“ตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผล”

ลูกา 8:5-15

 

การเกิดผล เมื่อนำมาใช้กับต้นไม้ คือให้ผลที่สมบูรณ์ ไม่แคระแกน ร่วงหล่นหรือเหี่ยวแห้งเน่าคาต้น ใครที่ปลูกต้นไม้ผล ก็ย่อมคาดหวังที่จะได้ผลที่สมบูรณ์ ได้ชื่นชมและได้กินผลนั้น  เมื่อนำมาใช้กับชีวิตของคน หมายถึง  ชีวิตที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า effective  ชีวิตที่เกิดผล มีประสิทธิภาพ ของแต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการค้นพบความถนัด พรสวรรค์ของแต่ละคน  และถูกนำออกมาใช้ให้เกิดผลอย่างต่อเนื่อง ต่อยอดแล้วต่อยอดอีก เกิดเป็นผลกำไรของชีวิต จนมีคำว่า การเรียนรู้ไม่จำกัดที่อายุของคน หรือจบแค่ในห้องเรียน  คนที่มีชีวิตที่เกิดผล คือคนที่ทำตนให้เป็นนักเรียนตลอดเวลา ตลอดอายุของตนเอง

 

ตามพระเยซูคริสต์(อย่างนักเรียน)…คือการตามเสียงแห่งการเกิดผล พระธรรมลูกา 8:5-15 เป็นเรื่องของดินสี่ชนิด ที่เรามักคุ้น และพระกิตติคุณเล่มอื่นที่บันทึกคำสอนของพระเยซูคริสต์ ที่บันทึกเรื่องเดียวกัน อีกสองเล่ม คือ พระกิตติคุณมัทธิวกับพระกิตติคุณมาระโก ได้บันทึกรายเรื่องการเกิดผล  มีความแตกต่างกัน ตรงจำนวนเท่าของการเกิดผล ร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่า ส่วนลูกา เน้นร้อยเท่าอย่างเดียว

 

มัทธิว 13:23 23 ส่วน​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ดิน​ดี​นั้น ได้แก่​บุคคล​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ​นั้น​และ​เข้าใจ คน​นั้น​ก็​เกิดผล​ร้อย​เท่า​บ้าง หก​สิบ​เท่า​บ้าง สามสิบ​เท่า​บ้าง”

 

มาระโก 4:20 20 ส่วน​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ดิน​ดี​นั้น ได้แก่​บุคคล​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ​นั้น และ​รับ​ไว้ จึง​เกิดผล​สามสิบ​เท่า​บ้าง หก​สิบ​เท่า​บ้าง ร้อย​เท่า​บ้าง”

 

ลูกา 8:8  8 บ้าง​ก็​ตก​ที่ดิน​ดี จึง​งอก​ขึ้น​เกิดผล​ร้อย​เท่า” ครั้น​พระ​องค์​ตรัส​อย่าง​นั้น​แล้ว จึง​ทรง​ร้อง​ว่า “ใคร​มี​หู จง​ฟัง​เถิด”

 

 พระเยซูทรงใช้คำกรีก คำว่า เกิดผล แปลว่า จะอุดมสมบูรณ์ คือร้อยเท่า   ทุกคนเป็นดินดีได้และ ย่อมเกิดผล อย่างอุดมสมบูรณ์สำหรับหากทำเต็มที่ เต็มกำลังความเชื่อความศรัทธา ก็ถือว่า คนๆนั้น เป็นดินดีแล้ว ใครมีหูจงฟังเถิด (ใครไม่มีหูบ้าง) แม้แต่คนหูหนวกก็ยังได้ยินเสียงแห่งพระวจนะของพระเจ้าได้…

 

ในคำสอนของพระเยซูคริสต์ตอนนี้ กำลังชี้ให้เห็นความสำคัญของพระวจนะของพระเจ้า ที่ถูกเปรียบเหมือนเมล็ดพืชชั้นดีเยี่ยม ที่พร้อมจะเกิดผลในทุกหัวใจทุกดวง เพื่อมีเป้าหมายให้เจ้าของหัวใจทุกดวงได้รับผลที่ดีจากเมล็ดพันธ์แห่งพระวจนะของพระเจ้า แต่คำถามก็คือว่า ทำไม หัวใจของคนที่รับพระวจนะ จึงมีแตกต่างกัน ให้เรามาดูคำสอนของพระเยซูคริสต์ในเรื่องดินสี่ชนิดนี้

 

ลูกา 8:5,11  5 “มี​คน​หนึ่ง​ออกไป​หว่าน​เมล็ด​พืช​ของ​ตน และ​เมื่อ​เขา​หว่าน เมล็ด​พืช​นั้น​ก็​ตก​ตาม​หนทาง​บ้าง ถูก​เหยียบ​ย่ำ และ​นก​ใน​อากาศ​มา​กิน​เสีย​….11 “คำ​เปรียบ​นั้น​ก็​อย่าง​นี้ เมล็ด​พืช​นั้น​ได้แก่​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​

 

เมล็ด​พืช​นั้น​ได้แก่​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า  พระวจนะในที่นี้ ใช้คำว่า โลกอส มีความหมายถึง บางอย่างที่พูดออกมา เพื่อย้ำ หัวข้อ บทสนทนา เนื้อหาสาระ  เหตุผลเพื่อชี้ถึงความผิดพลาด แม้กระทั่งเป็นคำถาม โดยเฉพาะเมื่อเป็นถ้อยคำของพระเจ้า และคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกพระเยซูคริสต์ว่า พระวาทะ หนังสือยอห์นได้บันทึกว่า พระวาทะ ของพระเจ้า คือพระเยซูคริสต์ได้มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์แล้ว พระเยซูคริสต์คือเมล็ดพันธ์แห่งพระวจนะที่ถูกหว่านเข้ามาในโลกนี้ เพื่อนำทุกชีวิตให้ไปถึงความอุดมสมบูรณ์ที่แท้จริง

 

ตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผล … คำว่า เกิดผล แปลว่า จะอุดมสมบูรณ์

 

ไม่ว่า คนที่ตามจะอยู่ในสภาพใด คุณจะพอใจกับการเกิดผลของตนเอง (อุดมสมบูรณ์ คือ ไม่รู้สึกขาดแคลน ไม่รู้สึกขัดสน แม้จะไม่ร่ำรวยเงินทองก็ตาม ความรู้สึกพอเพียงนี้เป็นอาหารของจิตใจ ในขณะที่คนในโลกนี้ โหยหา แต่หาไม่ได้ เติมไม่รู้จักเต็ม

 

ตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผล  จะพบกับอาหาร อิ่มใจเสมอ เหมือนแกะตามผู้เลี้ยงที่พาแกะไปในที่ที่มีอาหาร

 

ยอห์น 10:7-10 7 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​อีก​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า เรา​เป็น​ประตู​ของ​แกะ​ทั้ง​หลาย​8 บรรดา​ผู้​ที่มา​ก่อน​เรา​นั้น​เป็น​ขโมย​และ​โจร แต่​ฝูง​แกะ​ก็​มิได้​ฟัง​เขา​9 เรา​เป็น​ประตู ถ้า​ผู้ใด​เข้า​ไป​ทาง​เรา​ผู้​นั้น​ก็​จะ​รอด เขา​จะ​เข้า​ออก​แล้ว​ก็​จะ​พบ​อาหาร​10 ขโมย​นั้น​ย่อม​มา​เพื่อ​จะ​ลัก​และ​ฆ่า​และ​ทำลาย​เสีย เรา​ได้มา​เพื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ชีวิต และ​จะ​ได้​อย่าง​ครบ​บริบูรณ์​

 

แกะ เป็นสัตว์ที่มีสายตาสั้น แต่มีหูที่ใช้ฟังที่มีประสิทธิภาพ พระเยซูคริสต์ทรงตรัสถึงประสิทธิภาพของการได้ยินของแกะต่อเสียงของผู้เลี้ยง….

 

8 บรรดา​ผู้​ที่มา​ก่อน​เรา​นั้น​เป็น​ขโมย​และ​โจร แต่​ฝูง​แกะ​ก็​มิได้​ฟัง​เขา… ​10 ขโมย​นั้น​ย่อม​มา​เพื่อ​จะ​ลัก​และ​ฆ่า​และ​ทำลาย​เสีย….

 

แกะจะไม่ฟังเสียงที่นำไปสู่การถูกขโมย ไม่ไปตามเสียงแห่งการถูกฆ่า  ไม่ยอมให้เสียงแห่งการทำลาย มานำแกะไป

 

ตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผล เท่านั้น ใช่เลย แต่ว่า อย่าเพิ่งดีใจ คำสอนเรื่องดินสี่ชนิด คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเตือนสาวก(นักเรียน)ของพระองค์ว่า  ในจำนวนคนมากมายที่ติดตามพระเยซูคริสต์ ไม่เว้นแม้แต่ศิษย์ของพระองค์ อาจจะเป็นดินชนิดใดชนิดหนึ่งในสี่ชนิดนี้ได้ ไม่ว่าคนที่ติดตามจะเป็นใครก็ตาม ไม่เกี่ยวกับฐานะ ความมีสติปัญญา ความชาญฉลาด….

 

1.ดินข้างทาง หัวใจแข็งกระด้าง

 

ลูกา 8:5,12  5 “มี​คน​หนึ่ง​ออกไป​หว่าน​เมล็ด​พืช​ของ​ตน และ​เมื่อ​เขา​หว่าน เมล็ด​พืช​นั้น​ก็​ตก​ตาม​หนทาง​บ้าง ถูก​เหยียบ​ย่ำ และ​นก​ใน​อากาศ​มา​กิน​เสีย​…..12 ที่​ตก​ตาม​หนทาง​ได้แก่ คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว​มาร​มา​ชิง​เอา​พระ​วจนะ​จาก​ใจ​ของ​เขา เพื่อ​ไม่ให้​เชื่อ​และ​รอด​ได้​

 

ดินชนิดแรกคือ คนที่ได้ยินเสียงชวนเชิญให้เชื่อและรอด แต่การได้ยินนั้น คือการฟังอย่างไม่ได้ใส่ใจ ไม่สนใจ ด้วยหัวใจที่เป็นเหมือนหนทางที่ถูกเหยียบย่ำ จนแข็ง กระด้าง เป็นเหมือนปราการที่กั้นขวางไม่ยอมให้คำตรัสของพระเจ้าฝังตัวในจิตใจ หัวใจของคนที่เป็นเหมือนหนทาง คือ อะไรก็ได้ ผ่านมา ก็ผ่านไป มาตกหล่นไว้ ก็ปล่อยให้นกกามาจิกไป คำที่พระเยซูทรงใช้คือคำว่า มารมาชิงเอาพระวจนะจากใจของเขา เพื่อไม่ให้เชื่อและรอดได้ คำของพระเจ้า มีจุดมุ่งหมายเข้าสู่หัวใจของคน ไม่ใช่แค่ให้ฟังแล้วก็ผ่านเลยไป ดังนั้น หัวใจที่เป็นเหมือนหนทางเดิน จะแสดงออกถึงความไม่ใส่ใจ หรือไม่เอาอะไรดีๆมาใส่ไว้ในใจตนเอง มาร หรือซาตาน ฉบับคิงส์เจมส์แปลว่า การพูดให้ร้าย(บิดเบือนไปจากความจริง) คือพระวจนะของพระเจ้า ที่กำลังชี้ถูกชี้ผิดให้  คนไทย ก็จะมีคำว่า จากถูกก็กลายเป็นผิด จากผิดก็จะกลายเป็นถูก นั่นคือ เมล็ดแห่งพระวจนะของพระเจ้าได้ถูกชิงไปจากหัวใจที่เป็นเหมือนข้างทางเสียแล้ว

 

เราอยู่ในยุคที่สังคมรอบข้างกำลังส่งเสียงว่า ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด ทำได้หากรู้สึกดี คุณว่า หัวใจของคนในสังคมเวลานี้ กำลังเป็นเหมือนดินข้างทางอยู่หรือไม่  เราทั้งหลายมีหัวใจที่ไม่ใช่ดินข้างทางใช่ไม๊? เรารู้ว่า อะไรถูกอะไรผิด?และเราเลือกทำสิ่งที่ดีสิ่งที่ควรสิ่งที่ถูก?

 

 2.ดินเป็นหิน : หัวใจที่แห้งแล้ง

 

ลูกา 8:6  6 บ้าง​ก็​ตก​ที่​หิน และ​เมื่อ​งอก​ขึ้น​แล้ว​ก็​เหี่ยว​แห้ง​ไป​เพราะ​ที่​ไม่​ชื้น​….13 ซึ่ง​ตก​ที่​หิน​นั้น​ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว ​ก็​รับ​พระ​วจนะ​นั้น​ด้วย​ความ​ปรีดี แต่​ไม่​มี​ราก เชื่อ​ได้​แต่​ชั่วคราว เมื่อ​ถูก​ทดลอง​เขา​ก็​หลง​เสีย​ไป​

 

ดินชนิดที่สอง คือ คนที่ได้ยินเสียงแห่งการเกิดผล ไม่ใช่แค่เชื่อและรอด  แต่การได้ยินนั้น เป็นการฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ได้ยินและจดจำเพียงแค่สั้นๆ ตามอารมณ์พาไป ณ เวลานั้น หัวใจที่ขาดความชุ่มชื้น เหมือนอยู่ในดงหิน มีแต่ความแห้งแล้ง หัวใจเช่นนี้ ไม่เอื้อให้เมล็ดพันธ์ดีแห่งพระวจนะของพระเจ้างอกรากได้ ความเชื่อไม่เติบโต  หากจะเทียบกับวิถีชีวิตคริสเตียน ก็เป็นเหมือนคริสเตียนที่ไม่ให้หัวใจของตนเองได้รับการรดน้ำ อ.เปาโลได้กล่าวการทำบทบาของท่านและอปอลโล ว่า

 

1โครินธ์3:5-7  5 อปอลโลคือ​ผู้ใด ​เปาโล​คือ​ผู้ใด คือ​ผู้รับ​ใช้ ซึ่ง​ได้​สอน​พวก​ท่าน​ให้​เชื่อ เรา​แต่​ละ​คน​ได้รับ​ใช้​ตาม​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ทรง​กำหนดให้​6 ข้าพเจ้า​ปลูก อปอล​โลรด​น้ำ แต่​พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​ให้​เติบโต​7 เพราะ​ฉะนั้น​คน​ที่​ปลูก​และ​คน​ที่​รด​น้ำ​ไม่​สำคัญ​อะไร แต่​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​โปรด​ให้​เติบโต​นั้น​ต่างหาก​ที่​สำคัญ​

 

ผู้รับใช้ ไม่ว่าจะอปอลโลหรือเปาโล ต่างก็ทำหน้าที่สอน เทศนา เผยพระวจนะของพระเจ้า จากของประทานห้าอย่าง เพื่อเตรียมธรรมิกชนทุกคน  ในบทบาทของการเป็นศิษยาภิบาล อาจารย์ ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศ อัครทูต การรับถ้อยคำเหล่านี้คือการรับการรดน้ำพรวนดิน ให้ความชุ่่มชื้นแก่หัวใจ  และคนเหล่านี้ อยู่ในคริสตจักร (ชุมนุมชนของพระเจ้า) การมาโบสถ์ เพื่อนมัสการ ฟังคำเทศนา รวมกลุ่มสามัคคีธรรมกัน ก็คือการรดน้ำให้กันและกัน พรวนดินให้กันและกัน  แม้ขณะนี้ เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิดที่ต้องงดการมาคริสตจักร แต่เราก็ยังคงรักษาการรับน้ำรดให้แก่หัวใจ จากผู้รับใช้ จากคนของพระเจ้าเพื่อจะให้พระวจนะที่ตกในหัวใจงอกรากและเติบโต

 

คำสำคัญที่พระเยซูใช้ในการเปรียบเทียบตอนนี้ก็คือ

 

…เชื่อ​ได้​แต่​ชั่วคราว เมื่อ​ถูก​ทดลอง​เขา​ก็​หลง​เสีย​ไป​….

 

ดินชนิดแรก  ไปไม่ถึงความเชื่อและความรอด

ดินชนิดที่สอง มาถึงหนทางแห่งความรอดแล้ว แต่ไม่ตลอดรอดฝั่ง  พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำว่า หลงเสียไป….เพราะถูกทดลอง

 

ยากอบ 1:12-18 12 คน​ที่​สู้​ทน​ต่อ​การ​ทด​ลอง​ใจ​ก็​เป็น​สุข เพราะ​เมื่อ​เขา​ผ่าน​การ​ทด​สอบ​แล้ว เขา​จะ​ได้​รับ​มง​กุฎ​แห่ง​ชีวิต​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​สัญ​ญา​ไว้​กับ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​รัก​พระ​องค์ 13 อย่า​ให้​คน​ที่​ถูก​ล่อ​ลวง​กล่าว​ว่า “พระ​เจ้า​ทรง​ล่อ​ลวง​ข้าพ​เจ้า” เพราะ​ว่า​พระเจ้า​จะ​ไม่​ถูก​ความ​ชั่ว​ล่อ​ลวง และ​พระ​องค์​เอง​ก็​ไม่​ทรง​ล่อ​ลวง​ใคร​เลย14 แต่​ทุก​คน​ถูก​ล่อ​ลวง​ด้วย​ตัณ​หา​ของ​ตัว​เอง คือ​ถูก​ตัณ​หา​นั้น​ล่อ​ลวง​และ​ชัก​นำ15 เมื่อ​ตัณ​หา​ฟัก​ตัว​ขึ้น​แล้ว​ก็​ก่อ​ให้​เกิด​บาป และ​เมื่อ​บาป​เจริญ​เต็ม​ที่​แล้ว​ก็​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ตาย 16 พี่​น้อง​ที่​รัก​ของ​ข้าพ​เจ้า อย่า​ถูก​หลอก​เลย17 ของ​ประ​ทาน​ที่​ดี​และ​เลิศ​ทุก​อย่าง​นั้น​มา​จาก​เบื้อง​บน คือ​มา​จาก​พระ​ผู้​สร้าง​แห่ง​บรร​ดา​ดวง​สว่าง ใน​พระ​องค์​ไม่​มี​การ​แปร​ปรวน​หรือ​เงา​ของ​การ​เปลี่ยน​แปลง18 เมื่อ​ตั้ง​พระ​ทัย​แล้ว พระ​องค์​ทรง​ให้​เรา​บัง​เกิด​ด้วย​พระ​วจนะ​แห่ง​ความ​จริง เพื่อ​ให้​เรา​เป็น​ผลิต​ผล​แรก​ของ​สิ่ง​ต่างๆ ที่​พระ​องค์​ทรง​สร้าง

 

ชัดเจนมากว่า พระวจนะแห่งความจริงของพระเจ้าที่หว่านเข้าในหัวใจของคริสเตียน เพื่อให้เกิดผล ยิวที่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนคือผลแรก และเราทั้งหลายคือผลผลิตแห่งการเกิดผลตามกันมา เมื่อเราตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผลนี้  การเกิดผลสำหรับดินชนิดสองล้มเหลว เพราะหัวใจที่รับผลนั้นยังฝังตัวเองอยู่กับความแห้งแล้ง ไม่ยอมรับการรดน้ำ ไม่ยอมรับการทำพันธกิจจากคนของพระเจ้ารอบข้างที่กำลังช่วยกันรดน้ำพรวนดินให้แก่กันและกัน

 

มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า  อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังคำพูด นี่คือคำที่พิสูจน์ว่า โอกาสที่เราจะพลาดพลั้ง เจอบททดสอบ ที่เรียกว่า การล่อลวง ได้ตลอดเวลา จะแยกตัวโดดเดี่ยว ก็เสี่ยง จะรวมตัวกับคนอื่นก็เสี่ยง ดินชนิดที่สอง คือการเลือกอยู่โดดเดี่ยว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเลย ไม่รับการรดน้ำ และไม่รดน้ำให้กับใคร คำไทย มีคำว่า น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า  จะเป็นเรือตั้งบนบก นั่นคือเรือร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือจะเป็นเสืออยู่ในกรง นั่นคือสวนสัตว์  คือการอยู่ผิดที่ผิดทาง สุดท้ายก็แห้งเหี่ยวตายไป ไม่ได้เป็นประโยชน์ เสียของ  หัวใจที่ขาดความชุ่มชื้น รับเมล็ดพันธ์ดีๆไป เสียของ เสียเวลา  สำรวจตัวเราเองว่า หัวใจของตนเอง เป็นดินที่ขาดความชุ่มชื้นมานานแค่ไหนแล้ว

 

3.ดินมีหนามปกคลุม : หัวใจถูกกักขัง

 

ลูกา 8:7  7 บ้าง​ก็​ตก​ที่​กลาง​ต้น​หนาม ต้น​หนาม​ก็​งอก​ขึ้น​มา​ด้วย​ปก​คลุม​เสีย​….14 ที่​ตก​กลาง​หนาม​นั้น​ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​แล้ว​ออกไป และ​ความ​ปรารภ​ปรารมย์ ทรัพย์​สมบัติ ความ​สนุกสนาน​แห่ง​ชีวิต​นี้​ก็​ปก​คลุม​เขา ผล​ของ​เขา​จึง​ไม่​เติบโต​

 

ดินชนิดที่สาม ได้ยินเสียงแห่งการเกิดผลของชีวิตที่ครบบริบูรณ์ แต่เสียงของทรัพย์สมบัติ ความสนุกสนานแห่งชีวิตมันดังกว่า และนี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกสภาพนี้ว่า เหมือนถูกหนามปกคลุม คือถูกกักขังไว้ด้วยสิ่งเหล่านี้ หนามที่ปกคลุมพืช ทำให้พืชนั้นไม่ได้รับแสงแดด อากาศซึ่งจะทำให้เกิดการเจริญเติบโต นอกจากรากที่ดูดซับอาหารจากดินที่รดน้ำใส่ปุ๋ยก็จริง แต่ปัจจัยที่ทำให้เจริญเติบโต อย่างที่อ.เปาโลได้กล่าวว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ทำให้เติบโต  ดินชนิดที่สาม ไม่ยอมรับแสงสว่าง และอากาศที่ดีๆ ซึ่งพระคัมภีร์ได้เปรียบเทียบพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นลมหายใจของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ คืออากาศดีๆสำหรับชีวิต  หนามของชีวิตที่แท้จริง คือการปฏิเสธพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทำกิจในชีวิต การไม่ตอบสนองต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผลของเขาจึงไม่เติบโต ชีวิตใหม่ตื่นเต้นตอนแรก ต่อๆไป เซ็ง เบื่อ และรอคอยแต่พระพร ความมั่งคั่ง การเจริญทางวัตถุแทน กลับไปสู่วิถีเดิมอีกครั้ง  ไม่น่าแปลกใจที่มีคริสเตียนที่บ้างาน บ้าเงิน บ้าวัตถุ รักสนุกไปวันๆ แต่ไม่เจริญเติบโต การนมัสการพระเจ้า ทางขอพระเจ้า เป็นแค่ทางเลือก และพร้อมจะเลื่อนอันดับลงไปอยู่สุดท้าย หากมีทางเลือกที่ดีกว่า

 

4.ดินดี : หัวใจเลื่อมใสศรัทธา จดจำ ทำด้วยความเพียร

ลูกา 8:8,15  8 บ้าง​ก็​ตก​ที่ดิน​ดี จึง​งอก​ขึ้น​เกิดผล​ร้อย​เท่า” ครั้น​พระ​องค์​ตรัส​อย่าง​นั้น​แล้ว จึง​ทรง​ร้อง​ว่า “ใคร​มี​หู จง​ฟัง​เถิด”15 และ​ซึ่ง​ตก​ที่ดิน​ดี​นั้น ได้แก่​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ​ด้วย​ใจ​เลื่อมใส​ศรัทธา แล้ว​ก็​จดจำ​ไว้ จึง​เกิดผล​โดย​ความ​เพียร​

 

ดินชนิดที่สี่  ได้ยินเสียงของพระเยซูคริสต์ เป็นเสียงแห่งการเกิดผล(อุดมสมบูรณ์) คำว่า เลื่อมใสศรัทธา ฉบับแปล 2011 แปลด้วยคำว่า ซื่อสัตย์ดีงาม คอมเมนทารี่ฉบับ Gill อธิบายว่า คือการฟังด้วยความซื่อสัตย์และให้ความสนใจอย่างดี และนำไปปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์ (ไม่หาทางเลี่ยง ไม่บิดเบือน) และยึดมั่นไว้เหนียวแน่น  และด้วยความเสมอต้นเสมอปลาย แม้จะต้องทนทุกข์กับการยึดมั่นนั้น ก็ไม่ยอมปล่อยวาง ยิ่งอดทน ยิ่งมีความเพียร ก็ยิ่งเห็นการเกิดผลมากขึ้น นั่นคือการอดทนที่ไปถูกทาง ไม่หลับหูหลับตาอดทน แต่เป็นการอดทนตามคำสอนตามพระวจนะของพระเจ้า นำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง และนี่คือหัวใจที่มีความเลื่อมใสศรัทธา จดจำ ทำด้วยความเพียร ไม่ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ลูกาบันทึกจำนวนเดียว คือ เกิดผลร้อยเท่า ไม่มีตกลง มาหกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง

 

ตามพระเยซูคริสต์….ตามเสียงแห่งการเกิดผล ไม่ถูกหลอก ไม่ถูกขโมย ไม่ถูกทำลาย จะไปถึงชีวิตที่ครบบริบูรณ์แน่นอน

ยอห์น 10:9-10 9 เรา​เป็น​ประตู ถ้า​ผู้ใด​เข้า​ไป​ทาง​เรา​ผู้​นั้น​ก็​จะ​รอด เขา​จะ​เข้า​ออก​แล้ว​ก็​จะ​พบ​อาหาร​10 ขโมย​นั้น​ย่อม​มา​เพื่อ​จะ​ลัก​และ​ฆ่า​และ​ทำลาย​เสีย เรา​ได้มา​เพื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ชีวิต และ​จะ​ได้​อย่าง​ครบ​บริบูรณ์​

 

ดิน 4 ชนิด ล้วนเกิดจากการฟังทั้งสิ้น แต่จะฟังด้วยหัวใจแบบไหนก็พิจารณาดูตัวเราเอง

  1. ดินข้างทาง : หัวใจแข็งกระด้าง
  2. ดินเป็นหิน : หัวใจที่แห้งแล้ง
  3. ดินมีหนามปกคลุม : หัวใจถูกกักขัง
  4. ดินดี : หัวใจเลื่อมใสศรัทธา จดจำ ทำด้วยความเพียร

ตามพระเยซูคริสต์…ตามเสียงแห่งการเกิดผล

By admin