“ตามพระเยซูคริสตส์…สยบพายุชีวิต”
มัทธิว 14:22-33
พายุชีวิต เป็นคำที่เรามักจะใช้สำหรับเวลาเผชิญกับปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ต้องสะดุด ไม่ราบรื่น ไม่สบายใจ เมื่อชีวิตถูกเปรียบเหมือนการเดินทาง บนสายน้ำที่บ้างก็ถูกเปรียบสิ้นสุดการเดินทางคือถึงฝั่ง แต่กว่าจะถึงฝั่ง ก็ต้องเจอคลื่นลม พายุ ซัดกระหน่ำ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ชีวิตถ้าไม่เจอกับปัญหา ก็ไม่ใช่ชีวิต เพราะปัญหาอยู่คู่กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ จะแก้ได้ หรือแก้ไม่ได้ ต้องปล่อยวางมันลง และให้มันเป็นไปตามครรลองของชีวิต ภาษาอังกฤษใช้คำว่า let it go เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้เอง แต่บางคนก็ไม่ยอมปล่อยวาง จะสู้กับปัญหาและอุปสรรค เพื่อจะเอาชนะ เราก็ได้เห็นว่า มีทั้งคนที่ชนะ และคนที่พ่ายแพ้ ดูเหมือนว่า เรามีทางเลือกเพียงเท่านี้หรือ….
เรื่องราวเกี่ยวกับการสยบพายุในหนังสือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้ถูกบันทึก เรื่องนี้ไว้ทั้งสี่เล่ม ได้แก่มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น แต่ในตอนนี้ ลูกาเล่มเดียวที่ไม่ได้บันทึกถึงพระเยซูทรงเดินบนทะเล ขณะที่พายุยังดำเนินต่อไป และสาวกก็กำลังอยู่บนเรือของตัวเอง พระกิตติคุณมัทธิว 14:22-33 เล่มเดียวที่ได้บันทึกรายละเอียดการเดินบนทะเลของเปโตรร่วมกับพระเยซูด้วย และเป็นบทเรียนสำหรับเราในวันนี้
ตามพระเยซูคริสต์….สยบพายุชีวิต กว่าจะไปถึงช่วงเวลาของพายุสงบ บางครั้ง เราอาจต้องมีประสบการณ์กับการเดินบนน้ำกับพระเยซูเหมือนเปโตร ที่มีความปรารถนาอยากจะตามพระเยซูคริสต์ทุกย่างก้าว น่าสนใจว่า ทำไมเปโตรอยากมีประสบการณ์นั้นเหมือนกับพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเดาๆว่า เปโตรคงเหนื่อยกับการต้องอยู่บนเรือที่มันโยกเยก ขึ้นลง เรือมันถูกคลื่นลมซัดจนจะยืนก็ยืนไม่ไหว
ตอนข้าพเจ้าไปสอบใบอนุญาตดำน้ำลึกครั้งแรก ที่ภูเก็ต ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเรือสามวันสามคืน ช่วงเวลานั้นไม่เหมาะที่จะไปภูเก็ต เพราะมันคือฤดูพายุเข้า คลื่นสูงถึงสองเมตร และทำให้เรือกระโดดขึ้นลง คนบนเรือก็กระโดด ข้าพเจ้ากินอะไรไป ก็ขยอกอาเจียนออกมาหมด เวลาของการดำน้ำ ใต้น้ำสงบ ดีกว่าอยู่บนเรือ
ข้าพเจ้าจินตนาการและประเมินเปโตรว่า คงจะอารมณ์เดียวกัน คือ ขอไปเดินบนน้ำอย่างพระเยซูคริสต์ น่าจะดีกว่า ดูเหมือนว่า คลื่นลมพายุที่กำลังโหมซัดเรือที่เปโตรกับพวกสาวกที่กระโดดไปมา แต่มันทำอะไรพระเยซูคริสต์ไม่ได้เลย พระองค์สงบนิ่งท่ามกลางพายุนั้นได้ พระเยซูทรงดำเนินบนน้ำ ขณะพายุก็ยังพัดโหมกระหน่ำ แต่พระองค์ทรงสงบนิ่งได้
มัทธิว 14:28 28 เปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
คำที่เปโตรขอให้พระเยซูสั่งให้เขาเดินบนน้ำไปหาพระองค์ น่าแปลกนะ เปโตรอยากเดินบนน้ำ อยากพ้นจากภาวะกระอักกระอ่วน แทบอาเจียนกับสภาพบนเรือที่กระโดดไปมา เปโตรต้องการมีประสบการณ์นั้นจริงหรือ หรือเพียงแค่อยากหนีออกจากเรือที่มันเป็นปัญหา หากเราย้อนกลับไปตอนแรกๆของพระคัมภีร์ตอนนี้ ได้บันทึกว่า ขณะสาวกกำลังเผชิญกับคลื่นลมพายุ พวกเขาเห็นพระเยซูคริสต์ดำเนินมา และก็จะผ่านเลยพวกเขาไป (มาระโกบันทึกตอนนี้ รากศัพท์กรีกคำว่า เหมือนจะผ่านเลยไป แปลว่า มาอยู่ใกล้ เข้าใกล้ แต่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในเรือลำเดียวกันกับพวกเขา ) พวกสาวกมองเห็นพระเยซู แต่จำไม่ได้
มัทธิว 14:26 26 เมื่อสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเล เขาทั้งหลายก็แตกตื่นพูดกันว่าต้องเป็นผี และร้องด้วยความกลัว
ฉบับแปลไทย ใช้คำว่า ผี แต่รากศัพท์กรีกคำนี้ แปลว่า วิญญาณ พวกสาวกของพระเยซู ร้องออกมาด้วยความกลัว ความกลัวตอนนี้ น่าจะมากกว่ากลัวพายุที่กำลังเผชิญ การร้องออกมาด้วยความกลัวของสาวก น่าจะทำให้พระเยซูคริสต์ที่กำลังทรงดำเนินมาใกล้ (เหมือนจะผ่านเลยไป แต่ไม่ผ่านเลยไป ยังคงอยู่ใกล้ ชนิดที่พระองค์พูดในท่ามกลางเสียงพายุคลื่นลม สาวกก็สามารถได้ยิน และโต้ตอบสนทนากับพระองค์
มัทธิว 14:27 27 พระเยซูตรัสกับพวกเขาทันทีว่า “ทำใจดีดีเถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
คำตรัสของพระเยซูคริสต์คือเสียงที่พวกเขาคุ้นเคย เขาจำได้ นี่เราเอง การใช้เวลากับพระเยซูคริสต์ของสาวกก่อนหน้านี้ ได้ผล ทำให้พวกเขารู้จักและจำเสียงของพระองค์ได้ ความกลัวของสาวกที่มีต่อพายุ ถูกสยบด้วยการจำเสียงของพระเยซูคริสต์ได้ (แต่เพียงชั่วคราว) พายุคลื่นลมยังอยู่ เพียงแต่ว่า พระเยซูคริสต์ทรงอยู่ใกล้พวกเขาจึงมีความกล้าขึ้นมา ภาษาไทยเราอาจใช้คำว่า รู้สึกใจชื้นขึ้น ที่พระอาจารย์อยู่ใกล้ แต่ฟังดีๆ….พายุคลื่นลมยังอยู่…. ยังเขย่าความกลัวต่อไป มาดูคำที่พระเยซูคริสต์ใช้กับสาวกในตอนนี้
“ทำใจดีดีเถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
ทำใจดีดี รากศัพท์กรีกแปลว่า จงมีความกล้าหาญ
เนลสัน แมนเดล่า อดีตประธานาธิบดี นักต่อสู้เพื่อคนผิวดำในอัฟริกาใต้ ยอมถูกคนผิวขาวจับติดคุกหลายสิบปี ภายหลังออกจากคุก และนำคนผิวดำอัฟริกาใต้ได้รับชัยชนะ และปกครองตนเองจนสำเร็จ ได้กล่าวว่า “ผมเรียนรู้ว่า ความกล้าไม่ใช่ปราศจากความกลัว แต่เป็นการเอาชนะมัน” มันคือสำนวนเดียวกันกับคำตรัสของพระเยซูที่ตรัสว่า “ทำใจดีดี นี่เราเอง อย่ากลัวเลย” แปลว่า จงเอาชนะความกลัวให้ได้ และที่สำคัญ คำว่า นี่เราเอง นอกจากจะบอกว่า คือพระอาจารย์แล้ว ยังสื่อว่า จงดูความสงบนิ่งของเราสิ ท่ามกลางคลื่นลมพายุที่โหมกระหน่ำ มันทำอะไรเราไม่ได้เลย เปโตรไวกว่าเพื่อน รีบขอพระเยซูเลยว่า ขอมั่งๆๆๆ ขอเดินบนน้ำ แต่…
เปโตรไม่ได้ขอมีประสบการณ์กับความสงบนิ่งของจิตใจอย่างพระเยซูคริสต์ เปโตรขอเดินบนน้ำ เพื่อจะเหมือนพระเยซูเพียงแค่ ภายนอก แต่ภายในของเปโตรยังไม่สงบนิ่งจริง ความกลัวของเขายังอยู่ เขาไม่ได้ชนะความกลัวด้วยความกล้าหาญ
คำว่า ทำใจดีดี (จงมีความกล้าหาญ) ที่พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวก เพื่อให้สาวกจัดการกับความกลัวด้วยตัวเอง ชนะมันให้ได้ เมื่อไรที่ชนะได้ นั่นคือความกล้าหาญ ความจริงที่อยู่ในมนุษย์ทุกคน คือ เราทุกคน ถูกสร้างมาให้มีอารมณ์สามอย่าง ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนยามเฝ้าตรวจตราความรู้สึกของเรา นั่นคือ ความเศร้า ความโกรธ และความกลัว เมื่อใดที่เรารู้สึกมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง มันไม่ผิด ไม่บาป แต่อย่าให้มันข้ามคืน ข้ามวัน และยังปล่อยให้อารมณ์นั้นค้างอยู่ มันจะทำให้เราทำบาป (คือพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า) พระคัมภีร์ได้ยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งในอารมณ์ของมนุษย์ทุกคน คือ ความโกรธ
เอเฟซัส 4:26-27 26 “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่27 อย่าให้โอกาสแก่มาร
นี่เป็นตัวอย่างบอกให้เราได้เห็นว่า พระคัมภีร์กำลังบอกเราว่า อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ มันเป็นเรื่องปกติ เพื่อส่งสัญญาณว่ามีบางอย่างผิดปกติ เช่น อะไรทำให้เราโกรธ และเราจัดการกับมันได้อย่างไร มันมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น หรืออะไรไม่ถูกใจ ไม่ใช่โกรธไปเรื่อย โกรธโดยไม่มีเหตุผล นั่นคือ อารมณ์โกรธควบคุมเรา คนที่ควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองได้ ไม่ได้แปลว่า โกรธไม่เป็น ขอให้เราแยกแยะให้ออก ทำนองเดียวกัน อารมณ์กลัว ของคนเรา เราก็ต้องควบคุมความกลัวให้ได้ ไม่ใช่เพื่อแสดงความกล้าบ้าบิ่น เพื่อบอกกับคนอื่นว่าตนเองไม่กลัว
มีอาจารย์ท่านหนึ่ง เคยเล่าตัวอย่างเรื่องความกล้าบ้าบิ่นของท่านว่า ตอนท่านเป็นหนุ่ม เวลาจะมีเรื่องตีรันฟันแทงกับคนวัยเดียวกัน ท่านจะลงมือก่อน ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว ไม่ใช่เพราะท่านกล้าหาญ แต่เพราะความกลัวทำให้ท่านต้องรีบลงมือทำร้ายคนอื่นก่อน
พายุของจิตใจของคนมากมาย กำลังเขย่าอารมณ์สามอย่างนี้ภายในมนุษย์ทุกคน อยู่ที่ว่า แต่ละคนจะควบคุมได้หรือไม่ได้ และตอบสนองต่อมันด้วยความกลัว หรือความกล้าที่จะเอาชนะมันให้ได้
ตามพระเยซูคริสต์…สยบพายุชีวิต ภายในจิตใจก่อน ปัญหาอุปสรรคภายนอก จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ และเราจะอยู่กับมันได้ ไม่ใช่รอแต่คำตอบว่า เมื่อไหร่มันจะหายไปจากชีวิตสักที นอกจากจะไม่หายไปแล้ว ทำไม มันมีมากขึ้นจนหลายคนประสาทเสียไป เช่น ขณะนี้ เราต้องเผชิญกับเรื่องโควิดระบาดระลอกหนักกว่าเดิม
“ทำใจดีดีเถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
จงฟังเสียงของพระเยซูคริสต์ อย่างเข้าใจ และรับไว้เพื่อจะนำไปใช้เพื่อสยบพายุชีวิต ตามพระเยซูคริสต์…สยบพายุชีวิต อยู่กับมันให้ได้ ถ้าจะเดินบนน้ำ ก็เดินด้วยใจที่สยบพายุแล้ว มิฉะนั้น จะเป็นเหมือนเปโตร ที่กำลังจะจมน้ำและร้องขอให้พระเยซูช่วย
มัทธิว 14:28-31 28 เปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”29 พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู30 แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย”31 พระเยซูจึงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ทันที แล้วตรัสว่า “ช่างมีความเชื่อน้อย ท่านสงสัยทำไม?”
ก้าวย่างของเปโตรออกจากเรือไปเดินบนน้ำ ด้วยความกล้าหาญเพราะการมองดูที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบของการเดินบนน้ำ (ด้วยความเชื่อ) ถือว่า สอบผ่าน แต่ว่า…ยังมีบททดสอบที่ต้องผ่าน นั่นคือ ความกลัวที่เปโตร ไม่ได้เอาความกล้าหาญนั้น(ความเชื่อ)ที่จะชนะความกลัว เขามองที่ลมพัดแรง ที่เขย่าความกลัวอีกครั้ง ความจริง มันก็คือลมเดิมๆที่พัดและไม่เคยหยุดพัดเลย มันคือธรรมชาติของท้องทะเลยามมีพายุคลื่นลม ชีวิตของการมาเป็นคริสเตียนของเราทุกคน ก็เช่นเดียวกัน การเป็นคริสเตียนไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่มีปัญหาเลย ปัญหา อุปสรรคยังเหมือนเดิม แต่ว่า การรับมือกับปัญหาและอุปสรรคต่างหากที่เปลี่ยนไป ใช่ไม๊ พี่น้อง
เพราะเราสามารถสงบนิ่งกับมันได้มากขึ้นและมากขึ้น จนมันทำอะไรเราไม่ได้ต่างหาก นี่คือ พระประสงค์ของพระเยซูคริสต์เจ้า ที่ทรงต้องการให้เราดำเนินชีวิตอย่างคนปกติ ไม่ใช่เทวดา หรือทูตสวรรค์ และสามารถเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ อ.เปาโลได้หนุนใจคริสเตียนมากมายให้ชื่นชมยินดี ในสถานการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมเลย ท่านเขียนจดหมายนี้ ขณะที่ท่านจำคุกด้วยการให้ร้ายจากพวกยิวที่ต่อต้านการประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ท่านมีความชื่นชมยินดีได้ตลอดเวลา
ฟิลิปปี 4:4-6 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด5 จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว6 อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ7 แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์
จดหมายของอ.เปาโลหลายเล่มถูกคัดเลือกให้เป็นส่วนใหญ่ในหนังสือพระคัมภีร์ใหม่ เพราะได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้เขียนหนุนใจคริสเตียนในเวลานั้น เพราะท่านได้สยบพายุชีวิตที่แท้จริง คือจิตใจภายใน
เรื่องราวของเปโตรจมลงและพระเยซูคริสต์ทรงดึงขึ้นจากน้ำ พาขึ้นเรือ และพายุสงบ เป็นภาพของคริสเตียนมากมายที่ยังดำเนินชีวิตมองพายุชีวิตแต่ภายนอก และพึ่งพาพระเยซูแก้ปัญหาให้แต่ภายนอก แต่ไม่เรียนรู้สัจธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่มุ่งให้เราจัดการกับจิตใจภายใน ที่เหมือนทะเลที่บางครั้งสงบ บ่อยครั้งเหมือนคลื่นลมพายุที่โหมกระหน่ำจิตใจ จากแรงเขย่าภายนอก
ตามพระเยซูคริสต์…สยบพายุชีวิต กำลังเป็นกระบวนการที่เราทุกคนกำลังเรียนรู้อยู่จากพระเยซูคริสต์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ที่ประทานให้กับผู้เชื่อทุกคน
ยอห์น 14:26-27 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว27 เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย
ตามพระเยซูคริสต์…สยบพายุชีวิต ภายในจิตใจ เราได้เปรียบกว่าใคร เพราะพระเยซูคริสต์ได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไว้ให้แก่ผู้ที่ตามพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ที่ไหน เสรีภาพอยู่ที่นั่น คือสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ ใจไม่เป็นทุกข์ และไม่กลัวสิ่งใด อาเมน