“การเยียวยารักษามาจากพระเจ้า”

โรงพยาบาล เป็นสถานที่ที่จะมีคนหลายประเภทไปอยู่รวมกัน  มีทั้งคนเจ็บ  คนที่พาคนเจ็บ ไปโรงพยาบาล  มีหมอ ผู้ช่วยหมอ  คนที่ช่วยรับคนเจ็บไปให้ถึงหมอ  ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลมีคนทำงานในโรงพยาบาลหลายแผนก เพื่อจะเตรียมข้อมูลให้หมอได้มากที่สุด เช่น แผนกทะเบียน แผนกเอ็กซเรย์ แผนกตรวจเลือด  สารพัดแผนกเยอะแยะเต็มไปหมด  และเมื่อคนเจ็บได้พบกับหมอ  คุณหมอก็จะทำการวินิจฉัยคนเจ็บว่าจะทำการรักษา ให้ยา ทำแผลอย่างไร  และยังมีอีกคน นั่นก็คือ  ผู้ป่วยที่หายดี รอการกลับบ้าน

มีคำเปรียบเทียบว่า คริสตจักรเป็นเหมือนโรงพยาบาลของพระเจ้า  คำเปรียบเทียบนี้ ไม่ได้ห่างไกลไปจากเป้าหมายที่พระเยซูทรงตั้งคริสตจักรเลย  พระเยซูเองก็ทรงเปรียบเทียบว่าพระองค์เองเป็นหมอ และคนบาปทุกคนเป็นคนเจ็บ ที่ต้องการการรักษาจากพระเยซู พระคัมภีร์เดิมก็ได้กล่าวถึง พระเจ้าเองทรงมีพระประสงค์เชิญชวนมนุษย์ทุกคนให้มารับการรักษาจากพระเจ้า โดยเฉพาะคนที่รู้จักพระเจ้า คนของพระเจ้า

โฮเชยา  6:1 “มา​เถิด ให้​เรา​กลับไป​หา​พระ​เจ้า เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ฉีก และ​จะ​ทรง​รักษา​เรา​ให้​หาย ​พระ​องค์​ทรง​โบย​ตี และ​จะ​ทรง​พัน​บาดแผล​ให้แก่​เรา

สดุดี 147:3 ​พระ​องค์​ทรง​รักษา​คน​ที่​ชอก​ช้ำ​ระกำ​ใจ และ​ทรง​พัน​ผูก​บาดแผล​ของ​เขา

มีคำพูดหนึ่งกล่าวถึงคนเป็นหมอส่วนใหญ่ มักจะมีจิตใจที่มีเมตตา ช่วยเหลือคน ส่วนผู้ช่วย เช่นพยาบาล หรือคนอื่น ที่ทำงานด้านรักษาพยาบาลก็มีจิตใจอย่างเดียวกัน  เห็นคนเจ็บเป็นต้องช่วยเหลือก่อน  หมอไม่เลือกว่า คนๆนั้นจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว  เช่นเดียวกัน  พระเยซูทรงสำแดงจิตใจของความเป็นหมอในทุกมิมิตของความเจ็บป่วยของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะเจ็บป่วยฝ่ายร่างกาย จิตใจ หรือฝ่ายวิญญาณ

ลูกา 6:18-19 18 และ​บรรดา​คน​ที่​ต้อง​ทน​ทุกข์​เพราะ​ผี​โสโครก ​พระ​องค์​ก็​ทรง​รักษา​ให้​หาย​ด้วย​19 ประชาชน​ต่าง​ก็​พยายาม​ที่​จะ​ถูกต้อง​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​มี​ฤทธิ์​ซ่าน​ออก​จาก​พระ​องค์ รักษา​เขา​ให้​หาย​ทุก​คน​

ยอห์น 5:13-15 13 คน​ที่​ได้รับ​การ​รักษา​ให้​หาย​โรค​นั้น​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​ผู้ใด เพราะ​พระ​เยซู​เสด็จ​หลบ​ไป​แล้ว เนื่องจาก​ขณะนั้น​มี​คน​อยู่​ที่​นั่น​เป็น​อัน​มาก​14 ภายหลัง ​พระ​เยซู​ได้​ทรง​พบ​คน​นั้น​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร​และ​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “นี่​แน่ะ เจ้า​หาย​โรค​แล้ว อย่า​ทำ​บาป​อีก มิฉะนั้น​เหตุร้าย​กว่า​นั้น​จะ​เกิด​กับ​เจ้า”15 ชาย​คน​นั้น​ก็​ได้​ออกไป​บอก​พวก​ยิว​ว่า ท่าน​ที่​ได้​รักษา​เขา​ให้​หาย​โรค​นั้น คือ​พระ​เยซู​

ในตอนนี้ พระเยซูได้ตรัสถึงสาเหตุที่แท้จริงของความเจ็บป่วยและโรค มาจากบาป   พระเยซูทรงสอนให้คนแก้ปัญหาความเจ็บป่วย ไม่ว่าจะทั้งร่างกาย จิตใจ หรือจิตวิญญาณ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ  เหมือนกับหมอที่แนะนำผู้ป่วยหลังจากหายดี ไม่กลับไปเป็นอีก ต้องแก้ที่ต้นเหตุที่ทำให้ป่วย แต่หมอทั่วไป จะแนะนำแค่ให้แก้ปัญหาแค่เจ็บป่วยฝ่ายร่างกาย  เพิ่มเติมมากกว่านั้นอีกก็คือด้านจิตใจ เพราะวิทยาการ ความรู้มีมากขึ้นได้ค้นพบว่าจิตใจมีส่วนทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ แต่ยังไม่มีวิทยาการใดล้ำเท่าของพระเยซู พระเจ้าที่ทรงรู้สาเหตุที่แท้จริงว่า จิตวิญญาณคือต้นเหตุของความเจ็บป่วยทั้งหมดของชีวิตมนุษย์ และนี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงสำแดงมาเมื่อสองพันปีที่แล้ว  จากบันทึกของหนังสือพระกิตติคุณของพระเยซู

มัทธิว 9:9-13  9 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​เลย​ตำบล​นั้น​ไป ​ก็​เห็น​คน​หนึ่ง​ชื่อมัทธิ​วนั่งอ​ยู่​ที่​ด่าน​ภาษี จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ตาม​พระ​องค์​ไป 10 เมื่อ​พระ​องค์​ประทับ​เสวย​พระ​กระยา​หาร​อยู่​ใน​เรือน มี​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​บาป​อื่นๆ หลาย​คน เข้า​มาร่วม​สำรับ​กับ​พระ​เยซู และ​กับ​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​11 เมื่อ​พวก​ฟาริสี​เห็น​แล้ว ​ก็​กล่าว​แก่​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​อาจารย์​ของ​ท่าน​จึง​รับประทาน​อาหาร​ด้วย​กัน​กับ​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​นอก​รีต​เล่า”12 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​13 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​เรียน​คัมภีร์​ข้อ​นี้​ให้​เข้าใจ ที่ว่า เรา​ประสงค์​ความ​เมตตา ไม่​ประสงค์​เครื่อง​สัตว​บูชา  ด้วย​ว่า​เรา​มิ​ได้มา​เพื่อ​จะ​เรียก​คน​ที่​เห็น​ว่า​ตัว​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​ที่​พวก​ท่าน​ว่า​นอก​รีต”

มัทธิว ผู้เขียนพระคัมภีร์ตอนนี้ ได้บันทึกถึงเรื่องราวของการทรงเรียกที่พระเยซูทรงเรียกเขา ที่เป็นคนเก็บภาษี  ซึ่งเป็นคนที่สังคมยิวรังเกียจ หาว่าเป็นพวกขายชาติ ทรยศคนยิวด้วยกัน ไปรับใช้จักรพรรดิ์โรม เก็บภาษีขูดรีดคนยิว และบ่อยครั้งที่คนเก็บภาษีจะเก็บเกินพิกัด เพื่อตัวเอง (โกง)  อย่างศักเคียส (คนเก็บภาษี) ที่ภายหลัง ที่พระเยซูเรียกศักเคียส ให้ลงจากต้นไม้ และพระองค์สร้างมิตรภาพ ด้วยการบอกกับศักเคียสว่า วันนี้ พระองค์จะไปรับประทานอาหารที่บ้านของศักเคียส แค่ศักเคียสได้ยินการสร้างมิตรภาพนั้น ศักเคียสกลับใจใหม่ และสารภาพว่าตนเองโกงประชาชน ศักเคียสยินดีคืนเงินที่โกงไป และคืนให้ถึงสี่เท่า และจะเอาเงินที่ตนเองมไปแจกจ่ายให้กับคนยากจน นี่คือการหายดีจากโรคแห่งความโลภ โรครักเงิน หายจากโรคตาบอด

ลูกา 19:8 8 ฝ่าย​ศักเคียส​ยืน​ทูล​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ว่า “ดู​เถิด ​พระ​เจ้า​ข้า ทรัพย์​สิ่งของ​ของ​ข้า​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​ยอม​ให้​คน​อนาถา​กึ่ง​หนึ่ง และ​ถ้า​ข้า​พระ​องค์​ได้​ฉ้อโกง​ของ​ของ​ผู้ใด ข้า​พระ​องค์​ยอม​คืน​ให้​เขา​สี่​เท่า”

การคืนสี่เท่า ของศักเคียส คือการยอมถูกปรับโทษฐานขโมยของคนอื่นมาเป็นของตน  ตามหลักกฏหมายของคนอิสราเอลในหนังสืออพยพ

มัทธิว 9:12-13  12 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​13 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​เรียน​คัมภีร์​ข้อ​นี้​ให้​เข้าใจ ที่ว่า เรา​ประสงค์​ความ​เมตตา ไม่​ประสงค์​เครื่อง​สัตว​บูชา  ด้วย​ว่า​เรา​มิ​ได้มา​เพื่อ​จะ​เรียก​คน​ที่​เห็น​ว่า​ตัว​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​ที่​พวก​ท่าน​ว่า​นอก​รีต”

พระเยซูทรงเรียกคนบาป ว่าคนเจ็บ  พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป  แสดงว่า ทุกคนเป็นคนเจ็บ  การที่คนเห็นว่าตนเองชอบธรรม ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะเป็นคนชอบธรรม และไม่เป็นคนเจ็บ   แต่พระเยซูกำลังใช้คำนี้เพื่อชี้ให้เห็นถึงความต้องการของคน เกิดจากการเห็นว่าตนเองป่วยหรือไม่ป่วย   บางคนคิดว่าตนเองไม่ป่วย แต่กลับป่วย บางคนไม่ป่วย ไม่ได้หมายความว่า ไม่ป่วย แต่เป็นเพราะเรายังไม่รู้ว่าเราป่วยหรือไม่  บางคนไม่ยอมไปหาหมอ เพราะกลัวพบว่าตนเองป่วย และคิดว่าตนเองยังสบายดี ก็มี

สรุปคือ ทุกคนที่เป็นคนบาป ล้วนเป็นคนเจ็บที่ต้องการพระเจ้าการรักษาเยียวยา จากพระเจ้าทั้งสิ้น  เพียงแต่ว่า จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ต้องการหรือไม่ต้องการ

มีคำภาษาอังกฤษว่า I am okay  แปลว่า ฉันยังสบายดี  ไม่เป็นอะไร แต่ความจริง อาจจะเป็นอะไรที่ตนเองไม่อยากให้ใครรู้ หรือไม่รู้ตัวเอง ก็เป็นได้

โรม 3:22-23  22 คือ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​ทรง​ประทาน​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​แก่​ทุก​คน​ที่​เชื่อ เพราะ​ว่า​คน​ทั้ง​หลาย​ไม่​ต่างกัน23 เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ทำ​บาป และ​เสื่อม​จาก​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า​

เพราะ​ว่า​คน​ทั้ง​หลาย​ไม่​ต่างกัน​  เราทุกคนไม่ต่างกัน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ทำบทบาทสำคัญขนาดไหน เราก็เป็นคนบาป ทำบาป และป่วย ต้องการการรักษาเยียวยาจากพระเจ้าแห่งการรักษา

วันนี้ สาส์นศิษยาภิบาลที่เขียนเกี่ยวกับบาดแผลของพระเยซู ที่ถูกเฆี่ยน 39 ครั้ง เพื่อจะนำมาซึ่งการหายโรค หายดีในทุกมิติจิตใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน เกิดจากการไม่ส่งต่อบาดแผล ส่งต่อความเจ็บปวดให้กับคนอื่นต่อไป  คำที่พระเยซูตรัสบนไม้กางเขนขณะที่พระองค์ยังมีลมหายใจอยู่ คือคำว่า

ลูกา 23:34   34 ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร…..

เบื้องหลังของลูกาคือเป็นหมอ  น่าสนใจว่า พระเจ้าทรงดลใจใช้หมอลูกาบันทึกในตอนนี้ เพื่อจะชี้มาถึงปัจจุบันเรื่องการบำบัดทางจิตใจที่พระเยซูทรงทำสำเร็จบนไม้กางเขน พระเยซูทรงสำแดงว่า บาดแผลทางจิตใจรักษาให้หายได้ ด้วยการให้อภัย  และอภัยอย่างที่พระเยซูทรงทำเป็นต้นแบบ

ทุกวันนี้  คนมากมายกำลังตอบโต้กันจากต้นแบบอะไร   คำพูดที่แย่ๆ การกระทำที่ก้าวร้าว  พฤติกรรมที่เลวร้ายทั้งหลาย มาจากต้นแบบอะไร

โรม 2:1  1 เหตุ​ฉะนั้น มนุษย์​เอ๋ย ไม่​ว่า​ท่าน​จะ​เป็น​ใคร เมื่อ​ท่าน​กล่าวโทษ​ผู้อื่น​นั้น ท่าน​ไม่​มี​ข้อ​แก้​ตัว​เลย เพราะ​เมื่อ​ท่าน​กล่าวโทษ​ผู้อื่น ท่าน​ก็​ได้​กล่าวโทษ​ตัวเอง​ด้วย เพราะ​ว่า​ท่าน​ที่​กล่าวโทษ​เขา ​ก็​ยัง​ประพฤติ​อยู่​อย่าง​เดียว​กับ​เขา​

การตัดสินผู้อื่น เป็นการตำหนิตัวเราโดยที่ตัวเรามองไม่เห็นตัวเราเอง เป็นการทำบาปอย่างเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอยู่ในระดับที่ไม่สามารถรับประโยชน์จากพระคุณและการบำบัดของพระเจ้าได้

และคนที่เรามักจะกล่าวโทษเป็นคนแรกในชีวิตของเราก็คือ พ่อแม่ของเราเองที่พวกเขาไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการการเรียกร้องของเรา และจากการตัดสินนี้ เราจึงมักจะส่งต่อไปให้กับคนอื่น โดยเฉพาะลูกของเรา เราส่งต่อบาดแผลให้กับคนที่ใกล้ตัวเรา และคนที่ไกลตัวเราออกไปด้วย  ทุกคนต่างส่งต่อบาดแผลต่อกันและกัน จึงเป็นต้นแบบของการไม่ให้อภัยกัน  และมีมากขึ้นเรื่อยๆจนจิตใจภายในตายด้าน (แข็งกระด้าง)

ทั้งหมด เกิดจากการบาดเจ็บ  เป็นคนเจ็บ  เราต้องการพระเจ้าแห่งการรักษา  พระเยซูจึงทรงต้องถูกเฆี่ยนให้เกิดบาดแผล ก่อนที่จะถูกตรึงที่กางเขน เพื่อจะนำการหายดี ในทุกมิติให้เกิดขึ้นกับเราทุกคน ด้วยการเป็นต้นแบบของการให้อภัย  เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร

เราคงต้องกลับมาพิจารณามาตรฐานอย่างโลก กับมาตรฐานของพระเยซูเรื่องการให้อภัย

2โครินธ์ 5:16-18  16 เหตุ​ฉะนั้น​ตั้งแต่​นี้​ไป เรา​จะ​ไม่​พิจารณา​ผู้ใด​ตาม​มาตรฐาน​ของ​โลก แม้ว่า​เมื่อก่อน​เรา​เคย​พิจารณา​พระ​คริสต์​ตาม​มาตรฐาน​ของ​โลก​ก็​จริง แต่​เดี๋ยวนี้​เรา​จะ​ไม่​พิจารณา​พระ​องค์​เช่นนั้น​อีก​17 เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ผู้ใด​อยู่​ใน​พระ​คริสต์​ ผู้​นั้น​ก็​เป็น​คน​ที่​ถูก​สร้าง​ใหม่​แล้ว สิ่ง​สารพัด​ที่​เก่าๆ ​ก็​ล่วง​ไป นี่​แน่ะ​กลาย​เป็น​สิ่ง​ใหม่​ทั้งนั้น​18 ทั้งสิ้น​นี้​เกิด​มา​จาก​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​ให้​เรา​คืน​ดี​กัน​กับ​พระ​องค์​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​ และ​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้​เรา​มี​พันธ​กิจ​เรื่อง​การ​คืน​ดี​กัน​

การให้อภัยอย่างพระเยซูคริสต์เจ้า คือตั้งมาตรฐานไว้อย่างเดียวคือ เขาทำไป เพราะเขาไม่รู้….จบ ไม่ต้องไปขุดคุ้ย หาเหตุผล หาเงื่อนไขที่จะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย  ตั้งธงไว้อย่างเดียวคือ ให้อภัย จบไม๊?

2โครินธ์ 2:14-16  14 แต่​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​นำ​เรา​เสมอ​มา​โดย​พระ​คริสต์​ด้วย​ความ​มี​ชัย และ​ทรง​โปรด​ประทาน​กลิ่น​หอม​แห่ง​ความ​รู้​ของ​พระ​องค์ ให้​ปรากฏ​ด้วย​ตัว​เรา​ทุก​แห่ง​15 เพราะ​ว่า​เรา​เป็น​กลิ่น​อัน​หอม​หวาน ที่​พระ​คริสต์​ถวาย​พระ​เจ้า​ใน​หมู่​คน​ที่​กำลัง​จะ​รอด และ​คน​ที่​กำลัง​ประสบ​ความ​พินาศ​16 ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​กลิ่น​แห่ง​ความ​ตาย​ซึ่ง​นำไปสู่​ความ​ตาย และ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​เป็น​กลิ่น​หอม​แห่ง​ชีวิต​ซึ่ง​นำไปสู่​ชีวิต ใคร​เล่า​จะ​มี​ความ​สามารถ​เหมาะสม​กับ​พันธ​กิจ​เหล่า​นี้​

ใคร​เล่า​จะ​มี​ความ​สามารถ​เหมาะสม​กับ​พันธ​กิจ​เหล่า​นี้​   พันธกิจการเยียวยารักษา  ให้เราบอกกับคนข้างๆเราว่า  เราหยุดส่งต่อบาดแผล หยุดส่งต่อความเจ็บปวดให้กันและกันนะ

และเราจะนำคนมากมายมาถึงพระเยซู  แพทย์ผู้ประเสริฐ อาเมน

By admin