“เป็นหนึ่งเดียวกัน”
คำเทศนาวันนี้ เป็นคำนำของหัวข้อประจำปีของคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 “เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์” พระเจ้าทรงยืนยันกับข้าพเจ้าว่า เรากำลังมุ่งหน้าไปอย่างถูกทิศทาง จากหัวข้อปีที่แล้ว “การเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์” หัวข้อปีนี้ มีความต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และมาจากพระเจ้า
เมื่อวันก่อน ข้าพเจ้าไปที่ใจสมานซอยหก (อดีตคริสตจักรแม่ของเรา) ไม่น่าเชื่อว่าหัวข้อของปีนี้ ของที่นั่น เหมือนกับเรา และข้อพระคัมภีร์ก็อันเดียวกัน พระเจ้าทรงยืนยันกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยากจะยืนยันกับพี่น้อง ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่บังเอิญ ไม่ได้รู้กันมาก่อน แต่ละคริสตจักร ก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง แต่สิ่งที่ไม่แตกต่างกัน ก็คือ เรามีพระเจ้าองค์เดียวกัน มีพระวิญญาณองค์เดียว และมีบัพติศมาเดียว มีพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของเราแต่ผู้เดียว เราเป็นคริสตจักรท้องถิ่นเหมือนกัน และเป็นส่วนหนึ่งในคริสตจักรสากลเดียวกันกับคริสตจักรทั่วโลก
อะไรคือสิ่งบ่งชี้ว่า เป็นหนึ่งเดียวกัน ยูนิฟอร์ม? สีเดียวกัน? อยู่กลุ่มเดียวกัน? กินข้าวโต๊ะเดียวกัน? อยู่บ้านเดียวกัน? อยู่โรงเรียนเดียวกัน? อยู่ที่ทำงานเดียวกัน? หรืออยู่คริสตจักรเดียวกัน?
แต่เราได้ค้นพบว่า…..
- อุปกรณ์ที่ทำให้ดูเหมือนอยู่ในฟอร์มเดียวกัน แต่ก็ยังมีฟอร์มต่อกันและกัน ฟอร์ม คือ อะไรบางอย่างที่บอกว่า อย่าเข้ามานะ
- การจับกลุ่มกันที่ให้ดูเหมือนชอบอะไรที่คล้ายกัน ก็ยังมีความแตกต่างกันในความชอบ ความชอบคืออะไรที่เราแบ่งแยกตัวเองจากคนที่ไม่ชอบ
- การกินข้าวโต๊ะเดียวกัน ที่เรามักสงวนไว้ให้กับคนที่ถูกคอยอมรับ ถึงกับมีเก้าอี้ประจำ นั่งตัวไหน ต้องนั่งตัวนั้น ก็ยังมีเส้นแบ่ง ว่าอย่ามายุ่ง…..
- อยู่บ้านเดียวกัน อันนี้ น่าจะใช่เลย แต่เราก็รู้ว่า ยิ่งห่างไกลจากการเป็นหนึ่งเดียวกันเหลือเกิน
- โรงเรียน ที่ทำงานละ ยิ่งบ่งบอกว่า วันหนึ่งก็จะต้องลาจากกัน
- แล้วคริสตจักร?…. คริสตจักรมีเยอะแยะให้เลือก จะไปคริสตจักรไหนก็ได้ (อย่างที่เราเห็นคริสเตียนไม่น้อยทำกันเป็นเรื่องปกติ) การกระทำอย่างนั้น ใช่หรือ….
ความเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไม เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน จำเป็นด้วยหรือ? ต่างคนต่างอยู่กันก็ได้ ใช่ไม๊?
บางคนถึงกับมีคำพูดว่า ต่างคนต่างอยู่ก็ดีนะ ทำให้ไม่เกิดปัญหาระหว่างกัน ยิ่งอยู่ใกล้กัน ยิ่งมีปัญหา แต่….เรารู้หรือไม่ว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นอย่างไรในเรื่องนี้ และพระองค์ให้ความสำคัญกับเรื่อง การเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างไร
มัทธิว 12:30 30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป
(ฉบับแปล 2011) ใครไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อต้านเรา และใครไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็ทำให้กระจัดกระจาย
พระเยซูได้พูดประโยคนี้ เกี่ยวกับเรื่อง “ครัวเรือนที่แตกแยกกัน ก็จะตั้งอยู่ไม่ได้”
เหตุการณ์ที่ทำให้พระเยซูต้องพูดประโยคนี้ เพราะพวกฟาริสี เห็นพระเยซูขับผีออกจากคน พวกฟาริสีจึงพูดว่า พระเยซูใช้อำนาจผี (เบเอลเซบูล) มาขับผีออก และยังให้ร้ายพระเยซูว่า พระองค์เป็นนายผี
มัทธิว 12:24 24 แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า “ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น”
พระเยซูจึงตอบโต้พวกฟาริสีว่า ถ้าหัวหน้าผี ไล่ผีออกเอง ก็แสดงว่า พวกผีมีมีความแตกแยกกัน ซึ่งไม่ Make sense เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่า
มัทธิว 12:25-26 25 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสกับเขาว่า “ราชอาณาจักรใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้วก็คงพินาศ เมืองใดๆ ครัวเรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้ว จะตั้งอยู่ไม่ได้:26 และถ้าซาตานขับซาตานออกมันก็แตกแยกกันในตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้
อ.โอซาว่า เคยยกตัวอย่างว่า ในประเทศญี่ปุ่น มีแก๊งค์มาเฟียอยู่หลายกลุ่มที่เรียกว่า ยากูซ่า มักจะออกไปข่มขู่พวกร้านค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่ที่มันดูแล และมักจะใช้วิธีนี้ คือ จะมีกลุ่มที่คุกคาม สร้างความไม่สงบ ส่วนอีกกลุ่มก็จะมาเรียกค่าคุ้มครอง ถ้ายอมจ่าย ก็จะจัดการกับพวกที่คุกคามสร้างความไม่สงบ สรุปก็คือ พวกก่อกวน คุกคาม กับพวกคุ้มครอง คือพวกเดียวกัน
มัทธิว 12:30 30ใครไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อต้านเรา และใครไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็ทำให้กระจัดกระจาย (2011)
พระเยซูได้ตรัสถึง การแบ่งแยกกัน มีเพียงแค่สองอาณาจักรเท่านั้น คืออาณาจักรของพระเจ้ากับ อาณาจักรของมารซาตาน ที่พระเยซูทรงใช้เรียกว่า ผู้มีกำลัง กับผู้มีกำลังมากกว่า
มัทธิว 12:28-29 28 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว29 หรือใครจะเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมาก และปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้
พระเจ้ากับมารซาตาน ไม่มีวันที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันได้
มีคริสเตียนบางคนเข้าใจผิด และพูดว่า ทำไมเราไม่ประกาศกับมารให้มารกลับใจ ความจริง คือมารไม่มีวันกลับใจ มารจะไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพระเจ้า การประกาศมีไว้ให้คนกลับใจมาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพระเจ้า การประกาศไม่ได้มีไว้ประกาศกับมาร (และขอย้ำว่า มารไม่มีวันเป็นคน และคนไม่มีวันเป็นมาร) คนมีโอกาสกลับใจ แต่มารไม่มีทาง เพราะมารมีชื่อเรียกที่เป็นตราประจำตัวของมาร แปลว่า ผู้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า มารผู้เดียวเท่านั้น ที่เป็นปฏิปักษ์ กับพระเจ้า
มัทธิว 12:30 30 ใครไม่อยู่ฝ่ายเราก็ต่อต้านเรา และใครไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็ทำให้กระจัดกระจาย
คนอาจจะอยู่ฝ่ายมาร แต่คนก็ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนจากการอยู่ฝ่ายมารมาอยู่ฝ่ายพระเจ้าได้ แต่คนไม่ใช่มาร…..
ดังนั้น คนที่ต่อต้านพระเจ้า คนที่ไม่อยู่ฝ่ายพระเจ้า ไม่ได้อยู่กับพระเจ้า ก็เป็นเพียงแค่อยู่กันคนละอาณาจักร คนๆนั้น ก็ยังมีโอกาสที่จะมาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพระเจ้าได้ คริสเตียนเอง ก็ยังอาจกลับไปกลับมา ขึ้นๆลงๆ บางวันเฉียดนรก บางวันเฉียดสวรรค์ มานั่งอยูในโบสถ์ ร้องเพลงนมัสการพรพระเจ้า ไม่รู้ว่า เดี๋ยวออกจากโบสถ์ไป จะอยู่ฝ่ายไหน นั่นคือ คริสเตียนที่ยังไม่มั่นคงในทางของตน แต่ก็ยังมีความหวังในคริสเตียนคนนั้น พอๆกับความหวังในคนที่ไม่เป็นคริสเตียน ไม่มีใครที่จะกลายเป็นมารเลย (แต่มารทำงานของมันเพื่อจะเหมาๆว่า คือพวกของมัน ) มารไม่สามารถทำลาย DNA ที่พระเจ้าใส่ไว้ในมนุษย์ได้ นั่นคือ มนุษย์ทุกคนถูกสร้างมาโดยพระเจ้า พระองค์ทรงระบายลมปราณของพระเองค์ไว้ในพระมนุษย์ และทรงสวมพระฉายาเอาไว้ให้กับมนุษย์ ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า แต่เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาป มนุษย์แค่เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
โรม 3:22-24 22 คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้ารม. 24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว
เพราะว่า คนทั้งหลายไม่ต่างกัน นั่นคือ ทำบาป และแค่เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า….
มนุษย์ทุกคนมีโอกาส กลับคืนดีกับพระเจ้า คำว่า เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า คือการแค่แยกจากพระเจ้าชั่วคราว พระเจ้าจึงให้มนุษย์มีโอกาส กลับคืนสู่ความชอบธรรม โดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอีกครั้ง คริสตจักรคือเป้าหมายสำคัญของพระเจ้าในเรื่องการกลับเป็นหนึ่งเดียกันกับพระเจ้า โดยคริสตจักรจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ ในขณะที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า
การเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตจักรคือตัวบ่งชี้ที่แท้จริง ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า สองอันนี้ จะแยกขาดจากกันไม่ได้ เราจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าไม่ได้ โดยการแยกขาดจากพระกายของพระคริสต์ ไม่มีคริสตจักรที่โดดเดี่ยว ไม่มีคริสเตียนที่แยกตัว และอย่าทำให้คริสเตียนต้องโดดเดี่ยว (Lonely) อาจมีคริสเตียนที่รักสันโดษ คือการใช้เวลากับพระเจ้า Time alone with God ที่เราเรียกว่าเฝ้าเดี่ยว
คริสเตียนที่เฝ้าเดี่ยว ไม่ใช่การแยกตัวเองจากคนรอบข้างอย่างสิ้นเชิง การใช้เวลากับพระเจ้า Time alone with God คือการรับกำลัง ความรักที่เราจะนำกำลังและความรักออกไปใช้กับคน ไม่ใช่เก็บไว้
ทะเลตาย Death sea คือทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชิวิตใดๆสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ทะเลตาย คือทะเลที่รับอย่างเดียว ไม่มีช่องทางที่จะระบายออก กาลเวลาผ่านไป น้ำในทะเลตายลดระดับลง และมีการประเมินว่า อีกไม่นาน ทะเลตายนี้ จะแห้งไป ไม่มีน้ำอีกต่อไป
การเป็นหนึ่งเดียวกัน คือการใช้ชีวิตทั้งรับและให้ การรับและให้ คือรูปธรรมของการแสดงออกถึงความรัก ที่พระเยซูได้ใช้คำว่า รักกันและกัน
ยอห์น 13:34-35 34 เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น35 ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา”
ความรักกันและกันของคริสตจักร คือตัวบ่งชี้ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
พระคัมภีร์โครินธ์ได้เปรียบเทียบการอยู่ด้วยกันของคริสตจักร (คริสเตียน) เหมือนกับอวัยวะต่างๆของร่างกาย นั่นแสดงว่า คริสตจักร ไม่สามารถต่างคนต่างอยู่ได้เลย ถ้าคริสตจักรต่างคนต่างอยู่ นั่นหมายความว่า คริสตจักรพิการ หรือตาย คริสตจักรไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้
เอเฟซัส 4:16 16 คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆ ข้อต่อที่ทรงประทาน ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว
16 คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกัน….
ไม่ง่ายเลยที่จะต่อกัน ประสานกัน พระคัมภีร์ตอนนี้ใช้คำว่าที่ยากกว่านั้น คือคำว่า สนิท เป้าหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกัน คือสนิท ไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะแค่ผิวเผิน น่าสนใจว่า การต่อกันสนิท ของอวัยวะก็ขึ้นอยู่กับว่า อวัยวะไหนใกล้กัน ที่ห่างไกลกัน ก็ยังเชื่อมต่อประสานกัน ตากับเท้า ห่างกัน แต่ก็ยังเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็นมนุษย์ต่างดาว ไม่รู้จักกันไม่ได้ ถ้าเป็น แสดงว่า ป่วย
มือต่างดาว ไม่รับคำสั่งสมอง เรียกว่ามือแอเลี่ยน (ฝรั่งเข้าใจตั้งชื่อให้กับอาการป่วยนี้ เพื่อบอกว่า ถ้ามือไม่รับคำสั่งจากสมอง กลายเป็นต่างดาวไปเลย) เป็นอาการป่วย ที่ต้องรักษา
เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้คริสเตียน( คริสตจักร) เป็นหนึ่งเดียวกัน หมือนคนๆเดียวกัน และปีนี้ โจทย์ใหญ่ของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกัน ก็คือ เป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนคนๆเดียวกัน ให้เราสำรวจชีวิตของเรานับจากวันนี้ว่า เราเป็นใคร เราเป็นส่วนไหนของคริสตจักร ไม่ต้องไปสำรวจคนอื่น สำรวจตัวเองก่อน และทำบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วเราจะมองเห็นคนอื่นๆว่า เขาเป็นใคร กำลังทำอะไร ในคริสตจักรแห่งนี้
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสัญญาณที่ดีที่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา ข้อพระคัมภีร์ฟิลิปปีที่เป็นที่มาของหัวข้อประจำปีคริสตจักร เน้นย้ำว่า การเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา คือวิถีชีวิตที่เราต้องใส่ใจ เพื่อให้สมกับข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ เรื่องการคืนดีกัน กับพระเจ้า และกับคนทุกคน
ฟิลิปปี 1:27 27 ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า ท่านเชื่อมั่นคง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น
ยาวไป เอาสั้นๆ ก็จะได้ใจความว่า
…ดำเนินชีวิต…ให้สมกับข่าวประเสริฐ…เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว สู้เหมือนคนเดียว…เพื่อความเชื่อมั่นในข่าวประเสริฐ
ยาวไป เอาให้สั้นกว่านี้
…เป็นหนึ่งใจเดียวกัน….
“เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์”