“เกิดผลในพระคริสต์…โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

วันนี้ ชีวิตของเรากำลังสำแดงผลต่างๆ ด้วยแรงจูงใจของอะไร เราพูดเพื่ออะไร เรากระทำเพื่ออะไร เราคิดจากอะไร บางคนเต้นไปตามจังหวะของข่าวสาร บางคนเคลื่อนไปตามจังหวะของละคร บางคนพูดเหมือนชีวิตอยู่ในละคร (น้ำเน่า) บางคนใช้ชีวิตตามกระแสของเพื่อน กระแสของเศรษฐกิจ กระแสของลูกค้า แต่จะมีสักกี่คนที่ดำเนินไปตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์โปรดให้พูด ให้ทำ ให้ไม่พูด ให้ไม่ทำ…..ชีวิตคริสเตียนไม่สามารถเกิดผลโดยปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรงกันข้ามก็คือการงานของเนื้อหนัง หนังสือยากอบได้เปรียบเทียบถึงการออกผลตามชนิดของต้นกำเนิด ยากอบ 3:12 12 พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​ต้น​มะเดื่อ​จะ​ออก​ผล​เป็น​มะกอก​เทศ​ได้​หรือ หรือ​เถา​องุ่น​จะ​ออก​ผล​เป็น​มะเดื่อ​ได้​หรือ บ่อ​น้ำพุ​เค็ม​ก็​ทำ​ให้​เกิด​น้ำ​จืด​อีก​ไม่ได้​เลย​ ต้นไม้แต่ละชนิดจะออกผลตามชนิดของมัน เป็นไปไม่ได้ที่ต้นมะเดื่อจะออกผลมะกอกเทศ หรือองุ่นจะออกผลมะเดื่อ เมื่อมาถึงน้ำเค็มจะทำให้น้ำจืดก็ไม่ได้ บางคนอาจบอกว่า น้ำเค็มทำให้จืดได้ เมื่อเอาไปผ่านการกรอง แต่ยากอบกำลังยกตัวอย่างของต้นกำเนิด ที่ทำให้ทำให้เกิด ส่วนจะเอาผลไปบิดเบือนเพื่อให้น้ำออกมาหวานนั้น คือกระบวนการของมนุษย์ การเปรียบเทียบนี้ยากอบต้องการจะบอกว่า มนุษย์เราจะเป็นต้นกำเนิดของพระพรหรือเป็นคำแช่งสาปก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราดูดซับเข้ามาในชีวิตของเรา และแสดงออกมาที่ลิ้นที่พูด และคำเทศนาเป็นซีรี่ส์วันนี้มาถึงเนื้อหาเกี่ยวกับการเกิดผลในพระคริสต์….โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งทรงออกผลในชีวิตสาวกของพระเยซูคริสต์เจ้า ตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 1โครินธ์ 3:16 16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​ท่าน​เป็น​วิหาร​ของ​พระ​เจ้า และ​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​เจ้า​สถิต​อยู่​ใน​ท่าน หนังสือเรื่องคนยามผู้เฝ้าระวังแผ่นดิน ได้กล่าวว่า เราไม่ได้ถูกสร้างมาให้ตายในบาปของเรา เราถูกสร้างขึ้นให้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และได้รับแสงสว่างของพระเจ้าโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทุกคนเกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เราแต่ละคนมีจิตสำนึก และเมื่อมาถึงความจริง ก็จะบังเกิดใหม่และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์…(หน้า 68)  กาลาเทีย 5:16 ,18 16 แต่​ข้าพเจ้า​ขอ​บอก​ว่า จง​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​พระ​วิญญาณ อย่า​สนอง​ความ​ต้อง​การ​ของ​เนื้อ​หนัง…. 18 แต่​ถ้า​พระ​วิญญาณ​ทรง​นำ​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​ไม่​อยู่​ใต้ธรรม​บัญญัติ​ พระคัมภีร์สอนเราว่าในแต่ละวัน   เราต้องสดใหม่ในการประกอบด้วยพระวิญญาณ และเมื่อคนที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์  กิจการ 5:32 32 เรา​ทั้ง​หลาย​จึง​เป็น​พยาน​ถึง​เรื่อง​เหล่า​นี้ และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ประทาน​ให้​ทุก​คน​ที่​เชื่อ​ฟัง​พระ​องค์​นั้น ​ก็​เป็น​พยาน​ด้วย”พระเยซูตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า พวกเขาจะไม่เป็นบ่าวอีกต่อไป แต่จะเป็นมิตรสหายของพระองค์ ยอห์น 15:14 14 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประพฤติ​ตาม​ที่​เรา​สั่ง​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​เป็น​มิตร​สหาย​ของ​เรา​ ชีวิตการเป็นคริสเตียนของเราทั้งหลายจึงต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเราจะเกิดผลในพระเยซูคริสต์ จุดเริ่มต้นของชีวิตที่เกิดผลจึงถูกบันทึกไว้ในหนังสือกิจการ 2:1-15 1 เมื่อ​วัน​เทศกาล​เพ็น​เท​คอสต์​มาถึง จำพวก​ศิษย์​จึง​รวมอยู่​ใน​ที่​แห่ง​เดียว​กัน​2 ​ใน​ทันใด​นั้น​มี​เสียง​มา​จาก​ฟ้า​เหมือน​เสียง​พายุ​กล้า​สั่น​ก้อง​ทั่ว​ตึก​ที่​เขา​นั่ง​อยู่​นั้น​3 มี​เปลว​ไฟ​สัณฐาน​เหมือน​ลิ้น​ปรากฏ​แก่​เขา​กระจาย​อยู่​บน​เขา​สิ้น​ทุก​คน4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบ ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด 5 มี​พวก​ยิว​จาก​ทุก​ประเทศ​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า มา​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​6 เมื่อ​มี​เสียง​อย่าง​นั้น​เขา​จึง​พา​กัน​มา และ​ฉงน​สนเท่ห์​เพราะ​ต่าง​คน​ต่าง​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​ตัว​7 คน​ทั้ง​ปวง​จึง​ประหลาด​และ​อัศจรรย์​ใจ​พูด​ว่า “ดูแน่ะ คน​ทั้ง​หลาย​ที่​พูด​กัน​นั้น​เป็น​ชาว​กาลิลี​ทุก​คน​ไม่ใช่​หรือ​8 เหตุ​ไฉน​เรา​ทุก​คน​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​เรา​9 เช่น​ชาว​ปาร​เธีย​และ​มีเดีย ชาว​เอ​ลาม​และ​คน​ที่​อยู่​ใน​เขต​แดน​เมโสโปเตเมีย และ​แคว้น​ยูเดีย​และ​แคว้น​คัป​ปา​โด​เซีย ใน​แคว้น​ปอนทัส​และ​เอเชีย​10 ​ใน​แคว้น​ฟรี​เจีย แคว้น​ปัมฟี​เลีย​และ​ประเทศ​อียิปต์​ใน​แขวง​เมือง​ลิเบีย​ซึ่ง​ขึ้นกับ​นคร​ไซรีน และ​คน​มา​จาก​กรุง​โรม ทั้ง​พวก​ยิว​กับ​คน​เข้า​จารีต​ยิว​11 ชาว​เกาะค​รีต​และ​ชาว​อาระเบีย เรา​ทั้ง​หลาย​ต่าง​ก็​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นี้​กล่าวถึงมห​กิจ​ของ​พระ​เจ้า ตาม​ภาษา​ของ​เรา​เอง”12 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อัศจรรย์​ใจ และ​ฉงน​สนเท่ห์​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​กัน”13 แต่​บาง​คน​เยาะ​เย้ย​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​เมา​เหล้า​องุ่น​ใหม่14 ฝ่าย​เปโตร​ได้​ยืน​ขึ้นกับ​อัครทูต​สิบ​เอ็ด​คน และ​ได้​กล่าว​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “ท่าน​ชาว​ยูเดีย​และ​บรรดา​คน​ที่​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม จง​ทราบ​เรื่อง​นี้​และ​ฟัง​ถ้อยคำ​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด​15 ด้วย​ว่า​คน​เหล่า​นี้​มิได้​เมา​เหล้า​องุ่น​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​คิด​นั้น เพราะ​ว่า​เป็น​เวลา​สาม​โมง​เช้า​ วันเพนเตคสเต เป็นวันที่ห้าสิบหลังจากเทศกาลเฉลิมฉลองปัสกา เป็นวันฉลองวันเดียว พระคัมภีร์บันทึกว่า พวกศิษย์ก็คือบรรดาสาวกของพระเยซู ทั้งอัครทูตสิบเอ็ดคนและคนใหม่อีกหนึ่ง รวมกับคนอื่นๆอีกร้อยยี่สิบคน การรวมตัวกันในที่แห่งเดียวกัน คือสัญญลักษณ์ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างที่หนังสือสดุดี 133:1  ดู​เถิด ซึ่ง​พี่​น้อง​อาศัย​อยู่​ด้วย​กัน​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน ​ก็​เป็น​การ​ดี และ​น่า​ชื่น​ใจ​มาก​สัก​เท่าใด พระคัมภีร์กำลังกล่าวถึงใครที่จะมีความรู้สึกว่าเป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เป็นความรู้สึกจากฟ้าสวรรค์ เพราะพระคัมภีร์สดุดี 133ตอนนี้จบในข้อ 3 …..เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​บังคับ​บัญชา​พระ​พร​ที่​นั่น ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย และเป็นที่มาของการอวยพระพร ความจริงพระเจ้ามีพระพรที่จะให้อยู่แล้ว แต่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้ที่จะรับ เป็นเหมือนแรงดึงดูดให้พระเจ้าต้องหันพระพรไปที่ตรงนั้น เพราะพระเจ้าทรงเป็นต้นแบบของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดังที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสในยอห์น 17:11.…เพื่อ​เขา​จะ​ได้​เป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กัน เหมือน​ดัง​ข้า​พระ​องค์​กับ​พระ​องค์​…ยอห์น 16:13,15 13 เมื่อ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​ความ​จริง​จะ​เสด็จ​มา​แล้ว ​พระ​องค์​จะ​นำ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไปสู่​ความ​จริง​ทั้ง​มวล เพราะ​พระ​องค์​จะ​ไม่​ตรัส​โดย​พลการ แต่​พระ​องค์​จะ​ตรัส​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​ทรง​ได้​ยิน และ​พระ​องค์​จะ​ทรง​แจ้ง​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​ถึง​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ที่​จะ​เกิดขึ้น….15 ทุก​สิ่ง​ที่​พระ​บิดา​ทรง​มี​นั้น​เป็น​ของ​เรา เหตุ​ฉะนั้น​เรา​จึง​กล่าว​ว่า ​พระ​วิญญาณ​ทรง​เอา​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ของ​เรา​นั้น มา​สำแดง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในกิจการบทที่สอง สาวกของพระเยซูคริสต์กำลังอยู่ในกระบวนการที่สวรรค์ทรงพอพระทัย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ดึงดูดให้พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียวเทพระพรฝ่ายวิญญาณที่จำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์  2 ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น ​3 มี​เปลว​ไฟ​สัณฐาน​เหมือน​ลิ้น​ปรากฏ​แก่​เขา​กระจาย​อยู่​บน​เขา​สิ้น​ทุก​คน หนังสือวิวรณ์ได้กล่าวถึงดวงตาของพระเจ้าเหมือนเปลวเพลิง วิวรณ์ 1:14 …. พระ​เนตร​ของ​พระ​องค์​ดุจ​เปลว​เพลิง​….และพาหนะที่พระเจ้าส่งมาเพื่อรับคนของพระองค์เข้าสวรรค์ คือพายุ   2 พงศ์กษัตริย์ 2:11 ….และ​เอลียาห์​ได้​ขึ้น​ไป​โดย​พายุ​เข้า​สวรรค์​  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องชั้นบน เสียงจากฟ้า เปลวไฟสันฐานเหมือนลิ้นเหนือสาวกที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นำสวรรค์ลงมา การเจิมของพระเจ้าลงมา  สดุดี 133:2 2 เหมือน​น้ำ​มัน​ประเสริฐ​อยู่​บน​ศีรษะ​ไหล​อาบ​ลง​มา​บน​หนวด​เครา บน​หนวด​เครา​ของ​อา​โรน ไหล​อาบ​ลง​มา​บน​คอ​เสื้อ​ของ​ท่าน นี่เป็นภาพแห่งการเจิม และพระวิญญาณบริสุทธิ์มักถูกเปรียบเหมือนน้ำมัน คำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์เจ้าสำหรับสาวกเป็นจริงในกิจการตอนนี้ ยอห์น 17:15-17ก,23  15 ข้า​พระ​องค์​ไม่ได้​ขอ​ให้​พระ​องค์​เอา​เขา​ออกไป​จาก​โลก แต่​ขอ​ปกป้อง​เขา​ไว้​ให้​พ้น​จาก​มาร​ร้าย….16 เขา​ไม่ใช่​ของ​โลก เหมือน​ดังที่​ข้า​พระ​องค์​ไม่ใช่​ของ​โลก​17 ขอ​ทรง​โปรด​ชำระ​เขา​ให้​บริสุทธิ์​ด้วย​ความ​จริง…..23 ข้า​พระ​องค์​อยู่​ใน​เขา​และ​พระ​องค์​ทรง​อยู่​ใน​ข้า​พระ​องค์ เพื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​เป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กัน​อย่าง​สมบูรณ์ เพื่อ​โลก​จะ​ได้​รู้​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ใช้​ข้า​พระ​องค์​มา และ​พระ​องค์​ทรง​รัก​เขา​เหมือน​ดังที่​พระ​องค์​ทรง​รัก​ข้า​พระ​องค์​ ชีวิตที่เกิดผลโดยพระวิญญาณนำไปถึงการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ สองสิ่งนี้เกิดขึ้นในเหตุการณ์เดียวกันก่อนที่สาวกจะมีประสบการณ์รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ 4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบ ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์  คำว่า ประกอบ มาจากคำว่า รับการเติมให้เต็ม เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ในตอนบ่ายเรามีการพบกันกับผู้ที่ร่วมรับใช้ และข้าพเจ้าได้แบ่งปันในหัวข้อ เทออกให้ว่างกับเติมให้เต็ม เราจะรับการเติมให้เต็มไม่ได้ ถ้าเราไม่เทสิ่งที่อยู่ในชีวิตของเราออกไป  เพื่อให้ชีวิตของเราพร้อมจะรับการเติมให้เต็มจากพระเจ้า และในการแบ่งปันบ่ายวันนั้น จบลงด้วยพระคัมภีร์ เอเฟซัส 3:19 ( [THSV Free]) คือ​ให้​ซาบ​ซึ้ง​ใน​ความ​รัก​ของ​พระ​คริสต์​ซึ่ง​เกิน​ความ​รู้ เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รับ​ความ​บริ​บูรณ์​ของ​พระ​เจ้า​อย่าง​เต็ม​เปี่ยมคำว่า ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ กับคำว่า รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ใช้ภาษากรีกคำเดียวกัน คือ การรับการเติมให้เต็มเปี่ยม และสาวกบนห้องชั้นบนเวลานั้น รับการเติมให้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อาจคาดได้ว่า สาวกที่รวมตัวกันในที่แห่งเดียวกัน มีจิตใจ มีท่าทีที่พร้อมรับการเติมให้เต็มเปี่ยม นั่นหมายความว่า เขาไม่มีอะไรที่เกะกะ ขัดขวางหรือสิ่งที่รกๆในความคิด โดยเฉพาะความคิดจากมารร้าย  เปโตรก็เป็นคนที่อยู่บนห้องชั้นบนนั้นคนหนึ่งที่ ครั้งหนึ่ง เปโตรถูกอิทธิพลของมารร้ายทำให้พูดสิ่งที่ขัดต่อแผนการของพระเจ้า และพระเยซูต้องขนาบความคิดของเปโตรเวลานั้น มัทธิว 16:23 23 ​พระ​องค์​จึง​หัน​พระ​พักตร์​ตรัส​กับ​เปโตร​ว่า “อ้าย​ซาตาน​จง​ไป​ให้​พ้น เจ้า​เป็น​เครื่อง​กีด​ขวาง​เรา เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน มิได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า” การรับการเติมให้เต็ม ต้องมีพื้นที่ว่างที่จะรับการเติม การทำให้พื้นที่ว่างที่จะรับก็คือการเทออกความคิดอย่างมาร พระเยซูคริสต์จึงอธิษฐานเพื่อสาวกให้พ้นจากมารร้าย และเมื่อสาวกบนห้องชั้นบนมาถึงจุดของการรับการเติมให้เต็มเปี่ยม  สาวก จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด….ไม่ใช่พูดตามที่มารใส่ความคิดให้พูดอีกต่อไป สิ่งที่พวกสาวกพูดจึงทำให้พวกยิวจากทั่วโลกต่างก็พูดว่า  ​เรา​ทั้ง​หลายต่าง​ก็​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นี้​กล่าวถึงมห​กิจ​ของ​พระ​เจ้า ตาม​ภาษา​ของ​เรา​เอง”   วันนี้ เรากำลังพูดตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด หรือตามความคิดที่มารใส่ให้พูด  มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เมื่อเรารับเชื่อเป็นคริสเตียน เรามีธรรมชาติใหม่เกิดขึ้น คือธรรมชาติของพระเจ้า Divine Nature  และเราก็ยังมีธรรมชาติเก่าอยู่ด้วย Sinful Nature และธรรมชาติเก่านี่แหล่ะที่มารซาตานจะใช้เป็นเครื่องมือของมันโดยการใส่ความคิดที่เป็นกับดักให้ธรรมชาติเก่าตอบสนอง ที่พระคัมภีร์เรียกว่า การงานของเนื้อหนัง  กาลาเทีย 5:19-26 ​19 การ​งาน​ของ​เนื้อ​หนัง​นั้น​เห็น​ได้​ชัด คือ​การ​ล่วง​ประเวณี การ​โสโครก การ​ลามก​20 การ​นับ​ถือ​รูป​เคารพ การ​ถือ​วิทยาคม การ​เป็น​ศัตรู​กัน การ​วิวาท​กัน การ​ริษยา​กัน การ​โกรธ​กัน การ​ใฝ่​สูง การ​ทุ่ม​เถียง​กัน การ​แตก​ก๊ก​กัน​21 การ​อิจฉา​กัน การ​เมา​เหล้า การ​เล่น​เป็น​พาล​เกเร และ​การ​อื่นๆ ใน​ทำนอง​นี้​อีก​เหมือน​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​เตือน​ท่าน​มา​ก่อน บัดนี้​ข้าพเจ้า​ขอ​เตือน​ท่าน​เหมือนกับ​ที่​เคย​เตือน​มา​แล้ว​ว่า คน​ที่​ประพฤติ​เช่นนั้น​จะ​ไม่​มี​ส่วน​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​22 ฝ่าย​ผล​ของ​พระ​วิญญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ปลาบ​ปลื้ม​ใจ สันติ​สุข ความ​อด​กลั้น​ใจ ความ​ปรานี ความ​ดี ความ​สัตย์​ซื่อ​23 ความ​สุภาพ​อ่อน​น้อม การ​รู้จัก​บังคับ​ตน เรื่อง​อย่าง​นี้​ไม่​มีธรรม​บัญญัติ​ห้าม​ไว้​เลย​24 ผู้​ที่​อยู่​ฝ่าย​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​เอา​เนื้อ​หนัง​กับ​ความ​อยาก และ​ตัณหา​ของ​เนื้อ​หนัง​ตรึง​ไว้​ที่​กางเขน​แล้ว​ 25 ถ้า​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​โดย​พระ​วิญญาณ ​ก็​จง​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​พระ​วิญญาณ​ด้วย​26 เรา​อย่า​ถือ​ตัว อย่า​ยั่ว​โทสะ​กัน และ​อย่า​อิจฉา​ริษยา​กัน​เลย​ พระคัมภีร์ได้บอกเราว่า เราจะต้องต่อสู้กับเนื้อหนัง และเป้าหมายคือตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขน(ของตัวเราเอง) ต้องประหาร  เราเคยรู้สึกไม๊ว่า เวลาเราไม่ได้อย่างใจ เรารู้สึกเหมือนจะขาดใจ (นี่คืออาการใกล้ตาย) แต่มีคนไม่น้อยที่พยายามดิ้นรนเพื่อยืดอายุของการไม่ได้ดั่งใจ ด้วยการตอบสนองต่อความต้องการของเนื้อหนัง แต่ข้าพเจ้าอยากจะชี้ให้พวกเราได้เห็นว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดภาวะไม่ได้อย่างใจ จงรู้เถิดว่า นี่คือจังหวะของการประหารตัวเราเอง คือ ตรึงเนื้อหนังของตัวเรา ให้มันตายไป หากเราต่ออายุให้กับความรู้สึกอยากได้ดังใจอยู่เรื่อย นั่นคือ เราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังอย่างถึงที่สุด เพราะพระคัมภีร์กาลาเทียกล่าวถึงการต่อสู้เพื่อไปให้ถึงสุดทาง ก้าวต่อไปของเราจึงจะเกิดผล…โดยพระวิญญาณได้   หลายคนท้อว่า ทำไมจึงไม่เห็นผลของพระวิญญาณในตัวเอง คำตอบก็คือ ผลของเนื้อหนังได้บดบังผลของพระวิญญาณ หากต้องการเห็นผลของพระวิญญาณในชีวิตของเรา ก็จงจัดการกับเนื้อหนัง แล้วผลของพระวิญญาณก็จะเห็นชัดเจนในชีวิตของเรา  และนี่คือการมีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ คือต่อสู้กับเนื้อหนังให้ถึงที่สุด คือ…..ประหารเนื้อหนังนั้น  กิจการบทที่สองนี้คือจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ เริ่มจากการเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ เนื้อหนังทำให้เราเต็มเปี่ยมไม่ได้ เราต้องต่อสู้กับเนื้อหนัง จนสุดท้ายเอาเนื้อหนังกับความอยากและตัณหาของเนื้อหนังตรึงที่กางเขน นี่คือสุดทางของการอยู่โดยพระวิญญาณ ก้าวแรกก่อนจะไปถึงสุดทาง มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ถ้าจะเริ่มต้นให้ถูก ต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องเสียก่อน แล้ว เม็ดต่อไปก็จะพาเราไปถึงเม็ดสุดท้ายอย่างถูกต้อง  ดังนั้น การอยู่กันด้วยสปิริตความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอาวาระส่วนตัวออก อยู่กันด้วยวาระส่วนรวม คือก้าวแรก กระดุมเม็ดแรก และแน่นอน  ชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์ก็จะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ…โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหมือนกับที่ปรากฏในหนังสือกิจการตอนนี้ เมื่อเหล่าสาวกบนห้องชั้นบนพูดภาษาต่างๆตามที่พระวิญญาณโปรดให้พูด ทำให้เกิดบรรยากาศที่แตกต่างจากเมื่อครั้งหอบาเบลที่เมื่อมนุษย์อยู่ในที่เดียวกันพูดภาษาเดียวกันเป็นชนชาติเดียว ปฐมกาล 11:4-7  4 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​ว่า “มา​เถิด เรา​จง​สร้าง​เมือง​ขึ้น​และ​ก่อ​หอ​ให้​ยอด​เทียม​ฟ้า ให้​เรา​ทำ​ชื่อเสียง​ไว้ มิฉะนั้น​เรา​จะต้อง​กระจัด​กระจาย​ไป​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน”5 ​พระ​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา​ทอด​พระ​เนตร​เมือง​ และ​หอ​ที่​มนุษย์​ก่อสร้าง​ขึ้น​นั้น​6 แล้ว​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “ดู​เถิด คน​เหล่า​นี้​เป็น​ชน​ชาติ​เดียว มี​ภาษา​เดียว นี่​เป็น​เพียง​เบื้องต้น​ของ​สิ่ง​ที่​เขา​จะ​ทำ และ​เขา​ตั้งใจ​จะ​ทำ​อะไร​ก็​ทำ​ได้​ทั้งนั้น​7 มา​เถิด​เรา​จง​ลง​ไป ทำ​ให้​ภาษา​ของ​เขา​วุ่นวาย​ต่างกัน​ไป อย่า​ให้​เขา​พูด​เข้าใจ​กัน​ได้”8 ​พระ​เจ้า​จึง​ทรง​ทำ​ให้​เขา​กระจัด​กระจาย​จาก​ที่​นั่น​ไป​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน คน​เหล่า​นั้น​ก็​เลิก​สร้าง​เมือง​นั้น​ ในยุคของหอบาเบล ใจของมนุษย์มีตัวเองอยู่เต็ม เพื่อสร้างชื่อเสียง ก็คือ การพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง  ดังนั้น การรวมกันเป็นหนึ่งเดียวมีอานุภาพที่จะทำอะไรก็ทำได้ จึงไม่ใช่เวลาที่มนุษย์จะเกิดผลอย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น  พระเจ้าจึงทำให้ภาษาของมนุษย์นั้นวุ่นวาย พูดกันไม่เข้าใจกันได้ แต่เมื่อมาถึงยุคที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงทำภารกิจการคืนดีระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าสำเร็จ และผ่านมาถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พระเยซูคริสต์ได้ประทานให้กับคริสตจักร จึงเป็นเวลาที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะเกิดผลตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นจึงเกิดขึ้น เมื่อพระวิญญาณเสด็จมาอยู่เหนือเหล่าสาวก สิ่งแรกคือการพูดภาษาต่างๆให้คนเข้าใจ และที่ที่เหมาะสมที่สุด ณ เวลานั้น คือกรุงเยรูซาเล็ม เพราะยิวต่างชาติ ต่างภาษาทั่วใต้ฟ้าเดินทางมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน  5 มี​พวก​ยิว​จาก​ทุก​ประเทศ​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า มา​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม6 เมื่อ​มี​เสียง​อย่าง​นั้น​เขา​จึง​พา​กัน​มา และ​ฉงน​สนเท่ห์​เพราะ​ต่าง​คน​ต่าง​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​ตัว​ นี่คือคำตอบเรื่องหอบาเบลว่า ทำไมในยุคนั้น ภาษาเดียวชนชาติเดียวจึงกลายเป็นหลายภาษาหลายชนชาติ  เพื่อวันนี้ หลายชนชาติ หลายภาษาจะกลับมาเป็นชนชาติเดียวภาษาเดียว  ประเทศชาติของเราในวันนี้ กำลังเผชิญกับความแตกแยกที่รุนแรง แม้จะเป็นชาติเดียวกัน ใช้ภาษาเดียวกัน แต่พูดกันคนละทาง ไม่รู้เรื่อง เราทั้งหลายที่เป็นคนของพระเจ้า เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์เจ้า มีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ภายในเรา ชีวิตของเรานับจากวันนี้ ต้องกลับมาสำรวจอีกครั้งว่า การเริ่มต้นของเราที่จะเกิดผลในพระคริสต์นั้น…โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่

1.เกิดผลเป็นธรรมชาติใหม่ กิจการ 2:6-7

6 เมื่อ​มี​เสียง​อย่าง​นั้น​เขา​จึง​พา​กัน​มา และ​ฉงน​สนเท่ห์​เพราะ​ต่าง​คน​ต่าง​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​ตัว​7 คน​ทั้ง​ปวง​จึง​ประหลาด​และ​อัศจรรย์​ใจ​พูด​ว่า “ดูแน่ะ คน​ทั้ง​หลาย​ที่​พูด​กัน​นั้น​เป็น​ชาว​กาลิลี​ทุก​คน​ไม่ใช่​หรือ​ 

การเกิดผลโดยพระวิญญาณของเหล่าสาวกได้สร้างความสงสัยให้กับคนที่ได้ยิน เพราะมันคือสิ่งที่สวนทางกับธรรมชาติเก่าของเหล่าสาวก เมื่อคนที่ได้ยินต่างพูดกันว่า ดูแน่ะ คน​ทั้ง​หลาย​ที่​พูด​กัน​นั้น​เป็น​ชาว​กาลิลี​ทุก​คน​ไม่ใช่​หรือ​ คือความรู้สึกประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ  เพราะไม่เคยปรากฏว่า คนกาลิลีที่เป็นบ้านนอก ไร้การศึกษา หยาบ หรือไม่มีมารยาทแบบคนเมือง ทำไมจึงสามารถพูดสิ่งที่คนมีการศึกษารู้พระคัมภีร์เท่านั้นถึงจะพูดได้ และยิ่งพูดภาษาต่างชาติหลากหลายได้ด้วย ยิ่งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ โดยปกติ  คนเหล่านี้รู้แต่ภาษาแม่ของตัวเอง ไม่เคยเรียนภาษาอื่น การพูดภาษาอื่นๆมากมายเช่นนี้ คือผลจากการพูดโดยพระวิญญาณโปรดให้พูด คำพูดจึงสวนทางกับธรรมชาติเก่า เป็นธรรมชาติใหม่ที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักของคน การพูดตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ ภาษากรีกใช้คำว่า  กรอซซาเลเลีย แปลว่า การพูดภาษาลิ้น speaking in tongue พระคัมภีร์ภาษาไทย แปลว่า ภาษาแปลกๆ อ.เปาโลได้กล่าว​ว่า ภาษาแปลกๆจะแปลกกับคนที่ไม่รู้ภาษานั้น แต่จะมีคนที่แปลภาษานั้นได้ 1โครินธ์ 12:10  และ​ให้​อีก​คน​หนึ่ง​พูด​ภาษา​แปลกๆ และ​ให้​อีก​คน​หนึ่ง​แปลภาษา​นั้นๆ ได้ ใน 1โครินธ์ 14:13 ภาษาอังกฤษใช้คำว่า unknown tongue ภาษาที่ไม่เคยรู้จัก  มีภาษามากมายในโลก แต่มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ภาษาสากลที่ทุกชนชาติสามารถสื่อกันได้ คือภาษาใจ แต่ก็มีคนจำนวนมากมายเช่นกันที่ไม่รู้จักภาษาใจ บางคนสื่อภาษาลิ้นได้มากมายหลายภาษา แต่ตกม้าตายกับภาษาใจ ภาษาใจ คือการอ่านความรู้สึกนึกคิดส่วนลึกของคนซึ่งอ.เปาโลได้กล่าวไว้ใน 1โครินธ์ 13:1 1 แม้​ข้าพเจ้า​พูด​ภาษา​แปลกๆ ได้ เป็น​ภาษา​มนุษย์​ก็​ดี เป็น​ภาษา​ทูตสวรรค์​ก็​ดี แต่​ไม่​มี​ความ​รัก ข้าพเจ้า​เป็น​เหมือน​ฆ้อง​หรือ​ฉาบ​ที่​กำลัง​ส่ง​เสียง​  มีคำพูดที่ว่า ให้เราอย่าเพียงแต่ฟังภาษาปาก แต่ให้ฟังภาษาใจ 1ยอห์น 3:18 18 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย อย่า​ให้​เรา​รัก​กัน​ด้วย​คำพูด​และ​ด้วย​ปาก​เท่านั้น แต่​จง​รัก​กัน​ด้วย​การ​กระทำ​และ​ด้วย​ความ​จริง​  อย่างคนไทยเราขี้เกรงใจ เวลาถามว่า สบายดีไม๊ เราก็จะได้ยินว่า สบายดี ทั้งๆที่ไม่สบาย และคนที่ไม่สนใจภาษาใจ หรือไม่แม้แต่มองภาษากาย ก็จะผ่านไปแบบหยาบๆ  ไม่สนใจว่า คนที่ตัวเองถามจะสบายดีอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า เราจะเห็นตัวอย่างของสาวกของพระเยซูที่เป็นชาวกาลิลีที่คนยิวต่างชาติต่างก็รู้ว่า เป็นพวกบ้านนอก ใช้ชีวิตหยาบๆ การศึกษาก็ไม่มี แต่ผลชีวิตของเหล่าสาวกช่างสวนทางกับชาติกำเนิดหรือ พื้นเพชีวิตของเหล่าสาวก เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา สาวกเหล่านี้กลายเป็นคนที่พูดไม่เหมือนเดิม และบุคคลิกก็ไม่เหมือนเดิม  เป็นคนใหม่ ลักษณะการพูดก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ซึ่งเป็นเหตุให้คนฟังรู้สึก อัศจรรย์ใจ การเกิดผลโดยพระวิญญาณ เริ่มต้นด้วยการ พูดตามที่พระวิญญาณโปรดให้พูด เป็นภาษาที่สื่อถึงใจของคนฟัง เราจะพบว่า พระเยซูคริสต์พูดทีไร คนฟังจะรู้สึกโดน พระเยซูไม่ใช้ถ้อยคำที่เสียดสี ประชดประชัน แต่เป็นถ้อยคำที่แตะชีวิต ช่วยชีวิต หนุนใจ เปิดเผยความจริงที่มาจากพระเจ้าและ ถามหาความต้องการ พระเยซูมักจะถามว่า ท่านต้องการให้เราช่วยอะไร คือท่าทีของความพร้อมในการปรนนิบัติ   การดำเนินตามพระวิญญาณจะไม่กลัวการปรนนิบัติ ไม่กลัวที่จะต้องเสียเวลา ไม่กลัวที่จะจ่ายราคา จังหวะก้าวเดินของคนที่ดำเนินตามพระวิญญาณจะไปตามพระวิญญาณโปรดให้ทำ ให้พูด หรือแม้กระทั่งไม่ให้ทำและไม่ให้พูด อ.เปาโลได้แบ่งปันประสบการณ์เรื่องนี้ว่า กิจการ 16:6-7 6 ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​ห้าม​มิ​ให้​กล่าว​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ใน​แคว้น​เอเชีย ท่าน​เหล่า​นั้น​จึง​ไป​ทั่ว​แว่น​แคว้น​ฟรีเจีย​กับ​กา​ลา​เทีย​7 เมื่อ​ลง​ไป​ยัง​ที่​ตรง​ข้าม​กับ​แคว้น​มิเซีย​แล้ว ​ก็​พยายาม​จะ​ไป​ยัง​แว่น​แคว้น​บิธี​เนีย แต่​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​เยซู​ไม่​ทรง​โปรด​ให้​ไป​ เราจะเห็นการดำเนินชีวิตของอ.เปาโลและผู้ที่ร่วมทีมกับท่าน ดำเนินไปตามพระวิญญาณทุกย่างก้าว การเกิดผลของอ.เปาโลและทีมของท่าน หมอลูกาก็เป็นคนหนึ่ง ผลจากคนเหล่านี้อยู่นานนับพันปีจนถึงเราในวันนี้ คำถามสำหรับวันนี้ว่า เรากำลังดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณหรือตามความคิดที่มารวางกับดักเหยื่อล่อธรรมชาติเก่าของเราให้ติดกับ….

2.รู้จังหวะและสาระของการสื่อสาร กิจการ 2:5,8-12

5 มี​พวก​ยิว​จาก​ทุก​ประเทศ​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า มา​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม…..8 เหตุ​ไฉน​เรา​ทุก​คน​ได้​ยิน​เขา​พูด​ภาษา​ของ​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​เรา​9 เช่น​ชาว​ปาร​เธีย​และ​มีเดีย ชาว​เอ​ลาม​และ​คน​ที่​อยู่​ใน​เขต​แดน​เมโสโปเตเมีย และ​แคว้น​ยูเดีย​และ​แคว้น​คัป​ปา​โด​เซีย ใน​แคว้น​ปอนทัส​และ​เอเชีย​10 ​ใน​แคว้น​ฟรี​เจีย แคว้น​ปัมฟี​เลีย​และ​ประเทศ​อียิปต์​ใน​แขวง​เมือง​ลิเบีย​ซึ่ง​ขึ้นกับ​นคร​ไซรีน และ​คน​มา​จาก​กรุง​โรม ทั้ง​พวก​ยิว​กับ​คน​เข้า​จารีต​ยิว​11 ชาว​เกาะค​รีต​และ​ชาว​อาระเบีย เรา​ทั้ง​หลาย​ต่าง​ก็​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นี้​กล่าวถึงมห​กิจ​ของ​พระ​เจ้า ตาม​ภาษา​ของ​เรา​เอง” 12 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อัศจรรย์​ใจ และ​ฉงน​สนเท่ห์​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​กัน” คนยิวที่เดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อมากรุงเยรูซาเล็มเพื่อพิธีกรรมทางศาสนา หรือแสดงถึงชีวิตที่มีพระเจ้าองค์เดียวกัน เหมือนคนที่จาริกแสวงบุญ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Pilgrimage เวลาเราพูดถึงคนที่จาริกแสวงบุญ เราจะมองคนเหล่านี้เป็นคนเอาพระเอาเจ้า เพราะฉะนั้นบรรยากาศของคนที่เดินทางมากรุงเยรูซาเล็มก็คือการมาหาพระเจ้า   พระคัมภีร์บันทึกว่า 5 มี​พวก​ยิว​จาก​ทุก​ประเทศ​ทั่ว​ใต้​ฟ้า​ซึ่ง​เป็น​ผู้​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า มา​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม….. คำว่า เกรงกลัวพระเจ้า ภาษากรีกแปลว่า คนที่ดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง คิดอย่างรอบคอบ มีใจศรัทธา และเคร่งครัดในศาสนา คนเหล่านี้ได้รับการสื่อสารอย่างเฉพาะเจาะจงเรื่องมหกิจของพระเจ้าเป็นภาษาที่ตนเองเข้าใจ เป็นภาษาบ้านเกิด นั่นหมายถึงคนยิวเหล่านี้ไปเติบโตในต่างแดน ประเทศรอบข้างอิสราเอล ภาษาในแคว้น ประเทศ เมืองต่างๆที่พระคัมภีร์บันทึกตอนนี้แสดงว่า มีมากมายหลายภาษา และคนที่เกรงกลัวพระเจ้าเหล่านี้ได้ยินชัดเจนและเข้าใจ ข้าพเจ้าจินตนาการว่า การพูดภาษาอื่นๆของสาวกภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการพูดอย่างมีระเบียบ ลำดับ เหมือนกับที่พระคัมภีร์บันทึกลำดับภาษาต่างๆที่พวกเขาได้ยิน ถ้าสาวกพูดพร้อมๆกัน คงวุ่นวายเหมือนหอบาเบล แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เป็นการพูดที่ไม่ใช่แย่งกันพูด แต่เป็นไปตามจังวะการนำของพระวิญญาณ  แสดงว่า สาวกรอกัน และรู้จังหวะเคลื่อนไปตามการนำของพระวิญญาณ ที่เร้าใจให้พูดอย่างเป็นระเบียบ คนจำนวนมากได้ยินเป็นลำดับไปด้วย จึงสามารถจับใจความว่า เนื้อความหมายถึงมหกิจของพระเจ้า นักวิชาการทางพระคัมภีร์ตีความเรื่องมหกิจของพระเจ้า ดังนี้ คือการพูดถึงการไถ่ถอน การให้อภัย การไถ่โทษ การปกป้อง การช่วยให้รอดโดยพระเมสสิยาห์ โดยการเชื่อฟังของพระองค์ การทนทุกข์ การตายของพระองค์ และการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ ถ้าสาระของมหกิจของพระเจ้าเป็นเรื่องราวเหล่านี้ ยิ่งต้องมีการลำดับที่แม่นยำ เหล่าสาวกที่กำลังเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถูกเร้าใจโดยพระวิญญาณให้พูดตามที่พระวิญญาณให้พูด แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า เขาจะต้องรับรู้ความรู้สิ่งที่เขาจะพูด เพราะนี่คือคำพยานประสบการณ์ที่พวกสาวกมีกับพระเยซู แต่เป็นการเป็นพยานโดยพระวิญญาณเป็นผู้กำกับ เหมือนคอนดักเตอร์ที่กำลังนำวงออกเครสตร้าซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องดนตรีหลายชิ้นให้ประสานกันเป็นหนึ่งเดียวที่ไพเราะ จนสามารถแตะไปถึงใจของผู้ฟัง และคนฟังก็มีวิธีคิดวิธีวิเคราะห์ของคนที่หมอลูกาบันทึกว่า เป็นพวกยิวที่เกรงกลัวพระเจ้า คนเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงความศรัทธา แต่มีชีวิตที่ระมัดระวังอย่างที่ศรัทธาซึ่งแสดงออกเป็นความสามารถในการรับการสื่อสารจากพระเจ้า และพระเจ้าต้องการสื่อสารกับคนเช่นนี้  เพราะคนเหล่านี้ไม่หยุดอยู่แค่รับการสื่อสาร แต่เขาคิดเป็นฟเป็นคนที่คิดรอบคอบ  หมอลูกาจึงบันทึกวิธีคิดของคนเหล่านี้ว่า  12 เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​อัศจรรย์​ใจ และ​ฉงน​สนเท่ห์​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​กัน”  พวกเขาต้องการจะรู้เพิ่มจากที่ได้ยินได้เห็นผลที่เกิดจากคนที่ดำเนินตามพระวิญญาณว่า พระเจ้ากำลังสื่อสารอะไรกับพวกเขา เขาจึงพูดว่า “นี่​อะไร​กัน”  แปลว่า สิ่งที่ได้ยินมีความหมายกับชีวิตของพวกเขาอย่างไร และภายหลังเรารู้ว่าคนเหล่านี้รวมอยู่ในคนที่รับเชื่อกับเปโตรถึงสามพันคน และนำข่าวประเสริฐกลับไปยังบ้านเมืองของตน  เป็นการทำพันธกิจข้ามวัฒนธรรมครั้งแรกทีเดียว ณ ที่เดียว เกิดคำพยานอย่างที่พระเยซูได้ตรัสกับเหล่าสาวก กิจการ 1:8 8 แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้รับ​พระ​ราชทาน​ฤทธิ์​เดช เมื่อ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​จะ​เสด็จ​มา​เหนือ​ท่าน และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​พยาน​ฝ่าย​เรา​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย แคว้น​สะมาเรีย และ​จนถึง​ที่สุด​ปลาย​แผ่นดิน​โลก” นี่คือปฏิกิริยาแบบโดมิโน่ที่เริ่มต้นจากคนที่เกิดผลโดยพระวิญญาณและรู้จังหวะและสาระในการสื่อสาร ข่าวประเสริฐจะถูกส่งต่อไปถึงคนที่เกรงกลัวพระเจ้า   แต่ความจริงอันหนึ่งที่เราควรตระหนักก็คือ ในท่ามกลางคนที่ศรัทธาในพระเจ้า ก็มีคนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งหมอลูกาก็บันทึกไว้ด้วย

3.สามารถให้คำตอบกับคนที่ไม่เข้าใจ กิจการ 2:13-15

13 แต่​บาง​คน​เยาะ​เย้ย​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​เมา​เหล้า​องุ่น​ใหม่” 14 ฝ่าย​เปโตร​ได้​ยืน​ขึ้นกับ​อัครทูต​สิบ​เอ็ด​คน และ​ได้​กล่าว​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “ท่าน​ชาว​ยูเดีย​และ​บรรดา​คน​ที่​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม จง​ทราบ​เรื่อง​นี้​และ​ฟัง​ถ้อยคำ​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด​15 ด้วย​ว่า​คน​เหล่า​นี้​มิได้​เมา​เหล้า​องุ่น​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​คิด​นั้น เพราะ​ว่า​เป็น​เวลา​สาม​โมง​เช้า​

ในบันทึกตอนนี้ ใช้คำว่า บางคนเยาะเย้ย ภาษากรีกแปลว่า คนที่แตกต่าง คือไม่ใช่คนที่เกรงกลัวพระเจ้า คนเหล่านี้ไม่เข้าใจภาษาที่เหล่าสาวกพูดตามที่พระวิญญาณโปรดให้พูด เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายแรกที่พระวิญญาณต้องการจะสื่อสาร ดังนั้น คนเหล่านี้จึงฟังไม่ออก และไม่รู้ว่า สาวกพูดอะไร และเมื่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ก็เหมาว่า “คน​เหล่า​นั้น​เมา​เหล้า​องุ่น​ใหม่”เหล้าองุ่นใหม่ จะมีดีกรีแรง ทำให้เมาเร็ว เมาหนัก แต่ในข้อต่อจากนี้ เปโตรได้ลุกขึ้นพูดภาษาท้องถิ่น แก้ข้อกล่าวหาของคนที่เยาะเย้ยเหล่านี้ ด้วยเรื่องของเวลา 15 ด้วย​ว่า​คน​เหล่า​นี้​มิได้​เมา​เหล้า​องุ่น​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​คิด​นั้น เพราะ​ว่า​เป็น​เวลา​สาม​โมง​เช้า​ คนที่แตกต่างเหล่านี้คือใคร คำตอบอยู่ที่ข้อ 14 ฝ่าย​เปโตร​ได้​ยืน​ขึ้นกับ​อัครทูต​สิบ​เอ็ด​คน และ​ได้​กล่าว​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “ท่าน​ชาว​ยูเดีย​และ​บรรดา​คน​ที่​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม จง​ทราบ​เรื่อง​นี้​และ​ฟัง​ถ้อยคำ​ของ​ข้าพเจ้า​เถิด​ คนที่แตกต่างเหล่านี้ คือพวกยิวที่อยู่ในอิสราเอล อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ไม่เข้าใจภาษาต่างชาติที่พวกสาวกพูดตามที่พระวิญญาณโปรดให้พูด และคนเหล่านี้เมื่อไม่เข้าใจก็ตอบสนองด้วยการเยาะเย้ย นี่เป็นบทเรียนสำหรับเราทั้งหลายว่า อย่าเป็นคนเยาะเย้ยสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจ เพราะนั่นอาจจะเป็นการสื่อสารที่มาจากพระเจ้า แต่จงหันกลับมามองดูตัวเองว่า ทำไมถึงไม่เข้าใจ เป็นเพราะเราดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากคนที่เกรงกลัวพระเจ้า เป็นคนที่ศรัทธาแต่ไม่ระมัดระวังและไม่คิดอย่างรอบคอบหรือเปล่า สุภาษิต21:24 24 “คน​มัก​เยาะ​เย้ย” เป็น​ชื่อ​ของ​คน​เย่อหยิ่ง​และ​คน​จองหอง ผู้​ประพฤติ​ตัว​ด้วย​ความ​เย่อหยิ่ง​ยโส คนที่ไม่เข้าใจ มักจะเยาะเย้ย นั่นหมายความว่า คนๆนั้นไม่ยอมหาคำตอบให้กับความไม่เข้าใจ แต่ได้สรุปความไม่เข้าใจนั้น เป็นคำตัดสิน กล่าวโทษ พิพากษาคนอื่น สดุดี 119:42  42 แล้ว​ข้า​พระ​องค์​จะ​มี​คำตอบ​แก่​ผู้​ที่​เยาะ​เย้ย​ข้า​พระ​องค์ เพราะ​ข้า​พระ​องค์​วางใจ​ใน​พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์ คนที่เยาะเย้ยโดยเฉพาะการเยาะเย้ยคนที่วางใจในพระวจนะ จะหน้าแตก เพราะเขาเยาะเย้ยอย่างคนที่ไม่เข้าใจ ไม่มีคำตอบ  แต่พระคัมภีร์ก็ยังให้เรารับมือกับคนประเภทแบบนี้เหมือนกับที่ผู้เขียนสดุดีก็จะต้องหาคำตอบให้กับคนที่เยาะเย้ย สุภาษิต 26:4-5 4 อย่า​ตอบ​คน​โง่​ตาม​ความ​โง่​ของ​เขา เกรง​ว่า​เจ้า​เอง​จะ​เป็น​เหมือน​เขา​เข้า 5 จง​ตอบ​คน​โง่​ตาม​ความ​โง่​ของ​เขา เกรง​ว่า​เขา​จะ​ฉลาด​ใน​สายตา​ของ​เขา​เอง  หากใครในท่ามกลางพวกเรา กำลังเผชิญกับการเยาะเย้ย ถากถาง ซ้ำเติม จงหันหน้าเข้าหาพระวจนะของพระเจ้า แล้วคุณจะมีคำตอบให้กับคนที่เยาะเย้ย อย่าเก็บคำเยาะเย้ยมาทำให้ตัวเองเจ็บใจ หรือเป็นรากขมขื่นที่ให้ตัวเองและคนรอบข้างเสียหาย แต่จงวางใจในพระวจนะของพระเจ้า ยึดพระวจนะของพระเจ้า ดำเนินตามพระวจนะของพระเจ้าแล้วเราจะหาคำตอบให้กับคนที่ไม่เข้าใจได้  ขอพระเจ้าทรงโปรดหนุนใจให้พี่น้องจงต่อสู้เพื่อชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์…โดยพระวิญญาณ

“เกิดผลในพระคริสต์…โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”

1.เกิดผลเป็นธรรมชาติใหม่

2.รู้จังหวะและสาระของการสื่อสาร

3.สามารถให้คำตอบกับคนที่ไม่เข้าใจ

 

 

By admin