“พระเยซูคริสต์เจ้า…ผู้ทรงเลี้ยงดู”
https://www.youtube.com/watch?v=3saPwsSrFzg
นี่เป็นครั้งแรกที่เปโตร อัครสาวก ได้พบกับพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงเรียกท่านให้ติดตามพระองค์ จนพระเยซูคริสต์ถูกจับ ถูกนำไปไต่สวน เปโตรติดตามพระเยซูคริสต์ไปห่างๆ และมีคนจำเปโตรได้ ว่าเคยอยู่กับพระเยซูคริสต์มาก่อน แต่เปโตรได้ปฏิเสธถึงสามครั้ง ก่อนไก่ขัน ว่าเขาไม่เคยรู้จักพระเยซู เป็นไปตามคำทำนายไว้ล่วงหน้าว่า เปโตรที่ตั้งใจจะติดตามพระเยซูจนถึงที่สุด คือ แม้พระองค์ตาม เขาก็จะตายตามด้วย เปโตรเสียใจที่เขาไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดไว้ อย่างที่ตั้งใจไว้ และเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขน ถูกฝ้งในอุโมงค์สามวัน เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์เพียงแค่ปรากฏตัวให้สาวกได้พบกับพระองค์เป็นครั้งๆ และนี่คือบันทึกของหนังสือยอห์น
ยอห์น 21:1-14 1 ต่อมาพระเยซูได้ทรงสำแดงพระองค์แก่เหล่าสาวกอีกครั้งหนึ่ง ที่ทะเลทิเบเรียส พระองค์ทรงสำแดงพระองค์อย่างนี้2 คือ ซีโมนเปโตร โธมัสที่เรียกว่าแฝด นาธานาเอลชาวบ้านคานาแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองของเศเบดี และสาวกของพระองค์อีกสองคนกำลังอยู่ด้วยกัน3 ซีโมนเปโตรบอกเขาว่า “ข้าจะไปจับปลา” เขาทั้งหลายจึงพูดกับท่านว่า “เราจะไปด้วย” แล้วพวกเขาก็ออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย 4 ครั้นรุ่งเช้า พระเยซูประทับยืนอยู่ที่ฝั่ง แต่เหล่าสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู5 พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ลูกเอ๋ย มีปลาบ้างหรือเปล่า” เขาตอบว่า “ไม่มี”6 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิดแล้วจะได้ปลาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาเป็นอันมาก จนลากอวนขึ้นไม่ได้7 สาวกคนที่พระเยซูทรงรักบอกเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” เมื่อเปโตรได้ยินว่า เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวมเพราะตัวเปล่าอยู่ แล้วก็กระโดดลงทะเล8 แต่สาวกคนอื่นๆ นั้น นั่งเรือมา และลากอวนที่ติดปลาเต็มนั้นมาด้วย เพราะเขาอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ไกลประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น 9 เมื่อเขาขึ้นมาบนฝั่งเขาก็เห็นถ่านติดไฟอยู่ มีปลาวางอยู่ข้างบน และมีขนมปัง10 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เอาปลาที่ได้เมื่อกี้นี้มาบ้าง”11 ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือแล้วลากอวนขึ้นฝั่ง อวนติดปลาใหญ่เต็ม มีหนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว ถึงมากอย่างนั้นอวนก็ไม่ขาด12 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มารับประทานอาหารกันเถิด” พวกสาวกไม่มีใครกล้าถามพระองค์ว่า “ท่านคือใคร” เพราะเขารู้อยู่ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า13 พระเยซูทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา และทรงหยิบปลาแจกด้วย14 นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว
“ลูกเอ๋ย มีปลาบ้างหรือเปล่า” สำนวนนี้ พูดตามภาษาชาวบ้าน ก็คือการถามว่า มีอะไรกินบ้างหรือยัง? พวกเขาก็ตอบกลับมาว่า ยังไม่มีอะไรจะกินเลย…. เปโตรและสาวกของพระเยซูคนอื่นๆ ทั้งหมดเจ็ดคน ต่างเคยมีอาชีพเป็นชาวประมง คือจับปลา และโดยประสบการณ์ของการเคยเป็นชาวประมง ย่อมรู้ว่า การจับปลา มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตนเอง แต่อยู่ที่ปลา ว่า มันจะมา หรือมันจะไป ชาวประมงไทย จะใช้คำว่า วันไหนโชคดี ก้จับปลาได้ วันไหนโชคไม่ดี ก็จับไม่ได้เลย ชาวประมงยิวอาจจะไม่ใช้คำแบบเดียวกัน แต่ก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน ก็คือ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไมใช่ได้ตลอด และสำหรับเปโตรกับสาวกอีกหกคน ในเวลานั้น ต่างก็ยอมรับสภาพว่า อดแน่ ไม่มีอะไรจะกินแน่ในวันถัดไป แต่….
พระเยซูทรงปรากฏที่ชายฝั่ง พระคัมภีร์ตอนนี้ บันทึกว่า เรือของพวกเขาห่างจากฝั่งประมาณร้อยเมตร น่าสนใจว่า ในระยะห่างนั้น เสียงของพระเยซูมาถึงพวกสาวกที่อยู่บนเรือได้อย่างไร นี่คือลักษณะพิเศษหลังจากพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย กายใหม่ของพระเยซูคริสต์สามารถผ่านประตูที่ปิดไปได้ และระยะทางหรือการรบกวนจากเสียงอื่นๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการได้ยิน การสื่อสาร จากพระเยซูมาถึงเหล่าวสาวกขณะอยู่บนเรือและลักษณะพิเศษอีกอย่างก็คือ พระองค์พูด ทุกคนได้ยินพร้อมกัน สาวกเจ็ดคน ในเวลานั้น จำไม่ได้ว่า คือพระเยซูคริสต์ พระอาจารย์ของตนเองที่เคยติดตามพระองค์มาถึงสามปีครึ่ง แม้แต่เสียงก็จำไม่ได้…. เป็นไปได้ว่า สาวกในเวลานั้น จดจ่ออยู่กับเรื่องปัญหาความกังวล เรื่องปากท้อง ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกิน ในอนาคตที่ใกล้มาก คือมื้อถัดไป….มื้อเช้านี้?
ความหิวของคน อาจทำให้การจดจ่ออยู่ที่อาหารมากกว่าคน คนไทยมีเรื่องกุกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เพราะความหิว แม้แต่คนสำคัญที่ควรจดจำยังลืมตัว ทำร้ายผู้มีพระคุณได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง กระเพาะของคนได้กลายเป็นพระ (รูปเคารพ) คือมีความสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด คำว่า รูปเคารพ ไม่ได้หมายถึงแต่รูปปั้น สิ่งที่คนสร้างขึ้นมาเพื่อกราบไหว้บูชาเท่านั้น แต่ประเด็นหลักของการเป็นรูปเคารพ คือ การเรียงลำดับความสำคัญให้สำคัญที่สุด สำคัญมากยิ่งกว่าพระเจ้า สิ่งนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงินทอง ค่านิยม อุดมการณ์ หรือบุคคล ได้กลายเป็นรูปเคารพไปแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เรามีรูปเคารพสำหรับตนเอง นั่นคือ เราจะจำไม่ได้ แม้กระทั่งผู้มีพระคุณของเรา
วันนี้ เรากำลังเห็นปรากฏการณ์ของม็อบเด็กนักเรียนออกมาแสดงสัญญลักษณ์ชูนิ้ว พร้อมกับข้อเรียกร้องต่างๆ โดยอ้างคำว่า ประชาธิปไตย แม้แต่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ก็ถูกก้าวล่วง ข้ามหัวไม่มีความสำคัญอีกต่อไป นี่คือรูปเคารพหรือไม่? คำว่า รูปเคารพ ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Idol ซึ่งในยุคปัจจุบันนำคำนี้ มาแปลแบบให้ดูสวยหรู และใช้ในทางที่คิดว่า เป็นบวก ดูเท่ห์นะ มีไอดอลของตัวเอง…..
พระเยซูคริสต์เจ้า….ผู้ทรงเลี้ยงดู ได้แสดงความห่วงใยว่า สาวกของพระองคืจะมีอะไรกินไม๊? ในคำสอนของพระองค์ ได้แสดงความห่วงใยด้วยคำว่า อย่ากระวนกระวาย ว่าจะเอาอะไรกิน เอาอะไรดื่ม
มัทธิว 6:31-32 31 เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
พระเจ้าไม่ได้แค่รับรู้ว่าเราต้องการอะไร แต่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้สำหรับเราแล้ว พระเยซูคริสต์ทรงสาธิตต่ออีกในเรื่องนี้
1.พระเยซูคริสต์เจ้า….ผู้ทรงเลี้ยงดู ด้วยความสดใหม่
ยอห์น 21:9,12-14 9 เมื่อเขาขึ้นมาบนฝั่งเขาก็เห็นถ่านติดไฟอยู่ มีปลาวางอยู่ข้างบน และมีขนมปัง…..12 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มารับประทานอาหารกันเถิด” พวกสาวกไม่มีใครกล้าถามพระองค์ว่า “ท่านคือใคร” เพราะเขารู้อยู่ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า13 พระเยซูทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา และทรงหยิบปลาแจกด้วย14 นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว
ยอห์น 21:4 4 นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว
การทรงปรากฏของพระเยซูคริสต์ คือความสดใหม่ ด้วยชีวิตใหม่ กายใหม่ สิ่งใหม่ๆ พระองค์ไม่ใช่ซากศพ ไม่ใช่ของที่ตายแล้ว แต่พระองค์ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับชีวิต และให้สิ่งที่สดใหม่แก่สาวกของพระองค์
มัทธิว 18:19-20 19 เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้20 ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆ ในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น”
หากย้อนขึ้นไปในบทเดียวกันนี้ พระเยซูได้กล่าวถึง สิทธิ์อำนาจของสวรรค์บนแผ่นดินโลก
มัทธิว 18:18 18 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งสารพัดซึ่งท่านจะกล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะกล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์เหมือนกัน
นี่คือภาพของคริสตจักรที่เป็นชุมชุนของพระเยซูคริสต์เจ้า เปิดใจ มีใจร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว รวมตัวกัน สามัคคีธรรมด้วยกัน พระเยซูคริสต์จะทรงอยู่ท่ามกลางพวกเขาในบทบาทของพระคริสต์ พระผู้ช่วย และหนึ่งในบทบาทนั้น คือ ผู้ทรงเลี้ยงดุ สิ่งที่แผ่นดินโลกไม่เคยเกิด ไม่เคยมี แผ่นดินสวรรค์จะกล่าวอนุญาตให้เกิดและมีขึ้น หรืแม้แต่สิ่งใดบนแผ่นดินโลกที่ห้ามไม่ได้ หยุดยั้งไม่ได้ แผ่นดินสวรรค์จะแทรกแซง กล่าวห้ามและหยุดยั้งให้
อุปสรรค ที่ยากที่สุด ที่ทำให้ความหวังตายไป ถูกเปลี่ยนให้มีความหวัง มีชีวิต การเลี้ยงดูของพระเยซูคริสต์ สดใหม่ เป็นการสำแดงใหม่ เป็นวิถีใหม่ สติปัญญาใหม่ ความคิดใหม่ ทำแบบใหม่ ซึ่งเกินจากที่คาดคิด อย่าคิดถึงอดีตที่ล้มเหลว และจมอยู่กับความสิ้นหวัง จงพบกับความสดใหม่ของพระองค์เสมอ ในคำสอนเรื่องการอธิษฐาน มีคำว่า ขอประทานอาหารประจำวัน คือความสดใหม่
2.พระเยซูคริสต์…ผู้ทรงเลี้ยงดู เริ่มต้นด้วยความพอเพียง (ไม่โลภ)
ยอห์น 21:3,6 3 ซีโมนเปโตรบอกเขาว่า “ข้าจะไปจับปลา” เขาทั้งหลายจึงพูดกับท่านว่า “เราจะไปด้วย” แล้วพวกเขาก็ออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย….6 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิดแล้วจะได้ปลาบ้าง”
พระเยซูคริสต์ทรงสอนสาวกให้มีความคาดหวัง ในเรื่องปากท้อง ด้วยการเริ่มต้นแค่พอเพียง
มัทธิว 6:26 26 จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ
ข้าพเจ้าเลี้ยงนกแก้วไว้ตัวหนึ่ง ตอนนี้ มีนกเขามาสามคู่ หกตัว มาให้เลี้ยงดูด้วย ข้าพเจ้าสังเกตการหาอาหารของมัน และเริ่มเห็นมันทำรังบนต้นไม้หน้าบ้าน เป็นรังใหญ่ มันน่ารัก และสุภาพมาก และเมื่อข้าพเจ้าเปิดประตูบ้านออกมา นกเขาจะเดินมาที่ประตูรั้ว และมาเดินรอบๆข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าคงต้องซื้ออาหารเพิ่มเป็นสองเท่า คือสำหรับเลี้ยงนกแก้วในบ้าน แล้วยังมีนกเขานอกบ้านอีก มันเริ่มเชื่อง และเชื่อในการเลี้ยงดูของข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำสอนของพระเยซูคริสต์ตอนนี้ ให้ดูนกในอากาศ เทียบกับการเลี้ยงดูของพระเจ้า พระเยซูสอนเรื่องความเชื่อ ความไว้วางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า จงทำรังใกล้ๆกับบ้านของพระเจ้า ที่ไหนคือบ้านของพระเจ้า การเลี้ยงดูก็จะอยู่ที่นั่น จงอยู่กับการทรงสถิตของพระเจ้า ทำให้บ้านเป็นที่ที่พระเจ้าอวยพร คริสตจักร สังคม และแผ่นดินไทยของเรา เป็นที่เราจะยึดพระองค์ไว้ โอบกอดพระเจ้า ไม่ยอมปล่อยจนกว่าพระเจ้าจะอวยพร และอวยพร คำอวยพรจะทำลายคำแช่งสาปออกไป
มีบุคคลในพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าจะยกตัวอย่างเรื่องนี้…..
ยาโคบ ได้พบกับพระเจ้า และได้ปล้ำสู้ คือไม่ยอมปล่อยทูตของพระเจ้า The Angel of the Lord ซึ่งหมายถึง ตัวแทนของพระเจ้า ยาโคบไม่ยอมปล่อย กอดรัดไว้ (ที่เรียกว่า ปล้ำสู้) จนกว่า พระองค์จะอวยพรเขา
ปฐมกาล 32:24-30 24 ยาโคบอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว มีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำกับเขาจนเวลารุ่งสาง25 เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็ถูกต้องที่ข้อต่อตะโพกของยาโคบขณะที่ปล้ำสู้กัน ข้อต่อตะโพกของยาโคบก็เคล็ด26 บุรุษนั้นจึงว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” แต่ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า”27 บุรุษผู้นั้นจึงถามยาโคบว่า “เจ้าชื่ออะไร” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ”28 บุรุษนั้นจึงว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอลเพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์ และได้ชัยชนะ”29 ยาโคบจึงถามบุรุษผู้นั้นว่า “ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร” แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น30 ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เปนีเอล กล่าวว่า “เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์พระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่”
ยาโคบขอแค่พระเจ้าอวยพร เพราะหนทางข้างหน้า เขารู้ว่า เขากำลังจะพบกับความเสี่ยงว่า พี่ชายคือเอซาว จะไว้ชีวิตเขาหรือไม่ จากการที่ยาโคบหลอกลวงจนพี่ชายโกรธชนิดไม่ให้อภัยและลั่นวาจาว่า เจอหน้าวันใด จะฆ่ายาโคบ เขาต้องการแค่คำอวยพรจากพระเจ้า เพราะนั่นคือ ความหวังเดียวที่เขาจะมีชีวิตอยู่รอดพ้นจากผลลัพธ์ความบาปที่ตนเองทำไว้กับคนอื่น และพระเจ้าได้พิสูจน์ว่า คำอวยพรของพระองค์ นอกจากยาโคบจะรอดชีวิต เพราะพี่ชายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือรักน้องชาย แทนเกลียดชัง ยาโคบยังไปต่อพร้อมกับพระพร ที่มากเกินคาด
3.พระเยซูคริสต์…ผู้ทรงเลี้ยงดู มีมากเพียงพอและให้เราอยู่ได้นาน
ยอห์น 21: 6,10-11 6 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิดแล้วจะได้ปลาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาเป็นอันมาก จนลากอวนขึ้นไม่ได้… 10 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เอาปลาที่ได้เมื่อกี้นี้มาบ้าง”11 ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือแล้วลากอวนขึ้นฝั่ง อวนติดปลาใหญ่เต็ม มีหนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว ถึงมากอย่างนั้นอวนก็ไม่ขาด
นอกจากจะได้อิ่มในมื้อนั้นแล้ว พระองค์ยังทรงให้เรามีมากกว่า มากเกิน มากล้น บันทึกการนับปลาได้จำนวน 153 ตัว สำหรับการจับปลาครั้งเดียวด้วยการทอดอวน ไม่ธรรมดา อวนที่ไม่สามารถรองรับจำนวนปลาได้ขนาดนี้ แล้วยังไม่ขาด นี่คือการอัศจรรย์ในการเลี้ยงดูของพระเยซูคริสต์ เพื่อให้สาวกได้มีความเชื่อ มั่นในการเลี้ยงดูของพระองค์
นกแต่ละชนิด กินอาหารไม่เหมือนกัน สังเกตที่ปากของนก อาหารที่เป็นเมล็ด และขนาดของเมล็ด หรือนกกินเนื้อ นกเขากับนกแก้วที่ข้าพเจ้าเลี้ยง เป็นนกชนิดเล็ก ปากเล็ก กินแต่เมล็ดเล็กๆ ทำให้นกใหญ่ไม่มาแย่งกิน และนกบางชนิดที่น่ารำคาญ เช่นนกกางเขนก็ไม่มารบกวน นกพิราบก็ไม่มา ข้าพเจ้าจึงเลือกชนิดอาหารให้กับนกที่ข้าพเจ้าต้องการจะเลี้ยง ได้ผล แม้อาหารจะเล็ก แต่ข้าพเจ้าให้จำนวนมาก ให้ได้นาน หมดช้า
ทำนองเดียวกัน บางครั้ง พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเรา อย่างนกชนิดเล็ก กินคำเล็กๆ แต่มีมาก มีให้กินได้นานๆ และหมดช้า หรือไม่มีวันหมด อาเมน
4.ผู้ทรงเลี้ยงดู ทรงเลี้ยงเราอย่างชาญฉลาด
พระเยซูคริสต์เจ้า…ผู้ทรงเลี้ยงดู