“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต”

เวลาเครื่องจักรเครื่องใช้ทำงาน ยังต้องมีการพัก หยุดการเดินเครื่อง มิฉะนั้น เครื่องจักรเครื่องใช้นั้นๆก็จะพังเร็ว  ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องจักรเครื่องใช้ต่างๆ จึงมีหนังสือคู่มือคำแนะนำในการใช้งานมาด้วย  เพื่อให้อ่านก่อนใช้งาน  แล้วชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาทุกคนสมควรที่จะมีคู่มือการใช้ชีวิตหรือไม่  แน่นอน ต้องมี และพระเจ้า พระผู้สร้างมนุษย์ ทรงประทานคู่มือการใช้ชีวิตให้กับมนุษย์  คำถามคือ เราอ่านก่อนใช้ชีวิตของตัวเราเองไม๊   พระคัมภีร์เป็นหนังสือคู่มือการใช้ชีวิต ที่ให้คำแนะนำอันดับแรกในการใช้ชีวิตอย่างถนอมรักษาชีวิตก็คือ  สะบาโต  แปลว่า หยุดพัก

อพยพ 20:8-11  8 “จง​ระลึก​ถึง​วันสะบาโต​ ถือ​เป็น​วัน​บริสุทธิ์9 จง​ทำ​การ​งาน​ทั้งสิ้น​ของ​เจ้า​หก​วัน​10 แต่​วันที่​เจ็ด​นั้น​เป็น​สะบาโต​ของ​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า ใน​วัน​นั้น​อย่า​กระทำ​การ​งาน​ใดๆไม่​ว่า​เจ้า​เอง หรือ​บุตร​ชาย​บุตร​หญิง​ของ​เจ้า หรือ​ทาส​ทาสี​ของ​เจ้า หรือ​สัตว์​ใช้​งาน​ของ​เจ้า หรือ​แขก​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​ประตู​เมือง​ของ​เจ้า​11 เพราะ​ใน​หก​วัน​พระ​เจ้า​ทรง​สร้าง​ฟ้า​และ​แผ่นดิน ทะเล และ​สรรพ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ที่​เหล่า​นั้น แต่​ใน​วันที่​เจ็ด​ทรง​พัก เพราะ​ฉะนั้น​พระ​เจ้า​ทรง​อวย​พระ​พร​วันสะบาโต และ​ทรง​ตั้ง​วัน​นั้น​ไว้​เป็น​วัน​บริสุทธิ์

และจนมาถึงทุกวันนี้  คนทั่วโลกต่างตระหนักถึงความจริงของพระคัมภีร์ตอนนี้  ดังนั้น ปฏิทินของคนทั่วโลกจึงนับสัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน วันที่เจ็ดเป็นวันหยุด  นี่เป็นคำแนะนำการใช้ชีวิตแบบเบสิกๆ พื้นฐานมากๆ แต่ก็มีคนมากมายไม่ได้ใช้วันหยุดหนึ่งในเจ็ดวันเพื่อการพัก  พวกหัวการค้าต่างคิดว่า วันที่เจ็ดนี่แหล่ะ ยิ่งขายดี  ยิ่งเป็นโอกาสของการกอบโกย ยิ่งเป็นโอกาสของการไปทำอะไรที่อยากทำ จนเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า สำหรับวันถัดไป บางคนออกจากที่ทำงาน แล้วงานก็ยังตามมาที่บ้าน ตามไปทุกที่ แม้กระทั่งที่ที่กำลังจะพัก ก็ทำงานไปด้วย

เรามาเรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับวันสะบาโต และที่มาของวันสะบาโตกัน

หากย้อนความกลับไปสมัยที่คนอิสราเอลยังอยู่ในอียิปต์  เริ่มต้นจากครอบครัวของยาโคบ ที่มีโยเซฟเป็นผู้ช่วยให้ครอบครัวของตนเองได้เข้ามาอยู่ในอียิปต์ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกันดารอาหารถึงเจ็ดปี  โยเซฟมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฟาโรห์ผู้นำของอียิปต์ แต่พอมาถึงรุ่นลูกหลาน (430 ปีต่อมา อพยพ12:40) ระยะเวลายาวนานขนาดนี้ ฟาโรห์องค์ใหม่ไม่รู้จักโยเซฟ ผู้ที่ได้ช่วยอียิปต์ให้มั่งคั่งและรอดพ้นจากการกันดารอาหารในอดีต  แถมลูกหลานของคนอิสราเอลเพิ่มจำนวนมาก ออกลูกดก ฟาโรห์องค์ใหม่ก็เลยมีแผนกำจัด สกัดดาวรุ่ง (เพราะความกลัว) ด้วยการให้คนอิสราเอลทำงานหนัก ไม่มีวันพัก

อพยพ 1:12-14, 12 แต่​ยิ่ง​ถูก​เบียดเบียน​มาก​เท่าไร ชน​ชาติ​อิสราเอล​ก็​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น และ​ยิ่ง​แพร่หลาย​ออกไป ชาว​อียิปต์​ก็​ครั่น​คร้าม​ต่อ​ชน​ชาติ​อิสราเอล​13 จึง​บังคับ​ชน​ชาติ​อิสราเอล​ให้​ทำงาน​หนัก​14 ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​เขา​ขม​ขื่น เพราะ​งาน​หนัก​ที่​เขา​กระทำ​นั้น เช่น​ทำ​ปูน​สอ ทำ​อิฐ​และ​ทำงาน​ต่างๆ ที่​ทุ่ง​นา เขา​ถูก​บังคับ​ให้​ทำงาน​หนัก​ทุก​ชนิด….

ไม่ใช่แค่งานหนัก แต่เป็นงานที่ทำยาก งานที่ไม่มีวันเสร็จ งานทุกอย่างที่บั่นทอนสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ ยิ่งงานยาก ก็ยิ่งเครียด  บางคนคิดว่า ทำงานเยอะๆคือการออกกำลังกาย เราเข้าใจผิดแล้ว การออกกำลังคือการผ่อนคลาย เพราะไม่เครียด และทำให้เกิดสารที่ผ่อนคลายความเครียด ที่เรียกว่า เอนดอร์ฟีน  (สารแห่งความสุข) ตรงกันข้าม หากอยู่ในภาวะเครียดบ่อยๆ จะมีสารบางอย่างหลั่งออกมา มีบทความทางการแพทย์(จากเฟสบุ้คได้พูดถึงสาร Cortisol สารแห่งความเครียด อย่างนี้

คนที่โกรธ และเครียดบ่อยๆ  ทำไมถึงมีความเสี่ยงในการ เป็นมะเร็งตาย…คนบางคน ป่วยเป็นมะเร็งทั้งๆที่ตัวเองก็ออกกำลังกาย บุหรี่ไม่สูบ เหล้าก็ไม่ได้กิน แถมกินอาหารมีประโยชน์ …ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากเขาจะตายเพราะมะเร็ง ถ้าเขาใช้ชีวิตเครียด และไม่มีความสุข ไม่ผ่อนคลาย และชีวิตเขามีแต่ความกดดัน ตลอดหมกมุ่นอยู่กับความโกรธ อาฆาตแค้น ริษยาอยู่เสมอ…

ดังนั้น ความโกรธจึงมีความเชื่อมโยงกับภาวะจิตใจ ร่างกาย และสถานะทางสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อคนเราโกรธหรืออยู่ในภาวะเครียด ร่างกายจะหลั่งสาร Cortisol ซึ่งคล้าย Adrenaline เพราะทั้งสองสารนี้เป็นสารเคมีในสมอง ที่กดการทำงานของสมอง (ณ ที่นี้ไม่ขอกล่าวถึงกลุ่มสารที่กระตุ้นสมอง)ซึ่งทั้ง Cortisol และ Adrenaline นั้นถ้ามีมากจะมีพิษต่อสมอง เพราะเป็นสารที่เกี่ยวกับการตกใจและการต่อสู้ การตอบสนองต่อความเครียด ถ้ามีมากเกินไปจะมีอันตราย ต่อทั้งอารมณ์และร่างกาย

สารนี้จะหลั่งเมื่อมีความรู้สึกไม่ดี มีความเครียด (เรื้อรัง) มีความทุกข์ รู้สึกมองเห็นคุณค่าตัวเองต่ำ โดนดุด่าทุกวัน รู้สึกซึมเศร้า มีอารมณ์โกรธ อยู่ในภาวะที่เข้มงวดเกินไป มีความวิตกกังวล ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดการทำลายองค์ประกอบภายในสมอง ไม่ว่าใยประสาทต่างๆ หรือแม้แต่เซลล์สมอง รวมทั้งจะหยุดยั้งการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้ เรียกว่า เกิดภาวะที่ทำให้ “สมองทำงานไม่เชื่อมโยงกัน”นอกจากนี้ ภาวะ Cortisol สูงจะทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น เป็นโรคกระเพาะ และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคภูมิแพ้ มะเร็งได้ง่าย ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น ครูที่ดุ หรือเคร่งครัดมากๆ หรือเด็กที่โดนดุ โดนระเบียบเคร่งครัดมากๆ หรือคนที่ทำงานเครียดมากๆ นานๆซึ่งหากมีภาวะนี้อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน จะส่งผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเช่น เกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคหัวใจ ฯลฯ

เราเกิดในยุคที่มีการค้นพบข้อมูลความรู้  ที่มาของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แต่ในยุคของอิสราเอลสมัยที่อยู่ในอียิปต์ ไม่มีความรู้เหล่านี้ คนอิสราเอลได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า เรื่องความแข็งแรงอดทนได้สุดๆ แต่แม้จะทนได้สุด ใจก็ยังคร่ำครวญ และเสียงคร่ำครวญนั้นก็ดังไปถึงพระเจ้า

อพยพ 2:23-25 23 ครั้น​เวลา​ล่วง​มา​ช้า​นาน​กษัตริย์​อียิปต์​ก็​สิ้น​พระ​ชนม์ คน​อิสราเอล​เศร้า​ใจ​มาก​เพราะ​เหตุ​ที่​เป็น​ทาส​เขา จึง​ร้อง​คร่ำ​ครวญ​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ เสียง​ร่ำ​ร้อง​เพราะ​การ​ที่​ต้อง​เป็น​ทาส​นี้ ดัง​ขึ้น​มาถึง​พระ​เจ้า​24 ​พระ​เจ้า​ทรง​สดับ​เสียง​คร่ำ​ครวญ​ของ​เขา จึง​ทรง​ระลึก​ถึง​พันธสัญญา​ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​กระทำ​ไว้กับ​อับราฮัม อิสอัค และ​ยาโคบ​25 ​พระ​เจ้า​ทอด​พระ​เนตร​ชน​ชาติ​อิสราเอล แล้ว​ทรง​ทราบ​ถึง​สภาพ​ความ​เป็นไป​ของ​เขา​

พระเจ้าทรงฟังเสียงคร่ำครวญของคนที่กำลังทุกข์ยาก และพระเจ้าทรงมองเห็นสภาพความเป็นไป  พระองค์ไม่หูหนวก ไม่ตาบอด ซึ่งบางคนในท่ามกลางพวกเราอาจจะกำลังคิดว่าทำไมพระเจ้าจึงไม่ตอบ ไม่ช่วย  พระเจ้าได้ยิน พระเจ้ามองเห็นความทุกข์ใจของเราแน่นอน และพระองค์ไม่อยู่นิ่งเฉยแน่นอน พระคัมภีร์ตอนนี้ กล่าวถึง พระเจ้าทรงระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์ที่มีกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ (บรรพบุรุษของอิสราเอล)

ด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า คริสเตียนเป็นลูกหลานของอับราฮัมในฝ่ายวิญญาณ เราผูกพันกับพระเจ้า เป็นคนของพระเจ้า และอยู่ในการเฝ้ามองและสดับคำร้องทูลต่อพระองค์  พระเจ้าทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญทุกข์ใจและทรงมองเห็นสภาพที่เราถูกบีบบังคับ  พระเจ้าทรงมองเห็นเราเหมือนเห็นอิสราเอลในยุคนั้นที่ไม่ได้หยุดพัก

พระเจ้าจึงเริ่มต้นแผนการช่วยไถ่อิสราเอลออกจากความเป็นทาส และต้องใช้เวลา กว่าฟาโรห์จะยอมปล่อยอิสราเอลออกจากอียิปต์

ฟาโรห์อยู่ที่ไหน ทำไมบางคนที่มาเชื่อพระเจ้าน่าจะออกจากอียิต์ฝ่ายวิญญาณแล้ว แต่ยังดูเหมือนยังไม่หลุดจากสภาพทาสนั้น มีคำพูดที่กล่าวว่า เอาอิสราเอลออกจากอียิปต์ง่ายกว่าเอาอียิปต์ออกจากใจอิสราเอล เป็นไปได้ไม๊ที่จิตใจของบางคนที่มาถึงพระเจ้าแล้ว ยังไม่ได้เอาอียิปต์ออกจากใจ ยังมีฟาโรห์กดขี่ในจิตใจของตนเองอยู่ ฟาโรห์ที่ว่า คือความเครียด…ที่เรายึดติดไว้เอง

เมื่ออิสราเอลได้ออกเดินทางข้ามทะเลแดง และเดินในถิ่นทุรกันดาร กว่า 45 วัน จนอาหารเสบียงที่เอามาหมด ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร  และอิสราเอลก็เริ่มบ่น เริ่มตัดพ้ออยากไม่อยากไปกับพระเจ้าต่อ ทั้งๆที่พระเจ้านำให้พ้นจากดินแดนอียิปต์ออกมาแล้ว พ้นสภาพทาสแล้ว แต่ตอนนี้ เป็นเรื่องของปากท้อง   น่าสนใจว่า เมื่อก่อน อิสราเอลได้อาหารจากการทำงานหนัก เป็นทาส แต่มาถึงตอนนี้ อิสราเอลจะต้องทำงาน ไม่ใช่อย่างทาส แต่เพื่อจะได้มีอาหารเพียงพอสำหรับแต่ละวัน และมีวันพัก นี่คือที่มาของวันสะบาโตที่พระเจ้าทรงจัดระบบชีวิตใหม่ให้กับอิสราเอล

อพยพ 16:4-5,11-18 4 แล้ว​พระ​เจ้า​ได้​ตรัส​กับ​โมเสส​ว่า “ดู​เถิด เรา​จะ​ให้​อาหาร​ตก​ลง​มา​จาก​ ท้องฟ้าดุจ​ฝน​สำหรับ​พวก​เจ้า ให้​ประชาชน​ออกไป​เ​ก็​บ​ทุก​วัน พอ​กิน​เฉพาะ​วัน​หนึ่งๆ เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ลอง​ใจ​ว่า เขา​จะ​ปฏิบัติ​ตาม​โอวาท ของ​เรา​หรือ​ไม่​ 5 ​ใน​วันที่​หก เมื่อ​เขา​เตรียม​ของ​ที่​เ​ก็​บ​มา อาหาร​นั้น​ก็​จะ​เพิ่ม​เป็น​สอง​เท่า​ของ​ที่​เขา​เ​ก็​บ​ทุก​วัน”… 11 ​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​โมเสส​ว่า​12 “เรา​ได้​ยิน​คำ​บ่น​ของ​ชน​ชาติ​อิสราเอล​แล้ว จง​กล่าว​แก่​เขา​ว่า ‘ใน​เวลา​โพล้เพล้ พวก​เจ้า​จะ​ได้​กิน​เนื้อ ทั้ง​ใน​เวลา​เช้า เจ้า​จะ​ได้​อาหาร​กิน​จน​อิ่ม แล้ว​เจ้า​จะ​รู้​ว่า เรา​คือ​พระ​เจ้า​ของ​พวก​เจ้า’ ” 13 ครั้น​ถึง​เวลา​เย็น​ฝูง​นกคุ่ม​บิน​มา​เต็ม​ค่าย ใน​เวลา​เช้า​ก็​มี​น้ำค้าง​ตก​รอบ​ค่าย​ที่​พัก​14 เมื่อ​น้ำค้าง​ระเหย​ไป​แล้ว ​ก็​เห็น​สิ่ง​หนึ่ง​เหมือน​เกล็ด​เล็กๆ เท่า​เม็ด​น้ำค้าง​แข็ง​อยู่​ที่​พื้นดิน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​นั้น​15 เมื่อ​ชน​ชาติ​อิสราเอล​เห็น​จึง​พูด​กัน​ว่า “นี่​อะไร​หนอ” เพราะ​เขา​ไม่​ทราบ​ว่า​เป็น​สิ่ง​ใด โมเสส​จึง​บอก​เขา​ว่า “นี่​แหละ​เป็น​อาหาร​ที่​พระ​เจ้า​ประทาน​ให้​พวก ท่าน​รับประทาน16 นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​บัญชา​ไว้​ว่า ‘ให้​ทุก​คน​เ​ก็​บ​เท่าที่​พอ​รับประทาน​อิ่ม ให้​เ​ก็​บ​คน​ละ​โอ​เมอร์​ ตาม​จำนวน​คน​มาก​น้อย ซึ่ง​พัก​อยู่​ใน​เต็นท์​ของ​ตน’ ”17 ชน​ชาติ​อิสราเอล​ก็​กระทำ​ตาม บาง​คน​เ​ก็​บ​มาก บาง​คน​เ​ก็​บ​น้อย​18 แต่​เมื่อ​เขา​ใช้​โอ​เมอร์​ตวง คน​ที่​เ​ก็​บ​ได้​มาก​ก็​ไม่​มี​เหลือ และ​คน​ที่​เ​ก็​บ​ได้​น้อย​ก็​หา​ขาด​ไม่ ทุก​คน​เ​ก็​บ​ได้​เท่าที่​คน​หนึ่ง​รับประทาน​พอดี​

อพยพ 16:23-27 23 โมเสส​บอก​เขา​ว่า “​พระ​เจ้า​ทรง​พระ​บัญชา​ว่า ‘พรุ่งนี้​เป็น​วันหยุด​งาน เป็น​สะบาโต วัน​บริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า จะปิ้ง​อะไร​ก็​ให้​ปิ้ง จะ​ต้ม​อะไร​ก็​ให้​ต้ม​เสีย และ​ส่วน​ที่​เหลือ​ทั้งหมด​จง​เ​ก็​บ​ไว้​จนถึง​วันรุ่งขึ้น’ ” 24 เมื่อ​เขา​เ​ก็​บ​ไว้​จนถึง​วันรุ่งขึ้น ตาม​โมเสส​สั่ง อาหาร​นั้น​ก็​มิได้​บูด​เหม็น​เป็น​หนอน​เลย​25 โมเสส​จึง​บอก​ว่า “วันนี้​จง​กิน​อาหาร​นั้น เพราะ​ว่า​วันนี้​เป็น​วันสะบาโต​ของ​พระ​เจ้า วันนี้​ท่าน​จะ​ไม่​พบ​อาหาร​อย่าง​นั้น​ใน​ทุ่ง​เลย​26 จง​เ​ก็​บ​หก​วัน แต่​ใน​วันที่​เจ็ด​ซึ่ง​เป็น​สะบาโต​จะ​ไม่​มี​เลย”27 อยู่​มา​เมื่อ​วันที่​เจ็ด มี​บาง​คน​ออกไป​เ​ก็​บ แต่​ไม่ได้​พบ 28 ​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​โมเสส​ว่า “พวก​เจ้า​จะ​ขัด​ขืน​บัญญัติ​และ​กฎหมาย​ของ​เรา​นาน​สัก​เท่าไร​

พระเจ้าต้องการให้อิสราเอลเลิกที่จะกระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อจะไว้วางใจการเลี้ยงดูของพระองค์ในแต่ละวัน โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพของตนเอง พระเจ้าทรงใส่ใจต่อสุขภาพของคนอิสราเอล พระเจ้าไม่ต้องการให้คนของพระองค์ต้องเครียด พระองค์ทรงรู้ถึงสุขภาพร่างกายจิตใจของคนอิสราเอลที่ต้องการการพักที่เพียงพอ และต้องทำงานที่พอเหมาะกับร่างกาย การออกไปเก็บอาหาร (มานา) แค่โอเมอร์หนึ่ง คือตามที่กำลังที่จะสามารถแบกได้ ก็เป็นการออกกำลัง การออกไปจับนกคุ่มเวลาเย็น ก็คือการออกกำลังที่ทำได้ ไม่หนักเกินไป แถมได้สุขภาพ ไม่เครียด เช้า เย็น เป็นอะไรที่เพลิดเพลินจิตใจ ได้พัก

นี่คือที่มาของวันสะบาโต และพระเจ้าทรงอวยพรวันสะบาโต

อพยพ 20:8-11  8 “จง​ระลึก​ถึง​วันสะบาโต​ ถือ​เป็น​วัน​บริสุทธิ์9 จง​ทำ​การ​งาน​ทั้งสิ้น​ของ​เจ้า​หก​วัน​10 แต่​วันที่​เจ็ด​นั้น​เป็น​สะบาโต​ของ​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า ใน​วัน​นั้น​อย่า​กระทำ​การ​งาน​ใดๆไม่​ว่า​เจ้า​เอง หรือ​บุตร​ชาย​บุตร​หญิง​ของ​เจ้า หรือ​ทาส​ทาสี​ของ​เจ้า หรือ​สัตว์​ใช้​งาน​ของ​เจ้า หรือ​แขก​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​ประตู​เมือง​ของ​เจ้า​11 เพราะ​ใน​หก​วัน​พระ​เจ้า​ทรง​สร้าง​ฟ้า​และ​แผ่นดิน ทะเล และ​สรรพ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ที่​เหล่า​นั้น แต่​ใน​วันที่​เจ็ด​ทรง​พัก เพราะ​ฉะนั้น​พระ​เจ้า​ทรง​อวย​พระ​พร​วันสะบาโต และ​ทรง​ตั้ง​วัน​นั้น​ไว้​เป็น​วัน​บริสุทธิ์

มีคนเคยถามว่า พระเจ้ายังทำงานอยู่ไม๊  คำตอบคือ พระเจ้าทรงพัก  แล้วทำไม พระคัมภีร์ยังใช้คำว่า พระเจ้าทรงทำกิจของพระองค์อยู่  พระเจ้าไม่นอนหลับ ไม่เคลิ้มไป แต่เฝ้ามองดู รอฟังเสียงอธิษฐานจากคนของพระองค์ พระเจ้าไม่เหนื่อยหรือ  พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเป็นพระเจ้าว่า พระองค์ไม่เป็นอย่างมนุษย์ มนุษย์ต้องพัก เพราะร่างกายของมนุษย์จำกัด ต้องการอาหาร การพักผ่อน การผ่อนคลาย แต่พระเจ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของมนุษย์ พระองค์ไม่ต้องการอาหาร พระองค์ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนล้า แล้วการพักของพระเจ้าเป็นแบบไหน  การพักของพระเจ้า คือการใช้เวลาของพระองค์กับลูกของพระองค์ เหมือนพ่อที่ใช้เวลากับลูกๆ ช่วยลูกให้เติบโต ช่วยให้ลูกแข็งแรง เล่นกับลูก อยู่กับลูก

พระเยซูคริสต์เจ้าทรงสำแดงพระบิดาให้เราได้เห็นความเป็นพระเจ้า พระเยซูทรงเชิญชวนคนมากมายให้มาเรียนรู้วิธีพักอย่างพระเจ้า  ด้วยการใช้เวลากับพระองค์ แต่ยังมีภาระที่ไม่หนักที่รับผิดชอบ พระเจ้ายังคงรับผิดชอบคนของพระองค์ โดยความรับผิดชอบนั้น ไม่ใช่ภาระที่หนัก ไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นความสัมพันธ์ เป็นสิ่งที่มาจากความรัก จึงไม่เป็นภาระ แต่เบาและพอเหมาะ

มัทธิว 11:27-30 27 “​พระ​บิดา​ของ​เรา ได้​ทรง​มอบ​สิ่ง​สารพัด​ให้แก่​เรา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บุตร นอก​จาก​พระ​บิดา​และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บิดา​นอก​จาก​พระ​บุตร และ​ผู้​ที่​พระ​บุตร​ประสงค์​จะ​สำแดง​ให้​รู้​28 บรรดา​ผู้​ทำงาน​เหน็ด​เหนื่อย​และ​แบก​ภาระ​หนัก จง​มา​หา​เรา และ​เรา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย หาย​เหนื่อย​เป็น​สุข​29 จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา เพราะ​ว่า​เรา​สุภาพ​และ​ใจ​อ่อน​น้อม และ​จิตใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​พัก30 ด้วย​ว่า​แอก​ของ​เรา​ก็​พอเหมาะ และ​ภาระ​ของ​เรา​ก็​เบา”

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต ให้เป็น  อย่ามโนเอง แต่จงเรียนจากพระเยซู  บางคนคิดว่า พักนี่นะเหรอ ง่ายจะตาย เมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะพัก  ออกแบบการพักของตัวเองแบบเจ๋งๆยังได้เลย  ทำไมต้องเรียนด้วย  วันนี้ ความรู้มากมายที่มนุษย์ค้นพบ ได้บอกเราว่า การพักไม่ง่ายเลย บางคนอยากนอน นอนไม่ได้  อยากหลับลึก กลับหลับยาก  อยากเอาความเครียดออกไป ก็เอาออกไปไม่ได้  นี่คือเหตุผลที่พระเยซูทรงตรัสว่า มาหาพระองค์สิ มาเรียนจากพระองค์สิ คำถามก็คือว่า…. เรามาหาพระเยซูแล้วหรือยัง การเปลี่ยนศาสนายังไม่ใช่คำตอบ  แต่ต้องหาพระเยซูให้พบต่างหาก และเรียนจากพระองค์จริงๆ

1.สะบาโตบริสุทธิ์  มัทธิว 11:27

27 “​พระ​บิดา​ของ​เรา ได้​ทรง​มอบ​สิ่ง​สารพัด​ให้แก่​เรา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บุตร นอก​จาก​พระ​บิดา​และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บิดา​นอก​จาก​พระ​บุตร และ​ผู้​ที่​พระ​บุตร​ประสงค์​จะ​สำแดง​ให้​รู้​

คำว่า บริสุทธิ์  ภาษากรีกใช้คำว่า ฮากีออส  สำหรับพระเจ้าหมายถึงความศักดิ์สิทธิ์ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sacred  แปลว่า อยู่ใกล้แล้วตาย   สำหรับมนุษย์หมายถึงปราศจากตำหนิ  ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Pure แปลว่า ไม่ปะปน

พระเยซูตรัสในข้อนี้ ก่อนที่จะเชิญชวนคนที่เหน็ดเหนื่อยมาให้หายเหนื่อยและเป็นสุข  ทำไมพระเยซูต้องเกริ่นเรื่องการสำแดงพระบิดาก่อนเรื่องการหายเหนื่อย  เหตุผลคือ พระบิดาทรงเป็นผู้ตั้งวันสะบาโต วันพักให้เป็นวันบริสุทธิ์ (ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระเจ้า  ปราศจากตำหนิสำหรับมนุษย์) พระเยซูกำลังสื่อความหมายว่า การพักที่จะให้หายเหนื่อยจริงๆ ต้องเริ่มต้นที่ความบริสุทธิ์ของวันสะบาโต  เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกถูก เม็ดต่อไปก็จะถูกตามไปด้วย

สะบาโตบริสุทธิ์  ทำให้มองเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า  สะบาโตบริสุทธิ์ เพื่อมีเวลาชำระล้างจิตใจ เป็นเวลาแห่งการออกจากการงานที่วุ่นวายทั้งหลาย เข้าสู่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ทำไม คำว่า ศักดิ์สิทธิ์แปลว่า ใกล้แล้วตาย   เป้าหมายก็เพื่อจะให้ผู้ที่จะเข้าใกล้พระเจ้าต้องชำระใจ ชำระชีวิตของตนเองก่อนเข้าใกล้พระเจ้า

สดุดี 24:3-4 3 ผู้ใด​จะ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ของ​พระ​เจ้า และ​ผู้ใด​จะ​ยืน​อยู่​ใน​วิสุทธิสถาน​ของ​พระ​องค์ 4 คือ​ผู้​ที่​มี​มือ​สะอาด​และ​ใจ​บริสุทธิ์ ผู้​ที่​มิได้​ปลง​ใจ​ใน​สิ่ง​เท็จ และ​มิได้​สาบาน​อย่าง​หลอก​ลวง

เมื่อคนเรามาถึงการไม่ใส่ต่อสิ่งที่เป็นเท็จ ที่พระคัมภีร์ใช้อีกคำว่า ความคิดจอมปลอมและทิฐิมานะที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า (2โครินธ์10) เมื่อนั้น คือการจัดการกับตัวเองให้ปราศจากตำหนิ  Pure บริสุทธิ์ใจที่จะเข้าใกล้พระเจ้า   สะบาโตของพวกยิว จึงมักจะไปรวมตัวกันที่ธรรมศาลา เพื่อจะฟังการอ่าน การเปิดเผยความเข้าใจของพระวจนะจากพระคัมภีร์ เพื่อจะบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ เพื่อจะเข้าใกล้พระเจ้าได้  และเมื่อใกล้พระเจ้าก็คือวาระแห่งการพักผ่อนหย่อนใจก็มาถึง

กิจการ 3:19 19 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​หัน​กลับ​และ​ตั้งใจ​ใหม่ เพื่อ​พระ​เจ้า​จะ​ทรง​ลบ​ล้าง​ความ​ผิด​บาป​ของ​ท่าน​เสีย เพื่อ​วาระ​พักผ่อน​หย่อน​ใจ​จะ​ได้มา​จาก​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​

(ฉบับแปล 2011) 19 เพราะ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​กลับ​ใจ​และ​หัน​มา​หา​พระ​เจ้า เพื่อ​ที่​ว่า​ความ​ผิด​บาป​ของ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รับ​การ​ลบ​ล้าง20 เพื่อ​วาระ​แห่ง​การ​ฟื้น​ชื่น​จะ​ได้​มา​จาก​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า และ​เพื่อ​พระ​องค์​จะ​ประ​ทาน​พระ​คริสต์​ที่​ทรง​กำ​หนด​ไว้​นั้น​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​คือ​พระ​เยซู

คำว่า หันกลับ หรือ หันมาหาพระเจ้า คือการได้เข้าใกล้พระเจ้าแล้วไม่ตาย เพราะความผิดบาปได้รับการลบล้าง และนี่คือภาวะ การฟื้นชื่น หรือวาระพักผ่อนหย่อนใจที่มาจากพระพักตร์พระเจ้า  นี่คือเหตุผลที่พระเยซูจึงต้องเริ่มต้นที่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ กับมนุษย์ผู้ปราศจากตำหนิ  มาเจอกัน การหายเหนื่อยจึงเกิดขึ้น เป็นสะบาโตหายเหนื่อยที่แท้จริง

27 “​พระ​บิดา​ของ​เรา ได้​ทรง​มอบ​สิ่ง​สารพัด​ให้แก่​เรา และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บุตร นอก​จาก​พระ​บิดา​และ​ไม่​มี​ใคร​รู้จัก​พระ​บิดา​นอก​จาก​พระ​บุตร และ​ผู้​ที่​พระ​บุตร​ประสงค์​จะ​สำแดง​ให้​รู้​

พระเยซูทรงรู้จักพระบิดา และพระบิดาทรงรู้จักพระเยซู และให้พระเยซูคนกลางระหว่างพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ กับมนุษย์ผู้ที่รับการชำระให้ปราศจากตำหนิ

2.สะบาโตหายเหนื่อย มัทธิว 11:28

28 บรรดา​ผู้​ทำงาน​เหน็ด​เหนื่อย​และ​แบก​ภาระ​หนัก จง​มา​หา​เรา และ​เรา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย หาย​เหนื่อย​เป็น​สุข​

พระเยซูเชิญชวนให้คนที่เหนื่อยมาหาพระองค์ พระองค์จะให้หายเหนื่อยเป็นสุข  ใช้คำที่มีความหมายแปลว่า  รับการฟื้นชื่น Refresh  เป็นที่มาจากรากศัพท์ภาษากรีกคำเดียวกันกับที่กิจการ 3:19 ใช้

กิจการ 3:19 19 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​หัน​กลับ​และ​ตั้งใจ​ใหม่ เพื่อ​พระ​เจ้า​จะ​ทรง​ลบ​ล้าง​ความ​ผิด​บาป​ของ​ท่าน​เสีย เพื่อ​วาระ​พักผ่อน​หย่อน​ใจ​จะ​ได้มา​จาก​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​

สะบาโตหายเหนื่อย เป็นการหายเหนื่อยของจิตใจและจิตวิญญาณ  มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เหนื่อยกายเดี๋ยวก็หาย แต่เหนื่อยใจ ยากที่จะหาย เพราะฉะนั้น สะบาโตจริงๆต้องหายเหนื่อยทางจิตใจและจิตวิญญาณ ซึ่งพระเยซูกำลังเชิญชวนให้คนมากมาย โดยเฉพาะคนของพระเจ้า อย่าใกล้เกลือกินด่าง  คนของพระเจ้าต้องเชี่ยวชาญชำนาญในการหายเหนื่อยทางจิตใจและจิตวิญญาณ (ได้อย่างรวดเร็วด้วย)  ซึ่งเกิดเองไม่ได้ ต้องเรียนรู้

3.สะบาโตเรียนรู้ มัทธิว 11:29-30

​29 จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา เพราะ​ว่า​เรา​สุภาพ​และ​ใจ​อ่อน​น้อม และ​จิตใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​พัก30 ด้วย​ว่า​แอก​ของ​เรา​ก็​พอเหมาะ และ​ภาระ​ของ​เรา​ก็​เบา”

เพราะฉะนั้น สะบาโตคือการหยุดพักเพื่อจะเรียนรู้  เป็นสะบาโตเรียนรู้   ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งมีพลังสะสม ไม่ใช่หยุดพักเพื่อใช้พลังให้หมดไป สะบาโตเรียนรู้คือการสะสมพลัง หรือที่เราเรียกว่า ชาร์ทแบตนั่นเอง  สังเกตวิถีการดำเนินชีวิตของพระเยซู พระองค์ทรงทำพันธกิจบริการเยอะมาก ยุ่งมาก พระองค์เหน็ดเหนื่อย จนพระคัมภีร์บางตอนบันทึกว่า พระเยซูทรงนอนหลับบนเรือที่มีพายุโหมกระหน่ำ รุนแรง แต่พระเยซูไม่ตื่น สาวกต้องมาปลุกพระองค์ เมื่อพระองค์ตื่นขึ้นมา พระองค์ไม่ตกใจกับพายุ แต่ทรงห้ามพายุให้นิ่งสงบลง และพายุก็เชื่อฟัง

ลูกา 8:24-24 24 เขา​จึง​มา​ปลุก​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์​เจ้า​ข้า อาจารย์​เจ้า​ข้า ข้าพเจ้า​กำลัง​จะ​จม​อยู่​แล้ว” ​พระ​องค์​จึง​ทรง​ตื่น​ขึ้น​ห้าม​ลม​และ​คลื่น แล้ว​คลื่น​ลม​ก็​หยุด​เงียบ​สงบ​ทีเดียว​ 25 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน” เขา​เหล่า​นั้น​กลัว​และ​ประหลาด​ใจ​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้ใด​จึง​สั่ง​บังคับ​ลม​และ​น้ำ​ได้ ลม​กับ​น้ำ​นั้น​ก็​เชื่อ​ฟัง​ท่าน”

เรียนจากพระเยซู พระองค์ทรงสุภาพ และใจอ่อนน้อม พระองค์ห้ามพายุด้วยความสุภาพและด้วยใจที่อ่อนน้อม

มัทธิว 11:29 29 จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา เพราะว่า​เรา​สุภาพ​อ่อน​โยน​และ​ใจ​อ่อน​น้อม และ​จิต​ใจ​ของ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​หยุด​พัก

แล้วเราจะสามารถรับงานหนักได้โดยไม่รู้สึกว่ามันหนัก เหมือนนักยกน้ำหนักที่ยกได้มากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อแข็งแรง เช่นเดียวกัน ถ้าใจของเราแข็งแรง เราจะรับแรงกดดันได้มากขึ้น ทำงานยากยังไงก็ไม่เครียด แต่เราจะสนุกกับงานจริงๆ งานไม่ใช่ปัญหา แต่ ปัญอาจเป็นงาน เป็นภารกิจหนึ่งของชีวิตที่ต้องผ่าน ผ่านได้ ก็หายเหนื่อย  ขอพระเจ้าอวยพรสะบาโตของพี่น้องทุกคน  อาเมน

“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…สะบาโต”

1.สะบาโตบริสุทธิ์ 

2.สะบาโตหายเหนื่อย

3.สะบาโตเรียนรู้

By admin