ใกล้จะจบเดือนมกราคมแล้วชีวิตและวันเวลาก็เวียนไปเรื่อย ๆ เราต้องคำนึงถึงความจริงของชีวิตว่าเราแต่ละคนมีช่วงชีวิตที่ไม่ยาว  มีคำสอนจากพระคัมภีร์ 2 ตอนที่ต้องการให้เราเรียนรู้กันในวันนี้  ตอนแรกจาก มัทธิว 6 :19-21 19“อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก   ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้   และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ 20แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์   ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด   และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้ 21เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน   ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

การสะสมหรือส่ำสมเป็นลักษณะของคนฉลาดที่จะมองอนาคต คิดถึงอนาคต ในพระธรรมมัทธิวบทที่ 7:24 24“เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา   และประพฤติตาม   เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา  มีการพูดถึงคนฉลาด   แปลความว่าก่อนสร้างบ้านเรารู้ว่าฝนจะตก มีน้ำไหลเชี่ยว มีลมมาปะทะบ้านเรือน คนฉลาดที่สร้างบ้านจะคิดถึงอนาคตและก็จะคิดว่าจะสร้างอย่างไร ให้แข็งแรงขนาดไหน ยังพระคัมภีร์ที่พูดถึงอนาคต มัทธิว 25 พูดถึงหญิงพรหมจารีย์ 10 คน มี 5 คนที่โง่ และ 5 คนที่ฉลาดที่เตรียมน้ำมันไว้   เรามาดูมัทธิว 6  เมื่อเราอยู่ในโลกนี้เราก็มีอนาคต แต่ถ้าเราส่ำสมสมบัติในโลกแปลว่าเราคิดถึงอนาคตในระยะใกล้ แล้วอนาคตในระยะไกลคืออะไร เราไปดู 1 ยอห์น 2: 15-17 15อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก   ถ้าผู้ใดรักโลก   ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก   คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา   และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา   แต่เกิดมาจากโลก 17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป   แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์ เราจะเอาพระธรรม 2 ตอนนี้มาผนวกกันเพื่อจะนำเราไปสู่การไม่มีที่ติในพระคริสต์   อนาคตอันไกล โลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป และถ้าเรารักโลกกับสิ่งของที่อยู่ในโลกและเราส่ำสมมันไว้ เราก็ส่ำสมผิดเรื่องแล้ว ไม่ฉลาดเลย  ข้อที่ 19 บอก     และข้อที่ 21 บอก

เราลองทำอย่างนี้ ไปที่ไหนสักแห่ง และหยิบกระเป๋าตังค์มา เอากระเป๋าวางไว้สักที่หนึ่งแล้วเดินออกมา เราคิดว่าเราจะเหลียวไปดูกระเป๋าตังค์นั่นไหม  ภรรยาลองดูสิเอาตังค์มาเก็บไว้ที่ตัว รับรองใจของสามีจะอยู่ที่เราแน่ ๆ   แต่พระคัมภีร์ในข้อ 20 บอกให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ แล้วใจของเราจะผูกอยู่ที่สวรรค์ ซึ่งเป็นที่ ๆ บริสุทธิ์ไม่มีที่ติ แต่โลกนี้มีแต่มลทินและมันกำลังจะล่วงไป พระคัมภีร์ที่บอกว่าอย่ารักโลก เราอาจรู้สึกเป็นไปไม่ได้ เพราะใจเราอยู่ที่โลก ทรัพย์สมบัติเราอยู่ที่โลก   1 ยอห์น 5:19   19เราทั้งหลายรู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า   และชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย    เมื่อเราเกิดจากพระเจ้าเราหลุดจากอานุภาพของมารร้าย แต่ถ้าเรารักโลกและสิ่งของในโลกเหมือนชาวโลกทั่วไป เราก็กำลังผลักตัวเองเข้าไปอยู่ภายใต้อานุภาพของมารร้ายและเราตกเป็นทาสของมารร้าย ความวิตกกังวล ความกลัวจึงเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ขอทำความเข้าใจกับคำว่า โลก คือระบบค่านิยมของโลกนี้ ซึ่งค่านิยมของโลกนี้ผลักความมั่นคงไปอยู่กับ

–                   อำนาจ  ถ้ามีอำนาจดูเหมือนมีความมั่นคงมากกว่าคนไม่มีอำนาจ

–                   การศึกษา ถ้ามีการศึกษาสูงจะมีความมั่นคงกว่าคนที่ด้อยการศึกษา

–                   ฐานะการเงิน  ถ้ามีฐานะดีก็จะมีความมั่นคงมากกว่าคนที่มีฐานะการเงินไม่ดี

–                   ความสามารถ  คนเก่งมักได้รับการต้อนรับเมื่อไปสมัครงาน

แต่เราต้องรู้ว่าความมั่นคงที่แท้จริงของเราอยู่ในพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งเหล่านี้  1 ยอห์น 2:16 16เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก   คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา   และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา   แต่เกิดมาจากโลก  ถ้าเรายึดสิ่งเหล่านี้  จะทำให้เราไม่รักพระเจ้า เรารักพระเจ้าไม่ได้ถ้าเรารักพระพรของเจ้า ถ้าเราติดอยู่กับโลกนี้ ถ้าเราคิดว่าสิ่งของในโลกนี้เป็นพระพร  มันเป็นกับดัก เพราะเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นคง สิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ ปฐมกาล 3:6  6เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า  ต้นไม้นั้นน่ากิน  และน่าดูด้วย   ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา   จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน   แล้วส่งให้สามีกินด้วย  เขาก็กิน    หญิงนั้นเก็บผลมากิน และส่งให้สามีกิน หญิงนั้นเห็นว่าผลนั้นน่ากิน เป็นตัณหาของเนื้อหนัง  น่าดูตัณหาของตา และเกิดความทะนงในลาภยศ เนื้อหนังเป็นเรื่องกินส่วนหนึ่ง เรื่องกินพาคนไปตายเยอะ ทั้งที่พระเจ้าให้เรื่องกินทำให้มนุษย์อยู่รอด การกินหมายถึงการอยู่รอดแต่เราถูกหลอกด้วยตัณหาทำให้เราไปกินในสิ่งที่เราอยากกิน แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรกินทำให้เราตาย วันนี้หลายสิ่งที่ไม่ควรดูเราก็ไปดูทำให้เกิดตัณหาของตา  เราอยากเป็นคนเก่งคนฉลาดในค่านิยมของโลก ไม่ใช่ในสายพระเนตรพระเจ้า ให้เราเปรียบเทียบ ปฐมกาล บทที่ 3  ข้อที่ 3 กับข้อที่ 6   ในข้อที่ 3 แปลความว่าหญิงนี้ตามความคิดของเขากับตามสิ่งที่พระเจ้าบอกว่ากินไม่ได้ แต่งูมาบอกใหม่ และเอวาไปฟัง  และไปเชื่อค่านิยมของมารร้าย น่าดู น่ากิน  แต่ภายใต้คำสอนของมารร้ายเราไปฟังมารว่าเราจะไม่ตายจริงหรอก เมื่อเราเกิดจากพระเจ้าเราพยามยามตัด แต่คำสอนของมารร้ายยังเข้ามาบอกไม่ตายจริง ทำให้เราไม่สามารถและยังส่ำสมทรัพย์สมบัติสำหรับตัวในโลกนี้  ขอพระเจ้าช่วยเราให้ออกจากเรื่องตัณหาเหล่านี้    เรากลับมาดูที่   1 ยอห์น 2:17  17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป   แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์ โลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกมันล่วงไปเพราะมันสกปรก เพราะมันบาป เป็นผลจากคำแช่งสาป แต่คนที่ประพฤติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิจ เพราะว่าบริสุทธิ์ไม่มีที่ติ ถ้าเรารักโลกและส่ำสมทรัพย์สมบัติของโลก 2 อย่างที่ปรากฏในพระธรรมตอนนี้จะไม่ปรากฏในชีวิตเราเลย  อย่างแรกอยู่ในข้อ 15 คือเราจะรักพระเจ้าไม่ได้ ถ้ารักก็ไม่จริงใจ ถ้าเรารักก็เพราะหวังให้พระเจ้าอวยพร เหมือนแค่ไปบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่เราไป เราแค่บนบานกับพระเจ้าจึงมาคุกเข่าอธิษฐาน เราไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าจริง ๆ    แต่พระเจ้าต้องการช่วยเราให้เราคืนดีกับพระเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดี และภายใต้ความสัมพันธ์คือการมีความมั่นคงที่แท้จริง  การมีความมั่นคงที่แท้จริงคือการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงอำนวยความมั่นคง การที่ไปมีโอกาส มีความสามารถ มีสติปัญญาที่จะเสริมสร้างครอบครองสิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้าแห่งความมั่นคงอำนวยให้ไม่ใช่ความมั่นคงที่แท้จริง แต่การที่เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้านั่นคือความมั่นคงที่แท้จริง

ให้เราเริ่มต้นปีของเราด้วยความฉลาดมองไปที่อนาคต ถ้าเรารักโลกความผูกพันกับโลกก็เกิดขึ้น ความผูกพันกับคนที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยให้เราพบความสำเร็จตามค่านิยมของโลกก็จะเกิดขึ้น เขาเรียกต้องมีเส้นมีสาย ไม่มีเส้นสายจะเจริญได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นตำหนิ มลทิน แต่ถ้าเรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าแห่งความมั่นคงอย่างแท้จริง เราไม่ต้องมีเส้นมีสาย แต่เราจะพบความสำเร็จได้พระเจ้าจะอำนวยทุกอย่างได้ เราจะปลอดภัย  ในสมัยของดาเนียล กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์สร้างรูปเคารพให้คนกราบไหว้ แต่ดาเนียลและเพื่อนไม่ทำ แต่ถ้าไม่ทำจะถูกเผา แต่เนบูคัดเนซซาร์เสียดายความเก่งของเพื่อนดาเนียลไม่อยากเผาจึงให้โอกาสกราบไหว้รูปเคารพอีกครั้งแต่พวกเขาไม่ทำ  เพื่อนดาเนียลบอกว่าถ้าพระเจ้าจะช่วยกษัตริย์ก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แต่ถ้าพระเจ้าไม่ช่วยกษัตริย์ก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตที่เป็นความแน่วแน่ของพวกเรา คือไม่ว่าพระเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วยพระเจ้าก็ได้เกียรติ การอัศจรรย์ที่ช่วยเพื่อนของดาเนียลไม่ว่าจะช่วยไม่ช่วย พระเจ้าก็ได้รับเกียรติ และกษัตริย์โกรธมากจึงสั่งเพิ่มความร้อนขึ้นอีก แต่ก็ทำอะไรเพื่อนดาเนียลไม่ได้ ให้เราเห็นว่าความมั่นคงอยู่ที่พระเจ้าที่แท้จริง   จากข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดนี้ กำลังสอนเราว่าอย่ารักโลก อย่าจดจ่อในค่านิยมของโลกว่าความมั่นคงของชีวิตอยู่ที่สิ่งเหล่านี้และเราจะไม่ส่ำสมทรัพย์สมบัติในโลกนี้สำหรับตัว  ยอห์น 6:63 63จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต   ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด   ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้น   เป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต  จิตวิญญาณเป็นที่ให้ชีวิตแต่เนื้อหนังไม่เป็นประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นอย่าไปเกิดตัณหากับมัน มันเป็นกับดัก ฟิลิปปี 3:3   3เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นพวกถือพิธีเข้าสุหนัตแท้   เป็นผู้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ   และอวดพระเยซูคริสต์   และไม่ได้ไว้ใจในเนื้อหนัง เนื้อหนังไว้ใจไม่ได้ มันไม่ใช่ความมั่นคง เนื้อหนังคืออะไร ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่ง ความสามารถ ความร่ำรวย ความรู้สูง ๆ กาลาเทีย 5:16-17 16แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า   จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ   อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง 17เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ   และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง   เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน   ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ คนที่เป็นคริสเตียนและต้องการรักพระเจ้า ต้องการทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่พอเราไปผูกพันกับเนื้อหนังเกิดตัณหาของเนื้อหนัง เราก็ไม่เอาเล้วเรื่องพระเจ้า ขอพระเจ้าช่วยเราในการเริ่มต้นชีวิตศักราชใหม่ด้วยการปลดค่านิยมของเนื้อหนัง  ส่วนตัณหาของตามันสร้างปัญหาอะไรให้กับชีวิตเรา สดุดี 119 :37 37ขอทรงหันนัยน์ตาของข้าพระองค์ไปจาก การมองดูสิ่งอนิจจัง   และขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ใน พระมรรคาของพระองค์    การที่เราจะไม่ดูสิ่งอนิจจังมันยาก มันเห็นอยู่ คน ๆ นี้ก็รู้จึงขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าให้หันตาของเราจากการมองดูสิ่งอนิจจังไปดูเส้นทางการดำเนินชีวิตของพระองค์แทน  เมื่อเราหันจากสิ่งอนิจจังเราก็มุ่งไปสู่พระมรรคาของพระเจ้าซึ่งแยกอย่างสิ้นเชิงจากค่านิยมของโลกนี้  โยชูวา 7:1-5 1แต่คนอิสราเอลได้ละเมิดในเรื่องของต้องถวายนั้น   เพราะอาคานบุตรคารมี   ผู้เป็นบุตรศับดี   ผู้เป็นบุตรเศ-ราห์  เผ่ายูดาห์   ได้นำของถวายบางส่วนไปเป็นของตน   และพระพิโรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อคนอิสราเอล  2ฝ่ายโยชูวาให้คนออกจากเยรีโคไปยังเมืองอัย   ซึ่งอยู่ใกล้เบธาเวนข้างทิศตะวันออกของเมืองเบธเอล   บอกเขาว่า   “จงขึ้นไปและสอดแนมดูเมืองนั้น”   คนเหล่านั้นก็ขึ้นไปและสอดแนมดูที่เมืองอัย 3และเขากลับมารายงานแก่โยชูวาว่า   “ไม่ต้องให้ประชาชนทั้งหมดขึ้นไป   ให้สักสองสามพันคนขึ้นไปตีเมืองอัยก็พอ   ไม่ต้องให้ประชาชนทั้งหมดปีนป่ายไปที่นั่นเลย   เพราะเขามีคนน้อย”4เพราะฉะนั้นจึงมีประชาชนขึ้นไปที่นั่นเพียงสามพันคน   แต่ต้องแตกหนีจากชาวเมืองอัย 5ฝ่ายชาวเมืองอัยก็ฆ่าฟันคนเหล่านั้นตาย ประมาณสามสิบหกคน   โดยขับไล่คนเหล่านั้นจากประตูเมืองไปยัง เชบาริมฟันเขาตามทางลง   และจิตใจของประชาชนก็แหลกเหลวไปอย่างน้ำ   เพราะว่าประชาชนของพระเจ้าเวลานั้นอยู่ภายใต้การนำของโยชูวา มีชีวิตที่ไม่มีที่ติ ในที่สุดเยรีโคแพ้ ผู้คนพากันกลัว และงานยังไม่จบ ต้องบุกต่อที่เมืองอัยซึ่งเล็กมาก แต่มีบางคนมีความบาปและไม่ได้ถูกจัดการให้เรียบร้อยจึงพ่ายแพ้  โยชูวา 7:20-21 20และอาคานตอบโยชูวาว่า   “เป็นความจริงแล้วที่ข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล   ข้าพเจ้าได้กระทำดังนี้ 21ในหมู่ของที่ริบมา   ข้าพเจ้าได้เห็นเสื้อคลุมงามตัวหนึ่ง ของเมืองบาบิโลนกับเงินสองร้อยเชเขล   และทองคำแท่งหนึ่งหนักห้าสิบเชเขล   ข้าพเจ้าก็โลภอยากได้ของเหล่านั้น   ข้าพเจ้าจึงเอามา   ดูเถิด   ของเหล่านั้นซ่อนอยู่ใต้ดินในเต็นท์ของข้าพเจ้า   เงินนั้นอยู่ข้างล่าง”  เขาเห็นเสื้อ เงิน ทองคำ และเขาอยากได้ นั่นคือตัณหาของตา  ความผิดหลายครั้งมาจากการมองเห็น แม้ไม่ใช่ขโมยโดยกำเนิดไม่ได้มีนิสัยโจร แต่เพราะตัณหาของตาทำให้การดำเนินชีวิตมีตำหนิ  และการทะนงในลาภยศนำไปสู่หายนะ ความทะนงเพราะเราอยากอวด ไม่ถ่อมใจ 1 เปโตร 5:5 5ในทำนองเดียวกันท่านที่อ่อนอาวุโส   ก็จงเชื่อฟังคำของพวกผู้ใหญ่   อันที่จริงให้ท่านทุกคนมีความถ่อมใจในการปฏิบัติต่อกันและกัน   ด้วยว่าพระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง   แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน

ขอพระเจ้าช่วยเราให้กลับมาที่จะไม่ส่ำสมทรัพย์สมบัติสำหรับตัวในโลกนี้  ยากอบ 5:1-3 1นี่แน่ะท่านผู้มั่งมี   จงร้องไห้โอดครวญเพราะความวิบัติซึ่งจะเกิดกับท่าน 2ทรัพย์สมบัติของท่านก็ผุพังไปแล้ว   และตัวแมลงก็กัดกินเสื้อผ้าของท่าน 3ทองและเงินของท่านก็เกิดสนิม   และสนิมนั้นก็จะเป็นพยานหลักฐานการกระทำของท่าน   และจะเผาผลาญเลือดเนื้อท่านดุจไฟ   ท่านได้ส่ำสมสมบัติไว้แล้วสำหรับอวสานกาล  พระคัมภีร์เตือนเราถ้าเราทำทุกอย่างลงทุนลงแรงแต่ในการส่ำสมนำเราไปกาลอวสาน แล้วมันคืออะไร คือความโง่ ให้เราเริ่มต้นชีวิตด้วยค่านิยมของพระเยซูคริสต์ จงส่ำสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์ ที่จะดำรงอย่างถาวรเป็นนิจ

By admin