“พระเจ้าทรงเลี้ยงดู”
เราอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ไปทั่วโลก และประเทศไทยเองก็รับผลกระทบ ทั้งจากภายนอก และผลต่อเนื่องภายในประเทศของเราเองด้วย จนมีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ธุรกิจอะไรในเวลานี้ ที่จะเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่รอดได้ บางคนก็แนะนำว่า ธุรกิจด้านอาหาร เพราะคนต้องกิน บางคนก็ว่า โรงพยาบาล เพราะคนป่วยต้องหาหมอ รับการรักษา บางคนก็ว่า ธุรกิจที่เกิดใหม่ จากการดิสรัปชั่นของธุรกิจที่กำลังจะหายไปจากวงจรธุรกิจ ด้วยการเอาปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้งานแทน คนทำงานธนาคารก็กำลังจะตกงาน ยังมีอีกหลายอาชีพที่กำลังจะตกงาน อาชีพเหล่านี้ เคยเลี้ยงดูคนมากมาย แต่กำลังจะสูญหายไปจากวงจรการเลี้ยงดู เรากำลังอยู่ในวงจรของการเลี้ยงดูอะไร?
พระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเลี้ยงดูที่มาจากพระเจ้า ยังจะใช้ได้อีกหรือ?
สดุดี 23:1 1 พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน
ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระคัมภีร์ตอนนี้ เป็นจริง และมีชีวิต ไม่ตาย และทรงพลานุภาพตลอดกาล และจนถึงวันนี้ และวันต่อไปในชีวิตของข้าพเจ้า และพี่น้องที่เชื่ออย่างเดียวกัน ใช่ไม๊?
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู คนของพระองค์ ตัวอย่างเรื่องเอลียาห์ กับอีกา ในเวลานั้นคนที่ประกาศตัวเป็นคนของพระเจ้าเหลืออยู่คนเดียวคือ เอลียาห์ ส่วนที่เหลือไม่ถูกฆ่าตาย ก็ซ่อนตัวกันหมด พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเอลียาห์อย่างผิดธรรมชาติ ด้วยการให้อีกา คาบขนมปังและเนื้อ มาเลี้ยงเอลียาห์
1พงศ์กษัตริย์ 17:1-6 1 ฝ่ายเอลียาห์ชาวทิชบีผู้ซึ่งตั้งอาศัยอยู่ในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งข้าพระบาทปฏิบัติทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ นอกจากตามคำของข้าพระบาท”2 แล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังท่านว่า3 “จงออกไปจากที่นี่และหันไปทางตะวันออก และซ่อนตัวอยู่ที่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน4 เจ้าจะดื่มน้ำจากลำธาร และเราได้บัญชาให้กาเลี้ยงเจ้าที่นั่น”5 ท่านจึงไปและกระทำตามพระวจนะของพระเจ้า ท่านไปอาศัยอยู่ที่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน6 และกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็นและท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร
ขนมปังและเนื้อ มาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากโต๊ะ หรือครัวของคนที่ยังมีอาหารในขณะที่สถานการณ์กันดารอาหาร ทุกชีวิตเดือดร้อน ขาดแคลนกันหมด คนที่มีน้อยก็แทบไม่มี ส่วนคนที่มีมาก ก็มีน้อยลง สัตว์ต่างๆก็เดือดร้อน แน่นอนว่า ต้องเกิดการแย่งชิงอาหาร อีกาเป็นสัตว์ที่ก็ใช้วิธีแย่งชิงอาหาร และน่าจะชิงอาหารมาจากโต๊ะของคนที่ยังมีอาหาร พระเจ้าใช้อีกา มาเลี้ยงดูผู้รับใช้ของพระองค์ ด้วยกาหลายตัวน่าจะนคาบเนื้อบ้าง และขนมปังบ้าง มายังที่ที่ยังมีน้ำ เพื่อมันจะอยู่รอด น่าสนใจว่า พวกอีกา มาที่ลำธารน้ำ เพราะน้ำคือสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าอาหารในปากของมัน ที่มันจะต้องคายออก เพื่อดื่มน้ำ เอลียาห์ไปอยู่ในที่ที่ พระเจ้าสั่ง ว่า ให้ไปที่ลำธารเครีธ แล้วจะพบกับการเลี้ยงดูของพระเจ้า ผ่านอีกกา
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสกับหญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำ เกี่ยวกับ สิ่งที่จำเป็นคือน้ำที่จะดับกระหาย ที่จะดื่มแล้วไม่กระหายอีกเลย นั่นคือ การดับกระหายของจิตวิญญาณด้วยน้ำพุแห่งชีวิต
ยอห์น 4:14 14 แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์”
ลำธารเครีธ ของเอลียาห์ สำหรับเราทั้งหลาย ก็คือ พระเยซูคริสต์ ที่เป็นลำธารให้น้ำดื่ม ที่เราจะดื่มและไม่กระหายอีกเลย ลำธารเครีธยังมีวันแห้ง แต่ลำธารของพระเยซูคริสต์ ไม่มีวันแห้ง และยิ่งอยู่ใกล้พระเยซู แม่น้ำแห่งชีวิต ยิ่งทำให้เราได้พบกับการเลี้ยงดูของพระเจ้า เพราะทุกชีวิตจะมาที่นี่ และชีวิตที่มี ที่จะแบ่งปันก็จะมารวมกันที่นี่ เพราะที่นี่มีน้ำแห่งชีวิต
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ในที่ที่มี มีชีวิต (ที่เกิดจากการรับการหล่อเลี้ยงด้วยน้ำแห่งชีวิต) และมีน้ำแห่งชีวิตที่จะแบ่งปันให้กับทุกชีวิตที่ต้องการดับกระหาย กษัตริย์ดาวิด ได้เขียนหนังสือสดุดี ตอนหนึ่งกล่าวถึง ความกระหายหาพระเจ้าของท่าน อย่างกวางกระหายหาน้ำ เหมือนกวางที่ให้คุณค่าของชีวิตอยู่ที่น้ำ
สดุดี 42:1-2 1 กวางกระเสือกกระสนหาลำธารที่มีน้ำไหลฉันใด ข้าแต่พระเจ้า จิตวิญญาณของข้าพระองค์ ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น2 จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ความต้องการได้พบกับการมีให้ คนที่ต้องการ กับคนที่สามารถตอบความต้องการ มาเจอกัน เหมือนคนที่มีกำลังซื้อ จะพบกับคนขายของที่เขาต้องการได้อย่างไร ในยุคของเรา มีสารพัด ช็อปปี้ ลาซาด้า … แต่ก็มีการแข่งขันกันมากมาย หลายร้านค้า ความชอบ การคัดสินใจของคน และสารพัดกลยุทธในการแย่งชิงลูกค้ากัน มีธุรกิจเกิดใหม่ ที่เกิดจากความขี้เกียจของคน รับซื้อ รับจัดการ ให้อาหารมาถึงหน้าบ้าน โดยไม่ต้องออกไปไหน ยิ่งตอนนี้ มีปัญหา เชื้อโรค ไวรัสโดโรน่าสายพันธ์ใหม่ ทำให้ไม่อยากไปไหน พาเอา ไม่อยากมาโบสถ์ด้วย ทุกอย่างออนไลน์ ส่งตรงถึงบ้านหมด เราจะพบกับการเลี้ยงดูแบบไหน..
การเลี้ยงดูของพระเจ้า มีการจัดเตรียมของพระองค์ อย่างเรื่องราวเรื่องการกันดารอาหารที่รุนแรงครั้งแรกทั่วโลก เกิดขึ้นในยุคสมัยโบราณ ที่พระคัมภีร์บันทึกเกี่ยวกับการเลี้ยงดูของพระเจ้า และการจัดเตรียมของพระองค์ ในเรื่องราวของโยเซฟ
ปฐมกาล 41:56-57 56 การกันดารอาหารแผ่ไปทั่วแผ่นดิน โยเซฟก็เปิดฉางออกขายข้าวแก่ชาวอียิปต์ เพราะการกันดารอาหารในแผ่นดินรุนแรงมาก57 ยิ่งกว่านั้นทั้งโลกก็มายังประเทศอียิปต์หาโยเซฟเพื่อซื้อข้าว เพราะการกันดารอาหารร้ายแรงทั่วโลก
เรื่องราวของโยเซฟ ที่เป็นลูกคนเล็ก ถูกพี่ชายกลั่นแกล้ง หมั่นใส้ เพราะพ่อรักโยเซฟมากเนื่องจากเป็นลูกที่เกิดจากความรักของพ่อกับแม่ ส่วนพี่ชาย ที่เกิดมาก่อน คือการยัดเยียดของคนอื่นๆ โยเซฟ เป็นเด็กที่มีความฝัน และพระเจ้าทรงให้โยเซฟฝันถึงอนาคต ที่โยเซฟไม่เข้าใจ และในความไม่เข้าใจของเขา ทำให้เขาเล่าความฝันให้กับพี่ๆ กับพ่อ คนที่เขาไว้ใจมากที่สุด แต่เนื้อหาของความฝัน ทำให้คนเหล่านั้น คิดว่า โยเซฟต้องการจะปกครองพวกเขา ความฝัน ถึง ฝ่อนข้าวของพ่อและพี่ๆ มากราบไหว้ ฝ่อนข้าวของโยเซฟ และยังฝันแบบระดับจักรวานมากราบไหวโยเซฟ พี่ๆก็เลยยิ่งโกรธ โยเซฟ จากทุนเดิมที่พี่ๆไม่ชอบโยเซฟอยู่แล้ว เรื่องพ่อรักลูกไม่เท่ากัน วันหนึ่ง พ่อใช้ให้โยเซฟไปดูพี่ๆทำงานในทุ่ง พวกพี่ๆก็เลยรวมหัวกัน จับโยเซฟ โยนลงบ่อ และก็เลยเถิดไปถึงการกำจัดโยเซฟ ออกไปด้วยการขายน้องไปให้กับพวกค้าทาส และกลับไปโกหกพ่อว่า โยเซฟถูกสัตว์ป่ากัดตาย …ชีวิตของโยเซฟ ได้พลัดพรากจากบ้าน ตั้งแต่เวลานั้น จนไปเป็นทาสรับใช้ในบ้านของข้าราชการของฟาโรห์ ถูกทดลองให้ทำบาป โดยภรรยาของข้าราชการพยายามปลุกปล้ำ เมื่อไม่สำเร็จ ก็ใส่ร้ายโยเซฟ หาว่า โยเซฟต้องการทำบาป เรื่องเพศกับภรรยาเจ้านาย โยเซฟก็ถูกจับใส่คุกชนิดขังลืม จนได้พบกับคนใช้ของฟาโรห์ โยเซฟก็ทำนายฝันให้ จนถูกลืมอีก จนฟาโรห์ฝัน และโยเซฟได้มีโอกาสทำนายฝันให้กับฟาโรห์ คือการเปิดเผยอนาคตของโลก โดยพระเจ้า ว่า โลกในเวลานั้นจะพบกับ การกันดารอาหารรุนแรง ชนิดที่คนจะลืมว่า ความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างไร และโยเซฟคือคนที่ฟาโรห์ตั้งให้เป็นผู้เตรียมตัวสำหรับรับมือกับการกันดารอาหารนั้น อียิปต์จึงเป็นประเทศที่ร่ำรวย และมีอาหารมากที่สุดในโลก เวลานั้น เพราะมีการจัดเตรียมที่ดี โดยโยเซฟที่ฟาโรห์มองเห็นการทรงสถิตของพระเจ้าในตัวของโยเซฟ
เรื่องราวของโยเซฟ คือการเลี้ยงดูของพระเจ้า ที่มีกระบวนการแผนการตระเตรียมที่มาจากพระเจ้า ผ่านคนที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า
วันนี้ เรากำลัง เผชิญกับ เศรษฐกิจโลกที่ถูกซ้ำเติมด้วยภัยธรรมชาติ จากการทำลายด้วยฝีมือของคน เราต้องการ การเลี้ยงดูของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเลี้ยงดูคนของพระองค์แน่นอน เรื่องราวในพระคัมภีร์ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นแผนการของพระเจ้า ที่ยังดำเนินต่อเนื่องกับคนของพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ผ่านคนที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ผ่านการตระเตรียมของพระองค์ หนทางชีวิตของโยเซฟ คือบทเรียน และกระจกสะท้อนให้กับคนของพระเจ้าว่า พวกเขากำลังผ่านช่วงใดของการตระเตรียมของพระเจ้า มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ในทางของพระเจ้า ไม่มีทางลัด ทุกบทเรียนคือทางที่คนของพระองค์ต้องเดินผ่าน
มีคำพูดอีกว่า อย่าเหยียบขี้หมากองเดิม แปลว่า จงสอบให้ผ่านบทเรียนของชีวิต ที่ผ่านมาให้มันเพียงพอได้แล้วกับการทำอะไรซ้ำๆแล้วก็ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม อย่าถอยหลังกลับ แต่จงก้าวหน้า เคลื่อนไปข้างหน้า อันไหนไม่ได้ผล ก็เลิก ทำอะไรใหม่ กับสิ่งใหม่ๆ
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ด้วยความสดใหม่
อิสยาห์ 43:19 19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ผ่านความเชื่อฟัง (เอลียาห์ กับหญิงม่ายชาวเศราฟัท) เมื่อน้ำในลำธารเครีธแห้งหมด พระเจ้าสั่งให้เอลียาห์เดินทางออกจากเขตแดนของตนเอง ออกไปยังเขตแดนของหญิงม่ายชาวเศราฟัท ไปเพื่ออยู่กับครอบครัวที่ยากจนที่สุด และการเลี้ยงดูเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ สวนกระแสความยากจน.. แป้งและน้ำมันในไหของครอบครัวนี้ มีตลอดเวลา เพื่อเลี้ยงดู ตลอดที่เกิดภาวะฝนไม่ตกสามปีครึ่ง
1พงศ์กษัตริย์ 17:14-16 14 เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘แป้งในหม้อนั้นจะไม่หมด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่ขาด จนกว่าจะถึงวันที่พระเจ้าทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’ ”15 นางก็ไปกระทำตามคำของเอลียาห์ นาง ตัวท่านและครอบครัวของนางก็รับประทานอยู่หลายวัน16 แป้งในหม้อก็ไม่หมด น้ำมันในไหก็ไม่ขาด ตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งตรัสทางเอลียาห์
พระเจ้าทรงเลี้ยงดู ตราบใดที่เรายังยึดมั่นในพระเยซูคริสต์ และเดินในทางเดียวกันกับคำสอนของพระองค์
มัทธิว 6:25, 32 25 “เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ….32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้