“พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย”
พระเยซูคริสต์ทรงทำพันธกิจ และสั่งสอนผู้คนมากมาย ทรงปฏิบัติ เป็นตัวอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การสอนและเป็นแบบอย่างของการไม่กลัว คำที่พระเยซูคริสต์มักจะใช้เสมอ ก็คือคำว่า อย่ากลัวเลย อย่ากลัวที่จะอด อย่ากระวนกระวาย อย่ากลัวว่า จะไม่มีสิ่งนั้นสิ่งนี้ และที่สุดของคำสอนเรื่องอย่ากลัว ก็คือ อย่ากลัวผู้ที่จะฆ่าได้แต่กาย….
ลูกา 12:4-7 4 “มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกพวกท่านว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย เสร็จแล้วไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก5 แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวใคร จงกลัวพระองค์ผู้ที่เมื่อทรงฆ่าแล้วก็ยังมีสิทธิอำนาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริง เราบอกพวกท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ6 นกกระจาบห้าตัวเขาขายสองอาส์ซาริอันไม่ใช่หรือ? และนกนั้นแม้สักตัวเดียวพระเจ้าก็ไม่ได้ทรงลืมเลย7 ถึงผมของพวกท่านก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น อย่ากลัวเลย ท่านก็มีค่ามากกว่านกกระจาบหลายตัว
พระเยซูทรงสอนเรื่องอย่ากลัวเลย จากเบสิคๆสามัญของความเป็นมนุษย์ คืออย่ากลัวเรื่องปากท้อง จนถึงสุดๆของความกลัวของคน ก็คืออย่าคนฆ่าให้ตาย แต่พระองค์สอนอีกมุมหนึ่งของความกลัว ก็คือ ผู้ที่น่ากลัวที่สุด คือ พระเจ้า…..จงกลัวพระองค์ผู้ที่เมื่อทรงฆ่าแล้วก็ยังมีสิทธิอำนาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริง….
คนไทยถูกสอนให้กลัวมัจจุราช พญายม เจ้าแห่งนรก ที่จะคอยควบคุมคนในนรก แต่ไม่เคยถูกสอนให้กลัว เจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ผู้ที่จะทำการตัดสินพิพากษามนุษย์ทุกคนไม่ให้เข้าสวรรค์ นั่นคือต้องตกนรก นรกที่พระเยซูคริสต์ตรัสในตอนนี้ คือ ถูกฆ่าด้วยไฟในบึงไฟนรก แปลว่า นรกคือที่ทำลายดวงจิตวิญญาณ ไม่ใช่ที่ทรมาน บางคนคิดว่า นรกเป็นแค่ที่อยู่ที่อยู่แล้วทรมาน ข้าพเจ้าตีความตอนนี้ นรกคือที่ที่จะทำลายดวงจิตวิญญาณที่ถูกพิพากษาบาป นี่คือจุดจบของชีวิตจิตวิญญาณจริงๆ
พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย คือการเตือนล่วงหน้า เพราะมนุษย์ถูกหลอกให้กลัวสิ่งที่ไม่ใช่ความน่ากลัวที่แท้จริง เรากลับไปกลัว อด กลัวไม่มีวัตถุสิ่งของ กลัวคนที่มาข่มขู่ กลัวไปทุกอย่างที่ไม่น่ากลัว แต่กลับไม่กลัวพระเจ้าในบทบาทผู้พิพากษาบาปที่แท้จริง
พันธกิจอย่ากลัวเลยของพระเยซูคริสต์….นอกจากจะเตือนถึงบทบาทของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์แล้ว พระองค์ได้นำภาพที่ไม่น่ากลัวของพระเจ้ามาให้กับมนุษย์ว่า ก่อนจะถึงการพิพากษา พระเจ้าได้สำแดงความรัก ความเมตตาในบทบาทของพระผู้สร้างสรรพสิ่งในโลกนี้
….และนกนั้นแม้สักตัวเดียวพระเจ้าก็ไม่ได้ทรงลืมเลย7 ถึงผมของพวกท่านก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น อย่ากลัวเลย ท่านก็มีค่ามากกว่านกกระจาบหลายตัว
พันธกิจอย่ากลัวเลย ของพระเยซูคริสต์ คือการทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นคุณค่าของตนเองว่า แม้มนุษย์จะล้มลงในความบาป แต่คุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม กลับมีค่ามากในสายพระเนตรของพระเจ้า แม้แต่เส้นผมของเรา พระเจ้ายังนับไว้ แล้วชีวิต จิตวิญญาณของมนุษย์ พระเจ้าจะหาทางออกให้ก่อนถึงวันพิพากษาได้อย่างไร วันนี้ คือเวลาแห่งพระคุณ พระเมตตาที่พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยไว้นาน เพื่อการช่วยกู้มนุษย์ให้รอด ก่อนที่จะหมดเวลา และพระองค์จะต้องทำบทบาทผู้พิพากษา
อย่ากลัวเลย รากศัพท์กรีก แปลว่า อย่าตกใจ อย่าตื่นกลัว อย่าให้ความกลัวถูกกระตุ้นมากเกินเหตุ ความกลัว เป็นความรู้สึกหนึ่งในสามความรู้สึกของมนุษย์ที่ควรมี (โกรธ เศร้า กลัว) แต่ถ้ามีมากไป จะกลายเป็นวิตกจริต และกลายเป็นทำร้ายตัวของผู้นั้นเอง
ในบทเรียนของพันธกิจเอลียาห์เฮ้าส์ ได้สอนเรื่องความรู้สึก (โกรธ เศร้า กลัว) เป็นเหมือนลูกโป่ง สามใบ ถ้าความรู้สึกโกรธ และเศร้า ถูกบีบไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา (คนไทย มักจะสอนลูก สอนเด็กว่า ห้ามแสดงความโกรธ ห้ามแสดงความเศร้า แต่กลับสอนให้กลัว นั่นกลัวนี่ และให้กลัวผีที่มาจากจินตนาการ จะเห็นว่า ฝรั่งจะไม่กลัวผี เพราะเขาไม่ถูกสอนให้จินตนาการเรื่องนี้ และแสดงออกทางความรู้สึกสามด้านได้อย่างเสรีตั้งแต่เด็ก เมื่อความกลัวเป็นสิ่งที่คนไทยเราสอนกันตั้งแต่เด็ก จึงกลายเป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อย แสดงความกลัวออกมามากที่สุด ในรูปแบบต่างๆ
พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย เตือนให้รู้ก่อน เจอของจริง
5 แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวใคร จงกลัวพระองค์ผู้ที่เมื่อทรงฆ่าแล้วก็ยังมีสิทธิอำนาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริง เราบอกพวกท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ
พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำว่า เตือนให้รู้ก่อน นื่คือรูปแบบการทำงานของพระเจ้า (ผู้ทรงเป็นตรีเอกานุภาพ) คือพระเจ้าผู้ทรงทำงานในสามพระภาคคือพระเจ้าพระบิดา พระเยซูคริสต์พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว ไม่ใช่พระเจ้าสามองค์ พระเจ้าผู้ทรงทำงานของพระองค์ในบทบาทต่างๆ เพื่อให้มนุษย์ได้รับข่าวสารที่ถูกต้องจากพระองค์ ผ่านการสำแดงพระลักษณะของพระองค์สามพระภาค เพื่อให้รู้จัก ความเป็นพระเจ้า และพระลักษณะของพระองค์ พระเยซูคริสต์พระบุตรพระเจ้าจึงเสด็จมาเป็นมนุษย์เพื่อจะสำแดงให้เราได้รู้จักพระเจ้าในฐานะของ พระเจ้าผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรมกับมนุษย์ทุกคน และยังสำแดงพระเจ้าพระบิดา ผู้ทรงเมตตา และนำความรอดมาให้ก่อนที่การพิพากษาจะตามมา
พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย จึงเป็นคำที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสบ่อยๆ ใครที่มาเชื่อ เป็นศิษย์ของพระเยซู จะได้รับพันธกิจนี้ด้วยเสมอ เพื่อให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์แห่งความน่ากลัวทั้งหลายขณะดำเนินชีวิตในโลกนี้ อย่างผู้มีชัยชนะเหนือความกลัว (ของตนเอง) และรู้ว่า ควรจะใช้ความกลัวอย่างเหมาะสม และถูกกาละ คือการไม่ประมาท มีปัญญารอบคอบเหมือนอย่างพระบิดาผู้ทรงดีรอบคอบ
มัทธิว 5:48 48 เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ
คำว่า ดีรอบคอบ ฉบับแปลคิงส์เจมส์ใช้คำว่า เพอเฟ็ค แปลว่า สมบูรณ์แบบ รากศัพท์กรีก แปลว่า เสร็จสมบูรณ์ (ไม่มีที่ติ) แปลว่า เป็นผู้ใหญ่สมอายุ คำไทยน่าจะใช้คำว่า วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นคำเดียวกันกับคำที่ใช้ในพระคัมภีร์เอเฟซัส
เอเฟซัส 4:13 13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์
ความเป็นผู้ใหญ่ Perfect man เป็นภาษาพระคัมภีร์ คือ การโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ ไม่ใช่หมายถึงร่างกายที่เป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ แต่หมายถึงคริสตจักรที่เป็นพระกายของพระองค์ ที่มีพระเยซูเป็นศีรษะ ความบริบูรณ์ แปลว่า เต็มไปด้วย ของประทาน และพระคุณในชีวิตของผู้เชื่อ (ศิษย์ของพระเยซูคริสต์ทุกคน) คริสตจักรคือภาพของการเชื่อมต่อกันและกัน และเชื่อมต่อกับพระเจ้าตรีเอกานุภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และนี่คือแผนการอันยอดเยี่ยมของพระเจ้าเรื่องความรอดที่เกิดจากการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน….
พระเยซูคริสต์….พันธกิจอย่ากลัวเลย นำเราเชื่อมต่อกับพระเจ้าพระบิดา ก่อนที่เราจะพบกับบทบาทของพระองค์คือพระเจ้าผู้พิพากษาโลกและมนุษย์ทุกคน เพื่อเราจะยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังค์พิพากษาอย่างลูกสำนึกผิดบาป ต่อหน้าพระเจ้าพระบิดา ไม่ใช่ทาส ที่อยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา
โรม 8:15-17 15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า17 และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย
พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย คือ การทำงานของพระเจ้าในภาพตรีเอกานุภาพ ทั้งสามพระภาคเป็นหนึ่งเดียว ที่พระเยซูคริสต์ทรงนำมาให้แก่ผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์แล้ว
1.อย่ากลัวเลย…บุตรของพระเจ้า
โรม 8:15 15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา
พันธกิจอย่ากลัวเลย ของพระเยซูคริสต์ จะทำให้เราเข้าหาพระเจ้า สัมผัสความรักของพระบิดา ที่พร้อมจะหลั่งไหลมายังผู้ที่เป็นบุตรของพระเจ้า เพื่อนำการเยียวยาบาดแผลทั้งหลาย ระหว่างลูกกับพ่อแม่ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงตอนจบของการเป็นบุตรของพระเจ้า จะทำให้เกิดการฟื้นฟูความสัมพันธ์ ไม่มีความกลัวกันอีกต่อไป
อิสยาห์ 11:6-9 6 สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆ จะนำมันไป7 แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้8 และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง9 สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บหรือจะทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลก จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น
คนจะปลอดภัยกับคนด้วย ทุกวันนี้ สิ่งน่ากลัว และเป็นอันตรายที่สุดคือคน พันธกิจอย่ากลัวเลยของพระเยซูคริสต์จะเปลี่ยนคนที่น่ากลัวให้ไม่น่ากลัว และเปลี่ยนคนที่กลัวคนให้กล้าหาญ และไม่กลัวคน
2.อย่ากลัวเลย…มีพยานร่วมที่ดีที่สุด
โรม 8:16 16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า
วันหนึ่ง เมื่อเราอยูต่อหน้าบัลลังค์พิพากษา เราต้องการพยานที่ดีที่สุดที่จะยืนอยู่เคียงข้างเรา ให้เรามั่นใจว่า เราจะผ่านการพิพากษาของพระเจ้า ไปได้ ด้วยการยืนยันว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้าจริงๆ ราเป็นของจริง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะยืนยันว่า จิตใจของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ เราเชื่อฟัง ดำเนินชีวิตอย่างลูกของพระเจ้า ไม่ใช่ลูกมาร เราเป็นของจริง เราตอบสนองกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการต่อสู้กับเนื้อหนังของเราเอง เราร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในความรัก เราให้อภัยได้ง่าย เราไม่จดจำวามผิด เราอดทนต่อทุกอย่าง พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้นำพาเราไปถึงความรักที่สมบูรณ์ และพระองค์จะเป็นพยานให้กับเรา ว่าเราอ่อนแอ เข้มแข็งอย่างไร
1ยอห์น 4:17-18 17 ในข้อนี้แหละ ความรักของเราจึงสมบูรณ์ เพื่อเราทั้งหลายจะได้มีความมั่นใจในวันพิพากษา เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไรเราทั้งหลายในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัวเข้ากับการลงโทษและผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์
3.อย่ากลัวเลย…ทายาทร่วมของพระคริสต์
โรม 8:17 17 และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย
พระคัมภีร์ยอห์นได้กล่าวว่า การต้อนรับพระเยซู และเชื่อในพระเยซูคริสต์จะได้สิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า นั่นคือความเป็นทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์ (พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า)
ยอห์น 1:12 12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
พระเยซูทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า ทรงเป็นบุตรหัวปี ที่สามารถให้สิทธิ์ร่วมแก่ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ บุตรหัวปี จะรับมรดกเป็นสองเท่า มากกว่าคนอื่น บุตรหัวปี มีสิทธิ์อำนาจต่อจากพ่อ โดยตรง
นอกจากเราจะหลุดจากความเป็นทาสของความกลัวแล้ว เรายังรอดพ้นจากการพิพากษาในอนาคต และได้ร่วมเป็นทายาทรับมรดกจากพระเจ้า เหมือนกับพระเยซูคริสต์ แล้วเราจะกลัวอะไรอีกเล่า
พันธกิจอย่ากลัวเลย ของพระเยซูคริสต์ทำให้เราอยู่ในโลกนี้อย่างผู้มาชัยชนะ อย่าให้สภาพของมนุษย์ขี้กลัว มาครอบงำเรา จนทำให้ความจริงที่เราเป็นถูกบิดเบือนไป
“พระเยซูคริสต์…พันธกิจอย่ากลัวเลย” มีเหตุผลที่เราไม่กลัวเพราะว่า
- เราเป็นบุตรของพระเจ้า
- เรามีพยานที่ดีที่สุดคือพระวิญญาณบริสุทธิ์
- เราเป็นทายาทร่วมกับพระเยซูคริสต์