“ข้าศึกในชีวิตของเรา”
ในช่วงนี้ ได้ยินแต่ข่าวการเสียชีวิตกระทันหันของคนที่ไม่มีวี่แววที่จะเสียชีวิต คนหนึ่งก็เป็นสามีของอ.โกสุม (ประธานเครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทย สามีเสียชีวิตด้วยมะเร็งตับอ่อน (มีอาการอ่อนเพลีย หมอตรวจสอบไม่เจอ มาเจออีกทีก็ไปเลย อีกคนหนึ่ง เป็นลูกสาวของอ.ขลุ่ย (ผู้รับใช้ในคณะฯพสท.ของเรา) เป็นโรคพุ่มพวง โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง เกล็ดเลือดตกอย่างรวดเร็ว (ภายในห้าวัน)
โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง SLE ลูปัส หรือโรคพุ่มพวง เป็นโรคที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันต้านทานผิดปกติ โดยเข้าไปต่อต้านเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เป็นผลทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในบริเวณนั้น เรียกว่า แพ้ตัวเอง…
ใครที่เสี่ยงเป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง?
แม้ว่าโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง เอสแอลอี หรือลูปัส จะไมได้พบกันบ่อยๆ แต่ก็พบได้เรื่อยๆ พบได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แม้ว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติอยู่หลายประการ
– พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
– ความผิดปกติจากพันธุกรรม (ชนิดที่ถ่ายทอดได้)
– ติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือไวรัสบางชนิด
– มีอาการแพ้กับสิ่งต่างๆ
– สูบบุหรี่
– ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาป้องกันการชัก ยาคุมกำเนิด ยาลดน้ำหนักบางชนิด
– เครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากเกินไป
อาการของโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
สัญญาณอันตรายที่เป็นอาการเริ่มต้นของโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง มีหลากหลายอาการขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดความผิดปกติจนมีอาการอักเสบในระยะแรก ไปจนถึงระยะเรื้อรังที่อาจเริ่มเกี่ยวพันกับอวัยวะส่วนอื่นๆ
อาการผิดปกติทั่วไปที่หาสาเหตุไม่ได้ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผอมลง
อาการทางผิวหนัง เช่น มีผื่นแดง มักขึ้นบริเวณใบหน้า ช่วงตรงกลาง และโหนกแก้มทั้งสองข้าง รูปร่างคล้ายผีเสื้อ และอาจมีอาการผมร่วงด้วย
อาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ อาจไม่มีอาการบวมแดง แต่ปวดได้ทุกส่วนที่มีข้อ เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ข้อนิ้ว
อาการทางปอด เช่น เจ็บหน้าอก ไอ ปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ มีน้ำในปอด เหนื่อยง่าย เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ไปจนถึงหัวใจเต้นผิดปกติ
อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร
อาการทางไต ความดันโลหิตสูง เช่น ขาบวม จากการบวมน้ำ
อาการทางระบบโลหิต เช่น โลหิตจาง ภาวะซีด ความดันโลหิตต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ หลอดเลือดอักเสบ อาจจะพบเป็นจุดแดงๆ เล็กๆ ทั่วตัวคล้ายไข้เลือดออก
อาการทางระบบประสาท เช่น มีอาการชักโดยไม่ทราบสาเหตุ แขนขาอ่อนแรง ไม่มีสมาธิ เครียด นอนไม่หลับ ซึมเศร้า วิตกกังวล มีปัญหาในการจำ สับสน เห็นภาพหลอน โดยอาจเป็นผลข้างเคียงมาจากอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบอีกทีได้
การรักษาโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
แพทย์จะพยายามควบคุมโรคให้สงบด้วยการให้ทานยา ทำการรักษาตามอาการที่พบ และติดตามอาการไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะสงบ หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะยิ่งทำให้แพทย์ทำการรักษา และควบคุมอาการได้ดีขึ้น จนไม่มีอะไรต้องน่ากลัว หรือถึงขั้นเสี่ยงเสียชีวิต
วิธีป้องกันโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
เป็นที่น่าเสียดายที่โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเองไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้ด้วยการดูแลรักษาร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป รักษาสุขอนามัยของตัวเองให้สะอาด ลดโอกาสในการติดเชื้อ และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนทานยาอะไรเป็นประจำ
การตายของคนที่เรารู้จัก อย่างกระทันหันทำให้เราตระหนักว่า เราไม่รู้เลยว่า เราจะตายเมื่อไหร่ และอีกมุมหนึ่งก็คือ ภายในร่างกายของเรา อาจเกิดบางอย่างภายในทำลายสุขภาพของเราได้ตลอดเวลา
เมื่อข้าพเจ้าไปเวียดนามที่ผ่านมา คืนแรก นอนไปได้สักพัก ต้องตื่นขึ้นมาเพราะอาการปวดแสบที่บริเวณลำคอ เหมือนดื่มน้ำกรดอย่างแรงเข้าไป และรู้สึกถึงกลิ่นเปรี้ยว และการเคลื่อนของเหลวบางอย่างจากระเพาะ มาอีกระลอก ข้าพเจ้าต้องลุกจากท่านอน เป็นนั่ง และยืน และรีบดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ เมื่อกลับมาที่นอน ก็เอาหมอนรองศีรษะเพิ่มให้สูงขึ้น แล้วจึงนอนหลับอย่างสบายอย่างต่อเนื่อง และรู้ว่า นี่คืออาการของกรดไหลย้อน ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเป็นครั้งแรก ไม่เคยมีประสบการณ์นี้มาก่อน เคยได้ยินจากคำบอกเล่า และอ่านหาความรู้เพื่อจะรับมือเมื่อเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่า น้ำย่อยในกระเพาะของเราจะเหมือนกับน้ำกรด และถ้าไม่ใส่ใจ ปล่อยให้เกิดอาการกรดไหลย้อนบ่อย ก็จะทำให้บริเวณที่ถูกน้ำย่อยนี้กลายเป็นมะเร็ง น้ำย่อยที่เป็นประโยชน์สำหรับย่อยอาหารในกระเพาะของเรา จะกลายมาเป็นศัตรู ที่ทำร้ายสุขภาพของเราได้
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ศึกนอกยังไม่หนักเท่ากับศึกภายใน หากนำมาเทียบกับชีวิตของคนเรา ศึกของร่างกาย มุ่งทำลายสุขภาพและนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ศึกของวิญญาณจิตจะร้ายแรงขนาดไหน พระคัมภีร์มีคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ …….
1เปโตร 2:11-17 11 ดูก่อนท่านที่รัก ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นข้าศึกต่อวิญญาณจิตของท่าน12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา 13 ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่ง14 หรือจะเป็นเจ้าเมืองผู้ที่ได้รับคำสั่งจากมหาจักรพรรดิ ให้ลงโทษผู้กระทำชั่วและยกย่องคนที่ประพฤติดี15 เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะให้ท่านทั้งหลายระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการประพฤติดี16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน จงรักบรรดาพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้าและจงถวายเกียรติแด่มหาจักรพรรดิ
ในพระคัมภีร์เปโตรตอนนี้ ได้กล่าวถึง ข้าศึกต่อวิญญาณจิต คือตัณหาของเนื้อหนัง อ.เปโตรได้แนะนำ ว่า การต่อสู้กับตัณหาของเนื้อหนังเพื่อจะชนะได้ ต้องรักษาความประพฤติอันดีเอาไว้ คนต่างชาติที่กล่าวถึงนี้ หมายถึง ผู้ที่ปกครอง กษัตริย์ ในเวลานั้นเรียกว่า จักรพรรดิ ของอาณาจักรโรมัน ชนชาติอิสราเอลตกเป็นเมืองขึ้น เป็นอาณานิคม ของอาณาจักรหลายอาณาจักร จากบาบิโลน มีเดียนเปอร์เชีย กรีก จนมาถึงโรมัน คนอิสราเอลยังต้องดำเนินชีวิตภายใต้กฏหมายที่เปลี่ยนไปเรื่อย ข้อบังคับที่เปลี่ยนไปเรื่อย เป็นเรื่องที่กดดัน และน่าเบื่อสำหรับสภาพทาส ที่ถูกส่งต่อความเป็นทาสนับร้อยๆปี ไมมีเสรีภาพทางร่างกาย และจิตใจ เมื่อพระเยซูทรงขึ้นมาเป็นผู้นำมวลชน ด้วยคำสอนของพระองค์ และการทำพันธกิจของพระองค์ตอบโจทย์ของคนอิสราเอลในเวลานั้น ความคาดหวัง ที่จะหลุดออกจากการอยู่ภายใต้โรมันจึงประทุขึ้นมาอีก จากประเด็นนี้ จึงทำให้คนยิวที่เสียผลประโยชน์ เสียมวลชน ใช้เป็นข้ออ้างในการทำลายพระเยซู โดยให้พระเยซูถูกสำเร็จโทษด้วยการตรึงที่กางเขน (การตรึงกางเขน ไม่ใช่วิธีประหารคนยิวด้วยกัน ธรรมบัญญัติของโมเสส ให้ขว้างด้วยก้อนหิน จากมวลชน) แต่เวลานั้น มวลชน ส่วนใหญ่ ไม่ร่วมด้วย แต่ปกป้องพระเยซู พระเยซูทรงมีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยการประพฤติดี ของพระองค์เอง อ.เปโตร จึงกล่าวในหนังสือเปโตรนี้ เพื่อแนะนำให้คริสเตียนยิว ดำเนินชีวิตอย่างพระเยซูในทิศทางเดียวกัน
จากพระธรรมเปโตรตอนนี้ สามารถตอบโจทย์คำว่า ข้าศึกในชีวิตของเรา เกิดขึ้นจาก….
1.เกิดจากความขัดแย้งภายในตนเอง
11 ดูก่อนท่านที่รัก ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นข้าศึกต่อวิญญาณจิตของท่าน
คำว่า ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน เป็นสำนวนเดียวกันกับในหนังสือยอห์น ที่กล่าวถึง การอย่ารักโลก
1 ยอห์น 2:15-17 15 อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น16 เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก17 และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
ข้าศึกภายในชีวิตของเรา คือตัณหาของเนื้อหนัง ความอยาก ที่จะมีมั่ง อย่างคนที่มั่งมี ความอยากจะเป็นมั่งอย่างคนที่ช่างเป็นกันจริง ทำให้เราลืมไปว่า สิ่งเหล่านี้ ล้วนอนิจจัง ชั่วคราว ไม่มีใคร อยู่ค้ำฟ้า ความสวยความงามก็ไม่นาน เดี๋ยวก็เหี่ยว ต่อให้มีเงินมากมาย ทำยังไงก็ไม่สามารถจะหยุดยั้ง ความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมของความสวย ความหล่อไปได้ หนังสือยากอบยังกล่าวอีกว่า ตัณหาความอยากก่อให้เกิดสงคราม การแก่งแย่งชิงดี อวดมั่งอวดมีกัน
ยากอบ 4:1 1 อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน มิใช่กิเลสตัณหาของท่านหรือ ที่ทำให้ท่านต่อสู้กัน
ศึกภายนอก เกิดจากการพ่ายแพ้ ศึกภายในก่อน นั่นคือ การพ่ายแพ้ตัณหาของตนเอง ความจริง หลักการดำเนินชีวิตของคริสเตียน ตามพระเยซู คือ ความพอเพียง ประมาณตน สมถะ และดำเนินชีวิตเหมือนโลกนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ของโลกนี้ ในคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์เพื่อสาวก…
ยอห์น 17:15-17 15 ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย16 เขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก17 ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง18 พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น
บางคนอาจโต้แย้งว่า ถ้าอย่างนั้น คริสเตียนก็ไม่มีวันร่ำรวยเลยหรือ ร่ำรวยได้ แต่พระเยซูก็ยังสอนให้คนร่ำรวย อยู่เพื่อคนยากจน นี่คือทางที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากจะเดิน ฤทธิ์เดชฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนมากมาย และคนมากมายก็มีความศรัทธาในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แต่พอให้เดินในทางเดียวกันกับพระองค์ ก็มีคนหยุดความศรัทธาไว้แค่ เพื่อใช้ฤทธิ์เดชฤทธิ์อำนาจของพระองค์เท่านั้น ไม่อยากศรัทธาต่อในเส้นทางชีวิตอย่างพระเยซู เพราะมันคือการปฏิเสธ ประโยคที่ว่า ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน และนี่คือความขัดแย้งภายในตนเอง ที่เป็นข้าศึกมุ่งทำลายภายในคนๆนั้นเอง
ทุกศาสนาชี้ให้คนมองเห็นตัณหา และให้พยายามเอาชนะตัณหาของตนเอง เพราะมันคือสาเหตุของปัญหาทุกอย่าง พระเยซูเองก็ตรัสว่า ใครจะติดตามพระองค์ต้องปฏิเสธตนเอง (ชนะตนเอง)ก่อน และยังมีประโยคต่อไป คือ แบกกางเขน ตามพระองค์ไป เป็นความขัดแย้งกับความต้องการของตนเองอย่างมาก พระเยซูจึงตรัสต่อไปว่า คนที่เดินในเส้นทางนี้มีน้อย เป็นความจริงที่เราจะต้องตระหนัก และไม่คาดหวังคนจำนวนมากจะเดินในเส้นทางนี้ แต่หน้าที่ของเราก็คือยังคงต้องเชิญชวนคนให้เดินในเส้นทางนี้ และจะพบกับการถูกปฏิเสธ จะพบแม้กระทั่งการต่อต้าน จากภายในที่ขัดแย้งกันเอง พระเยซูจึงตรัสต่อว่า ถ้าไม่ตาย ก็ไม่มีทางจะสอบผ่านเส้นทางนี้ได้ เส้นทางนี้คือต้องตาย อย่างเดียว การขัดแย้งการต่อสู้จากภายใน เพื่อตาย ต่อเนื้อหนัง และเป็นขึ้นมาใหม่ พระเยซูจึงตรัสกับฟารีสีที่แอบมาหาพระเยซูในเวลากลางคืน เป็นสาวกลับอย่าง นิโคเดมัส
ยอห์น 3:5-6 5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้6 ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
ถ้าไม่ตาย ก็ไม่มีทางเกิดใหม่ ความหมายของพระเยซูตอนนี้ คือการตายต่อความต้องการของเนื้อหนัง และเกิดใหม่ จากพระวิญญาณ เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณที่วินิจฉัยทุกอย่างโดยพระวิญญาณ
กาลาเทีย 5:17 17 เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้
อยากจะโกรธ อยากจะตอบโต้ ความอยากทั้งหลาย ที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของเนื้อหนัง ส่วนความต้องการของพระวิญญาณ คือการตอบสนองต่อการผิดพลาดด้วยความเสียใจ และตั้งใจ จะกลับใจ ไม่ทำอีก เพื่อจะลดการงานของเนื้อหนังลง คุณเป็นเช่นนี้ใช่ไม๊ นี่คือความขัดแย้งภายในตนเอง ที่เป็นข้าศึกาภายในชีวิตของเรา และทำลายเราได้ หากเราไม่ใส่ใจ ไม่กลับใจบ่อยๆ อีกปัจจัยหนึ่ง ของศัตรูในชีวิตของเราเกิดจาก….
2.เกิดจากการขัดแย้งกับภายนอก
12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา 13 ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่ง14 หรือจะเป็นเจ้าเมืองผู้ที่ได้รับคำสั่งจากมหาจักรพรรดิ ให้ลงโทษผู้กระทำชั่วและยกย่องคนที่ประพฤติดี
ความจริงในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล เป็นอาณานิคม เมืองขึ้นของอาณาจักรโรม ที่มีจักรพรรดิซีซาร์เป็นประมุข คนอิสราเอลไม่ยอมรับจักรพรรดิ นอกจากคนละเชื้อชาติ คนละศาสนา ยังมาปกครองคนอิสราเอลด้วยอำนาจบีบบังคับ กระทำหลายอย่างที่คนอิสราเอลไม่เห็นด้วย ในท่ามกลางคนอิสราเอล ได้แบ่งแยกกันออกไปหลายกลุ่ม ต่างความคิด ต่างข้อขัดแย้งทางความคิดในการต่อต้านจักรพรรดิ และผู้ที่ถูกส่งมาปกครอง อย่างเฮโรด ปิลาด และคนยิวไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นพลเมืองของอาณาจักรโรม คนยิวมีกฏหมายของตัวเอง คือธรรมบัญญัติ ปกครองกันเอง ตัดสิน ลงโทษแบบยิวเอง นั่นคือเสรีภาพที่คนยิวมี ในสังคมยิว คนยิวปกครองกันเอง ภายใต้การปกครองของโรม แต่ก็ยังมีกฏหมายโรมที่คนยิวต้องทำตามอย่างฝืนใจ และเป็นความขัดแย้งภายใน พระเยซูทรงยกตัวอย่างเรื่องนี้ …
มัทธิว 5:40-41 40 ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย41 ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร
เบื้องหลังคำสอนนี้ คนยิวรู้ดี เพราะว่าในสภาพความเป็นอาณานิคม ของโรม กฏหมายโรมยังใหญ่กว่ากฏหมายยิว (ที่ปกครองกันเองด้วยเสรีภาพที่จำกัด อย่างที่เปโตรกล่าวว่า อย่าเอาเสรีภาพที่จำกัดไป ตามใจตนเอง) เบื้องหลังที่พระเยซูตรัสอย่างนี้ เพราะคนยิวขมขื่นกับการต้องปรนนิบัติทหารโรม เช่น การถูกเกณฑ์ให้ถือโล่ แบกของเดินตามทหารโรม อย่างที่เราได้เห็นในตัวอย่าง ที่ตอนพระเยซูแบกกางเขนไม่ไหว เพราะบาดเจ็บจากการถูกเฆี่ยนแสนสาหัส มีชายคนที่มามุงดูพระเยซูแบกกางเขน ถูกเกณฑ์ให้แบกกางเขนแทนพระเยซู
มาระโก 16:21 21 มีคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีน เป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส เดินมาจากบ้านนอกตามทางนั้น เขาก็เกณฑ์ซีโมนให้แบกกางเขนของพระองค์ไป
ในภาพยนต์เรื่องราวของพระเยซู ได้ให้คนที่แสดงเป็นซีโมนชาวไซรีนคนนี้ แสดงสีหน้าว่า ไม่เต็มใจ ไม่พอใจ ที่จะแบกกางเขนแทนพระเยซู
บางทีสิ่งที่เรากำลังรับผิดชอบต่อคนอื่น ที่เราไม่พอใจ ไม่เต็มใจ อาจเป็นการแบกกางเขนของพระเยซูอยู่ก็เป็นได้
เปโตรได้หนุนใจผู้เชื่อในเวลาต่อมา ให้ประพฤติดี ภายใต้กษัตริย์ จักรพรรดิ และผู้นำ ผู้บริหารประเทศชาติในเวลานั้นด้วยการประพฤติดี ยอมฟัง อย่าขัดแย้งกับกษัตริย์หรือผู้ปกครอง ให้ยอมอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของคนเหล่านี้ ให้ลงโทษผู้กระทำชั่วและยกย่องคนที่ประพฤติดี
ข้าศึกภายในชีวิตของเรา ไม่สามารถทำอะไรเราได้ หากเราดำเนินชีวิตด้วยการ….
3.การบำเพ็ญชีวิตอย่างผู้รับใช้พระเจ้า
15 เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะให้ท่านทั้งหลายระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการประพฤติดี16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน จงรักบรรดาพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้าและจงถวายเกียรติแด่มหาจักรพรรดิ
ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า (คริสเตียน) คือ ผู้รับใช้พระเจ้าทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด ก็หนีไม่พ้น ข้าศึกในชีวิตของตนเอง ที่ภายในเกิดขึ้นจากตัณหาของตนเอง และภายนอกเกิดจากคนอื่นที่พระเจ้าทรงวางกำหนดไว้ให้กับแต่ละคน ในสถานการณ์ที่อาจเหมือนกัน หรือแตกต่างกัน แต่ก็เพื่อจะระงับ ความโง่โฉดเขลาของตัวเราเองอีกนั่นแหล่ะ คำว่า ประพฤติดี ตรงกันข้ามกับประพฤติชั่ว ประพฤติดี คือการทำดี ต่อคนทั้งปวง
17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน จงรักบรรดาพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้าและจงถวายเกียรติแด่มหาจักรพรรดิ
การบำเพ็ญชีวิตอย่างผู้รับใช้พระเจ้า คือการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า เพื่อเห็นแก่พระเจ้า และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้คนได้รับสิ่งที่ดี และทำดีต่อกันและกัน สมสถานะของแต่ละคน แม้แต่กษัตริย์ จักรพรรด์ ก็ต้องแสดงความจริงรักภักดีต่อพระองค์ ให้สมกับที่พระองค์จะได้รับเกียรตินั้น แม้จะมีภาพเปรียบเทียบ ของกษัตริย์องค์ก่อนในกษัตริย์ในปัจจุบันที่ทำได้ดีกว่า มากกว่า เพราะพระองค์ท่านปกครองมายาวนานถึง 70 ปี เราได้เห็นผลงานของพระองค์ท่านมาตลอด วันนี้ กษัตริย์องค์ใหม่ซึ่งเป็นโอรสของกษัตริย์องค์ก่อนได้ขึ้นมาแล้ว ขอให้เราทั้งหลาย ให้เกียรติพระองค์เทียมเท่ากับกษัตริย์องค์ก่อนด้วยเช่นกัน อย่าเกิดความขัดแย้งใดๆในชีวิต
ยังมีอีกหลายอย่างในชีวิตภายในที่เราต้องรับมืออีกมาก ขอให้เราทุกคนมีสติสัมปชัญญะ ดูแลจิตใจของตนเอง ร่างกาย และจิตวิญญาณ ให้ลดความขัดแย้ง ให้มากที่สุด
2ทิโมธี 2:24 24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
โรม 12: 16-18 16 จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่จงถ่อมใจลงยอมทำการต่ำ อย่าถือว่าตัวฉลาด17 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี 18 ถ้าเป็นได้ คือเท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน
ให้เราสำรวจชีวิตของเราว่า ข้าศึกภายในชีวิตของเราเกิดจากอะไร ภายใน ของตัวเราเอง หรือจากภายนอก จงบำเพ็ญชีวิตอย่างผู้รับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง อาเมน
“ข้าศึกในชีวิตของเรา”
1.เกิดจากความขัดแย้งภายในตนเอง
2.เกิดจากการขัดแย้งกับภายนอก
3.การบำเพ็ญชีวิตอย่างผู้รับใช้พระเจ้า