จาก theme ของคริสตจักรในปีนี้  เราทั้งหลายกำลังรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์  และเมื่อวันนั้นมาถึง เราก็จะพ้นทุกข์พ้นโศก ทุกอย่างจะได้รับอิสรภาพ การปลดปล่อย ความรู้สึกที่ไม่ดีที่เกิดจากใครบางคนก็จะหายไป  แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้เราต้องมั่นคงอยู่จนถึงที่สุด เราต้องมั่นคงที่จะรักษาชีวิตของเราให้ไม่มีที่ติ และเราจะปราศจากที่ติเราจะต้องทำอย่างไร คือการรักษาชีวิตให้พ้นจากการป้ายสี การทำร้าย การมีชีวิตหลุดออกจากกรอบ และสิ่งนี้มันมีศัตรูที่จะคอยทำร้ายเรา  เราจะดูด้วยกันจากพระธรรม สดุดี 119 :150 150ผู้ข่มเหงข้าพระองค์ด้วยการมุ่งร้ายเข้ามาใกล้แล้ว    เขาอยู่ห่างไกลจากพระธรรมของพระองค์  มีผู้ที่คอยข่มเหงเราเพื่อที่เราจะมีมลทิน มีที่ติ และพระเจ้าจะไม่สามารถทำอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับเราในวันที่พระองค์เสด็จมา เพราะศัตรูมันคอยจ้องที่จะเล่นงานเรา วิวรณ์ 12:1010และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังขึ้นในสวรรค์ว่า   “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดชและราชอาณาจักรแห่งพระเจ้าของเรา   และอำนาจพระคริสต์ของพระองค์ได้มาถึงแล้ว   เพราะว่าผู้ที่กล่าวโทษพวกพี่น้องของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น   ก็ได้ถูกผลักทิ้งลงไปแล้วหมายความว่าในวันที่พระเยซูเสด็จมาผู้กล่าวโทษคือมารมันคอยกล่าวโทษเราตลอดเวลาต่อหน้าพระเจ้า ฉะนั้นการที่เราจะไม่มีที่ติเราต้องรับคำเตือนจากพระธรรมสดุดี 119:150 ได้  พระคำข้อนี้เตือนเราอย่างน้อย 4 ประการด้วยกัน

1.การดำเนินชีวิตในพระคริสต์ที่จะไม่มีที่ตินั้น มีผู้ที่คอยขัดขวางข่มเหงเรา  ยอห์น 15:18-20 18“ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย   ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน 19ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก   โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก   แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก   เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก   เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน 20จงระลึกถึงคำที่เราได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้วว่า   ‘บ่าวมิได้เป็นใหญ่กว่านาย’   ถ้าเขาข่มเหงเรา   เขาก็จะข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย   ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา   เขาก็จะปฏิบัติตามคำของท่านทั้งหลายด้วย คำว่าปฎิบัติตามคำของเรา ถ้าไปเทียบกับสดุดี 119:150 คือผู้ที่อยู่ใกล้พระธรรมของพระองค์ เค้าข่มเหงพระเยซู  เค้าข่มเหงพระเยซูเพื่อพระเยซูจะมีช่องว่างให้เค้าติ  แต่พระเยซูไม่เปิดช่องว่าง แต่คริสเตียนเรามีช่องว่างเยอะ อย่างเช่น พระคัมภีร์สอนให้เรารักซึ่งกันและกันด้วยความจริงใจ มาในยุคนี้คนก็จะตีความคำว่ารักไปต่าง ๆ นานา และโดยเฉพาะเพศตรงข้ามกัน มันมีช่องว่าง แต่โดยความรักของพระเยซูคริสค์ ปิดช่องว่างนั้น เพราะบนพื้นฐานความรักมีความจริงใจ และไม่มีเรื่องเซกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คนที่ไม่เป็นคริสเตียนไม่ใช่แบบนี้ ค่านิยมของโลกเอาคำว่ารักมาแทนคำว่าเซกส์  ถ้าผู้ชายบอกว่าฉันรักเธอ แปลความว่าฉันอยากมีเซกส์กับเธอนั่นเป็นช่องว่าง แต่ไม่ใช่สำหรับคริสเตียน  เราจะไม่มีที่ติ เค้าติเราไม่ได้เพราะเรามีความรักของพระเยซูซึ่งเป็นความรักที่บริสุทธิ์ใจ    พวกนั้นก็ไม่พอใจศัตรูก็จะข่มเหงเรา ฉะนั้นพระเยซูเตือนเราแล้วในข้อที่ 20 ว่าบ่าวไม่ได้ใหญ่กว่านาย ถ้าพระเยซูโดนข่มเหงเราก็โดนด้วย  กลับมาดูที่สดุดี บอกว่ามีผู้ข่มเหงซึ่งมีหลายคน ยอห์น 8:44 44ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร   และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน   มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล   และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ   เพราะมันไม่มีสัจจะ   เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง   เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสาพวกผู้ที่ข่มเหงไม่ได้มาเพื่อแหย่เรา แต่ต้องการฆ่าเรา

2.ผู้ข่มเหงนั้นน่ากลัว เอเฟซัส 6:12 12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด   แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง   ศักดิเทพ   เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้   ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ  นี่เป็นผู้ข่มเหงที่เรามองไม่เห็น มันจะทำให้เรามีช่องว่างมีที่ติ ซึ่งมันไม่เคยปราณีต่อเราเหมือนโยบที่สูญเสียทุกอย่างในชีวิต พระคัมภีร์เตือนเราว่ามารมันมุ่งร้ายมันน่ากลัวขนาดไหนเพื่อเราจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน

3.ผู้ข่มเหงนั้นอยู่ใกล้เราแล้ว พระคัมภีร์จึงเตือนให้เราระวัง เรารู้มั้ยว่ามันเข้ามาใกล้เราแล้ว เราไม่รู้ ถ้ารู้เราจะไม่ดำเนินชีวิตประมาทแบบนี้ เราต้องมีชีวิตส่วนตัวอยู่กับพระเจ้าจริง ๆ เปโตรจึงเตือนเราใน 1 เปโตร 5:8  8ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี   ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ   ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้  มันอยู่เต็มไปหมดและมันอยู่ใกล้เราและเราไม่รู้ตัว รู้ได้อย่างไรว่าเราไม่รู้ตัว เวลาที่เราเคาะเข้าไปดูในเวปไซด์เคาะไปรูปโป๊โผล่มา พอมันโผล่มาแล้วเราก็เคาะเข้าไปดูหน่อยนั่นคือเราไม่รู้ตัวเลย สิ่งที่มันน่ากลัว แต่มันทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่น่ากลัว เราก็จะดำเนินชีวิตประมาทจบเลย  ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเรียนรู้ถึงความน่ากลัวของมัน 1เปโตร2:11   11ดูก่อนท่านที่รัก   ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย   ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน   ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง   ซึ่งเป็นข้าศึกต่อวิญญาณจิตของท่าน  ตัณหาของเนื้อหนังเป็นข้าศึกเป็นศัตรูต่อชีวิตเรา มันมาเพื่อลักฆ่าทำลายทำให้เรามีที่ติในวันที่พระเยซูมา ถ้ามีที่ติในวันนี้แต่ยังไม่เสร็จมันให้เรากลับใจใหม่ อย่าคิดว่ามันไม่น่ากลัว ถ้าพระคัมภีร์บอกว่าอะไรน่ากลัวให้เรากลัวมันถึงแม้เรารู้สึกไม่กลัว 1ยอห์น 2:15-17 15อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก   ถ้าผู้ใดรักโลก   ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก   คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา   และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา   แต่เกิดมาจากโลก 17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป   แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์  พระคัมภีร์ใช้คำว่า รัก  เราต้องไม่ไปติดกับดักของโลกนี้ เราต้องออกห่างจากกับดักของโลกสดุดี 1 บอกเราว่าอย่าไปอยู่ใกล้กับคนอธรรม ไม่ต้องไปหามัน  อย่าไปเอาคำแนะนำของคนชั่วเพราะมันทำให้เรามีช่องว่าง มันอาจให้น้ำผึ้งหวาน ๆ ให้อะไรหอม ๆ เรา แต่มันน่ากลัว

4. อย่าอยู่ห่างไกลจากพระธรรมของพระองค์ ตอนสุดท้ายของสดุดี 119 บอกว่าพวกเขาอยู่ห่างไกลจากพระธรรม  นี่เป็นพระคัมภีร์ข้อเดียวแต่สุดยอดและเตือนเราเพื่อเราจะไม่มีที่ติ คำว่าห่างไกลคืออะไร

4.1 คือระยะทาง  คือเราจะอยู่ใกล้แค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ได้มีชีวิตอยู่ในพระธรรมเราก็อยู่ห่างไกล ยอห์น 15:7  7ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา   และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว   ท่านจะขอสิ่งใด   ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น  ถ้าแค่รับรู้ว่ามีพระคำข้อนี้ข้อนั้นยังไม่พอ แค่อ่านยังไม่พอ นั่นเรายังห่างอยู่ เรายังไม่ได้อยู่ในพระธรรมเรายังอยู่ห่างไกล  พระธรรมต้องเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เราต้องใช้พระธรรมนั้น

4.2 คือการตอบสนอง เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ หรือฟังคำเทศนา แล้วเรารู้สึกว่าเออดี ยังไม่พอ เรายังอยู่ห่างไกล  แต่เราต้องเปลี่ยนแปลง กลับใจใหม่  ทันทีที่เราฟังตอนนั้นได้เลย ไม่ต้องรอนักเทศน์เรียกตอบสนอง แต่ให้เราตอบสนองกลับใจกับพระเจ้าส่วนตัวเลย ดูตัวอย่างจาก ผู้วินิจฉัย 16:20 ชีวิตของแซมสันน่าสนใจมาก แซมสันไม่ได้ถูกภรรยาหลอกครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ถูกหลอกมาหลายครั้งแล้ว และไม่เคยเอาบทเรียนมาใช้เลย คริสเตียนก็มีบทเรียนแต่เราไม่ค่อยเอามาใช้โง่ยังไงโง่เหมือนเดิม คริสเตียนต้องฉลาด มีสติปัญญา ไม่ควรมีคริสเตียนโง่   พระเยซูยกตัวอย่างเรื่องหญิงพรหมจารีย์ 10 คน แต่มี 5 คนที่โง่ แต่อีก 5 คนฉลาดคิดถึงอนาคต ไม่ว่าอะไรที่ทำให้คุณสนุกเวลานี้แล้วผลที่เกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นยังไงไม่สนแปลว่าโง่ ถ้าเราคิดถึงอนาคตเราต้องตอบสนองต่อพระเจ้า

4.3 พระเจ้าเป็นเจ้าของพระธรรม พระเจ้ากับพระธรรมแยกกันไม่ได้ ยอห์น 1:11ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่   และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า   และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า เช่นกันกับในยอห์น 15:7  7ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา   และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว   ท่านจะขอสิ่งใด   ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น เราจะไม่อยู่ห่างไกลโดยการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง และเราก็จะไม่มีที่ติและเราจะรังเกียจสิ่งที่ชั่วร้าย สิ่งที่เป็นความบาป ไม่อิจฉา ด่าคนอื่น เอาเปรียบเราก็ไม่เอา  บางคนที่จีบสาวจะพูดทีเล่นทีจริงถ้าผู้หญิงเล่นด้วยก็ไปเลย อย่าพูดจาหมาหยอกไก่เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมาก  อย่าเป็นเหยื่อของผู้ข่มเหง ขอสรุปด้วย1 ยอห์น 5 :1-5 1ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์   ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า   และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด   ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย 2โดยข้อนี้เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า   เมื่อเราทั้งหลายรักพระเจ้า   และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ 3เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า   คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์   และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ 4เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า   ก็มีชัยต่อโลก   และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก 5ใครเล่าชนะโลก   ไม่ใช่คนอื่น   คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง

By admin