ต้นก่อที่ตำบลโอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาชตระกูลอาบีเยเซอร์ ฝ่ายกิเดโอนบุตรของท่านกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่นเพื่อซ่อนให้พ้นตาคนมีเดียน
เรื่องของอิสราเอลในยุคผู้วินิจฉัย ที่ศัตรูมารบกวนตลอดเวลา ทำให้จะทำมาหากิน จะปักหลักถิ่นฐาน อยู่อย่างสบายตัว สบายใจไม่ได้เลย ไถนาก็ถูกรบกวน หว่านเมล็ดพืชก็ถูกแทรกแซง พอพืชโตได้สักหน่อย ศัตรูก็มาเหยียบย่ำ คือไม่ยอมให้อิสราเอลเงยหน้าอ้าปากได้ เป็นอยู่อย่างนี้มานานหลายปี มาถึงช่วงของกิเดโอน ที่เป็นลูกหลานของเผ่ามนัสเสห์เผ่าที่เล็กที่สุด และยังเกิดในตระกูลที่เล็กน้อยที่สุดอีก แต่กิเดโอนมีนิสัยกล้าหาญและขยันเป็นต้นทุน และยิ่งกว่านั้นก็คือ
ผู้วินิจฉัย 6:34 34 แต่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตกับกิเดโอนท่านก็เป่าเขาสัตว์ เรียกตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามท่าน
คำว่า ทรงสถิต (ของพระวิญญาณของพระเจ้า) กับกิเดโอน คำนี้ แปลว่า ห่อหุ้ม มีความกระตือรือร้น มีกำลัง เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจของพระเจ้า กิเดโอน ระดมคนอิสราเอลในเวลานั้นเพื่อจะปลดปล่อยพื้นที่ แผ่นดินที่คนอิสราเอลอยู่ออกจากพันธนาการ การรบกวนของศัตรู
นี่เป็นไฟของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ถูกอยู่ในกิเดโอน แต่ถูกใช้ด้วยวิธีการของมนุษย์โดยกิเดโอน กิเดโอน สามารถรวบรวมคนจากหลายเผ่า ได้มาหลายหมื่นคน แต่…. ไฟของพระวิญญาณ ต้องผ่านวิธีการของพระเจ้า ในเรื่องราวของกิเดโอน พระคัมภีร์ได้บันทึกว่า พระเจ้าไม่เอาวิธีการของกิเดโอนเลย
ผู้วินิจฉัย 7:2,7 พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “คนที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขา เกรงว่าอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า “มือของเราเองได้กู้เราไว้”…..พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยกู้เจ้าทั้งหลายด้วยจำนวนคนสามร้อย ที่เลียน้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเจ้า นอกนั้นให้กลับไปบ้านเมืองของตนทุกคน”
พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตในกิเดโอน ทำให้กิเดโอนมีใจกล้า แต่กิเดโอนใช้ความกลัวของตนเองรวบรวมคนให้มากเข้าไว้ และกิเดโอนก็ทำสำเร็จในการรวบรวมคน แต่พระเจ้า ให้พระวิญญาณสถิตอยู่กับกิเดโอน ไม่ใช่เพื่อรวบรวมคนมากมาย
ผู้วินิจฉัย 7:3-4 3 เพราะฉะนั้นจงประกาศให้เข้าหูคนทั้งปวงว่า ‘ผู้ใดที่กลัวและสั่นเทิ้มอยู่ ก็ให้ผู้นั้นกลับเสียและไปจากภูเขากิเลอาด’ ” และมีคนกลับไปสองหมื่นสองพันคน และยังเหลืออยู่หนึ่งหมื่นคน 4 พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “ประชาชนยังมากอยู่จงพาเขาลงไปที่น้ำ และเราจะทำการทดสอบเขาให้เจ้าที่นั่น ผู้ที่เราจะบอกเจ้าว่า ‘ให้คนนี้ไปกับเจ้า’ ผู้นั้นต้องไปกับเจ้า ผู้ที่เราบอกว่า ‘คนนี้อย่าให้ไป’ ผู้นั้นไม่ต้องไป”
ผู้ที่เราจะบอกเจ้าว่า ‘ให้คนนี้ไปกับเจ้า’ ผู้นั้นต้องไปกับเจ้า ผู้ที่เราบอกว่า ‘คนนี้อย่าให้ไป’ ผู้นั้นไม่ต้องไป”
พระวิญญาณของพระเจ้าที่สถิตในกิเดโอนเพื่อให้กิเดโอนรับการสื่อสารจากพระเจ้า พระเจ้าจะเป็นผู้บอกกิเดโอนโดยตรง ไม่ใช่ความกลัวของกิเดโอนบอกกับตัวกิเดโอนเอง สามร้อยคนที่พระเจ้าคัดเลือกให้กิเดโอนนำทัพไปสู้รบกับศัตรู นำชัยชนะมาให้กับอิสราเอล นี่คือ พลังงานบริสุทธิ์ ปราศจากความกลัวเป็นแรงขับเคลื่อน
อย่าดับพระวิญญาณ คือการดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยไฟจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
มีคำพูดหนึ่งกล่าวถึง ตะเกียง ที่มีไส้ ที่จุดติด ให้แสงสว่างความร้อน จะริบหรี่ลง หากไม่ทำความสะอาด ไม่เพิ่มเชื้อเพลิง
พระคัมภีร์เดิมยังกล่าวถึงพระเจ้า ยังไม่ดับไส้ตะเกียงที่ริบหรี่จวนดับ
อิสยาห์ 42:1-4 1 จงดูผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราได้เอาวิญญาณของเราสวมท่านไว้แล้ว ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปให้แก่บรรดาประชาชาติ 2 ท่านจะไม่ร้องหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือกระทำให้ได้ยินในถนน 3 ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงที่ลุกริบหรี่อยู่ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความสัตย์จริง 4 ท่านจะไม่ริบหรี่หรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยพระธรรมของท่าน
พระคัมภีร์ตอนนี้ เล็งถึงพระเยซูคริสต์เจ้า ทรงเสด็จมาทรงสภาพมนุษย์ที่ยากจนที่สุด และอยู่ในสภาพที่ตกต่ำที่สุด น่าท้อแท้ใจที่สุด ถูกดูหมิ่นมากที่สุด และบาดเจ็บมากที่สุด พระเยซูก็ยังไม่ยอมให้ไฟและแสงสว่างของพระองค์ ถูกมอดไหม้จนหมด จนดับ จนกว่าพระองค์จะทำให้คนตาบอดมองเห็น แสงสว่างริบหรี่ และรับไฟจากพระองค์
หนังสืออิสยาห์ คือคำพยากรณ์ที่เป็นจริง ในจังหวะหนึ่งของพระเยซูขณะถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ถูกสบประมาทชีวิตที่ดูเหมือนริบหรี่ และกำลังจะดับลง…..ด้วยความตาย ในสายตาของมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์
มัทธิว 27:41-42 41 พวกมหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ ก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า42 “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อถือบ้าง
พระเยซูไม่ปริปากสักคำ เพราะชีวิตเหลือยู่น้อยนิดบนไม้กางเขนสามารถส่องสว่าง ให้ตาของคนบางคนเปิดออกมองเห็นความจริงว่า พระเยซูทรงเป็นใคร….และสุดท้ายก็มีคนมองเห็น ในวินาทีที่ดวงสว่างของชีวิตของพระเยซูถูกความตายดับลง แต่ดวงตาของคนที่โคนกางเขนสว่างขึ้น
มาระโก 15:39 39 ส่วนนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระองค์ เมื่อเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างนั้นแล้ว จึงพูดว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
อย่าดับพระวิญญาณ อย่าหยุดส่องสว่าง อย่าหยุดความเชื่อ อย่าหมดไฟ อย่าลดความกระตือรือร้นในพระเจ้าลง อย่าหยุดเดินในทางเดียวกันกับพระเยซู
พระเยซูไม่ใช่คนตาบอดที่ถือตะเกียงให้คนตาบอดเดินในทางแห่งความมืด แต่พระเยซูทรงมองเห็น และทรงเป็นผู้จุดตะเกียงชีวิตให้กับคนทุกคนที่เดินตามพระองค์ พระวิญญณบริสุทธิ์ที่พระองค์ประทานให้กับผู้เชื่อในพระองค์ จะทำให้ตาของเราที่เคยบอด มองเห็น เราไม่ใช่คนตาบอดที่ถูกจูงให้เดินตาม แต่เราเดินอย่างคนตาดี ที่มองเห็นชัดว่า เรากำลังตามใคร และมีสติตลอดเวลา ในการเลือกติดตามพระเยซู ขณะที่โลกนี้พยายามจะชักจูงให้เราตามค่านิยมของโลกนี้
อย่าดับพระวิญญาณ คือการ ที่เรายังเดินตามพระเยซูคริสต์ด้วยไฟของพระวิญญาณ ด้วยความเชื่อ ด้วยความสว่าง ด้วยความร้อนรนจากพระวิญญาณ ไม่ใช่การเลี่ยนแบบ ไม่ใช่การงมงาย ไม่ใช่ขาดความเข้าใจ ไม่ใช่จิตวิทยาหมู่ ไม่ใช่การชักจูงของใคร เราเป็นตัวของเราเอง เรามีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเรารู้ว่า เราจะไม่ยอมดับพระวิญญาณ
กาลาเทีย 5: 24-26 24 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว 25 ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย 26 เราอย่าถือตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉาริษยากันเลย
ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ ในทางปฏิบัติ
26 เราอย่าถือตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉาริษยากันเลย
นิสัยสามอย่างนี้ เป็นเหตุที่จะดับพระวิญญาณ ในตัวผู้เชื่อได้
1.การถือตัว รากศัพท์กรีก แปลว่า ความปรารถนาศักดิ์ศรีที่อนิจจัง
2.ยั่วโทษะกัน รากศัพท์กรีก แปลว่า การเรียกคนอื่นเข้าหาตัวเองอย่างท้าทาย ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า อยากมีเรื่อง
3.อิจฉาริษยากัน รากศัพท์กรีก แปลว่า (ill will) ความปรารถนาจากจิตวิญญาณที่ป่วย
สามนิสัยดังกล่าว ทำให้ความร้อนรนในพระเจ้าลดลง และสุดท้าย นำไปสู่กับดับไฟของการรับใช้ในตนเอง
อย่าดับพระวิญญาณ มาจากหนังสือ 1เธสะโลนิกาบทที่5
เราจะมาอ่านบริบทของ อย่าดับพระวิญญาณ ก่อนและหลังอีกครั้ง
1เธสะโลนิกา 5:15-24
15 ระวังให้ดี อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย16 จงชื่นบานอยู่เสมอ17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย19 อย่าดับพระวิญญาณ20 อย่าประมาทคำเผยข้อลับลึก21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง23 ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของเราเสด็จมา24 พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นสัตย์ซื่อ และพระองค์จะทรงทำให้สำเร็่จ