“รู้กาละ ไม่ใช่แค่รู้ข้อมูล”
1พงศาวดาร 12:32 จากเผ่าอิสสาคาร์ มีผู้รู้กาละ ทราบว่าอิสราเอลควรทำประการใด มีหัวหน้าสองร้อยคน และญาติของเขาทั้งสิ้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา
สวัสดีค่ะ พี่น้องที่รักในพระคริสต์ ขณะนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า มาตรการเข้มข้น ไม่ผ่อนปรน สำหรับการออกนอกบ้าน(ขอความร่วมมือทำงานที่บ้านให้มากที่สุด) ห้ามนั่งกินอาหารที่ร้าน ให้ซื้อกลับไปทานที่อื่น การใส่หน้ากากอย่างเคร่งครัด(ไม่ใส่ จะถูกปรับเงิน หรือต้องทำหน้าที่บริการสังคมแทน) แม้แต่นั่งรถส่วนตัวไปด้วยกัน ก็ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา (ยิ่งออกอากาศ ถ่ายทอดสด ยิ่งต้องเข้มงวด) ห้ามรวมตัวกันทำกิจกรรมเกิน 20 คน(ศาสนกิจก็ไม่เว้น) ห้ามออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น(เฉพาะจังหวัดที่เป็นสีแดง) กรุงเทพเป็นหนึ่งในหกจังหวัดที่เป็นสีแดง กฎระเบียบเหล่านี้ สำหรับระยะเวลา 14 วัน นับจากวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป อาจจะทำให้หลายคนต้องอึดอัด และรู้สึกวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้ เป็นข้อมูลที่เราได้รับรู้ เมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสถามบางคน กลายเป็นว่า เขาไม่รู้ และยังไม่รู้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นห่วงพวกเราหลายๆคนอาจขาดการติดตามข่าวสารของทางการ หรือการประชาสัมพันธ์ของทางการอาจไปไม่ทั่วถึง แต่มันกลายเป็นกฎบังคับใช้แล้ว และไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะว่า การระบาดของโควิด19 ครั้งนี้ ไปทั่ว ไม่รู้ใครเป็นใคร
การรู้ข้อมูลข่าวสารให้ทันการ(กาละ) เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในยุคของพระคัมภีร์เดิม มีคนเผ่าหนึ่งชื่อว่าเผ่าอิสสาคาร์ ถูกกล่าวถึงว่าเป็นเผ่าที่รู้กาละ คือรู้ว่า อิสราเอลควรทำประการใด น่าสนใจว่า พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่า เผ่าอิสสาคาร์รู้ว่า ไม่ใช่แค่ตัวเองควรทำประการใด แต่รู้ในภาพรวม และไม่ใช่เป็นการรู้เพื่อจะทำ แต่รู้ว่าควรทำ คือต้องทำและทำแล้ว นั่นคือ เตรียมตัวเป็นกองทัพสำหรับทำสงคราม และได้เตรียมคนในครอบครัวของตัวเองให้อยู่ในระเบียบวินัยอย่างทหาร คือการเชื่อฟัง มีผู้ทำบทบาทผู้นำ ผู้บังคับบัญชา เริ่มจากคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง พร้อมรับคำสั่ง นี่คือภาพของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในครอบครัวเดียวกัน อยากจะหนุนใจพวกเราว่า บรรยากาศของประเทศชาติของเรายามนี้ ต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการเชื่อฟังจากประชาชนพลเมือง สังคม สมาชิกคริสตจักรท้องถิ่น และคนในครอบครัวเดียวกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือการแสดงการรู้กาละ รู้เวลาที่เหมาะสมว่า ขณะนี้ ประเทศไทยของเราควร…ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชา