“ย้อนวัยอย่างนกอินทรี”
ในยุคของเราเวลานี้กำลังให้ความสนใจกับการย้อนวัย คืนความสาวความหนุ่ม กระชุ่มกระชวย มีเรี่ยวแรง ด้วยการออกกำลังกาย เข้าโรงยิม เพาะกล้าม สร้างหุ่นซิกแพด วันแพด กินอาหารสร้างกล้ามเนื้อกันจนเป็นแฟชั่น มีคนเล่าว่า บางคนจากอ้วนเปลี่ยนเป็นผอม แล้วก็กลับเป็นอ้วนอีก ที่เรียกว่า โยโย่ คือการสวิงกลับไปอ้วนเหมือนเดิม หรือหุ่นเหี่ยวหย่อนยานกว่าเดิม ข้าพเจ้าให้คำแนะนำหลายคนว่า อันดับแรกต้องเปลี่ยนที่หัวคิดก่อน ไม่ใช่ทำตามแฟชั่น พอทำไปถึงระดับหนึ่งก็หมดแรงจูงใจที่จะทำต่อไป ที่เกริ่นเรื่องนี้ ความจริงต้องการจะนำพี่น้องเข้าสู่รื่องการย้อนวัยที่ไม่ใช่วัยของร่างกาย ไม่ใช่การกลับเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว หรือทำตัวเหมือนเด็กที่มีอายุน้อย หรือการแสดงภายนอกต่างๆว่า ดูหน้าเด็ก ดูสาวดูหนุ่มขึ้น นั่นเป็นการย้อนวัยภายนอก แต่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการย้อนวัยภายในของชีวิตคนของพระเจ้าในหนังสือสดุดี 103:1-5 1 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ 2 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ 3 ผู้ทรงอภัยความบาปผิดทั้งสิ้นของท่าน ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของท่าน 4 ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านมาจากปากแดนผู้ตาย ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้ท่าน 5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังกล่าวถึงการย้อนวัยภายในของจิตใจกลับไปสู่พระคุณแรกเริ่ม รับการเปลี่ยนใหม่ด้วยความรักดั้งเดิมฝ่ายวิญญาณ และความรักที่มีต่อพระเจ้า เป็นชาวสวรรค์และมีความกระตือรือร้นที่บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้า การดำเนินชีวิตและการนมัสการเพื่อพระคริสต์ โดยพระกิตติคุณ ด้วยความจริง ด้วยกฏหมาย ด้วยความชื่นชมยินดี ด้วยการเล้าโลมใจ ด้วยกำลัง อย่างมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น อย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งกลับใจใหม่ ที่คุ้นเคยกับสิ่งที่ดีที่สุด แม้ภายนอกจะเสื่อมลง แต่ภายในกลับจำเริญขึ้นวันต่อวัน ผู้เขียนสดุดีได้เปรียบเทียบการย้อนวัยของชีวิตภายในเหมือนกับ “การย้อนวัยของนกอินทรี” ที่มีการย้อนวัยและรับกำลังใหม่ ด้วยการผลัดขนเก่าทิ้งงอกขนใหม่ การรับอาหารสดใหม่ และขณะที่นกอินทรีอายุมากขึ้น จงอยปากบนของมันจะยาวกคร่อมปากล่าง ทำให้กินอาหารไม่ได้ และมันกำลังจะตายไปเพราะไม่สามารถกินอาหารที่ให้กำลังในการล่าหาอาหารที่สดใหม่ นกอินทรีแก่จะกลายเป็นอีแร้งที่กินอาหารที่ตาย อาหารที่เน่าค้าง แต่โดยศักดิ์ศรีของการเป็นนกอินทรี มันจะไม่ยอมเป็นอีแร้ง มันจะต้องกลับไปเป็นนกอินทรีที่มีเรี่ยวแรงให้ได้ นกอินทรีจึงต้องเอาจงอยปากที่ยาวเป็นอุปสรรคในการกินอาหารไปกระแทกกับโขดหินเพื่อจะสามารถใช้งานในการกินอาหารสดใหม่ได้อีกครั้ง และเมื่อกินอาหารสดใหม่ได้ ก็มีกำลังขึ้นมาใหม่ นี่คือภาพเปรียบเทียบกับคนของพระเจ้าจะย้อนวัยได้ต้องพึ่งพาพระคุณของพระเจ้า แม้ว่าจะอยู่ในวัยอายุมากก็จะสามารถอ้วนพี เจริญงอกงามและเกิดผล มั่นคง ไม่หวั่นไหว ทำงานของพระเจ้ามากมายเสมอ และเขาจะวิ่งและไม่รู้จักอ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อิสยาห์ 40:28-31 28 ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ 29 พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง30 แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว 31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย ดังนั้น การย้อนวัยที่กล่าวถึงนี้ จึงเป็นเรื่องของชีวิตภายใน เราให้ความสำคัญกับชีวิตภายนอกที่มีสุขภาพดี อ่อนวัย เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมชีวิตภายในที่ต้องย้อนวัยด้วย บางคนภายนอกดูดี แต่จิตวิญญาณภายในหมดสภาพ เหมือนคนที่กำลังจะตาย มีสภาพเหี่ยวเฉา แห้งแล้ง ขาดชีวิตชีวา ขาดกำลังฝ่ายวิญญาณ เพราะรับสิ่งที่เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณไม่ได้ เราจะเรียนรู้บทเรียนของนกอินทรีย้อนวัยจากหนังสือ สดุดี 103:1-5 1 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ 2 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์ 3 ผู้ทรงอภัยความบาปผิดทั้งสิ้นของท่าน ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของท่าน 4 ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านมาจากปากแดนผู้ตาย ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้ท่าน 5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี พึงระลึกว่าการพึ่งพาพระคุณพระเจ้าคือกุญแจสำคัญ
1.เปลี่ยนสายตาที่พร่ามัวเป็นดวงตาที่ชัดเจน สดุดี 103:1-2
1 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ 2 จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์
จิตใจของมนุษย์คือศูนย์รวมของความคิด อารมณ์ ความปรารถนา แรงบันดาลใจ และความกล้าหาญ หากศูนย์รวมของชีวิตเราจดจ่อที่พระเจ้าอย่างที่ผู้เขียนสดุดีได้กล่าวประโยคที่ว่า ทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ นั่นคือทั้งหมดของจิตใจมีสมาธิในการจดจ่อ นกอินทรีเมื่อแก่ลง สายตาจะพร่ามัว มองไม่ได้ยาวไกล การเปลี่ยนสายตาที่พร่ามัวของนกอินทรีอัศจรรย์มาก ในหนังสือเรื่องนกอินทรีเขียนโดยอาจารย์เฮนรี่ รามาย่า ได้กล่าวว่า นกอินทรีจะยืนอยู่ในที่สูงที่ปราศจาการรบกวนใดๆและจ้องมองที่ดวงอาทิตย์เป็นเวลานานจนสายตาที่พร่ามัวของมันหายจากพร่ามัว ดวงตาที่ชัดเจนกลับคืนมา นี่คือการย้อนวัยที่ประหลาดมากของนกอินทรี หากประยุกต์ใช้กับชีวิตคริสเตียนที่เวลานี้ดวงตาอนาคตของตนเองพร่ามัว มองไม่เห็นอนาคตที่ชัดเจน มองอะไรก็มีแต่เรื่องของกิเลศตัณหาของเนื้อหนังที่กำลังพาไปสู่อันตราย นี่คือสัญญาณว่า คริสเตียนผู้นั้นต้องเพ่งมองที่ดวงอาทิตย์อย่างนกอินทรีเพื่อนำดวงตาที่ชัดเจนกลับคืนมา พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง 1ยอห์น 1:5-9 5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย6 ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น8 ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น การจ้องมองที่ดวงสว่างคือการใช้เวลาจดจ่ออยู่กับพระเจ้าจะโดยการอดอาหารอธิษฐาน สังเกตบาปในชีวิตของตนเอง จะนำไปสู่การสารภาพบาป นำไปสู่การสามัคคีธรรมกับพระเจ้า ความสว่างของพระเจ้าจะทำให้เรามองเห็นตัวเราเองชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่เพียงมองอย่างเดียวแล้วก็ลืมอย่างที่ยากอบได้กล่าวว่า มีคริสเตียนที่ใช้พระคำพระเจ้ามองตนเองแล้วก็ลืม ยากอบ 1:23-24 23 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา24 เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร การประพฤติที่ยากอบกล่าวนี้เป็นการประพฤติที่ควบคู่กับความเชื่อ ถ้าเราเชื่อว่า พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เราจะประพฤติสอดคล้องกับความเชื่อว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ นั่นคือ เราจะสามัคคีธรรมกับพระเจ้า มีคริสเตียนมากมายที่ไม่สามัคคีธรรมกับพระเจ้า เชื่อแต่ไม่ประพฤติ ก็ไม่ต่างจากภูตผีปีศาจที่ยากอบต่อไปอีกว่า ยากอบ 2:19 19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น ดังนั้น คริสเตียนต้องเป็นผู้เชื่อที่มีสายตาชัดเจน ไม่ใช่เชื่อพระเจ้าโดยไม่มีการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า ดวงตาที่ชัดเจนจะทำให้คริสเตียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านและกับตัวเองด้วย เราสามารถสังเกตคริสเตียนที่มีดวงตาที่ชัดเจนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นและกับตัวเอง ไม่ตำหนิ ต่อว่า ไม่ว่าร้ายคนอื่น และยังเห็นตัวเองชัดเจนทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข นี่คือบุคลิกลักษณะของคริสเตียนที่มีดวงตาฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจน อย่าให้เราเป็นเหมือนภูติผีปีศาจที่เชื่อพระเจ้าแต่ไม่นมัสการพระเจ้าด้วยดวงตาที่ชัดเจน เพราะภูตผีปีศาจเหล่านั้นเป็นวิญญาณที่กบฏที่รอวันเวลาแห่งการพิพากษาในบึงไฟนรก ดวงตาที่ชัดเจนคือก้าวแรกของการย้อนวัยอย่างนกอินทรี
2.ผลัดขนเก่างอกขนใหม่ สดุดี 103:3-4
3 ผู้ทรงอภัยความบาปผิดทั้งสิ้นของท่าน ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของท่าน 4 ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านมาจากปากแดนผู้ตาย ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้ท่าน
ขนเก่าของนกอินทรีบ่งบอกถึงวัยที่หมดสภาพของนกอินทรีแก่ ไม่สามารถบินสูง ขนเก่าทำให้ความสง่างามของนกอินทรีหายไป ขนเก่าบ่งบอกถึงการแปดเปื้อนสิ่งต่างๆตามกาลเวลา หากประยุกษ์เข้ากับชีวิตคริสเตียนที่เป็นคริสเตียนมานาน จนค่านิยมอย่างโลกกลับมาเกาะติดเต็มไปหมด วิญญาณศาสนามักจะมีอิทธิพลกับคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้ามานาน คริสตจักรจะต้องระวังเรื่องอิทธิพลของโลกที่เข้ามา การทำตามแฟชั่น ตามกระแสต่างๆ พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงเตือนสาวกของพระองค์เรื่องเชื้อของฟาริสีเหมือนกับเชื้อขนมปัง มัทธิว 16:6,12ข 6 เมื่อพระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสี และพวกสะดูสีให้ดี”…ให้ระวังคำสอนของพวกฟาริสีและพวกสะดูสี คำสอนของพวกฟาริสีและพวกสะดูสีจะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่อยู่ภายนอกมิใช่สิ่งที่อยู่ภายใน ดังนั้นจึงไม่ทำให้เกิดความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เป็นการสัมพันธ์กับความปรารถนาของตนเองโดยใช้ธรรมบัญญัติตอบสนองความปรารถนาของตนเองเท่านั้น นี่คือภาพของวิญญาณศาสนาที่เราพบเห็นได้ในศาสนาทั่วไป หากเราเคยฟังเพลง You are the wind beneath my wing ซึ่งแปลว่า พระองค์ทรงเป็นลมที่อยู่ใต้ปีกของข้าพระองค์ นั่นหมายความว่า การผลัดขนเก่างอกขนใหม่ มีเป้าหมายที่สัมพันธ์กับลม ที่พระคัมภีร์มักหมายถึงชีวิตและพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากคริสเตียนปราศจากลมสองชนิดนี้ คริสเตียนจะบินสูงอย่างนกอินทรีไม่ได้ คริสเตียนต้องมีชีวิต เมื่อครั้งพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คนแรก พระองค์ทรงระบายลมปราณเข้าในมนุษย์ มนุษย์นั้นจึงมีชีวิต ปฐมกาล 2:7 7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต นั่นหมายถึงจิตวิญญาณที่มีชีวิต แต่เมื่อมนุษย์ทำบาป และขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้า มนุษย์ได้สูญเสียชีวิตฝ่ายวิญญาณไป (ตายฝ่ายวิญญาณ) เมื่อพระเยซูทรงตรัสถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์กับเหล่าสาวก พระเยซูได้ทรงระบายลมปราณ ยอห์น 20:21-23 21 พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”22 ครั้นพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงระบายลมหายใจออกเหนือเขา ตรัสกับเขาว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด23 ถ้าท่านจะยกความผิดบาปของผู้ใด ความผิดบาปนั้นก็จะถูกยกเสีย และถ้าท่านจะให้ความผิดบาปติดอยู่กับผู้ใด ความผิดบาปก็จะติดอยู่กับผู้นั้น”การรับพระวิญญาณบริสุทธ์คือชีวิตใหม่ของคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ จากชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ตายแล้วกลับขึ้นมาใหม่ และนี่คือลมใต้ปีกที่ทำให้คริสเตียนบินสูง การผลัดขนเก่างอกขนใหม่ของคริสเตียนคือการดำเนินชีวิตที่ต่อสู้กับเนื้อหนัง และดำเนินชีวิตภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งคำสอนของศาสนาทั่วไปเข้าไม่ถึง และเป็นไม่ได้ คริสเตียนที่ไม่ผลัดขนเก่างอกขนใหม่ ก็ยังเป็นคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพวกฟาริสีและสะดูสีที่สนใจแต่สิ่งที่อยู่ภายนอก แต่ชีวิตภายในไม่เปลี่ยนแปลง
3.เลาะจงอยปากเก่างอกจงอยปากใหม่ สดุดี 103:5
5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี
มีของดีที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้สำหรับคนของพระเจ้า 1โครินธ์ 2:9 9 ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า สิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์ เป็นหนึ่งในพระคำที่ยืนยันกับเราว่า มีของดีมากมายที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้กับคนที่รักพระองค์ แต่ทำไมเราจึงเห็นคริสเตียนไม่น้อยขาดแคลน และรู้สึกไม่พอ ไม่ได้ ไม่มี นั่นอาจเป็นเพราะคริสเตียนมีจงอยปากเหมือนนกอินทรีแก่อยู่หรือเปล่า ที่ไม่สามารถรับของดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ จงอยปากที่ทำให้คริสเตียนอดอยากและขาดกำลังที่จะฉีกอาหารหรืออ้าปากที่จะรับการเติมเต็มจากพระเจ้า สดุดี81:10 10 เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ อ้าปากของเจ้าให้กว้างเถิด เราจะป้อนเจ้าให้อิ่ม จงอยปากของนกอินทรีคือความสามารถในการฉีกอาหารแข็ง เป็นภาพเปรียบเทียบคริสเตียนกับความสามารถในการรับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ อาหารแข็งหรือน้ำนม ฮีบรู5:12-14 12 ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีกในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง13 เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์14 อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว ที่นี่กล่าวถึงวัยฝ่ายวิญญาณที่ไม่ยอมโตสักที อันนี้เรียกว่า ไม่ต้องย้อนวัย เพราะระยะเวลาที่ผ่านมามันเลยวัยแล้ว เหมือนกับคนแก่ที่ยังทำตัวเด็ก ดำเนินชีวิตอยู่ในความไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม ความไม่เข้าใจในที่นี้หมายถึงความไม่ชำนาญในพระวจนะ ความไม่ชำนาญในพระวจนะเกิดจากการไม่นำพระวจนะมาใช้กับชีวิตของตนเอง 1โครินธ์ 3:1-3 1 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจจะพูดกับท่าน เหมือนพูดกับผู้ที่อยู่ฝ่ายวิญญาณแล้วได้ แต่ต้องพูดกับท่านเหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เหมือนกับท่านเป็นทารกในพระคริสต์2 ข้าพเจ้าเลี้ยงท่านด้วยน้ำนม มิใช่ด้วยอาหารแข็ง เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นท่านยังไม่สามารถรับ และถึงแม้เดี๋ยวนี้ท่านก็ยังไม่สามารถ3 ด้วยว่าท่านยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะว่าเมื่อยังอิจฉากัน และขัดเคืองใจกัน ท่านไม่ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ และไม่ได้ประพฤติตามมนุษย์สามัญดอกหรือ พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้ที่เป็นคริสเตียนแล้ว แต่พฤติกรรมยังเป็นเด็ก ซึ่งอ.เปาโลผู้เขียนพระคัมภีร์ตอนนี้กำลังพูดกับคริสเตียนที่เมืองโครินธ์แรงๆ และกำลังสื่อความหมายว่า ชีวิตฝ่ายวิญญาณภายในของคริสเตียนเมืองโครินธ์ต้องย้อนวัยกลับไปสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่สดใหม่ สิ่งที่สะท้อนออกมาภายนอกจึงจะเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ทุกวันนี้เราได้เห็นคริสเตียนไม่น้อยที่ทำตัวเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณ 3 ด้วยว่าท่านยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะว่าเมื่อยังอิจฉากัน และขัดเคืองใจกัน ท่านไม่ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ และไม่ได้ประ พฤติตามมนุษย์สามัญดอกหรือ ดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างจากชาวโลก ที่ยังเสพติดอยู่กับค่านิยมของโลก ยังมีนิสัย ความประพฤติหย่อนยานขาดวินัยในการพัฒนาตนเองในแนวทางของพระเจ้า ไม่ออกกำลังบริหารความคิดฝ่ายวิญญาณ แต่ปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยความคิดไปตามกิเลศตัณหา สิ่งเหล่านี้คือความหมดสภาพของชีวิตฝ่ายวิญญาณ เป็นเหมือนอีแร้งที่คอยกินแต่ซากสัตว์ตาย วิสัยของนกอินทรีจะไม่กินซากสัตว์ตาย เมื่อมันหมดสภาพ มันจะต้องย้อนวัยของตัวเอง นั่นคือความเจ็บปวดที่ต้องทน วันนี้ เรากำลังเผชิญกับความเจ็บปวดที่เป็นผลจากความบาป หรือเป็นความเจ็บปวดที่เกิดจากการต่อสู้กับความปรารถนาของตนเอง ให้เราสำรวจตัวเราเองทั้งสามด้านของชีวิตการย้อนวัยอย่างนกอินทรี แล้ว วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี…แล้วเราจะมีประสบการณ์กับพระเจ้า 5 ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน ตลอดชีวิต นั่นคือเราจะมีความพึงพอใจตลอดเวลา ขอพวกเราทุกคนจงมีความสุขกับการไปทัศนาจรย้อนวัย และใช้คำเทศนาวันนี้ในการเฝ้าเดี่ยวตลอดเวลาที่อยู่ที่ราชบุรี
“ย้อนวัยอย่างนกอินทรี”
1.เปลี่ยนสายตาที่พร่ามัวเป็นดวงตาที่ชัดเจน
2.ผลัดขนเก่างอกขนใหม่
3.เลาะจงอยปากเก่างอกจงอยปากใหม่