“ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์”
ยอห์น 5:1-18
มีประเภทของกลุ่มคนที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในยุคนี้ สถานการณ์เวลานี้ อันได้แก่….ทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ ทำสิ่งที่ถูกใจแต่อาจไม่ถูกต้อง โดยรู้ หรืออาจไม่รู้.. ยังทำสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ทำสิ่งที่ควรทำ อะไรคือหลักที่จะใช้ตัดสิน….
ข้าพเจ้าได้เห็นบทความหนึ่ง จั่วหัวข้อว่า คลั่งรักฆาตรกร คือคนทั่วไปที่ติดตามข่าวคนทำผิด ถูกจับ ในข้อหาเป็นฆาตรกร แต่คนในสังคมบางกลุ่มไม่สนใจพฤติกรรมการทำผิดของผู้ต้องหาคนนี้ ก็จะรัก จะทำไม อันนี้ จะเรียกว่า ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง? ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา เลือกความถูกใจมากกว่าความถูกต้อง ที่น่าเป็นห่วงมากกับวิธีคิดของคนในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีช่องทางการชี้นำความคิดแบบเสรี ที่ใครก็ห้ามวิธิคิดแบบนี้ไม่ได้แล้ว และการคิดแบบนี้ เราคิดว่า มีแนวโน้มในการให้คนทำตามกันหรือไม่?
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ ยังทันสมัยสำหรับคนในยุคของเราอยู่หรือไม่ และจะช่วยปกป้อง ช่วยกู้ความตกต่ำของความคิดในยุคนี้ได้อย่างไร? พระกิตติคุณยอห์นได้บันทึกเรื่องราวที่สระน้ำชื่อ เบธซาธา ที่ริมประตูแกะ ในยุคสมัยของพระเยซู ย้อนกลับไปหลายร้อยปี ประตูแกะที่มีสระน้ำที่ชื่อว่า เบธซาธา ที่ได้ชื่อว่าประตูแกะ เพราะที่ตรงนี้ เป็นทางเข้ากรุงเยรูซาเล็ม เพื่อคนยิวจะนำแกะไปฆ่าเพื่อเตรียมเป็นเครื่องถวายบูชาในพระวิหาร สระน้ำนี้ ใช้สำหรับชำระแกะที่ถูกฆ่า ทำความสะอาด จนมาถึงยุคสมัยของพระเยซูคริสต์ ก็มีตำนานเรื่องทูตสวรรค์ลงมากวนน้ำที่สระนี้ ใครลงไปคนแรก ก็จะหายโรค ฉบับแปล 1971 จึงมีบันทึกตำนานนี้ในข้อ 4 แต่ฉบับแปล 2011 ตัดออก เพราะว่า มันเป็นตำนานความเชื่อของคนยิว แต่ก็เป็นที่มาของการรวมตัวกันที่สระน้ำเบธซาธานี้
ยอห์น 5:1-3 1 หลังจากนั้นก็ถึงเทศกาลของพวกยิว และพระเยซูก็เสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 2 ในกรุงเยรูซาเล็มที่ริมประตูแกะมีสระอยู่สระหนึ่ง ภาษาฮีบรูเรียกสระนั้นว่า เบธซาธา เป็นที่ซึ่งมีศาลาห้าหลัง 3 ในศาลาเหล่านั้นมีคนป่วยเป็นอันมาก คนตาบอด คนง่อย และคนเป็นอัมพาตนอนอยู่คอยน้ำกระเพื่อม
เทศกาลของพวกยิว คือการบอกว่า คือช่วงเวลาที่ผู้ชายยิวจากหลายที่ จะมาแสดงตัวว่าความเป็นยิวที่เยรูซาเล็ม ตามหลักธรรมบัญญัติ ปีละสามครั้ง (ในเทศกาลใหญ่ที่มีสามเทศกาล ได้แก่ เพนเตคอส อยู่เพลิง และปัสกา) เทศกาลแต่ละครั้งก็จะกินเวลาหลายวัน และจะคาบกับวันสะบาโต ซึ่งเป็นวันหยุดหนึ่งวันในหนึ่งสัปดาห์ และนี่คือคำอธิบายถึง จุดที่ประตูแกะ ตรงบริเวณสระน้ำเบธซาธา จึงมีคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันตรงบริเวณนั้น คนกลุ่มนี้ มีทั้งคนป่วย คนตาบอด คนง่อย คนอัมพาตนอนคอยด้วยความเชื่อตามตำนาน เรื่อง น้ำในสระกระเพื่อม เพราะมีทูตสวรรค์มากวนน้ำ (ในช่วงเวลาสำคัญๆนี้ ปีละสามครั้ง) พระคัมภีร์บันทึกดูเหมือนว่า พระเยซูคริสต์ทรงเลือกรักษาชายที่ป่วยมาสามสิบแปดปี คนเดียว
ยอห์น 5:5-7 5 ที่นั่นมีชายคนหนึ่งป่วยมาสามสิบแปดปีแล้ว6 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรคนนั้น และทรงทราบว่าเขาป่วยอยู่อย่างนั้นนานแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เจ้าปรารถนาจะหายโรคหรือ”7 คนป่วยนั้นทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้าเมื่อน้ำกำลังกระเพื่อมนั้น ไม่มีผู้ใดที่จะเอาตัวข้าพเจ้าลงไปในสระ และเมื่อข้าพเจ้ากำลังไปคนอื่นก็ลงไปก่อนแล้ว”
คำที่ยอห์นใช้บันทึกเรียกชายที่ป่วยด้วยคำว่า ไม่มีแรง อ่อนแอ คำตอบของชายป่วยคนนี้ที่ตอบกับพระเยซูคริสต์ คือ…
ยอห์น 5:7 7 คนป่วยนั้นทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้าเมื่อน้ำกำลังกระเพื่อมนั้น ไม่มีผู้ใดที่จะเอาตัวข้าพเจ้าลงไปในสระ และเมื่อข้าพเจ้ากำลังไปคนอื่นก็ลงไปก่อนแล้ว”
ความเชื่ออันน้อยนิดของชายที่อ่อนแอไม่มีแรงคนนี้ คือ เขาจะหายได้จากสระน้ำที่มีโอกาสน้อยมาก ที่จะไปทันคนอื่น (คนป่วยจำนวนมากที่รอคอยเหมือนกัน) เงื่อนไขของการหายโรค คือ รอทูตสวรรค์ลงมากวนน้ำ เกิดน้ำกระเพื่อม ระหว่างน้ำกระเพื่อม ใครเร็วคนนั้นได้ คนแรก เป็นใคร ถ้าลงพร้อมกัน ก็ไม่มีคนแรก เพราะเงื่อนไขคือคนแรกคนเดียว ความเชื่อนี้ ช่างยากที่จะได้มาตามที่เชื่อ แต่ก็ยังมีคนรอคอย หวังจะได้ เผื่อฟลุค ชายอ่อนแอและไม่มีเรี่ยวแรงคนนี้ ก็คงจะมาเยรูซาเล็มทุกปี ปีละสามครั้ง ตลอดสามสิบแปดปี (ที่ผิดหวังกลับบ้านไปทุกครั้ง) และครั้งนี้ ก็คงจะคิดว่า น่าจะผิดหวังเหมือนเดิม แต่แปลก ก็ยังมีความเชื่อนิดๆนี้ไว้เป็นความหวังเผื่อฟลุค
มีคำล้อเรื่องโควิดกับฉีดวัคซีน อย่างนี้ โอกาสเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดวัคซีนเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง โอกาสตายเพราะโควิด เหมือนถูกเลขท้ายสองตัว โอกาสติดเชื้อเหมือนถูกหวยรับประทาน(ถูกกิน)
คำถามคือ เรากำลังดำเนินชีวิตเผื่อฟลุค (ผิดหวังมากกว่าสมหวัง) อยู่หรือไม่?
ทำไมพระเยซูคริสต์จึงเลือกรักษาชายป่วยคนนี้คนเดียว ในขณะที่มีคนมากมายอยู่รอบๆบริเวณสระน้ำเบธซาธา บางคำอธิบายบ้างก็ให้ความเห็นว่า พระเยซูคริสต์กำลังแสดงการสวนกระแสวิธีคิดของคนยิวในเวลานั้น ที่มาพระวิหาร ด้วยวิธีคิดตามธรรมบัญญัติ พยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง จะด้วยถูกใจ หรือไม่ถูกใจก็ตาม แต่ที่แน่ๆ พวกเขารู้ว่า สิ่งควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ห้ามแบกแคร่ แต่พระเยซูกลับสั่งให้ชายป่วยคนนี้ แบกแคร่
ยอห์น 5:8-10 8 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นยกแคร่ของเจ้าเดินไปเถิด”9 ในทันใดนั้นคนนั้นก็หายโรค และเขาก็ยกแคร่ของเขาเดินไป วันนั้นเป็นวันสะบาโต10 ดังนั้นพวกยิวจึงพูดกับชายที่หายโรคนั้นว่า “วันนี้เป็นวันสะบาโต ที่เจ้าแบกแคร่ไปนั้นก็ผิดธรรมบัญญัติ”
นี่คือคำตอบว่า ทำไมพระเยซูเลือกรักษาชายป่วยคนนี้ เพราะว่า เขามีแคร่ที่จะใช้แบกตามคำสั่งของพระองค์ พระเยซูต้องการสวนวิธีคิดของคนยิวในเวลานั้น ที่มายังเยรูซาเล็มพร้อมกับความคิดว่า เขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง และแสดงออกว่าตนเองพอใจกับสิ่งที่แสดงนั้น และยังแสดงออกของความเป็นยิวว่า พวกเขารู้ว่า อะไรควรทำ และไม่ควรทำ พวกเขาไม่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ และกำลังทำสิ่งที่ควรทำ
ในฐานะที่พระเยซูทรงเป็นผู้ชายยิว และพระองค์มาเยรูซาเล็มด้วยความเป็นยิว พระองค์รู้หรือไม่ว่า อะไรถูกอะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พระองค์รู้ แต่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ควรทำมากกว่านั้น และถูกต้องที่สุดของที่สุด ก็คือ
ยอห์น 5:17 17 แต่พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “พระบิดาของเรายังทรงทำอยู่เรื่อยๆ และเราก็ทำด้วย”
นี่คือ จุดยืนของพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นยิว ทำอย่างยิว อยู่อย่างยิว แต่พระองค์ก็ไม่ปล่อยให้ความเป็นยิวของคนส่วนใหญ่ที่ถูกกระแสความคิดของสังคมที่ตีความเรื่องวันสะบาโตอย่างผิดเพี้ยนไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า มามีอิทธิพลต่อวิธีคิดของพระองค์ ที่จะทำตามสิ่งที่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ทรงทำอยู่เรื่อยๆ นั่นคือ สะบาโตเพื่อคน ไม่ใช่คนเพื่อสะบาโต พระเจ้าทรงหยุดพักการงานของพระองค์ในวันที่เจ็ดของการทรงสร้างโลก และให้เรียกว่า ซับบาธ สะบาโต ที่แปลว่า วันหนึ่งในสัปดาห์ เพื่อให้สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างทุกอย่างได้พัก แต่สะบาโตในยุคนั้น กลายเป็นภาระ สร้างความรู้สึกเครียดกว่าเดิม เพราะกลัวว่า จะทำอะไรผิดไปจากข้อห้ามต่างๆ มากมาย
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ ไม่ใช่ให้เราเป็นเหมือนหุ่นยนต์ ทำตามคำสั่ง อย่างเดียว หากเราย้อนกลับไปดูคำถามของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อชายป่วยไม่มีเรี่ยวแรงคนนี้…
ยอห์น 5:6-7 6 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรคนนั้น และทรงทราบว่าเขาป่วยอยู่อย่างนั้นนานแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เจ้าปรารถนาจะหายโรคหรือ”7 คนป่วยนั้นทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้าเมื่อน้ำกำลังกระเพื่อมนั้น ไม่มีผู้ใดที่จะเอาตัวข้าพเจ้าลงไปในสระ และเมื่อข้าพเจ้ากำลังไปคนอื่นก็ลงไปก่อนแล้ว”
พระเยซูถาม และได้คำตอบว่า ชายคนนี้ ต้องพึ่งพาคนอื่น ไม่มีแรงที่จะพาตัวเองไปที่สระน้ำ พระเยซูตอบสนองความปรารถนาของชายคนนี้ ด้วยการให้เขาหายดี มีแรง ที่จะลุกขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้ไปที่สระน้ำนั้น แต่เพื่อเขาจะช่วยตัวเองได้ กลับมามีชีวิตปกติ ด้วยคำสั่งให้แบกแคร่…
ยอห์น 5:8 8 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นยกแคร่ของเจ้าเดินไปเถิด”
ชายคนนี้ หายโรค ไม่ใช่เพราะความเชื่อของตนเอง แต่โดยสิทธิอำนาจของพระเยซูคริสต์ ….
ยอห์น 5:9 9 ในทันใดนั้นคนนั้นก็หายโรค และเขาก็ยกแคร่ของเขาเดินไป วันนั้นเป็นวันสะบาโต
พระเยซูคริสต์รักษาโรค ในวันสะบาโต การหายโรคของคน ทำให้คนได้พัก อย่างแท้จริง โรคภัยไข้เจ็บทำไห้คนไม่ได้พัก เราลองไปถามคนที่ป่วยทั้งหลายว่า เขาได้พักไม๊ บางคนมักจะปลอบใจคนที่ป่วย(คริสเตียน)ว่า ดีแล้ว พระเจ้าให้พัก แต่ความจริงได้พักไม๊ ข้าพเจ้าว่า ไม่ได้พัก เพราะเขาต้องต่อสู้ทรมานกับความเจ็บป่วย แต่การพักฟื้นหลังจากหายต่างหาก คือการได้พัก พักเพื่อจะไม่กลับไปป่วยอีก
ตามพระเยซูคริสต์….ทำตามพระองค์ น่าสนใจสิ่งที่พระเยซูทรงตรัสกับชายคนป่วยที่หายดี หลังจากนั้นได้เจอกันอีก
ยอห์น 5:14 14 ภายหลัง พระเยซูได้ทรงพบคนนั้นในบริเวณพระวิหารและตรัสกับเขาว่า “นี่แน่ะ เจ้าหายโรคแล้ว อย่าทำบาปอีก มิฉะนั้นเหตุร้ายกว่านั้นจะเกิดกับเจ้า”
คำตรัสของพระเยซูคริสต์ตอนนี้ อาจบอกให้เราเข้าใจได้ว่า ความป่วยของชายคนนี้ เกิดจากบาปที่ตนเองไปกระทำในอดีต ทำให้ต้องป่วยมาเป็นเวลาสามสิบแปดปี และยังบอกว่า ความป่วยของชายคนนี้ ไม่ได้ติดมาตั้งแต่เกิด ไม่เหมือนชายตาบอดแต่กำเนิด ความป่วยยาวนานถึงสามสิบแปดปี ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง เหมือนคนง่อย ไม่สามารถที่จะแข่งความเร็วที่จะไปถึงการหายโรคได้ จะเรียกว่า อัมพฤตก็เป็นได้ จะด้วยเดินไม่คล่อง น่าจะเกี่ยวกับการเดิน
….อย่าทำบาปอีก มิฉะนั้นเหตุร้ายกว่านั้นจะเกิดกับเจ้า”….
บาป ในที่นี้ แปลว่า ล้มเหลวในการทำบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะการทำผิดศีลธรรมที่ถูกต้อง ควรจะทำ และควรจะเป็น
เรารู้หรือไม่ว่า อะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ อะไรคือผิดศีลธรรม บางคนว่า ยังไม่ได้ลงมือทำ แค่คิดเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า อะไรที่จะนำไปสู่การผิดศีลธรรมได้ ยกตัวอย่าง เช่น ดูหนัง…ที่นำไปสู่การผิดศีลธรรม เป็นหนังประเภทไหนบ้าง อ่านบทความ ดูรูปภาพ การพูด การกระทำแบบไหนที่อาจนำไปสู่การผิดศีลธรรมได้บ้าง
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ มีคำพูดหนึ่งที่เรามักจะกล่าวว่า ถ้าพระเยซูในสถานการณ์ที่เราเผชิญ พระองค์จะตอบสนองอย่างไร คือคำถามที่ให้คิดเพื่อเราจะไม่ทำอย่างที่เราคิดเอง ตอบสนองจากความพอใจของตัวราเองหรือไม่ เราจะหยุดมันได้อย่างไร
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ เราจะปลอดภัย เพราะพระเยซูคริสต์มักจะเลือกทำสิ่งที่สวนกระแสสังคมที่กำลังไปผิดพระประสงค์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์เลือกทำสิ่งที่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ทำอยู่เรื่อยๆ คือ นำคนออกจากผลของบาป และให้หยุดทำบาป กลับใจใหม่
ฮีบรู 4:9-10 9 ฉะนั้นจึงยังมีการพำนักสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า10 เพราะว่าผู้ใดที่ได้เข้าสู่การพำนักของพระเจ้าแล้ว ก็ได้พักงานของตน เหมือนพระเจ้าได้ทรงพักพระราชกิจของพระองค์
อย่าให้เราติดกับดักโลกนี้ วิธีคิดตามกระแสของคนในสังคมเวลานี้ ที่ทำตามๆกัน ทำตามความพอใจของตนเอง นำมาสู่การไมได้พัก ยิ่งทำบาป ยิ่งเหนื่อย และนำไปสู่ความป่วย ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า…
มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ หยุดความหวังแบบฟลุคๆ หยุดชีวิตป่วยๆ ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
ยากอบ 5:19-20 19 พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และผู้ใดชักจูงเขาให้เขากลับใจเสียใหม่20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย
ตามพระเยซูคริสต์…ทำตามพระองค์ ช่วยนำคนมาถึงพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดที่นำคนไปถึงการได้พัก รอด และหยุดบาปได้มากมาย อาเมน