“ใครน่าเป็นห่วงมากที่สุด”

เป็นห่วง  ถูกนำมาใช้ในความหวังดี ความรัก ความห่วงใย  เป็นคำที่ถูกนำมาเพิ่มด้วยคำว่า น่า  กลายเป็นคำว่า  น่าเป็นห่วง   สำหรับคนอื่น บางคนน่าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ บางคนน่าเป็นห่วงเรื่องการเรียน บางคนน่าเป็นห่วงเรื่องวิถีการดำเนินชีวิต บางคนน่าเป็นห่วงเกรงว่าจะถูกคนอื่นหลอก บางคนน่าเป็นห่วงด้านเศรษฐกิจ  มีความน่าเป็นห่วงในคนรอบตัวเรามากมาย

น่าเป็นห่วง  เป็นคำที่ใช้ด้วยความรู้สึกว่า อีกฝ่ายจะมีอันตราย หรือกำลังตกที่นั่งยากลำบาก  กำลังต้องการความช่วยเหลือ กำลังแย่ กำลังช่วยตัวเองไม่ได้

คำถาม  แล้วตัวเรามีความน่าเป็นห่วงไม๊?  ถ้าคำตอบคือใช่    คำถามต่อไป  คือ  แล้วมีใครล่ะที่ห่วงใยเราอยู่?

แต่ถ้าคำตอบคือไม่ คำถามต่อไป ก็คือ   แล้วมีใครล่ะ ที่เราควรห่วงใยไม๊?

พระคัมภีร์หนึ่งโครินธ์ ได้ใช้คำที่คล้ายกัน กับคำว่าห่วงใย ด้วยคำว่า พะวงถึงกันและกัน

1โครินธ์ 12:25-27  25 เพื่อ​ไม่ให้​มี​การ​แก่งแย่ง​กัน​ใน​ร่างกาย แต่​ให้​อวัยวะ​ทุก​ส่วน​พะวง​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​26 ถ้า​อวัยวะ​อัน​หนึ่ง​เจ็บ อวัยวะ​ทั้งหมด​ก็​พลอย​เจ็บ​ด้วย ถ้า​อวัยวะ​อัน​หนึ่ง​ได้รับ​เกียรติ​อวัยวะ​ทั้งหมด​ก็​พลอย​ชื่น​ชม​ยินดี​ด้วย 27 ฝ่าย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​กาย​ของ​พระ​คริสต์​ และ​ต่าง​ก็​เป็น​อวัยวะ​ของ​พระ​กาย​นั้น​

พะวงซึ่งกันและกัน ใช้คำกรีกสองคำต่อกัน  คือคำว่า same (self) กับคำว่า care (anxious) แปลว่า กระวนกระวาย รวมคำกันแปลว่า กระวนกระวายเหมือนตัวเองกระวนกระวาย น่าจะตีความหมายถึง ห่วงคนอื่นเหมือนห่วงตัวเอง

สาวกของพระเยซูใช้คำนี้กับพระเยซู  ในเหตุการณ์หนึ่ง…..

มาระโก 4:35-41  35 เย็น​วัน​นั้น ​พระ​องค์​ได้​ตรัส​แก่​เหล่า​สาวก​ทั้ง​หลาย​ว่า “ให้​พวก​เรา​ข้าม​ไป​ฝั่ง​ฟาก​ข้าง​โน้น​เถิด”36 เมื่อ​ลา​ประชาชน​แล้ว เขา​จึง​เชิญ​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ใน​เรือ​ที่​พระ​องค์​ประทับ​อยู่​นั้น และ​มี​เรือ​อื่น​หลาย​ลำ​ไป​ด้วย​37 และ​พายุ​ใหญ่​ได้​บังเกิด​ขึ้น และ​คลื่น​ก็​ซัด​เข้า​ไป​ใน​เรือ​จน​เรือ​จวน​จะ​เต็ม​อยู่​แล้ว​38 ฝ่าย​พระ​องค์​บรรทม​หนุน​หมอน​หลับ​อยู่​ที่​ท้าย​เรือ เหล่า​สาวก​จึง​มา​ปลุก​พระ​องค์​ทูล​ว่า “อาจารย์​เจ้า​ข้า ข้าพเจ้า​ทั้ง​หลาย​กำลัง​จะ​จม​อยู่​แล้ว ท่าน​ไม่​เป็น​ห่วง​บ้าง​หรือ”39 ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ตื่น​ขึ้น​ห้าม​ลม และ​ตรัส​แก่​ทะเล​ว่า “จง​สงบ​เงียบ​ซิ” แล้ว​ลม​ก็​หยุด คลื่น​ก็​สงบ​เงียบ​ทั่วไป​40 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ทำไม​เจ้า​กลัว เจ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​หรือ”41 ฝ่าย​เขา​ก็​เกรง​กลัว​นักหนา และ​พูด​กัน​และ​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้ใด​หนอ จน​ชั้น​ลม​และ​ทะเล​ก็​เชื่อ​ฟัง​ท่าน”

ประเด็นที่สาวกถามพระเยซู เรื่อง  “เป็นห่วง”  ตรงคำว่า   “อาจารย์​เจ้า​ข้า ข้าพเจ้า​ทั้ง​หลาย​กำลัง​จะ​จม​อยู่​แล้ว ท่าน​ไม่​เป็น​ห่วง​บ้าง​หรือ”

คำว่า เป็นห่วง คำนี้ คนละคำกับคำว่า เป็นห่วงในหนึ่งโครินธ์ (พะวงกันและกัน) เป็นการเป็นห่วงระดับส่วนรวม แต่คำกรีกในมาระโกคำว่า นี้คือค่าเป็นห่วงระดับส่วนตัว    สิ่งที่สาวกให้ความสนใจคือ  ตัวเองกำลังจะจมไปพร้อมกับเรือ  ไม่ได้สนใจว่า ความเป็นห่วงของพระเยซู… สาวกกำลังห่วงตัวเอง   นั่นคือความแตกต่างของคำว่า พะวงซึ่งกันและกัน  ถ้าเอาคำนี้มาใช้ สาวกจะต้องเปลี่ยนคำพูดเป็นว่า พระเยซูเจ้าข้า ตื่นได้แล้ว เพราะพระองค์กำลังจมน้ำแล้ว  นั่นคือ การแสดงความเป็นห่วงพระเยซูด้วย  แต่สาวกเป็นห่วงตัวเองมากกว่า?

คริสตจักรเรามีเรือยางใช้ตอนน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ  เรือลำนี้จุคนได้ 11 คน เราใช้งานเรือลำนี้คุ้มมาก หลังจากน้ำท่วม ก็ไม่ได้ใช้งาน มีอยู่ครั้งที่เอาเครื่องและเรือไปลองลอยลำในคลองข้างบ้านข้าพเจ้า ออกคลองใหญ่ขึ้นมาอีกนิด คือคลองบางเชือกหนัง แล่นไปได้สักพัก ยางเรือด้านที่วางเครื่องหลุด น้ำเข้าเรือ  ทุกคนตกใจ ทำอะไรไม่ถูก สันชาตญาณข้าพเจ้าบอกว่า เรือรับน้ำหนักมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในจังหวะที่อยู่ด้านติดตลิ่ง เพราะคลองไม่ใหญ่ จึงรีบลุกออกจากเรือ ขึ้นไปยืนบนตลิ่งที่ลื่นมาก เพราะมีแต่ตะไคร่น้ำ วัตถุประสงค์เพื่อจะลดน้ำหนักเรือ ที่ไม่จม  เพราะระบบของเรือยางทำไว้ดีมาก ยังทำให้เรือลอยลำได้ แต่ถูกคนในเรือแซวว่า เอาตัวเองรอด ปล่อยคนอื่นให้จม  (คิดคนละแบบ) ความจริง ข้าพเจ้าเป็นคนว่ายน้ำได้ ดำน้ำลึก ไม่กลัวเรื่องการจมน้ำอยู่แล้ว  แต่สุดท้าย เรือก็ไม่จม แต่ต้องจัดระเบียบการนั่งกันใหม่ เรือก็พาเรากลับมายังที่เดิมได้  ความจริงมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อเราเอาเรือไปลองแล่นที่แม่น้ำแควน้อย และเกิดสถานการณ์น้ำเข้าเรือ ข้าพเจ้าบอกทุกคนว่า น้ำเข้าเรือ ทุกคนสละเรือ ข้าพเจ้าเป็นสุดท้ายที่ออกจากเรือ และเรือก็คว่ำคล่อมข้าพเจ้าไว้ใต้เรือ ขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าเอาตัวรอดออกมาจากกระแสน้ำที่แรงขณะเรือ และเชือกเรือมัดเท้าไว้ได้  การดำน้ำลึก จึงทำให้ไม่กลัวภาวะการณ์ใต้น้ำนั้น

ใครน่าเป็นห่วงที่สุด ในสถานการณ์เรือจม  ทัศนคติของคนต่างหากที่น่าเป็นห่วงที่สุด?

เราคิดว่า ในเหตุการณ์ที่พระเยซูอยู่ในเรือ และพระองค์นอนหลับ ในสภาพที่เสียงดัง ข้าพเจ้าวิเคราะห์ว่า พระเยซูง่วงและหลับตา พัก รากศัพท์คำว่าหลับในตอนนี้ แปลว่า เอนตัวพัก  พระองค์อาจจะหลับตา แต่พระองค์คงจะได้ยินเสียงพายุ ลม ภายนอก ผสมกับเสียงความกลัวของบรรดาสาวกที่อยู่ในเรือลำเดียวกันกับพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังทรงหลับตา ที่คนอื่นมองว่า หลับ

นักวิชาการเรื่องการหลับ  ได้กล่าวถึง ภาวะของการหลับที่ไม่เต็มที่ไม่ยาวนาน ไม่ได้พักจริงๆ เมื่อถูกปลุกจะงัวเงีย ไม่สดชื่น และไม่สามารถจะต่อเรื่องราวได้ทันที  แต่พระคัมภีร์ตอนนี้ บันทึกว่า

39 ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ตื่น​ขึ้น​ห้าม​ลม และ​ตรัส​แก่​ทะเล​ว่า “จง​สงบ​เงียบ​ซิ” แล้ว​ลม​ก็​หยุด คลื่น​ก็​สงบ​เงียบ​ทั่วไป​40 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ทำไม​เจ้า​กลัว เจ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​หรือ”

พระเยซูต่อเรื่องได้ทันที  พระองค์ทรงสั่งพายุให้สงบ   ยังสยบความกลัวในตัวสาวกด้วย และยังสอนสาวกเรื่องการไม่มีความเชื่อ…หนังสือลูกาบันทึว่ พระเยซูใช้คำว่า ความเชื่อของเจ้าอยู่ที่ไหน

ลูกา 8:25  25 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน” เขา​เหล่า​นั้น​กลัว​และ​ประหลาด​ใจ​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้ใด​จึง​สั่ง​บังคับ​ลม​และ​น้ำ​ได้ ลม​กับ​น้ำ​นั้น​ก็​เชื่อ​ฟัง​ท่าน”

ใครน่าเป็นห่วงมากที่สุด  สาวก ที่น่าเป็นห่วงแบบกระวนกระวาย  แค่เพียงตัวเอง  ทำให้ความเชื่อที่พื้นฐานที่สุด คือความเชื่อว่าตัวเองจะรอดจากสถานการณ์นั้น

พระคัมภีร์หนึ่งโครินธ์ได้กล่าวถึง สิ่งที่เป็นความรู้หลักเป็นที่ยึดเหนี่ยวของชีวิตมนุษย์มีสามอย่าง ได้แก่

1โครินธ์ 13:13  13 ดังนั้น​ยัง​ตั้งอยู่​สาม​สิ่ง คือ​ความ​เชื่อ ความ​หวัง​ใจ และ​ความ​รัก แต่​ความ​รัก​ใหญ่​ที่สุด​

ย้อนกลับไปในข้อที่ 12 ในหนึ่งโครินธ์นี้ ได้กล่าวถึง

12 เพราะ​ว่า​บัดนี้​เรา​เห็น​สลัวๆ เหมือน​ดู​ใน​กระจก แต่​เวลา​นั้น​จะ​ได้​เห็น​พระ​พักตร์​ชัดเจน เดี๋ยวนี้​ความ​รู้​ของ​ข้าพเจ้า​ไม่​สมบูรณ์ เวลา​นั้น​ข้าพเจ้า​จะ​รู้​แจ้ง​เหมือน​พระ​องค์​ทรง​รู้จัก​ข้าพเจ้า​

พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังบอกว่า มนุษย์ทุกคนจำกัด ทำให้สามสิ่งที่สร้างขึ้นมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของมนุษย์ไม่สมบูรณ์  ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ความหวัง และความรัก แม้ความรักจะใหญ่ที่สุด หากความรักนั้น นิยามแบบผิดๆ  สิ่งที่แสดงออกก็ไร้ประโยชน์

ในหนึ่งโครินธ์จึงเริ่มต้นก่อนนิยามความรัก ก็คือ

1โครินธิ์ 13:1-3  1 แม้​ข้าพเจ้า​พูด​ภาษา​แปลกๆ ได้ เป็น​ภาษา​มนุษย์​ก็​ดี เป็น​ภาษา​ทูตสวรรค์​ก็​ดี แต่​ไม่​มี​ความ​รัก ข้าพเจ้า​เป็น​เหมือน​ฆ้อง​หรือ​ฉาบ​ที่​กำลัง​ส่ง​เสียง​2 แม้​ข้าพเจ้า​จะ​เผย​พระ​วจนะ​ได้ และ​เข้าใจ​ใน​ความ​ล้ำ​ลึก​ทั้ง​ปวง​และ​มี​ความ​รู้​ทั้งสิ้น และ​มี​ความ​เชื่อ​มาก​ยิ่ง​ที่สุด​พอจะ​ยก​ภูเขา​ไป​ได้ แต่​ไม่​มี​ความ​รัก ข้าพเจ้า​ก็​ไม่​มี​ค่า​อะไร​เลย​3 แม้​ข้าพเจ้า​จะ​สละ​ของ​สารพัด​หรือ​ยอม​ให้​เอา​ตัว​ข้าพเจ้า​ไป​เผา​ไฟ​เสีย แต่​ไม่​มี​ความ​รัก จะ​หา​เป็น​ประโยชน์​แก่​ข้าพเจ้า​ไม่

พระคัมภีร์หนึ่งโครินธ์ตอนนี้ กำลังบอกเราว่า  คนที่น่าเป็นห่วง คือคนที่ความเชื่อกลายเป็นความกลัว คนที่สิ้นหวัง และที่น่าห่วงที่สุด คือคนที่ไม่มีความรักในนิยามที่ถูกต้อง การรักตัวเองอย่างเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว นำไปสู่ความตรงกันข้ามกับนิยามความรักของพระคัมภีร์ทั้งหมด

1โครินธ์ 13:4-7   4 ความ​รัก​นั้น​ก็​อดทน​นาน​และ​กระทำ​คุณ​ให้ ความ​รัก​ไม่​อิจฉา ไม่​อวด​ตัว ไม่​หยิ่ง​ผยอง​5 ไม่​หยาบ​คาย ไม่​คิดเห็น​แก่​ตนเอง​ฝ่าย​เดียว ไม่​ฉุนเฉียว ไม่​ช่าง​จดจำ​ความ​ผิด​6 ไม่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​มี​การ​ประพฤติ​ผิด แต่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​ประพฤติ​ชอบ​7 ความ​รัก​ทน​ได้​ทุก​อย่าง​แม้​ความ​ผิด​ของ​คน​อื่น และ​เชื่อ​ใน​ส่วน​ดี​ของ​เขา​อยู่​เสมอ และ​มี​ความ​หวัง​อยู่​เสมอ และ​ทน​ต่อ​ทุก​อย่าง

ขอให้เราสำรวจตัวเราเองว่า เรากำลังใช้คำว่า เป็นห่วง  กับตัวเราเอง และกับคนอื่น อย่างไร same care พะวงถึงกันและกัน อย่างสมดุล

หรือ กลัวงตัวเองจะจมไปกับเรือ

1โครินธ์ 12:25-27  25 เพื่อ​ไม่ให้​มี​การ​แก่งแย่ง​กัน​ใน​ร่างกาย แต่​ให้​อวัยวะ​ทุก​ส่วน​พะวง​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​26 ถ้า​อวัยวะ​อัน​หนึ่ง​เจ็บ อวัยวะ​ทั้งหมด​ก็​พลอย​เจ็บ​ด้วย ถ้า​อวัยวะ​อัน​หนึ่ง​ได้รับ​เกียรติ​อวัยวะ​ทั้งหมด​ก็​พลอย​ชื่น​ชม​ยินดี​ด้วย 27 ฝ่าย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​กาย​ของ​พระ​คริสต์​ และ​ต่าง​ก็​เป็น​อวัยวะ​ของ​พระ​กาย​นั้น​

คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ มีพระเยซูคริสต์เป็นศีรษะ  คริสตจักรจะไม่เป็นคริสตจักร หากคริสตจักรเห็นแก่อย่างอื่นที่ไม่ใช่พระเยซูคริสต์

คริสตจักรก็จะไม่ใช่คริสตจักร คริสตจักรจะเป็นเพียงแค่สโมสร ชมรม ที่คนมารวมตัวกัน ทำกิจกรรมคล้ายๆกันเท่านั้น   ก็ไม่ต่างกับสาวกที่อยู่ในเรือกลำเดียวกันกับพระเยซู แต่สิ้นหวัง และใช้สันชาตญาณรักแต่ตัวเอง  เป็นไปไม่ได้ที่รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองจะสำเร็จ  ใครน่าห่วงที่สุด?

ใครที่น่าเป็นห่วงที่สุด

คนที่ไม่มีความเชื่อ  คนที่ไม่มีความหวัง และที่น่าห่วงที่สุดของที่สุด คือคนที่ไม่มีความรัก (รักตัวเองก็ไม่เป็น แล้วจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้อย่างไร?

รักตนเองให้เป็น ต้องทำให้ตัวเองไปถึงความรอดที่แท้จริง ความรอด ในนิยามของพระคัมภีร์ คือ ครบถ้วน หายดี สุขภาพดี สมบูรณ์

By admin