“ตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ”
ลูกา 5:27-32, 6:12-16
การพบกับหมอ เพื่อช่วยรักษาชีวิต เรามักจะคิดว่า เวลาที่เราป่วยเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบัน การพบหมอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อตรวจความผิดปกติ ที่อาจซ่อนอยู่ เราเรียกการพบหมอนี้ว่า ตรวจสุขภาพ check up ประจำปี ซึ่งคนสบายดี ที่รอบคอบ จะทำก่อนที่จะเกิดภาวะที่เรียกว่า ป่วยกระทันหัน ตูมขึ้นมา แล้วสายเกินแก้ มีโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดที่ยากแก่การรักษา แต่หากพบก่อน ในระยะที่สามารถแก้ไขได้ทัน และรักษาให้หายได้ เช่น มะเร็งระยะเริ่มต้น หรือความเจ็บป่วยบางชนิดที่ดูสิ้นหวัง แต่หากรับการฟื้นฟูอย่างถูกวิธี ก็สามารถฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ได้ เราอยู่ในโลกวิวัฒนาการที่ค้นพบความรู้มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า คนจะมีอายุยืนยาวขึ้น แปลว่า จะมีคนแก่มากขึ้น จนกลายเป็นสังคมผู้สูงวัย องค์การอนามัยโลกพยายามทำความเข้าใจให้ชาวโลกเตรียมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ 10 ประการ
- ปี2015 มีผู้สูงอายูทั่วโลก 900 ล้านคน และจะเพิ่ม เป็น 2000 ล้านคน ในปี 2050
- ผู้สูงอายุปัจจุบัน มีสุขภาพดีกว่ารุ่นพ่อแม่ตัวเอง
- ความเสื่อมโทรมทางสุขภาพที่ปรากฏมากที่สุดของผู้สูงอายุ ไม่ใช่โรคติดต่อ โรคที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตได้แก่ โรคหัวใจ หลอดเลือดทางสมอง ซึมเศร้า เบาหวาน สมองเสื่อม เป็นต้น
- เรื่องสุขภาพของผู้สูงวัย ไม่มีแบบฉบับตายตัว บางคนอายุแปดสิบ อาจมีสุขภาพเท่ากับคนอายุยี่สิบ ในขณะที่บางคนอาจมีสุขภาพที่เสื่อมถอยตั้งแต่อายุยังน้อย
- สุขภาพดี ส่วนใหญ่มักมาจากสภาพแวดล้อมทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ
- การเหยียดอายุ ในปัจจุบันมีมากกว่า การเหยียดทางเพศและสีผิว (เลือกปฏิบัติและอคติ) ส่งผลต่อรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และการรักษาพยาบาลที่อาจเสื่อมถอยลง
- ในทางสาธารณสุข ต้องเปลี่ยนมุมมองว่าการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุเป็นการสิ้นเปลือง มาเป็นการคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาว ให้ผู้สูงอายุ ช่วยตัวเองได้ คือการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ
- ระบบสุขภาพ ต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุ
- ศตวรรษที่ 21 จะต้องมีระบบบูรณาการระยะยาว
- การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยด้วยสุขภาพที่ดี เป็นเรื่องของทุกภาคส่วนของภาครัฐบาล จัดให้มีการจ้างงาน ให้มีความหลากหลายด้านอายุ การเข้าถึงที่อยู่อาศัย ระบบคมนาคมที่ปลอดภัย ตลอดจนป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุยากจน …เพื่อการไปสู่ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
WHO 2017 ปีนี้เราเข้าสู่ปี 2021 สี่ปีที่แล้ว ในอดีต เราคิดว่า เราจะเฉพาะเจาะจงกับงานวัยรุ่นเท่านั้น แต่วันนี้ ข้าพเจ้าอยากจะบอกเราว่า มีบางอย่างส่งสัญญาณให้เราต้องหันกลับมาคิดถึงผู้สูงวัยอย่างจริงจัง และเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของเรา
เกณฑ์ที่ใช้สำหรับเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย คือ มีมากกว่า สิบเปอร์เซ็น ของประชากรประเทศ ปี 1999 ประเทศไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย 9 ล้านคน เทียบเป็น 16.5 % ของประชากร 68 ล้านคน ปีหน้า ข้าพเจ้าเข้าสู่อายุ 60 ปีบริบูรณ์ เป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้สูงวัย ข้าพเจ้าตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเองว่า จะเป็นมีสุขภาพที่ดี อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และปรารถนาที่จะนำพี่น้องสมาชิกทุกท่าน เป็นอย่างข้าพเจ้าด้วย
เราต้องเตรียมรับมือกับสังคมผู้สูงวัย และข้าพเจ้ามั่นใจว่า ชีวิต ที่ตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ เป็นคำตอบที่สำคัญที่จะนำเราไปสู่การเป็นผู้สูงวัยที่มี สภาพแวดล้อมที่มีสุขภาพที่ดี อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เราจะมีแต่คำว่า เกิด แก่ ไม่มีเจ็บ และตาย ทุกคนต้องตาย แต่จะตายอย่างสุขภาพยังดี แม้จะเสื่อมถอยฝ่ายร่างกาย แต่จิตใจยังดีจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
น่าสังเกตว่า ในสิบข้อขององค์การอนามัยโลกที่พยายามทำความเข้าใจเรื่องสังคมผู้สูงวัย มีข้อหนึ่ง ที่เป็นความจริงในสังคมเวลานี้ ก็คือการเหยียดอายุ ที่มีมากกว่า การเหยียดเพศหรือสีผิว ในการเลือกปฏิบัติและอคติ ไม่ว่าจะในครอบครัว สถานศึกษา ที่ทำงาน หรือทางการเมืองของประเทศเราเวลานี้ พาสังคมป่วยไปทั้งหมด ตามพระเยซุคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ ที่เราจะได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์วันนี้ ในเรื่องราวจากพระคัมภีร์ลูกา ตอนที่พระเยซูทรงเรียก คนเก็บภาษี ชื่อเลวี (มัทธิว) ในภาพยนต์เป็นตอนสั้นๆ(ข้อ 27-28) แต่ในพระคัมภีร์ลูกามีบันทึกต่อว่า เลวี ที่พระเยซูทรงเรียกให้ติดตามพระองค์ ขาดการบันทึกตอนที่คนเลวีได้ตอบสนอง และมีคำพูดสำคัญที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสในเหตุการณ์นั้น ในข้อ 29-31
ลูกา 5:27-32 27 หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นแล้ว พระองค์เสด็จออกไป และทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด”28 เขาก็ลุกขึ้น สละทิ้งทุกสิ่งและตามพระองค์ไป 29 แล้วเลวีก็จัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อพระองค์ในบ้านของตน มีคนเก็บภาษีกลุ่มใหญ่และคนอื่นๆ มาร่วมในงานนั้นด้วย30 พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ในคณะของเขาก็บ่นว่าพวกสาวกของพระองค์ กล่าวว่า “ทำไมพวกท่านมากินดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป?”31 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสบายไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”
และเป็นที่มาของหัวข้อคำเทศนาวันนี้ ชื่อว่า “ตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ” ในงานเลี้ยงใหญ่ (น่าจะเลี้ยงอำลาอาชีพเก็บภาษีของเลวี) เขาได้เชิญคนในสังคมเดียวกันกับเขา คือคนเก็บภาษี และคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นคนที่สังคมไม่เอาเข้าพวกด้วย และมารวมพวกกับพวกคนเก็บภาษี และในเหตุการณ์นี้ ลูกาบันทึกว่า พวกพวกฟาริสี กับพวกธรรมาจารย์ในคณะของเขา (น่าจะเป็นพวกที่ติดตามพระเยซู ก็บ่นกับพวกสาวกของพระเยซู ว่า ทำไม พวกท่านมากินดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป แปล คนที่ติดตามพระเยซูคริสต์ในตอนนั้น ถูกแบ่งออกเป็นสองพวก พวกหนึ่งคือพวกที่คิดว่าตัวเอง เป็นคนดีแล้ว และติดตามพระเยซูเพราะคำสอน และพันธกิจที่พระเยซูทรงทำ ส่วนอีกพวก คือพวกที่พระเยซูทรงเรียก ตอนนั้น พระเยซูยังไม่แต่งตั้งใครเป็นอัครสาวก คือคนติดตามใกล้ชิดที่พระเยซูให้เวลา เรียกว่า สนิทด้วย
คำบ่นของพวกฟาริสี และพวกธรรมาจารย์(ที่ติดตามพระเยซูอย่างเปิดเผย) มีที่ไม่เปิดเผย ในหนังสือยอห์นบันทึกว่า คือนิโคเดมัส ฟาริสีที่แอบมาพบพระเยซูตอนกลางคืน แต่พวกฟาริสิและพวกธรรมจารย์กลุ่มนี้น่าจะติดตามพระเยซูในตอนนี้ เริ่มบ่น กับพวกสาวก (นินทาพระเยซูไม่ให้พระองค์ได้ยิน) แต่พระเยซูทรงได้ยิน และตอบคนที่ติดตามพระองค์ด้วยคำว่า
ลูกา 5:31 31 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสบายไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”
พระเยซูทรงเรียก คนที่ต้องการกลับใจใหม่ จะเป็นใครก็ได้ ที่รู้ตัวว่าตัวเองป่วย ต้องการหมอ คำว่า คนบาป รากศัพท์กรีกในตอนนี้แปลว่า คนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะรับรางวัล คนที่ไม่ผ่านข้อศีลธรรม คนที่ล้มเหลวเต็มๆในเรื่องศีลธรรม จะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ มีคำที่นำมาเทียบกับคำนี้ คำว่า คนไร้ค่า คนที่ถูกทิ้ง ลอยแพ ไม่เป็นที่ยอมรับ พระเยซูทรงโต้คำบ่นของพวกฟาริสี พวกธรรมาจารย์ ที่กำลังติดตามพระองค์ว่า พระองค์มาเรียกคนป่วย ที่ต้องการหมอ คนที่ถูกลอยแพ คนที่ไร้ค่า คนที่ต้องการ การช่วยเหลือ การตอบของพระเยซูคริสต์ไม่ได้ปฏิเสธ การติดตามของพวกฟารีสีหรือพวกธรรมจารย์ในคณะ (เดียวกัน) แต่เป็นการบอกกับพวกเขาว่า อย่ารังเกียจคนที่แตกต่างจากตัวเองได้ไม๊ ภายหลัง เปโตรได้เขียนพระคัมภีร์ตอนหนึ่งทำนองเดียวกันกับที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสในตอนนี้
1เปโตร 4:8-9 8 ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้9 ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเลี้ยงดูซึ่งกันและกันโดยไม่บ่น
เปโตรผู้มีประสบการณ์กับปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ไม่เป็นพวกเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ขณะพระองค์กำลังถูกไต่สวน กล่าวโทษในบ้านของปุโรหิต หลังจากเปโตรรับการเยียวยาจากพระเยซูในบาดแผลความสัมพันธ์กับพระองค์ เปโตรแข็งแรงที่จะหนุนใจให้คริสเตียนรุ่นต่อไป เข้าใจถึงการได้พบพระเยซู แพทย์ผู้ประเสริฐผู้ได้เยียวยาจิตใจที่บาดเจ็บจากการล้มเหลวในการติดตามพระเยซูคริสต์อย่างสิ้นเชิง ให้กลับมาหนุนใจให้คนมากมาย เยียวยากันและกัน เพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากการทำผิดต่อกันและกัน
คำว่า ความผิดมากมาย ที่เปโตรใช้ในข้อนี้ คือคำเดียวกัน กับที่พวกฟาริสและพวกธรรมาจารย์(ที่เป็นศิษย์พระเยซูเหมือนกัน) ได้ใช้กับคนที่พระเยซูทรงเรียกให้มาเป็นศิษย์ด้วยเหมือนกัน รากศัพท์กรีกในตอนนี้แปลว่า คนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะรับรางวัล
น่าสนใจว่า พระคัมภีร์บันทึกว่า มีคนติดตามพระเยซูมากมาย แต่บันทึกการทรงเรียกของพระเยซู กับคนกลุ่มที่เป็นชาวประมงยากจน และเป็นชนชั้นต่ำสุด กับการทรเรียกคนเก็บภาษีที่ชื่อเลวี ที่สังคมเวลานั้นมีชื่อเสียที่สุด เรื่องการคดโกง งกเงิน และในภาพยนต์พระกิตติคุณลูกาที่ท่านได้ชมประกอบคำเทศนาตอนนี้ นำมาสร้างต่อเนื่องว่า หลังจากพระเยซูทรงเรียกเลวี(มัทธิว) พระเยซูทรงใช้เวลาคืนยันรุ่งอธิษฐาน แล้วพระองค์ก็แต่งตั้งสาวกสิบสองคน ในคนกลุ่มนี้ ไม่มีมาจากพวกฟาริสี หรือพวกธรรมาจารย์สักคน แม้แต่ยูดาส อิสคาริโอท ผู้ทรยศ ก็ยังได้รับการแต่งตั้ง
ตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ คือโอกาสที่พระเจ้าได้มอบให้กับคนที่ด้อยโอกาส ถูกปฏิเสธ และเกิดบาดแผลจากการถูกเลือกปฏิบัติ พระเยซูทรงมองหาผู้ที่ต้องการพระองค์ นั่นคือ คำที่พระองค์ทรงใช้คำว่า
ลูกา 5:32 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”
รากศัพท์กรีกคำว่า เรียก แปลว่า เรียกให้ออกมา มีนัยยะ หมายถึง ให้แสดงตน เรียกเสียงดัง (ได้ยินการเรียก) อย่างเจาะจง พระเยซูใช้คำนี้ เพื่อให้คนบาปแสดงตน กล้าที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากพระองค์ ในคริสตจักรต่างๆ ก็มีการเรียกออกมาหน้าธรรมาสต์ (Altar call) เพื่อจะให้คนอธิษฐานรับพระเยซูคริสต์ ที่เรียกว่า รับเชื่อ
ขณะนี้ เรากำลังถูกใครเรียกเราว่า เป็นคนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะรับรางวัล ที่อาจเป็นคำว่า ไม่น่ารัก ไม่สมควรจะได้รับความรัก หรือการให้อภัย จงรู้เถิดว่า คุณเข้าข่าย ที่พระเยซูเสด็จมาเพื่อเรียกคุณ หรือขณะนี้ คุณกำลังเรียกใครบางคนว่า คนไม่น่ารัก ไม่สมควรได้รับความรัก ไม่สมควรได้รับรางวัล คุณอาจเข้าข่ายที่พระเยซูใช้คำว่า คุณเรียกตัวเองว่าคนชอบธรรม คุณไม่ต้องการหมอ ไม่ต้องการพระเยซู
ตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ มีคำถามว่า จำเป็นไม๊ ในการติดตามพระเยซูคริสต์ ที่จะต้องพบพระองค์ในฐานะของหมอ ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า จำเป็น ยิ่งเราอยู่ในยุคที่มีความจำเป็นที่จะต้องพบหมอ เพื่อตรวจเช็คสุขภาพประจำปี ขณะเราไม่ป่วย และสบายดี ซึ่งสองคำนี้ ไม่ได้แปลว่า เราแข็งแรงและมีสุขภาพดีแล้ว คำว่า ไม่ป่วย ไม่ได้แปลว่า เราสุขภาพดี หรือแข็งแรง จนกว่าเราจะรับการตรวจ ดังนั้น การพบกับพระเยซูคริสต์ในฐานะแพทย์ผู้ประเสริฐ จะทำให้เราได้ตรวจสุขภาพ ฝ่ายจิตวิญญาณของเราว่า เราแข็งแรงและมีสุขภาพฝ่ายวิญญาณดีหรือไม่?
พระเยซูทรงแต่งตั้งคนกลุ่มที่สังคมเรียกว่า คนบาป คนป่วย ให้เป็นอัครสาวกของพระองค์ แปลว่าอะไร แปลว่า พวกเขาจะเป็นพวกที่หายดี แม้มีคนเดียวคือยูดาส อิสคาริโอท ที่ไม่หายดี ก็ตาม แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้ายูดาสไม่ตายไปก่อน พระเยซูค้องมาพบกับเขาแน่นอน และยูดาสก็จะหายดี สาวกที่เหลือ สิบเอ็ดคน ได้พบกับพระเยซูหมดทุกคน และเป็นคนที่สามารถรับไม้ต่อ ภารกิจสำคัญที่พระเยซูคริสต์ทรงมอบไว้ในมือของพวกเขา และวันนี้ เราได้ตระหนักแล้วว่า อัครสาวกสิบเอ็ดคน ได้พิสูจน์ว่า พวกเขาสมควรได้รับรางวัล คนป่วยที่หายดี เมื่อได้พบกับพระเยซูคริสต์ในฐานะแพทย์ผู้ประเสริฐ
การตามพระเยซูคริสต์…ของเราในวันนี้ เราได้พบกับพระองค์ในฐานะอะไร เจ้าชายแห่งสันติสุข อาจารย์ผู้มีคำสอน คำเทศนาที่ดีๆ หลักปรัชญาดีๆ องค์อัศจรรย์ ผู้ทำการอัศจรรย์มากมาย หายโรคยากๆ มากมาย จำเป็นหรือไม่ ที่จะพบกับพระองค์ในฐานะแพทย์ผู้ประเสริฐ ที่ทำให้เราหายดี จากการเป็นคนบาป ผู้ไม่สมควรรับรางวัล ไม่สมควรรับความรัก อ.เปาโลผู้ที่เคยเรียกตัวเองว่า ในบรรดาคนบาปทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นตัวเอ้ แปลว่า ตัวแสบที่สุด สร้างความเสียหายให้กับคริสเตียนมากที่สุดในตอนต้นๆของคริสตจักร แต่ภายหลัง ที่พระเยซูทรงเรียกท่านในระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส เพื่อนำหมายจับไปจับคริสเตียนเข้าคุก และฆ่าให้ตาย อ.เปาโลได้ตอบสนองการทรงเรียก และท่านเข้าใจตัวเอง(ในฐาะฟาริสีเก่า) เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนใหม่ และกลายมาเป็นอัครทูตของพระเยซู ที่มีบางคนไม่ยอมรับท่าน แต่ท่านก็ยังทำตามการทรงเรียก และเขียนพระคัมภีร์ฟิลิปปีที่มีประโยกสวยงามมากมา หนึ่งในนั้น มีคำว่า
ฟิลิปปี3:13-15 13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ15 เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย
คำกรีกที่อ.เปาโลใช้ว่า พระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียก...คือคำเดียวกัน กับที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้ในการเสด็จมาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจ ในตอนนี้ อ.เปาโล ได้นำมาใช้หลังจากท่านได้กลับใจ และพบกับพระเยซูคริสต์ในฐานะพระองค์เป็นแพทย์ผู้ประเสริฐที่ทำให้ท่านหายดี ไม่ติดอยู่กับอดีตใดๆที่เจ็บปวดอีก แต่โน้มตัวของท่านออกไปข้างหน้า หาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า นี่คือ วิถีของคนที่มีความหวัง มีพลัง และมีชีวิต
อ.เปาโลยังคงเชิญชวนให้คนตามพระเยซูคริสต์ เหมือนที่ท่านกำลังตามพระองค์ มากขึ้น และมากขึ้น อย่างคนที่แม้กายภายนอกจะเสื่อมถอย แต่จิตใจภายในจำเริญขึ้นทุกวัน
2โครินธ์ 4:16-18 16 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน17 เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้18 เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
นี่คือภาพของคนตามพระเยซูคริสต์…พบแพทย์ผู้ประเสริฐ ที่แท้จริง ที่มีสุภาพจิตที่ดี สามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ และมองโลกในแง่ดี มีความหวังกับอนาคตที่เป็นนิรันดร์กาล