“ทีมเดียวกัน…กับพระเยซูคริสต์”
วีดีโอ พระเยซูทรงรักษาทาสของนายร้อย https://www.youtube.com/watch?v=RhLuLf45CpM
ในภาพยนต์นี้สร้างจากพระคัมภีร์ลูกา มีประโยคที่สำคัญที่พระเยซูทรงประทับใจ ก็คือ
ลูกา 7:8-9 … 8 ข้าพระองค์ทราบดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกบ่าวของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” 9 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบศรัทธามากเท่านี้”
นี่เป็นบทสนทนระหว่าง คนของนายร้อย (ไม่ใช่ตัวนายร้อยเอง) นายร้อยคนนี้ เป็นทหารโรม เป็นต่างชาติ ซึ่งมีปัญหาเรื่องความเจ็บป่วยของทาสที่อยู่ในบ้านของตน พระคัมภีร์ลูกาได้บันทึกว่า นายร้อยรักทาสคนนี้มาก (น่าจะเป็นทาสรับใช้ที่สัตย์ซื่อ มีความรับผิดชอบ และรู้ใจนาย ปรนนิบัติเป็นที่ถูกใจนาย และแสดงความรักที่มีต่อนาย ทำให้นาย คือนายร้อยคนนี้ รัก คำว่า รักที่ใช้ในการบันทึกนี้ รากศัพท์กรีก แปลว่า มีค่า มีเกียรติ มีชื่อเสียง (น่าจะแปลว่า ใครๆก็ชื่อนชอบ) คนอย่างนี้เป็นที่ต้องการ และถ้าต้องตายไป ก็เป็นความสูญเสียแก่ผู้เป็นนาย
เมื่อวานข้าพเจ้าได้ไปงานเผาศพญาติ ได้พบกับญาติที่นานๆจะพบกันที ได้พูดคุยกัน เขาก็เล่าให้ฟังว่า มีคนรับใช้ของลูกสาว ที่ดูแลหลานของเขาเป็นอย่างดี จนเขาพูดคำหนึ่งว่า ดูแลยิ่งกว่าคนเป็นแม่แท้ๆ ใครไปใครมาก็อยากให้หาคนแบบนี้มาทำงานที่บ้านด้วย พอเขาได้ยิน ก็พูดกับคนดูแลหลานของเขาว่า เธออย่าไปไหนนะ ใครเขาเสนอเงินให้เธอมากกว่าพันสองพัน(ความจริงเขาได้เงินเดือนสูงมาก เพราะครอบครัวนี้ค่อนข้างร่ำรวย) แต่การหาคนทำงานด้วยใจแบบนี้ หายากมาก เขาก็พยายามจะรักษาคนๆนี้เอาไว้ เพื่อมิให้ถูกซื้อตัวไป มีคำพูดหนึ่งที่เขาใช้ในการพูดกับคนงานคนนี้ ก็คือ เธอคิดดูนะ เด็กคนนี้เป็นใคร เขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านนี้ เธอเลี้ยงเขา เป็นแม่นมให้เขา วันหนึ่งเด็กคนนี้เติบโตขึ้น เป็นใหญ่เป็นโต แล้วเธอเป็นใคร เด็กคนนี้ แน่นอน เขาจะต้องดูแลเธอ สร้างบ้านให้เธอ …..บราๆๆๆๆ นี่คือความพยายามที่ชักจูงด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ มาพูดเพื่อรักษาเขาเอาไว้ ญาติคนนี้ เขาทำจริง เพราะเขาส่งเสียลูกคนใช้ในบ้านเขาเอง เรียนโรงเรียนดีๆ จนคนใช้พูดกับนายของเขา(ญาติของข้าพเจ้า)ว่า เขาเป็นคนใช้นะ เจ้านายกำลังจะทำให้ลูกของเขาลืมตัวหรือเปล่าว่า เขาเป็นลูกคนใช้…. พาไปต่างประเทศ ไปเป็นเพื่อนหลานของเขา ออกค่าเทอมให้ ตอนนี้ซื้อบ้านให้อยู่ แต่ยังทำงานกับเจ้านาย….
อะไรทำให้คนใช้เหล่านี้ ได้รับเกียรติจากเจ้านายของเขาขนาดนี้ คำตอบคือ เพราะเขาทำงานให้เจ้านายของเขาชนิดถวายหัว(ใจ) เป็นทีมเดียวกันกับเจ้านายของเขา ทาสที่ป่วย ที่เป็นที่รักคนนี้ ทำให้นายร้อยเสียดาย หากเขาตายไป และอาการป่วยของเขา คือใกล้ตาย หมดหนทาง หนังสือลูกาบันทึกว่าใกล้ตาย Read to die คือไม่มีทางช่วยได้แล้ว ลูกาเป็นหมอ ใช้ศัพท์ทางการแพทย์ก็คือ รักษาไม่ได้แล้ว เหตุผลหนึ่งที่พระเยซูทรงตอบตกลงไปน่าจะเพราะ เคสนี้ พระองค์เท่านั้นที่ช่วยได้…..แต่ว่า….
ลูกา 7:6-7”6 และพระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์7 เพราะเหตุนั้นข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพระองค์จะไปหาพระองค์ด้วย แต่ขอพระองค์ตรัสสั่ง และบ่าวของข้าพระองค์จะหายโรค
นายร้อยเปลี่ยนใจ…. เมื่อพบว่า พระเยซูคริสต์ทรงเต็มใจ ที่จะมาตามคำเชิญ แม้ว่า ธรรมบัญญัติของคนยิวจะห้ามคบหาสมาคมกับคนต่างชาติ แต่ให้เรามาดูพระเยซูคริสต์เต็มใจที่จะช่วยคนต่างชาติอย่างไร?
มีตัวอย่างของหญิงชายซีเรียฟินิเชีย ในพระคัมภีร์มาระโก7
มาระโก 7:24-30 24 พระองค์จึงทรงลุกขึ้นจากที่นั่น ไปยังเขตแดนเมืองไทระ และเมืองไซดอน แล้วเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่งประสงค์จะมิให้ผู้ใดรู้ แต่พระองค์จะทรงซ่อนอยู่มิได้25 เพราะทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวที่ผีโสโครกสิง เมื่อได้ยินข่าวถึงพระองค์ ก็มากราบที่พระบาทของพระองค์26 ผู้หญิงนั้นมีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย พูดภาษากรีก แล้วนางทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้ขับผีออกจากลูกสาวของตน27 ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่นางนั้นว่า “ให้พวกลูกกินอิ่มเสียก่อน เพราะว่าซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร”28 แต่นางทูลตอบว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินเดนอาหารของลูก”29 แล้วพระองค์ตรัสแก่นางว่า “เพราะเหตุถ้อยคำนี้จงกลับไปเถิด ผีออกจากลูกสาวของเจ้าแล้ว”30 ฝ่ายหญิงนั้นเมื่อไปยังเรือนของตน ได้เห็นลูกนอนอยู่บนที่นอน และทราบว่าผีออกแล้ว
ชายแดนเมืองไทระและไซดอน ในปัจจุบันก็คือ ประเทศเลบานอน ที่เกิดเหตุระเบิดใหญ่เมื่อไม่นานนี้ เป็นประเทศตะวันออกกลางที่มีชาวคริสต์อยู่จำนวนไม่น้อย ในประวัติศาสตร์คริสตศาสนา ได้เอาพระคัมภีร์ตอนนี้เชื่อมโยงว่า สถานที่ที่พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ และเสด็จมาเยือน
จุดที่น่าสนใจคือพระเยซูไปที่นี่อย่างซ่อนตัวไม่ให้คนรู้ เพราะไม่ต้องการให้พวกคนยิวรู้สึกไม่พอใจที่พระเยซูทรงไปช่วยคนต่างชาติ พระเยซูทรงเห็นแก่คนยิวที่อาจจะไม่พอใจ แต่พระองค์ก็ทรงรู้ว่า มีคนต่างชาติที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างหญิงซีเรียฟินิเชียคนนี้ เหมือนกับที่พระองค์ทรงเห็นแก่นายร้อย..
ครั้งเมื่อข้าพเจ้าไปช่วยผู้ประสบภัยสึนามิที่พังงาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เราตกลงกันกับคริสตจักรที่ร่วมกันเป็นทีมเดียวกันภายใต้ชื่อว่า We love Thailand เรารักประเทศไทย เป็นโครงการช่วยผู้ประสบภัยสีนามิ เราจะไม่ไปในนามของคริสตจักร และไม่ประกาศตัวว่าเราเป็นใคร ตำแหน่งอะไร ข้าพเจ้าก็ไปอย่างเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ได้สวมชุดครุย เสื้อศาสนาจารย์ไป ไม่บอกใครว่า ข้าพเจ้าเป็นศิษยาภิบาล และเมื่อไปทุกครั้งโดยเฉพาะที่ในฐานทัพเรือทับละมุ จังหวัดพังงา ก็จะมีคนในครอบครัวของทหารเรือ จูงมือข้าพเจ้า เข้าบ้านเขา และพูดกับข้าพเจ้าว่า เขาอยากเป็นคริสเตียน เขาอยากรับเชื่อ ข้าพเจ้าบอกเขาว่า ไม่ต้องเป็นคริสเตียน คุณก็ได้รับความช่วยเหลือจากเราแน่นอน เขาก็พูดกับข้าพเจ้าว่า ไม่ใช่ เขาอยากได้พระเจ้าที่ข้าพเจ้ามี เพราะพระของเขาลอยไปกับน้ำ เขายังช่วยพระของเขาไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกือบจะเอาตัวไม่รอด
ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คนเขาจะสืบให้รู้ว่า คุณคือใคร และอยากจะเข้าพวกด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาล่อ…
ตอนสึนามิเกิดขึ้นใหม่ๆ ไฟดับหมดทั้งพื้นที่ เสียหายมาก ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ สำหรับจำเป็นเท่านั้น แสงสว่างก็น้อย ข้าพเจ้าไปสอนให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับสึนามิด้วยใช้เครื่องปั่นไฟของทางฐานทัพเรือ แค่ใช้ไมโครโฟน ส่วนแสงสว่างก็ไฟฉายส่องหน้าตัวเอง สอนจบ ก็มีเสียงคนตะโกนมาจากความมืดว่า เขาไม่ต้องการของแจก แต่เขาต้องการให้เราอยู่กับเขา ข้าพเจ้าก็ตอบคนที่ตะโกนมาว่า ข้าพเจ้าจะอยู่กับเขา(คิดในใจ สามเดือน น่าจะได้ ตามเงินในกระเป๋า แบบไปๆมาๆ) แต่ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าต้องบินไปกลับระหว่าง กรุงเทพ ภูเก็ต และขับรถไปพังงาทุกอาทิตย์ เป็นเวลาเกือบสามปี ขอย้ำว่า บินทุกอาทิตย์
ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ พระองค์จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้เสมอ ภายหลัง ในเวลาต่อมา เจ้าของเสียงที่ตะโกนนั้น รับเชื่อและ ได้พาคนในตระกูลของเขา ทั้งพี่น้อง ครอบครัวของแต่ละคน มาเชื่อพระเจ้า 20 กว่าคน (พี่น้องเขาเยอะมาก)
1.ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์….รักอย่างที่พระเจ้ารัก
ลูกา 7:3-5 3 เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้ผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน4 เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน5 เพราะว่าท่านรักชนชาติของเรา และท่านเองได้สร้างธรรมศาลาให้เรา”
คำว่า รัก ที่พวกผู้ใหญ่บางคนในพวกยิว ใช้อ้างกับพระเยซูเพื่อขอร้องให้พระเยซูไปรักษาทาสของนายร้อย ใช้คำว่าอากาเป้ แปลว่า รักอย่างพระเจ้ารัก นายร้อยคนนี้เป็นคนต่างชาติ ทำคุณประโยชน์ให้กับคนยิวมากมายเป็นการกระทำหลายอย่างแต่สิ่งที่ชัดเจน ก็คือการสร้างธรรมศาลาให้กับคนยิว ธรรมศาลา ก็เหมือนกับคริสตจักร เป็นที่รวมตัวกันของคนยิวในวันสะบาโต เพื่อจะนมัสการพระเจ้า และฟังธรรมฟังเทศน์ อ่านพระคัมภีร์ สามัคคีธรรมด้วยกัน ถ้าเทียบก็เหมือนกับคนที่ไม่เป็นคริสเตียนมาสร้างโบสถ์ให้กับคริสเตียน
พวกผู้ใหญ่บางคนในพวกยิว ต่างก็รู้ธรรมบัญญัติดี ย่อมรู้ว่า คนยิวไม่คบหาคนต่างชาติ แต่นายร้อยคนต่างชาติคนนี้ น่าคบหา เพราะเขา ทำคุณ ประโยชน์ให้กับคนยิว ในสถานการณ์ที่คนยิวเป็นทาสของอาณาจักรโรม แต่นายร้อยปฏิบัติตนเสมือนหนึ่งเป็นพวกเดียวกัน (ทีมเดียวกัน)กับคนยิว จะเรียกว่า มีส่วนในพันธกิจของพระเจ้า ก็ว่าได้
2.ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์…ไปทิศทางเดียวกันกับพระองค์
ลูกา 7:6-7 6 และพระเยซูจึงเสด็จไปกับเขา เมื่อไปเกือบจะถึงตึกแล้ว นายร้อยจึงใช้เพื่อนฝูงไปหาพระองค์ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์7 เพราะเหตุนั้นข้าพระองค์จึงคิดเห็นว่า ไม่สมควรที่ข้าพระองค์จะไปหาพระองค์ด้วย แต่ขอพระองค์ตรัสสั่ง และบ่าวของข้าพระองค์จะหายโรค
ด้วยความรักที่นายร้อยมีต่อทาสที่ตนเองรัก อยากให้ทาสที่รัก หายป่วยรอดตาย ความปรารถนานี้ ทำให้เขาอาจมองข้ามธรรมบัญญัติเกี่ยวกับการไม่คบหาคนต่างชาติ เพราะจะนำคนยิวไปเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ แต่เมื่อพระเยซูคริสต์มาตามคำขอจริง นายร้อยจึงตระหนักว่า เขากำลังทำสิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมบัญญัติที่ห้ามเรื่องนี้ นี่จึงเป็นเหตุที่นายร้อยเปลี่ยนใจ ไม่ยอมให้พระเยซูคริสต์เข้าบ้านของตนเอง เพราะเขาเป็นคนต่างชาติ แม้จะทำคุณมากมายกับคนยิว ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมีอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ ยิ่งพระเยซูคริสต์ทรงสำแดงพระองค์ชัดเจนว่า พระองค์มาจากพระเจ้า นายร้อยยิ่งตระหนักว่า เขาจะไม่ทำให้พระเยซูถูกตำหนิด้วยเหตุความต้องการ ความพอใจของตัวเขาเอง
3.ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์…ให้พระเยซูเป็นหัวหน้าทีม
ลูกา 7:8 8 ข้าพระองค์ทราบดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกบ่าวของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ”
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร นั่นหมายถึง พระองค์ทรงเป็นหัวหน้าทีม ร่างกายที่ไม่มีหัว ย่อมไม่เป็นร่างกายอีกต่อไป ทำนองเดียวกัน คริสตจักรที่ไม่มีพระเยซูคริสต์ ย่อมไม่เป็นคริสตจักร
2ทิโมธี 2:4 4 ไม่มีทหารคนใดที่เข้าประจำการแล้วจะยุ่งอยู่กับงานฝ่ายพลเรือน ด้วยว่าเขามุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ
จำเป็นที่เราจะต้องรู้ว่า หัวหน้าทีมของเราต้องการอะไร และเราต้องทำให้พระองค์ทรงพอพระทัย
วิศกร หัวหน้าช่าง ที่รับมอบงานให้ก่อสร้างตามแบบที่กำหนดไว้ คนเหล่านี้ ต่างเป็นหัวหน้าทีมของคนงาน ทำนองเดียวกัน พระเยซูทรงเป็นหัวหน้าทีมของเราที่เป็นพระกายของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงรู้จักแบบแปลนที่พระเจ้าพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ทรงมอบหมายภารกิจให้พระองค์มาสร้างคริสตจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ แบบแปลนคริตจักรได้ถูกำหนดไว้แล้ว เราทั้งหลายมีหน้าที่ทำตามแบบแปลน คือการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าว่า เราอยู่ตรงไหน นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์เอเฟซัสได้กล่าวไว้….
เอเฟซัส 4:11-12 15-16 11 ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์12 เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น….15 แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์16 คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆ ข้อต่อที่ทรงประทาน ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว
ข้อ 11-12 ที่กล่าวถึงของประทานห้าอย่าง five fold ministries คือ บทบาทของวิศวกร และหัวหน้าช่าง ที่ทำหน้าที่ให้คนทำงานเชื่อมต่อกันและช่วยให้ทุกคนในคริสตจักรทำหน้าที่ตามความเหมาะสม
ข้อ 15-16 กล่าวถึง แบบแปลนเดียวกัน คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ มีคริสตจักรเดียว แม้จะมีวิศวกร หัวหน้าช่างหลายคน แต่ทุกคนต่างต้องนำให้คริสตจักรอยู่ภายในพระเยซูคริสต์แต่เพียงผู้ดียว จะติดตามพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
เพลงที่เราต้องนมัสการพระเจ้าในวันนี้ เพลงหนึ่งหนึ่ง มีท่อนร้องรับว่า ข้าจะตามไป ตามไป ไปทุกทาง เราคิดและทำอย่างเพลงที่เราร้องไม๊ หรือแค่ร้องเป็นเพลงเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะยังติดตาม และเดินในเส้นทางของพระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้าเคยถามผู้รับใช้บางคนว่า ถ้าไม่มีเงิน คุณยังจะรับใช้ที่นี่ต่อไปไม๊ คำตอบที่เขาตอบข้าพเจ้าทันที คือคำว่า ไม่ และเมื่อถึงวันที่คริสตจักรไม่มีเงินจริงๆ คุณก็จะเห็นว่า ใครอยู่ และใครไป …..
มีคำพูดกล่าวว่า เราจะเห็นธาตุแท้ของคน ก็ต่อเมื่องเราหมดประโยชน์
นายร้อยคนนี้ ใช้ประโยคที่ทำให้พระเยซูทรงประทับใจและชื่นชม ก็คือ เขามีวินัยเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพราะประโยชน์ที่เขาคาดหวังจะให้ทาสหายโรค ในวินาทีที่เขาเปลี่ยนใจไม่ให้พระเยซูเข้าบ้าน เพราะเขาตระหนักถึงตนเองไม่สมควร และบ้านของเขาก็ไม่สมควร เขาหยุดความคิดที่เขาเคยคิดว่า เขาเป็นผู้มีคุณต่อคนของพระเจ้า เขาสร้างธรรมศาลา (สร้างโบสถ์) เขาถวายเยอะ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่เขาจะมีสิทธิ์ใช้พระเยซูเพื่อสนองความปรารถนของตนเอง มาถึงตอนนี้ เขากลับลำ (กลับใจใหม่) ขอให้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นนายของเขา แทนที่เขาจะทำตัวเป็นนายใช้พระองค์
บ่อยครั้งที่คริสเตียนมักจะเป็นทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์แบบให้พระองค์เป็นลูกทีม และสั่งให้พระองค์ทำอย่างตนเองต้องการ
4.ทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์…เสมอต้นเสมอปลาย
ลูกา 7:9-10 9 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบศรัทธามากเท่านี้”10 ฝ่ายคนที่รับใช้มานั้น เมื่อกลับไปถึงตึกก็ได้เห็นทาสนั้นหายเป็นปกติแล้ว
คำตรัสของพระเยซูที่ทรงตรัสถึงนายร้อย ด้วยประโยคว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้ในพวกอิสราเอล เราไม่เคยพบศรัทธามากเท่านี้” คำว่า ศรัทธา รากศัพท์กรีกแปลว่า ไว้วางใจ มั่นใจ พึงพิง (ในความรอดจากพระเยซูคริสต์) อย่างต่อเนื่อง ยึดความจริงเรื่องนี้ไว้อย่างแน่วแน่ในพระเยซูคริสต์แต่เพียงผู้เดียว ในบทสื่อสารกับพระเยซูคริสต์ในตอนนี้ มีจุดน่าสังเกตว่า เป้าหมายของการส่งผู้สื่อสารมาเชิญพระเยซูคริสต์ ให้ไปรักษาทาสของนายร้อยที่บ้าน แต่พอพระเยซูคริสต์ตอบตกลง และเดินทางไปจะถึงบ้าน นายร้อยเห็นพระเยซูมาใกล้จะถึงแล้ว กลับส่งคนออกมาสื่อสารอีกว่า เขาเปลี่ยนใจล่ะ ขอพระเยซูอย่าเข้ามาในบ้านของเขาเลย นายร้อยยังคงต่อเนื่องในความศรัทธาที่มีต่อพระเยซูคริสต์…. แม้ว่า วิธีการจะเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังคงวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้าอย่างต่อเนื่อง…
ไม่ใช่ทำให้ตนเองพอใจ ไม่ใช่ทำให้คนบางคนพอใจ โดยไม่สนใจว่า พระเจ้าจะไม่พอพระทัยหรือไม่ มีอาจารย์ท่านหนึ่งพูดว่า ระวังพระเจ้าจะทนเราไม่ไหว และพระองค์จะหยิบเราออกไปจากแผนงานของพระองค์ คือปลดระวาง ไม่ใช้เราอีกต่อไป อ.เปาโลใช้คำว่า
1โครินธ์ 9:27 27 แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้